นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

  • Home
  • My Books
  • Browse ▾

    • Recommendations
    • Choice Awards
    • Genres
    • Giveaways
    • New Releases
    • Lists
    • Explore
    • News & Interviews

    • Art
    • Biography
    • Business
    • Children's
    • Christian
    • Classics
    • Comics
    • Cookbooks
    • Ebooks
    • Fantasy
    • Fiction
    • Graphic Novels
    • Historical Fiction
    • History
    • Horror
    • Memoir
    • Music
    • Mystery
    • Nonfiction
    • Poetry
    • Psychology
    • Romance
    • Science
    • Science Fiction
    • Self Help
    • Sports
    • Thriller
    • Travel
    • Young Adult
    • More Genres

Open Preview

See a Problem?

We’d love your help. Let us know what’s wrong with this preview of พร่างพรายในความเงียบงัน by มาภา.

Thanks for telling us about the problem.

Friend Reviews

To see what your friends thought of this book, please sign up.

Community Reviews

 ·  34 ratings  ·  11 reviews

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Start your review of พร่างพรายในความเงียบงัน

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Oct 31, 2016 kunaom rated it it was amazing

นิยายที่น้อย...แต่มากเป็นอย่างนี้เอง

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องชายหญิงแปลกหน้าคู่หนึ่งตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ 'ร่วมบ้าน' เดียวกัน ความหมายตามนั้นคือแค่ร่วมบ้านเท่านั้นจริงๆ พวกเขาแค่ทำกับข้าวด้วยกัน นั่งเล่นเกมกัน ปลูกต้นมะนาว เลี้ยงเต่า ขับรถไปซื้อกับข้าว เดินเล่น วาดรูป ขี่จักรยาน ใช้ชีวิตสงบเรียบง่าย สโลวไลฟ์สุดๆ
แต่ในความนิ่งงันนั้น...คนอ่านจะมองเห็นบางอย่าง ความอบอุ่น ความเศร้า คลุกเคล้าไปกับความวาบหวาม โรแมนติค และชวนให้เรากระหายใคร่รู้บางสิ่ง...อย่างประหลาด

และจนสุดท้ายนั้นเองเราจะรู้ได้ว่าคำ

นิยายที่น้อย...แต่มากเป็นอย่างนี้เอง

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องชายหญิงแปลกหน้าคู่หนึ่งตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ 'ร่วมบ้าน' เดียวกัน ความหมายตามนั้นคือแค่ร่วมบ้านเท่านั้นจริงๆ พวกเขาแค่ทำกับข้าวด้วยกัน นั่งเล่นเกมกัน ปลูกต้นมะนาว เลี้ยงเต่า ขับรถไปซื้อกับข้าว เดินเล่น วาดรูป ขี่จักรยาน ใช้ชีวิตสงบเรียบง่าย สโลวไลฟ์สุดๆ
แต่ในความนิ่งงันนั้น...คนอ่านจะมองเห็นบางอย่าง ความอบอุ่น ความเศร้า คลุกเคล้าไปกับความวาบหวาม โรแมนติค และชวนให้เรากระหายใคร่รู้บางสิ่ง...อย่างประหลาด

และจนสุดท้ายนั้นเองเราจะรู้ได้ว่าคำตอบของคำถามในปมต่างๆที่เรามัวสงสัยมาตลอดเรื่องนั้น...อาจไม่สลักสำคัญใดๆต่อใจคนอ่านเลยก็ได้... เพราะเรื่องราวระหว่างนั้นต่างหาก บทสนทนา ภาษาพูด ภาษากายที่ตัวละครทั้งสองสื่อถึงกัน ได้สลักลึกให้เราผูกพันกับเขาและเธอ พวกเขาได้ส่งผ่าน 'แก่นสาร' บางอย่างมาเปลี่ยนความคิดของเราด้วย

