กินน้ำมะเขือเทศทุกวันดีอย่างไร

ผลลัพธ์จากการดื่มน้ำมะเขือเทศ มาตลอดเกือบสองปี

ผมเป็นผู้ชายครับ ผิวสามสี (สีดำ สีแดง และมีเหลืองๆ หน่อยสไตล์เอเชีย) เป็นผู้ชายที่มีผิวแห้งด้วย ดำด้วย
โอ้โหหหห ครบสูตรของความไร้ สง่าราศี

กินน้ำมะเขือเทศทุกวันดีอย่างไร

จนมาวันนึงครับ จำได้ว่าช่วงปลายๆ ปี 57 ได้อ่านรีวิวผลลัพธ์เรื่องสรรพคุณ และประโยชน์ของการดื่มน้ำมะเขือเทศ
อ่านเจอในพันทิพนี้แหละครับ พอดีมีคนแชร์มาในเฟซบุ๊ค เลยอยากลองพิสูจน์ด้วยตนเองบ้าง แฮ่ะๆ

แต่ใช่ว่าสิ่งที่อ่านเจอจะมีแต่ด้านดีๆ ที่หลายๆ คนมาบอกต่อ มีสิ่งหนึ่งที่ผมกลัวมากคือ.....รสชาด (สะกดถูกป่าว) ที่เขาร่ำลือกันนักกันหนาว่า
Huayy Takkk (ห่วยแตก) มาก

แต่ปัญหาแค่นี้ใช่ว่าจะหยุดยั้งความอยากลอง อยากพิสูจน์ของผมได้ จึงตัดสินใจเดินเข้าเซเว่นเลย เดินเข้าไปที่โซนตู้แช่
หาไม่ยาก เจอแล้วก็คว้าหมับมา 1 กล่องเล็กก่อน (ถ้ารสชาดแย่จริงๆ จะได้ไม่เสียหายมาก 555) ออกจากร้านก็เจาะดูดตรงหน้าร้านเลยครับ
จ๊วบๆๆๆ........เย็นชื่นใจมาก ออกเปรี้ยวๆ อร่อยแฮะ

กินน้ำมะเขือเทศทุกวันดีอย่างไร
ไม่เห็นจะเลวร้ายอย่างที่หลายๆ คนว่าไว้เลย

พอดื่มหมดกล่องนั้น ก็เดินเข้าไปเซเว่นอีก คราวนี้หยิบตะกร้าข้างเคาน์เตอร์ตรงไปตู้แช่เดิมทันทีเลย จัดมาประมาณ 40 กล่องเล็ก กะเอามาแช่ตู้ไว้
กินซักวันละกล่อง สองกล่อง ให้ครบเดือน.............จากนั้นกิจวัตรผมที่ทำเป็นประจำก่อนนอนคือ ดื่มน้ำมะเขื่อเทศ 1 กล่องเล็กครับ

หลังจากผ่านไปประมาณ 1 เดือน ผลลัพท์ที่ได้ก็ยังไม่ชัดเจน แต่ผิวเริ่มดูเหมือนจะมันๆ ลื่นๆ ขึ้นมา แต่ที่ชอบมากๆ คือ ระบบขับถ่ายดีมากกกกก
มาตรงเวลาทุกวัน

กินน้ำมะเขือเทศทุกวันดีอย่างไร

หลังจากนั้นก็ดื่มมาตลอด จากผิวที่แย่ๆ ในตอนแรกๆ เริ่มมีพัฒนาการดีขึ้น ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากดูอิ่มน้ำ ดูฟูๆ ขึ้นมาเลย บางที่เผลอๆ ลูบๆ
แขนตัวเองมันลื่นๆ ดี ถ้าเปรียบเทียบกับก่นและหลังจากดื่มมาได้เกือบๆ 2 ปี ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผมคือ

- ระบบขับถ่ายดีมาก ไม่เคยท้องผูก
- ผิวลื่น นุ่มฟู ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอมากกกกกกกกกกกกกก (กอไก่ ล้านตัว)
- สิวที่หน้าลดลงเยอะมาก (แต่มาขึ้นที่หลังแทน 55+ อันนี้ไม่น่าเกี่ยวกับ น้ำมะเขือเทศ แต่ผมชอบถอดเสื้อนอน อาจจะเกิดจากความซกมกของตัวเองล้วนๆ)
- ผิวไม่ขาวขึ้น แต่ดูสว่างใสขึ้น มีราศีขึ้น

