เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ อันตรายไหม

ใช้โลชั่นได้ค่ะโลชั่นทาผิว ขอแนะนำอีกหน่อยนะคะ คุณแม่ต้องพยามจับพิกัด หรือหาตำแหน่งหัวใจน้องให้ใกล้ที่สุดค่ะ คลื่นเสียงจะได้ชัดเจนและคงที่ ถ้า170 แล้วหายไป เราว่าไม่น่าจะตรงจุดนะคะ หัวใจเด็กปกติ120-160 ลองปรับแล้วหาใหม่ค่ะ ตำแหน่งจะยังไม่เคลื่อนที่ค่ะ จะอยู่แถวช่วงเดิมๆของท้อง จนกว่าน้องจะกลับหัวค่ะ ถ้าน้องกลับหัวตำแหน่งจะย้ายมาอยุ่อีกฝั่ง (นี่คือประสบการณ์ของเราค่ะ )

อ่านเพิ่มเติม

ในช่วงที่คุณแม่ท้อง เป็นหน้าที่ของแม่ท้องทุกคนที่จะใช้ภูมิคุ้มกันของแม่ มาช่วยป้องกันอันตรายให้ลูกในท้อง รวมถึงใช้ร่างกายตัวเองในการเลี้ยงให้ลูกในท้องเจริญเติบโตภายในท้องเป็นเวลา 9 เดือนเต็ม จนกว่าลูกในท้องจะแข็งแรงพอที่จะลืมตาออกมาสู่โลกภายนอก

แต่ในช่วงที่ลูกยังอยู่ในท้อง เราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง กำลังเกิดอะไรขึ้นภายในท้องบ้าง ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องกำลังตกอยู่ในอันตราย สัญญาณ อันตรายระหว่างตั้งครรภ์ แบบไหนบ้างที่ต้องรีบไปหาหมอ

ในช่วงสัปดาห์ที่ 16-20 ของการตั้งครรภ์ แม่ท้องจะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นกันแล้ว โดยการดิ้นของน้องทำให้ทราบถึงสุขภาพของลูกในท้อง ดังนั้นหากลูกในท้องดิ้นน้อยลง ไม่ดิ้น หรือมีลักษณะการดิ้นที่ผิดปกติ แม่ท้องควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

อีกวิธีหนึงคือคุณแม่ท้องสามารถฟังเสียงหัวใจของลูกเต้น ที่บ้าน (โดยเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกแบบพกพา) ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 14 ของการตั้งครรภ์  ทั้งนี้อัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์จะอยู่ระหว่าง 110-160 ครั้งต่อนาที และจะค่อยๆลดลงเหลือ 130 ครั้งต่อนาทีเมื่อใกล้จะคลอด

ทั้งนี้ เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก ในครรภ์ ยี่ห้อ Jumper ได้รับรองมาตรฐานจากทางยุโรปและอเมริกา และไม่มีอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์  ทั้งนี้รุ่นยอดนิยมมีดังนี้ซ

1.รุ่นพื้นฐาน JPD-100S ซึ่งเป็นรุ่นราคาย่อมเยา สามารถฟังเสียงหัวใจน้องผ่านหูฟัง

เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ อันตรายไหม


2.รุ่นดิจิตอล JPD-100S6 สามารถฟังเสียงหัวใจน้องผ่านลำโพงได้โดยตรง ไม่ต้องใส่หูฟัง และยังสามารถ แสดงอัตราการเต้นหัวใจของน้องต่อนาที ผ่านทางหน้าจอสีได้อีกด้วย

เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ อันตรายไหม


3.รุ่นดิจิตอล รุ่นล่าสุด JPD-100E สามารถฟังเสียงหัวใจน้องผ่านลำโพงได้โดยตรง ไม่ต้องใส่หูฟัง และยังสามารถ แสดงอัตราการเต้นหัวใจของน้องต่อนาที ผ่านทางหน้าจอสีได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่ารุ่นเดิม และเป็นลิเธี่ยมแบตเตอรี่ สามารถชาร์ทได้ในตัว เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ JPD 100E

เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ อันตรายไหม

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ท้องควรไปพบหมอตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้คุณหมอตรวจสุขภาพของลูกในท้องอยู่เป็นประจำกันนะครับ 

#ท้องอ่อน #ท้อง 3 เดือน #ตั้งครรภ์ #เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ #ลูกในท้อง #เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก #ลูกไม่ดิ้น

👶คุณแม่บางท่าน อาจจะรับรู้การดิ้นของลูกน้อยได้ค่อนข้างน้อย ก็รู้สึกมีความกังวลใจ กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า หรือบางท่านกลัวว่ามีปัญหา รกพันคอลูกน้อย ก็สามารถที่จะใช้ การฟังเสียงการเต้นหัวใจของน้อง ซึ่งปกติจะอยู่ระหว่างช่วง 110 ถึง 160 ครั้งต่อนาที เป็นตัวช่วย เพื่อยืนยันว่าลูกน้อยยังปกติ แข็งแรงและสมบูรณ์หรือไม่

💝แต่ทั้งนี้ เครื่องฟังเสียงหัวใจเด็ก ทารกในครรภ์ ก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง ที่ใช้ในการฟังเสียงหัวใจของลูกน้อย คุณแม่ก็ยังคงต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจครรภ์ตามปกตินะครับ
.
.
.