จากที่เราคิดมาตลอดว่าไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ เมื่อตั้งอยู่ก็มีวันสิ้นสลาย การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่มีอะไรอยู่ได้ตลอดไป เราจึงมองโลกอย่างเข้าใจ ไม่ทุกข์ร้อนเท่าใดเมื่อความเปลี่ยนแปลงมาเยือน แต่เราก็อดย้อนคิดไม่ได้สักทีว่าเราคิดถูกคิดผิดที่เลือกเดินทางนั้นทางนี้ ไม่วายมานั่งคิดมากโทษตัวเองอยู่ดี แต่ในความเงียบงันของนิยายเรื่องนี้ได้ตะโกนบอกเราราวกลับจะให้เข้าใจขึ้นไปอีกว่า แม้ทุกสิ่งจะมีวันเปลี่ยนแปลงสูญสิ้นไป แต่มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งหนึ่งเสมอ โลกมีเหตุผล ทุกอย่างมีสมดุลของมัน

จากเรื่องราวของพวกเขาเราจะได้เห็นว่าชีวิตของคนคนหนึ่ง ...ได้ใช้เยียวยารักษาคนอีกคนหนึ่ง พลังของคนอีกคนส่งต่อให้คนอีกคน เหมือนใบไม้ที่เคยผลิใบเขียวสดใส และแล้ววันหนึ่งก็จะแห้งกรอบเหี่ยวเฉาร่วงโรยไปกลายเป็นปุ๋ยให้ใบต่อๆไปได้แตกหน่อ ในความสูญเสียอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหนึ่ง

พร่างพรายในความเงียบงัน... เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่เรียบง่ายมากๆ แต่กลับมีพลังส่งเสียงผลักดันให้เรามองเห็นภาพชีวิตที่แปลกตาออกไป

นิยายที่...ไม่ต้องพยายามเป็นอย่างนี้เอง

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

"นิยายที่น้อย... แต่มากเป็นอย่างนี้เอง..."

เป็นประโยคที่เราพูดในใจบ้อยบ่อยตอนอ่านเรื่องนี้ค่ะ...อ้างอิงมาจาก:รีวิวคุณkunaom~ซึ่งรีวิวเรื่องนี้ไว้ได้ชัดเจนตรงประเด็นดีงามน่าเชิดชูมากๆค่ะ♡๐♡(เป็นรีวิวดีๆที่อ่านแล้วหัวใจฟูๆ~เกิดความอยากอ่านเรื่องนี้ขึ้นมาเลยค่ะ^0^~☆)

~~~~~~~~~~~~
ส่วนรีวิวเถื่อนๆทางนี้....(=_=;)

...อ่านแล้วก็คิดถึงแม่ขึ้นมา..อยากเอาแม่มาอ้างถึงบ้างอะไรบ้างน่ะค่ะ^^....

แม่คะ...ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้ภาษาที่ดีงามสละสลวย; กลวิธีการเล่าเรื่องที่แผ่วพริ้วแต่ลึกล้ำ; พล็อตเรียบง่ายแต่มีความซาบซึ

"นิยายที่น้อย... แต่มากเป็นอย่างนี้เอง..."

เป็นประโยคที่เราพูดในใจบ้อยบ่อยตอนอ่านเรื่องนี้ค่ะ...อ้างอิงมาจาก:รีวิวคุณkunaom~ซึ่งรีวิวเรื่องนี้ไว้ได้ชัดเจนตรงประเด็นดีงามน่าเชิดชูมากๆค่ะ♡๐♡(เป็นรีวิวดีๆที่อ่านแล้วหัวใจฟูๆ~เกิดความอยากอ่านเรื่องนี้ขึ้นมาเลยค่ะ^0^~☆)

~~~~~~~~~~~~
ส่วนรีวิวเถื่อนๆทางนี้....(=_=;)

...อ่านแล้วก็คิดถึงแม่ขึ้นมา..อยากเอาแม่มาอ้างถึงบ้างอะไรบ้างน่ะค่ะ^^....

แม่คะ...ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้ภาษาที่ดีงามสละสลวย; กลวิธีการเล่าเรื่องที่แผ่วพริ้วแต่ลึกล้ำ; พล็อตเรียบง่ายแต่มีความซาบซึ้งตรึงใจ; รวมทั้งใจปฏิพัทธ์ที่มีต่อคุณมาภามาแต่เก่าก่อน(หนูคือfc.พี่โซ่และBankyค่ะ)..หนูให้เรื่อง"พร่างพรายในความเงียบงัน"นี้5+☆แบบไม่คิดเลยค่ะแม่..♡๐♡☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆

แต่..