จบแค่นี้ครับ 5555+
ลองดื่มดูนะ ไม่ผิดหวังแน่นอน

ปล1 ยี่ห้อที่ผมซื้อดื่มทุกวัน ชื่อย่อ ดอคอ ครับ
ปล2 ผมไม่มีส่วนได้เสียกับเครื่องดื่มน้ำมะเขือเทศทุกยี้ห้อนะครับ เพียงแต่เห็นว่าดี มีประโยชน์ ปลอดภัย กว่าการกินยาสังเคราะห์
เลยเอามาแชร์กัน

สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง การรักษาสุขภาพนั้นนอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทานอาหารที่มีประโยชน์เเละหลากหลายก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สุขภาพเราดีขึ้น พระเอกของเราในวันนี้ที่เราอยากนำเสนอให้เพื่อน ๆ รู้จักสรรพคุณของ "น้ำมะเขือเทศ" กัน ถ้าเราทานน้ำมะเขือเทศทุกวันจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายเราบ้างนะ?

กินน้ำมะเขือเทศทุกวันดีอย่างไร

ภาพประกอบ: น้ำมะเขือเทศ

1.ชะลอความแก่

- มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย ลดความเสื่อมของเซลล์ เเถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้อีกด้วย

2. ผิวสวยสุขภาพดี

- วิตามิน A ,C จากมะเขือเทศช่วยบำรุงผิวให้เนียนใส ลดความหมองคล้ำ พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะ เราจึงพบเห็นมะเขือเทศนำมาใช้ในวงการเครื่องสำอางมากมาย รวมถึงแปรรูปให้พร้อมทานในรูปแบบน้ำมะเขือเทศบรรจุกล่อง 

3. บำรุงสายตา

- วิตามิน A ในน้ำมะเขือเทศจะช่วยบำรุงสายตา สารทีเเซนทีนยังช่วยปกป้องโรคจอประสารตาเสื่อม นอกจากนี้คอลลาเจนในมะเขือเทศยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ดวงตา ไม่แห้ง

กินน้ำมะเขือเทศทุกวันดีอย่างไร

ภาพประกอบ: น้ำมะเขือเทศ

4. บำรุงกระดูก

- มะเขือเทศมีวิตามิน K เเละเเคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกเเละฟันให้เเข็งเเรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน เพียงเสริมน้ำมะเขือเทศวันละ 1 แก้ว ก็ได้รับประโยชน์จากมะเขือเทศเต็ม ๆ 

5. ช่วยเผาผลาญไขมัน

- สารคาร์นิทีนในมะเขือเทศช่วยกระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญไขมัน น้ำมะเขือจะช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันไม่ดีได้ง่าย ระดับคอเรสเตอรอลจะค่อย ๆ ลดลง เมื่อมีการควบคุมอาหารเเละทานน้ำมะเขือเทศวันละ 1 แก้ว น้ำมะเขือเทศจึงเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักต้องการไดเอท เเละควบคุมน้ำตาลในเลือด

Your browser does not support the video tag.

มะเขือเทศ มีประโยชน์อย่างไร? สรรพคุณของมะเขือเทศ มีอะไรบ้าง? มะเขือเทศ ให้พลังงานกี่แคลอรี่? กินมะเขือเทศสดทุกวัน จะเป็นไรไหม? โทษของมะเขือเทษคืออะไร?

น้ำมะเขือเทศ เป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณหลากหลาย และมีสารอาหารสำคัญมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ น้ำมะเขือเทศจึงกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่คุณผู้หญิงทั้งหลายนิยมดื่มกันมาก 

นอกจากการบำรุงผิวแล้วยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย โดยมีสารสำคัญ คือ "ไลโคปีน (lycopene)" ที่มีมากในมะเขือเทศ ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและจำเป็นในทุกช่วงอายุของคนเรา

วิธีรับประทานมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

ส่วนมากวิธีรับประทานผัก หากต้องการให้ได้แร่ธาตุ และวิตามินครบถ้วน ก็มักจะต้องรับประทานแบบดิบๆ แต่การรับประทานมะเขือเทศเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ต้องทำให้สุกเสียก่อน 

