แม้ว่าภายนอกจะคงคล้ายกับ Toyota Corolla Hatchback เดิม ก็ได้มีการขยายด้านหน้าออก 60 มม. และด้านหลัง 85 มม. เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้คมขึ้น Show สารบัญ Show
มาพร้อมกับด้านหน้าคล้าย GR Yaris สีดำเงาขนาดใหญ่ ไฟหน้าเรียวบาง ด้านท้านมีท่อ 3 ใบ ใส่สปอยเลอร์ แปะตรา GR พร้อมกับเพิ่มหลังคาคาร์บอนแท้, กระโปรงหน้าเจาะระบายอากาศ, เบาะหนัง, หัวเกียร์หุ้มหนัง และสปอยเลอร์ท้าย ขับสนุกแต่ใช้งานได้จริงถึง Toyota GR Corolla จะถูกออกแบบมาให้เป็นรถสปอร์ต แต่ภายในก็ยังสามารถใช้ขับขี่ได้ทุกวัน ด้วยคันเกียร์ short-stroke เพื่อลดอัตราทดเกียร์ มีการวางไว้ให้ใช้งานง่าย และยังใช้เบรกมือแบบดึงเพื่อให้สามารถควบคุมรถได้ตามต้องการ รวมถึงใช้ในการดริฟท์ มาพร้อมหน้าปัด TFT สำหรับรุ่น GR เท่านั้น และจอความบันเทิงกลาง เครื่อง 3 สูบเครื่องยนต์ใช้เป็นรหัส G16E-GTS เบนซิน 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 300 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตรที่ 3,000-5,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ iMT อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.เคลมไว้ 5.5 วินาที มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR AWD System พร้อม Limited Slip Differential กระจายกำลังหน้า-หลัง ตามอัตราส่วนดังนี้
ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง, หลัง Double Wishbone type Multilink ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมล้ออัลลอย Matte Black 18 นิ้ว ยาง Michelin Pilot Sport 4S ขนาด 235/40R18 GR Corolla จะแตกต่างจากคู่แข่งร่วมชาติอย่าง Honda Civic Type R (ฮอนด้า ซีวิค ไทฟ์ อาร์) ที่เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ตรงที่เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นและสามารถเลือกส่งกำลังไปยังล้อหลังได้ถึง 70% มาพร้อมกับเฟืองท้าย Torsen LSD ทั้งหน้าและหลัง, จานเบรกหน้าแบบเจาะและระบายอากาศขนาด 14 นิ้ว, คาลิปเปอร์สีแดงหน้า 4 สูบ หลัง 2 สูบ จี้ Civic Type Rแน่นอนว่าคู่แข่งโดยตรงของเขาคือ 2023 Honda Civic Type R ที่มีข้อดีคือพละกำลังมากกว่าที่ 315 แรงม้า และแรงบิด 399 นิวตันเมตร แต่ยังไม่มีการประกาศราคาออกมา หากคุณรับได้ที่รถจะมีพละกำลังน้อยกว่า แต่มีระบบขับสี่และราคาถูกกว่า Toyota GR Corolla ก็ถือเป็นรถที่เพียงพอแล้ว แต่อาจจะต้องรีบจองกันหน่อยนะครับ หลังจากที่ Honda (ฮอนด้า) ประเทศไทยได้นำ 2022 Honda Civic (ฮอนด้า ซีวิค) โฉมใหม่มาวางขาย ก็ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ อย่างล้นหลาม จนตามมาด้วยการเปิดตัวของรุ่น e:HEV ทีประหยัดกว่าเดิม แต่ใครที่ไม่อยากได้ซีวิคหน้าใหม่เพราะยังรับราคาไม่ไหวหรือไม่ชอบใจหน้าตา ตอนนี้เริ่มมี Honda Civic FC มือสองให้เลือกทั้งเครื่อง 1.8 ลิตรและ 1.5 Turbo แต่จะเลือกเครื่องและรุ่นไหนดี เราจะมาเทียบให้ดู และเราจะมาบอกกันว่าทำไม 1.8EL ถึงน่าซื้อกว่า 1.5 Turbo ราคาถูกกว่า 2021 Honda Civic รุ่น ราคา 1.8 E 874,000 1.8 EL 964,000window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/HP_Middle_leaderboard', [ [ 728, 90 ], [ 970, 200 ], [ 970, 90 ], [ 970, 250 ] ], 'div-gpt-ad-1635391916678-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); }); ��������� CVT ��ͧ�����ѹ��������� Fully Synthetic CVT 100% �Ф�Ѻ����֡��Ҩ�����2����ѷ�����͡�Ң���Ե��л���ҳ300�ҷ ���������٧ �������ӧ��� *** �ѹ���ö�������ͧ jazz CVT �ͺ����ͧ��������� 1,800 �ͺ/�ҷ� �Ͷ��¹���ѹ��ҷ�駻�ҡ���ҹ���ѹ�������Ҵ��������Ź��¤�Ѻ ������¹������ѹ Fully Synthetic CVT �ͺ����ͧŴŧ����ҳ 600 �ͺ/�ҷ� ������ͺ����ͧ����ҳ 1,100-1,200 �ͺ/�ҷ� �����¤�Ѻ ����º͡�������ա3������Ҷ����ա�ѡ�ͺ �����ա�ѡ6���ա�ͺ���� �����������Ҵ *** ���������� CVT �ͧ����¹���¹���ѹ������� Fully Synthetic CVT 100% �٤�Ѻ �Ҩ������ͧ������������¹����� CVT �����Ѻ. ���ʴդ�ѺMercedes-Benz C 350e AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด ถ้าวิ่งด้วยไฟฟ้าจะได้ระยะทางกี่ กม. ? และถ้าวิ่งด้วยน้ำมันจะได้กี่ กม./ล. บทความนี้มาดูกันครับ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการเดินทาง เพราะสามารถใช้งานได้สองระบบ ทั้งไฟฟ้า และน้ำมัน หากย้อนกลับไปในอดีต รถยนต์ประเภทนี้จะวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าได้แค่ระยะทางสั้น ๆ เท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้ในปัจจุบันมีการพัฒนารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ให้มีขนาดความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถวิ่งได้ด้วยระบบไฟฟ้าไกลขึ้น อย่างเช่น Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุดคันนี้ ที่สามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 100 กม. ต่อการ์จชาร์หนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP) รับชมรีวิวรูปแบบวีดีโอได้ที่นี่และวันนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่ทีมงานออโต้สปินส์ได้รับเกียรติจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เข้าร่วมกิจกรรมขับทดสอบ Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด โดยการขับทดสอบของเราในครั้งนี้ เดินทางจากถนนบางนา กม.30 มุ่งหน้าสู่โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา ระหว่างทางได้เจอสภาพการจราจรที่หลากหลาย ทั้งรถติดและถนนโล่ง มีโอกาสทดสอบทั้งในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ ระบบช่วงล่าง ระบบความปลอดภัย ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ จึงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ ภายนอก Mercedes-Benz C 350e AMG DynamicMercedes-Benz C 350e AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด มีมิติตัวถัง ความกว้าง 1,820 มม. ยาว 4,793 มม. และสูง 1,442 มม. ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าใหม่พร้อม Star pattern เป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT ที่มีความละเอียดข้างละ 1.3 ล้านพิกเซล หลอดแบบ HD system พร้อมเทคโนโลยี ULTRA RANGE Highbeam ที่สามารถส่องสว่างไกลถึง 650 เมตร ทำงานคู่กับกล้องที่กระจกบังลมหน้า เพื่อประมวลสภาพถนน และรถยนต์ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์ เพื่อปรับไฟหน้าให้ได้ความปลอดภัยสูงสุด พร้อมโหมดไฟฟ้าอัตโนมัติที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Adaptive Highbeam Assist Plus, Cornering light, Active light function, Enhanced fog light function กันชนหน้า AMG ดีไซน์สปอร์ต หากสังเกตที่มุมล่างของกันชน ทั้งฝั่งซ้ายและขวา จะเห็นว่ามีช่องให้อากาศไหลผ่านเข้าไปที่ตัวล้อ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของ Aero Dynamic พร้อมกับมีเซนเซอร์ที่กันชนถึง 6 จุด ไฟท้าย LED เต็มระบบ เมื่อเปิดตอนกลางคืนจะเห็นเป็นแสงไฟสีแดงสวยงาม นอกจากนี้ ด้านท้ายยังโดดเด่นด้วยกันชน AMG แบบสปอร์ต มีเซนเซอร์หลัง 6 จุด พร้อมชุดแต่งปลายท่อคู่โครเมี่ยม และเมื่อเราเบรกแบบกะทันหัน ไฟกระพริบฉุกเฉินจะติดให้แบบอัตโนมัติ กล้องถอยจะถูกพับซ่อนเก็บเอาไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน แต่เมื่อเราอยู่ในตำแหน่งเกียร์ R ตัวกล้องก็จะกางออกมา ในส่วนของล้อแม็กซ์ จะได้เป็นล้อ AMG 5 twin-spoke ขนาด 18 นิ้ว ล้อคู่หน้ารัดด้วยยางขนาด 225/45 R18 ล้อคู่หลังรัดด้วยยางขนาด 255/40 R18 โดยใช้เป็นยางแบบเรเดียล ภายใน Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamicการตกแต่งภายในถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ LCD ความละเอียดสูงบริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว แสดงผลคมชัด ให้ภาพที่อ่านง่ายในทุกสภาพแสง สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ทั้งหมด 3 แบบ คือ "Discreet", "Sporty", "Classic" พร้อม 3 โหมดการใช้งาน ได้แก่ Navigation, Assistance และ Service เบาะหนังสีดำสลับแดง แบบปรับไฟฟ้าพร้อมเมมโมรี่ 3 จุด และระบบอุ่นร้อนที่เลือกได้ 3 ระดับ เบาะนั่งสบายกำลังดี มีปีกด้านข้างที่ยื่นออกมาโอบกระชับตัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต 3 ก้าน หุ้มด้วยหนัง Nappa จับถนัดกระชับมือ ปรับสูง-ต่ำ-เข้า-ออก ได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชันสำหรับควบคุมจอเรือนไมล์ และจอเครื่องเล่นตรงกลาง มีปุ่มตั้งลิมิตความเร็ว ปุ่ม Cruise Control ปุ่มตั้งระยะห่างระหว่างรถเรากับคันหน้า แป้น Paddle Shift ที่อยู่หลังพวงมาลัย หากเราอยู่ในโหมดขับขี่ EL (ไฟฟ้า) จะใช้สำหรับหน่วงความเร็วเพื่อให้มอเตอร์ชาร์จไฟกลับได้เร็วขึ้น แต่ถ้าอยู่ในโหมดขับขี่ Sport จะใช้สำหรับเล่นเกียร์ + - จอเครื่องเล่นแบบสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ตัวจอเบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย มาพร้อมระบบปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ 2 โซน รวมถึงระบบความบันเทิง MBUX (Mercedes-Benz User Experience) พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง รวมถึงฟังก์ชันการสแกนลายนิ้วมือ (fingerprint scanner) สำหรับเข้าสู่ระบบ MBUX ที่มีการตั้งค่าเฉพาะบุคคลได้รวดเร็ว สะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น และระบบจะช่วยเรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ด้วยระบบ AI ช่วยปรับการตั้งค่าของรถ Ambient Lighting 64 สี หรือจะเลือกเป็นแบบหลากสี ก็สวยงามเช่นกันครับ แท่นชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ใช้งานง่ายเพียงแค่นำโทรศัพท์ไปวาง หลังคาซัฟซูฟแยกเป็นสองส่วน สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง เปิด-ปิดได้ง่าย เพียงแค่ใช้นิ้วสไลด์ไม่ต้องกดค้าง เบาะหลังสามารถพับได้ด้วยการกดปุ่มที่อยู่ท้ายรถ เมื่อพับแล้วก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้น และด้วยการวางตำแหน่งแบตเตอรี่แบบใหม่ จึงทำให้พื้นรถไม่เป็นขั้นบันได ที่นั่งตอนหลังมีม่านบังแดดด้านข้าง ส่วนม่านกระจกหลังเป็นแบบเปิด-ปิดไฟฟ้า ระบบความปลอดภัย Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamic
เครื่องยนต์ Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamicใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 1,999 ซีซี 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) อัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลา 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในส่วนของแบตเตอรรี่ มีขนาดความจุ 25.4 kWh ซึ่งความจุเยอะกว่าในรุ่นก่อนถึงหนึ่งเท่าตัว ส่งผลให้ในรุ่นนี้ สามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลถึง 100 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP) ขับทดสอบ Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamicสำหรับการทดสอบขับขี่ ในช่วงแรกผมจะวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าแบบยาว ๆ จนแบตหมด เพื่อที่จะได้ทราบว่าในโหมดไฟฟ้าวิ่งได้ไกลกี่กิโลเมตร ในทริปนี้นี้เราเริ่มสตาร์ทออกตัวกันที่ ถนนบางนา-ตราด กม.30 จุดหมายปลายทาง อยู่ที่โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา ทันทีที่ขึ้นมาบนรถ ผมดูปริมานแบตเตอรี่ ที่หน้าจอระบุว่าเหลืออยุ่ที่ 95% ในใจผมคิดไว้ว่าถ้าวิ่งได้สัก 90 กม. ก็ถือว่าหรูแล้วล่ะ ตลอดเส้นทางขาไปผมใช้โหมด EL (ไฟฟ้า) ขับไปเรื่อย ๆ ตามสภาพการจราจร บางช่วงที่เป็นถนนโล่งก็ใช้ความเร็วประมาณ 100-120 กม./ชม. โดยในโหมด EL เราจะสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุดประมาณ 140 กม./ชม. จากการทดสอบขับขี่ในโหมดนี้ อัตราเร่งมาดีมากครับ ขับได้ลื่นไหลไม่หน่วง ตลอดการเดินทางผมแทบไม่ต้องเหยียบเบรกเลยครับ เพราะถ้าเราวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้า เราสามารถใช้ Paddle Shift หลังพวงมาลัยในการช่วยหน่วงรถได้ และในจังหวะนี้มอเตอร์จะปั่นไฟกลับเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่อีกด้วยครับ ระหว่างทางผมได้ลองทดสอบการเข้าโค้งที่ความเร็วประมาณ 130-140 กม./ชม. ปรากฎว่ารถทรงตัวได้ดีมากครับ ไม่มีออกอาการเลยแม้แต่น้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นนี้มีการวางแบตเตอรี่ในจุดที่เหมาะสม และช่วงล่างด้านหลังที่เป็นแบบถุงลมอัตโนมัติ จึงช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลไม่กระด้าง หลังจากที่ใช้งานจนแบตเตอรี่หมด ถึงกับอึ้งเลยครับ เพราะได้ระยะทางที่ไกลถึง 113.5 กม. ด้วยแบตเตอรี่เพียงแค่ 95% หากแบตเตอรี่เต็ม 100% ผมว่าน่าจะไปได้ไกลถึง 120 กม. เลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขที่ได้ มากกว่าที่เค้าเคลมเอาไว้เสียอีก ผมพอใจกับตัวเลขนี้มากครับ (ความเร็วที่ใช้ในการทดสอบ ประมาณ 80-120 กม./ชม.) วันรุ่งขึ้นขับจากพัทยา-บางนา กม.30 แต่ขากลับนี้ ไม่มีไฟในแบตแล้ว เลยถือโอกาสทดสอบอัตราสิ้นเปลืองในโหมดน้ำมันเลย อยากรู้เหมือนกันว่าจะได้กี่ กม./ล. ซึ่งโหมดที่ใช้ในการเดินทางจะเน้นไปที่โหมด Hybrid เป็นหลัก แต่ก็มีบางช่วงที่ใช้โหมด Sport โดยความเร็วที่ผมใช้จะอยู่ที่ประมาณ 130-160 กม./ชม. พอถึงจุดหมายปลายทาง ที่หน้าจอระบุ 7.5 ล./100 กม. (หรือ 13.3 กม./ล.) ซึ่งก็ถือว่าประหยัดใช้ได้เลยครับ ถ้าใช้ความเร็วต่ำกว่านี้ และเท้าเบากว่านี้ น่าจะได้ตัวเลขราว ๆ 16-17 กม./ล. สรุปโดยรวม Mercedes-Benz C 350e AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ เพราะวิ่งได้สองระบบ ทั้งไฟฟ้า และน้ำมัน หากเราใช้งานในเมือง หรือระยะทางประมาณ 100 กม. สามารถใช้คันนี้แทนรถไฟฟ้าได้เลยล่ะครับ และที่สำคัญคือรุ่นนี้หัวชาร์จเป็นแบบ CCS2 รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) และการชาร์จแบบไฟบ้านกระแสสลับ (AC) ระยะเวลาในการชาร์จ
Mercedes- Benz C 350 e AMG Dynamic จำหน่ายในราคา 3,350,000 บาท อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถมือสอง One2car |