แม่คะ...แม่ก็รู้ว่า..หนูน่ะ..จิต..(ตก...ง่าย)..ถ้าตามโพร์ไฟล์ในgoodreadsข้อที่5แล้ว..เรื่องแนวนี้บวกกับหยดน้ำตาแหมะๆของหนูในตอนท้ายๆเรื่อง...ฮืออออๆๆๆT^T..หนูให้เรื่องนี้1☆ค่ะแม่...แม่เข้าใจหนูชิมิ...ToT~
ดังนั้นค่าเฉลี่ยดาว☆ของเรื่องนี้สำหรับหนูคือ5+1÷2=3☆☆☆ค่ะแม่....

จบค่ะแม่....byeค่ะ

....เฮ้ๆ!อ่านมาตั้งนาน...ช่วยกล่าวอะไรให้มากกว่านี้หน่อยได้มั้ย...แหะๆ

ถ้างั้นขอเล่าสู่กันฟังในครัวเรือนสั้นๆคร่าวๆมีสปอยล์ท้ายๆให้ฟังว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร?นะคะ
...อืมมมม...

..เป็นเรื่องของผู้หญิงมีปมคนหนึ่งที่เรียนเก่งมากกกกกๆชื่อนิด-นิทราอายุ24ค่ะ..เธอเป็นนักศึกษาแพทย์ว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทองด้วยนะ...แต่..เธอทิ้งทุกอย่าง!แล้วจากมาทำตัวเมาๆเหมือนหายใจไปวันๆมีsexกับใครก็ได้ง่ายๆสบายๆสนุกๆไม่ผูกพัน....จนท้ายสุดเธอมาร่ำสุราตากฝน,นอนคุยกับเต่างุ๊งงิ๊ง,ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์(ที่ดูพังๆเยินๆ)คล้ายๆเหมือนว่าเป็นคู่สามีภรรยา..ในชายคาบ้านของผู้ชายอบอุ่นพูดน้อยคนหนึ่งชื่อว่าโทเบียส ผู้มีอาชีพcarpenter..ที่เธอรู้จักอย่างผิวเผินได้เพียงไม่นาน..ณ ประเทศเมืองหนาวหิมะขาวโพลนอย่าง"ออสเตรีย"
....พออ่านไปๆเราก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น...ซึ่ง..โจทย์(ของเรา)ก็คือ...

1.ปมของนิดคืออะไร?เพราะอะไร?ทำไม?ถึงทำตัวหมดอาลัยตายอยากได้ขนาดนี้?
2.ปมของโทเบียสคืออะไร?...ดูเป็นคนอินดี้,เก็บตัว,ไม่สุงสิงผู้ใด..แต่ทำไมยอมให้นิดมาอยู่ด้วย?...แอบคิดอะไรๆกับนิดอยู่ใช่ป่ะ?
3.ความสัมพันธ์ที่ดูคลุมเครือแบบนี้..?^0^..แล้วจะอยู่กันไปแบบนี้อีกนานมั้ย?...งืมมมม