💓 ว่าแต่ว่า‼ วันนี้คุณแม่ ฟังเสียงหัวใจของลูกน้อย หรือยังครับ 💓

credit ภาพ Pixabay

สนใจเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ สามารถดูสินค้าหน้าแรกหรือ
https://www.facebook.com/WelcomeBackShop

เด็กทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 110-160 ครั้ง/นาที แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะในมดลูก หากการเต้นของหัวใจไม่อยู่ช่วงเวลาที่กำหนด แสดงว่าทารกอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอหรือมีปัญหาอื่น ๆ เช่น มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งสามารถใช้เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกวัดอัตราการเต้นของหัวใจประมาณสัปดาห์ที่ 18-20 ของการตั้งครรภ์ แต่หากต้องการฟังการเต้นของหัวใจทารกเร็วขึ้น อาจต้องใช้วิธีอัลตราซาวด์ ประมาณสัปดาห์ที่ 10-12 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งต้องอยู่ในการดูแลของคุณหมอ

ประเภทของ เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก

  • หูฟัง (Stethoscope) เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ทั่วไปที่ใช้ขยายเสียงภายใน โดยเฉพาะปอดและหัวใจ ลักษณะเป็นหูฟัง 2 ข้าง มีท่อยางต่อจากปากแตรใช้วางบนหน้าอกหรือหน้าท้องเพื่อฟังเสียง สามารถใช้ฟังเสียงหัวใจเต้นของทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 18-20 ทั้งนี้ อาจขึ้นอยู่กับตำแหน่งของทารก และตำแหน่งของรกด้วย
  • พินาร์ด ฮอร์น (Pinard Horn) เป็นเครื่องมือแบบเก่าที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ทำจากไม้หรือโลหะ รูปทรงคล้ายทรัมเป็ต สามารถใช้ฟังเสียงหัวใจเต้นของทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 18-20 เครื่องมือนี้จะส่งสัญญาณเสียงจากหัวใจของทารกในครรภ์ไปที่หูของผู้ฟัง ช่วยให้สามารถประเมินอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์เป็นระยะ และส่วนใหญ่จะใช้ในระหว่างการคลอด เพื่อตรวจหาภาวะหัวใจล้มเหลวของทารกในครรภ์
  • เฟโตสโคป (Fetoscope) เป็นเครื่องมือที่ผสมผสานระหว่างหูฟังกับพินาร์ด ฮอร์น ทำจากโลหะและพลาสติก เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ทักษะแยกแยะเสียง มี 2 แบบ คือ แบบหูฟังและแบบส่งลวดผ่านเข้าไปในมดลูก เพื่อยึดติดกับศีรษะของทารกและเชื่อมต่อกับจอภาพเพื่อฟังเสียงหัวใจ คุณหมอมักใช้ฟังเสียงหัวใจเต้นของทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 12
  • ดอปเปลอร์ (Doppler) สามารถใช้ฟังเสียงหัวใจเต้นของทารกในครรภ์ประมาณสัปดาห์ที่ 13-28 เป็นอัลตราซาวน์ประเภทหนึ่งชนิดอุปกรณ์พกพา โดยใช้คลื่นเสียงตรวจการเต้นของหัวใจของทารกเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์และแปลเป็นเสียง
  • การตรวจสอบการเต้นหัวใจทารกในครรภ์จากอัลตราซาวด์ (ultrasonography) เป็นวิธีตรวจสอบการเต้นของหัวใจโดยคุณหมอ แบบอัลตราซาวนด์แสดงผลผ่านจอภาพ เพื่อดูความสมบูรณ์แข็งแรงและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยจะมีฟังก์ชัน M mode ที่สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจ อีกทั้งคุณหมอสามารถประเมินลักษณะหัวใจที่ผิดปกติของทารกได้จากการทำอัลตราซาวด์ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คุณแม่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือทารกเจริญเติบโตผิดปกติ

วิธีใช้ เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก

เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกชนิดหูฟัง พินาร์ด ฮอร์น คุณแม่สามารถใช้ฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ได้ที่บ้าน ไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกายภาพ เครื่องมือเป็นแบบหูฟังจึงใช้งานง่าย ด้วยวิธีดังนี้