ก่อนสมัยสุโขทัย ์ วัฒนธรรมสมัยก่อนสุโขทัย
สมัยสุโขทัย สภาพสังคมไทยก่อนสมัยสุโขทัยและสมัยสุโขทัยเป็นสังคมแบบครอบครัวและเครือญาติ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย โดยมีลักษณะรวมกลุ่มเพื่อช่วยตัวเองในหมู่เครือญาติและอยู่กันเหมือนครอบครัวใหญ่ส่วนลักษณะสังคมและการปกครองเป็นแบบพ่อบ้านและลูกบ้าน หรือพ่อขุนกับลูกขุน ขนาดชุมชนเป็นเพียงหมู่บ้านแล้วพัฒนาเป็นเมืองขยายเป็นแคว้นในที่สุด เช่น แคว้นสุโขทัย ละโว้ หริภุญชัย เชียงแสน เชียงใหม่สถานะของคนไทยในสังคมไม่มีการแบ่งชนชั้น แต่ในปลายสมัยสุโขทัยตรงกับกษัตริย์พญาลิไทเริ่มมีการแบ่งชนชั้นสูงและชนชั้นล่าง หรือชุมชนผู้ปกครองกับชนชั้นใต้ปกครอง ทำให้สังคมการปกครองแบบพ่อปกครองลูกเสื่อมลงกลายเป็นระบบนายกับบ่าว และหัวหน้าสังคมในฐานะพ่อบ้านเริ่มพัฒนาไปเป็นพระมหากษัตริย์ วัฒนธรรมไทยในช่วงนี้จะผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเดิมและวัฒนธรรมของมอญ อินเดียและจีน ได้แก่
สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมนิยมสร้างเจดีย์ 3 แบบ คือ เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เจดีย์ทรงลังกา เจดีย์ทรงเรือธาตุ ประติมากรรม ประติมากรรม ได้แก่ การสร้างพระพุทธรูปสำริด มีพุทธลักษณะงดงามมาก พระพักตร์เป็นรูปไข่ พระวรกายอวบอ้วน พระนาสิกโด่ง รัศมีเป็นเปลวเพลิง นิยมสร้างปางลีลา มารวิชัย พระพุทธรูปสำคัญสมัยนี้คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศากยะมุนี การทำเครื่องเคลือบ " สังคโลก" วรรณกรรม วรรณกรรม ที่สำคัญคือ ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 และหลักที่ 2 และหนังสือไตรภูมิพระร่วง สมัยอยุธยา สังคมไทยสมัยอยุธยา สภาพสังคมเป็นสังคมศักดินา เนื่องจากความต้องการกำลังคนหรือแรงงานเพราะแรงงานมีความสำคัญต่อความมั่นคงของอาณาจักร รัฐจึงต้องมีกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมเพื่อควบคุมแรงงานและกำลังคน อันเป็นผลให้เกิดสังคมศักดินาซึ่งเข้มแข็งมากในสมัยอยุธยา สังคมศักดินาหมายถึงระบบสังคมที่มีการแบ่งชนชั้น ซึ่งกำหนดสิทธิหน้าที่และฐานะของแต่ละบุคคลในสังคม จุดประสงค์ก็เพื่อควบคุมกำลังคนและแบ่งฐานะของบุคคลเป็นสำคัญ ผู้ควบคุมกำลังคนสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์ รองลงมาได้แก่ ขุนนาง (ข้าราชการ) และผู้ถูกควบคุมคือ สามัญชนหรือไพร่ ระบบศักดินาได้รับการจัดระเบียบในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ โดยมีการตราพระราชกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับศักดินาขึ้นใน พ.ศ. 1998 เรียกว่า “พระไอยการตำแหน่งนายพลและนายทหารหัวเมือง“ สังคมไทยในอดีตมีการจัดระเบียบของคนในสังคมออกเป็น 2 ชนชั้นใหญ่ๆ คือ ชนชั้นปกครองและชนชั้นใต้ปกครอง โดยมีศักดินาเป็นตัวกำหนดหน้าที่ในแต่ละชนชั้น วัฒนธรรมอยุธยา ศูนย์กลางอยู่ที่อยุธยา ราชบุรี และเพชรบุรี ลักษณะศิลปะแบ่งได้ดังนี้ - สถาปัตยกรรม - ประติมากรรม - จิตรกรรม - นาฏศิลป์ - วรรณกรรม - ชนชั้นปกครอง - ชนชั้นใต้ปกครอง สมัยกรุงธนบุรี ในสมัยกรุงธนบุรีได้รับการสืบทอดจากสมัยอยุธยา ลักษณะศิลปวัฒนธรรมยังไม่มีสิ่งใดโดดเด่น เพราะบ้านเมืองยังไม่มั่นคงนักประกอบกับกรุงธนบุรีเป็นราชธานีเพียงไม่กี่ปีก็เปลี่ยนเป็นกรุงรัตนโกสินทร์ สภาพสังคมเป็นสังคมศักดินา เนื่องจากความต้องการกำลังคนหรือแรงงานเพราะแรงงานมีความสำคัญต่อความมั่นคงของอาณาจักร รัฐจึงต้องมีกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคมเพื่อควบคุมแรงงานและกำลังคน อันเป็นผลให้เกิดสังคมศักดินาซึ่งเข้มแข็งมากในสมัยอยุธยา สังคมศักดินา หมายถึง ระบบสังคมที่มีการแบ่งชนชั้น ซึ่งกำหนดสิทธิหน้าที่และฐานะของแต่ละบุคคลในสังคม จุดประสงค์ก็เพื่อควบคุมกำลังคนและแบ่งฐานะของบุคคลเป็นสำคัญ ผู้ควบคุมกำลังคนสูงสุดคือ พระมหากษัตริย์ รองลงมาได้แก่ ขุนนาง (ข้าราชการ) และผู้ถูกควบคุมคือ สามัญชนหรือไพร่ ระบบศักดินาได้รับการจัดระเบียบในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ โดยมีการตราพระราชกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับศักดินาขึ้นใน พ.ศ. 1998 เรียกว่า “พระไอยการตำแหน่งนายพลเรือนและนายทหารหัวเมือง” - ชนชั้นปกครอง - ชนชั้นใต้ปกครอง สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ลักษณะของศิลปวัฒนธรรมได้รับอิทธิพลของศิลปวัฒนธรรมสุโขทัยและอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่๓ มีศิลปะจีนเข้ามาในด้านสถาปัตยกรรมงานสำคัญของสถาปัตยกรรมคือ วัด วัดที่สำคัญมีดังนี้ รัชกาลที่๑ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม รัชกาลที่๒ บูรณวัดอรุณราชวราราม และสร้างองค์พระปรางค์วัดอรุณขึ้นมา รัชกาลที่๓ บูรณะวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามและให้เป็นแหล่งสะสมวิชาความรู้จนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เจดีย์เป็นแบบทรงระฆัง เช่น เจดีย์ในวัดพระแก้วแบบย่อมุมไม้สิบสอง เช่น หมู่มหาเจดีย์ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
|