เนื่องจากมะเขือเทศที่ผ่านความร้อนแล้วจะทำให้สารไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศหลุดออกจากกันได้ง่าย ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ได้ดีกว่าแบบไม่ผ่านความร้อน อีกทั้งสารไลโคปีนนั้นสามารถละลายได้ดีในน้ำมัน 

ดังนั้นหากเราใช้น้ำมันในการปรุงมะเขือเทศจะยิ่งทำให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนดียิ่งขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การรับประทานมะเขือเทศแบบสดๆ แล้วจะไม่ดี เพราะในมะเขือเทศสดก็มีวิตามินซีสูงเช่นกัน หากต้องการวิตามินซีสูงเพื่อช่วยบำรุงทำให้ผิวพรรณดี ควรรับประทานสด 

แต่ถ้าคุณต้องการให้ร่างกายได้รับสารไลโคปีนมากๆ ก็ควรรับประทานมะเขือเทศที่ผ่านความร้อนมาแล้วจะดีกว่า

นอกจากนี้ ผู้หญิงทุกคนยังควรรับประทานมะเขือเทศสด เพราะจะทำให้ได้รับวิตามินซี และใยอาหารมาก ส่วนผู้ชายควรรับประทานมะเขือเทศสุกเพื่อให้ร่างกายได้รับสารไลโคปีนมากๆ ก็จะช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ 

สารอาหารและให้พลังงาน

สารอาหารในมะเขือเทศ 100 กรัม

  • แคลอรี่ 18 กิโลแคลลอรี
  • น้ำ 95%
  • โปรตีน 0.9 กรัม
  • คาโบไฮเดรต  3.9 กรัม
  • น้ำตาล 2.6 กรัม
  • เส้นใยอาหาร 1.2 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม

ประโยชน์ของไลโคปีนในมะเขือเทศ

สารไลโคปีน (lycopene) เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบมากในผักผลไม้ที่มีสีส้ม สีแดง เช่น แครอท แตงโม มะละกอ ฟักข้าว เกรปฟรุต ซึ่งถือว่า เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่สามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้อย่างดีเยี่ยม 

มะเขือเทศสด 100 กรัม จะมีสารไลโคปีนประมาณ 0.9–9.30 มิลลิกรัม ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพ ดังนี้

  • การรับประทานไลโคปีนอย่างน้อย 30 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ) จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ เพราะในมะเขือเทศจะมีไฟเบอร์ และน้ำอยู่มากจึงช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายให้เป็นไปอย่างปกติ
    อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ที่ชัดเจนที่สุด คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก รองลงมาคือ มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับอ่อนได้อีกด้วย

  • ชะลอความแก่ ลดริ้วรอยแห่งวัย บำรุงผิวพรรณให้สดใส ชุ่มชื้น เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิซี วิตามินเอสูง แต่สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยแล้วก็มีทางเลือกอื่นๆ

  • ช่วยบำรุงสายตา เพราะมีวิตามินเอสูง 

  • วิตามินซีที่สูงในมะเขือเทศช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด และเลือดออกตามไรฟัน 

  • ช่วยกำจัดไขมันเลว (Low-Density Lipoprotein: LDL) ทำให้ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด

  • ช่วยควบคุม และลดระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าระดับน้ำตาลในเลือดของตนเองผิดปกติหรือไม่ การตรวจสุขภาพอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ 

  • ลดอาการบวมน้ำในร่างกาย ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในเซลล์ และเนื้อเยื่อ

  • ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง 

  • บำรุงผมให้แข็งแรงเงางามมีสุขภาพดี

  • โฟเลตช่วยบำรุงเลือดจากภาวะเลือดจางจากสาเหตุขาดโฟเลต โดยเฉพาะในมารดาขณะตั้งครรภ์การได้รับโฟเลตเพิ่มขึ้นจะช่วยป้องกันโอกาสเสี่ยงคลอดเด็กตัวเล็กก่อนกำหนด และป้องกันการเกิดทารกที่มีปัญหาหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects)แต่กำเนิดได้

  • ตามตำรายาไทยระบุสรรพคุณว่า 

  • ใบมะเขือเทศ ใช้รักษาหน้าเกรียมเนื่องจากถูกแดดเผา 

  • ผล ใช้เป็นยาระบาย ช่วยให้เจริญอาหาร แก้กระหายน้ำ แก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ช่วยย่อยอาหาร และใช้ฟอกเลือด 

  • ราก ใช้รากสดมาต้มเอาน้ำดื่มเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้

วิธีดื่มน้ำมะเขือเทศอย่างไรให้ถูกต้อง และมีประโยชน์

ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศสดเพื่อให้ได้ประโยชน์มากสุดนั้น เราจำเป็นต้องกำหนดช่วงเวลาการดื่มเพื่อให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้งานได้ดีที่สุด สามารถแบ่งออกได้ 2 ช่วงเวลา ได้แก่

  • ดื่มก่อนรับประทานอาหาร หรือในช่วงท้องว่าง อาจจะหยดน้ำมันใส่เล็กน้อยลงไปเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น
  • ดื่มหลังอาหารในทันที เพราะไขมันในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดีมากขึ้น

ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะเขือเทศ

มะเขือเทศมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก ดังนั้นผู้ป่วยโรคไต หรือผู้มีโพแทสเซียมในเลือดสูง จึงไม่ควรรับประทานเลย ไม่ว่าจะแบบสด หรือปรุงสุก 

เพราะร่างกายผู้ป่วยกลุ่มนี้จะไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกได้ไม่หมด นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนก็ไม่ควรรับประทานมะเขือเทศมากเกินไป เพราะจะยิ่งทำให้อาการแสบร้อนกลางอกหนักขึ้นได้

ควรดื่มน้ำมะเขือเทศเท่าไรจึงจะพอดี

ถ้าดื่มน้ำมะเขือเทศมากเกินไป ร่างกายจะได้รับวิตามินซีสูงเกินไปจนเกิดเป็นนิ่วได้ ส่วนการได้รับวิตามินเอมากเกินไป ก็อาจสะสมในร่างกายส่งผลให้เกิดอาการเบื่ออาหาร เจ็บกระดูก นอนไม่หลับ และท้องผูกได้ 

นอกจากนี้ การได้รับโพแทสเซียมปริมาณสูงอาจมีผลต่อการทำงานของหัวใจ ดังนั้นปริมาณการดื่มน้ำมะเขือเทศที่แนะนำต่อวันคือ ไม่ควรเกิน 2 แก้ว หรือ 2 กล่อง(เล็ก) ต่อวัน เพราะเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถขับโพแทสเซียมออกไปได้หมด

อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำมะเขือเทศแบบกล่องก็ยังต้องเลือกดื่มอย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีการเติมโพแทสเซียมลงไป ดังนั้นควรดูตารางโภชนาการที่กล่องน้ำมะเขือเทศด้วย โดยควรเลือกชนิดที่มีโซเดียมต่ำ ไม่เช่นนั้นแล้วร่างกายอาจจะได้รับโซเดียมมากไป ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นๆ ได้อีก

นอกเหนือจากมะเขือเทศแล้ว คุณควรรับประทานอาหารประเภทอื่นให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ด้วย รวมถึงออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น และพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้แข็งแรงยิ่งขึ้น

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android

👨‍⚕️⚕️👩‍⚕️⚕️ ค้นหาโรค อาการ ยา โรงพยาบาล คลินิก และอ่านบทความสุขภาพ เขียนโดยคุณหมอหรือผ่านการรีวิวจากคุณหมอแล้ว ที่ www.honestdocs.co และ www.honestdocs.id 

💪❤️ ไม่พลาดข้อมูลดีๆ ที่จะทำให้คุณแข็งแรงขึ้นทั้งกายและใจ คลิกที่นี่เพื่อแอดไลน์ @hdcoth หรือแสกน QR Code ด้านล่างนี้ และยังติดตามเราได้ที่ Facebook และ Twitter วันนี้

📱📰 โหลดแอป HonestDocs สำหรับ iPhone หรือ Android ได้แล้ววันนี้! จะอ่านบทความ จะเก็บบทความไว้อ่านทีหลัง หรือจะแชร์บทความให้คนที่เราเป็นห่วง ก็ง่ายกว่าเดิมเยอะ

เปรียบเทียบดีลสุขภาพ ทำฟัน และความงาม จาก รพ. และคลินิกกว่า 100 แห่ง พร้อมจองคิวผ่าน HonestDocs คุณหมอมือถือได้เลยวันนี้ ถูกกว่าไปเอง

ขอบคุณที่วางใจ ทุกเรื่องสุขภาพอุ่นใจ ให้ HonestDocs (ออเนสด็อกส์) คุณหมอมือถือ ดูแลคุณ ❤️