กลวิธีการเล่าเรื่องเรื่อยๆเรียบๆค่อยๆเผยปมผ่านเรื่องราวยิบๆย่อยๆ..ที่เหมือนคุณมาภาจะกระซิบบอกมานัยๆว่า"ห้ามอ่านข้ามนะเว่ย!"...ซึ่งก็จะทำให้ค่อยๆได้รู้ว่าได้-ไม่ได้,อะไรเป็นอะไร,เหตุใดทำไม?...ซึ่งระหว่างนี้..เราจะเห็นเค้า2คนคุยกัน..จดจ่อร่วมกันดูแลต้นมะนาว1ต้นถ้วน...ใช้ชีวิตที่ค่ดจะเรียบง่ายสโลว์ไลฟ์ด้วยกัน..เล่นเกมส์ด้วยกัน.ปลุกกันตอนเช้า..พาเข้านอน...นอนด้วยกัน..กอดกัน..kissกัน...xxxกัน..ทำอะไรๆด้วยกัน..แล้วมันก็ทั้งหวานทั้งหวั่นไหวเป็นความสุขใจระคนหม่นเศร้าน่ะค่ะ>○<~....แล้วก็ได้เห็นพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงของนิดที่ค่อยๆเปิดใจ...เพราะความน่าร๊ากกกกแสนอบอุ่นเอาใจใส่ห่วงใยแบบเงียบๆไม่หวือหวาของโทเบียสมาเป็นระยะๆ~คลอไป~กับการค่อยๆเฉลยข้อสงสัยต่างๆนาๆ....จนสุดท้าย....โลกที่ไม่มีใครอีกแล้วของเธอ..เขาคนนั้นก็กลับกลายเป็นโลกทั้งใบและเป็นความพร่างพรายในความเงียบงันของเธอตลอดกาลและ...ตลอดไป...ฮืออออ~>○<☆☆☆
"นิยายที่น้อย... แต่มากเป็นอย่างนี้เอง..."ToT~
....
(view spoiler)[นางเอกมีปมรุนแรงเรื่องแม่ตาย หมดอาลัยตายอยากในชีวิตเพราะโทษตัวเองว่า..นางทุ่มเทกับการเป็นหมอฝึกหัดมุ่งมั่นในหน้าที่หมอ~ละเลยหน้าที่ลูก.จนเป็นเหตุให้แม่ที่ป่วยหนักไม่มีคนดูแลต้องตาย,ส่วนโทเบียสก็มีปมพ่อไม่สนพ่อไม่เห็นเขามีตัวตนทิ้งเขากับแม่ไปมีครอบครัวสุขสันต์..พ่อได้แต่ให้เงินเลี้ยงดูตามหน้าที่..และสุดท้ายที่ทุกอย่างเริ่มจะลงตัวโทเบียสก็เป็นมะเร็ง....ตาย...ฮือออๆๆToT~,นางเอกตั้งท้องลูกของเขา..และมาเฉลยตอนท้ายว่าที่โทเบียสชวนเธอมาอยู่เพราะแอบปิ๊งแอบหลงรักเธอมาตั้งแต่อ่านไดอารี่ที่เธอเขียนไว้เมื่อ2ปีกว่าๆมาแล้วจึงเดินทางไปD.C.เพื่อมารอเจอเธอ...ฮืออออToT~...R.I.P...Tobias♡เราจะคิดถึงคุณค่ะToT~☆ฮืออออ..เรื่องมันเศร้าเราไม่โอ×0× (hide spoiler)]

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Jun 01, 2017 Fantine rated it it was amazing

'พร่างพรายในความเงียบงัน (In der stille)' 9/10 นานแล้วที่ไม่ได้อ่านนิยายไทยที่ประทับใจแบบนี้

อบอุ่น | ละมุน | ตื้นตัน | เศร้าโศก

ไม่น่าเชื่อว่าทุกอารมณ์จะรวมอยู่ในนิยายเล่มเล็กๆบางๆนี้ได้ ส่วนตัวแล้วไม่เคยอ่านงานของคนนี้มาก่อนเลย แต่พออ่านไปแล้ว อารมณ์ตอนอ่านเหมือนกำลังอ่านของ Nicholas Spark เลย ฟีลความอบอุ่นหัวใจแต่ก็ดราม่าแบบหน่วงๆ ยิ้มทั้งน้ำตาพอๆกัน โครงเรื่องแหวกแนว ภาษาละมุนละไม รวมทั้งประเด็นเสียดสีสังคม และเสียดสีขนบนิยายโรแมนติกเนี่ย บอกเลยว่าอ่านละขำ เพราะมันเห็นภาพชัดมากๆ ชัดเกินจนต้องห

'พร่างพรายในความเงียบงัน (In der stille)' 9/10 นานแล้วที่ไม่ได้อ่านนิยายไทยที่ประทับใจแบบนี้

อบอุ่น | ละมุน | ตื้นตัน | เศร้าโศก

ไม่น่าเชื่อว่าทุกอารมณ์จะรวมอยู่ในนิยายเล่มเล็กๆบางๆนี้ได้ ส่วนตัวแล้วไม่เคยอ่านงานของคนนี้มาก่อนเลย แต่พออ่านไปแล้ว อารมณ์ตอนอ่านเหมือนกำลังอ่านของ Nicholas Spark เลย ฟีลความอบอุ่นหัวใจแต่ก็ดราม่าแบบหน่วงๆ ยิ้มทั้งน้ำตาพอๆกัน โครงเรื่องแหวกแนว ภาษาละมุนละไม รวมทั้งประเด็นเสียดสีสังคม และเสียดสีขนบนิยายโรแมนติกเนี่ย บอกเลยว่าอ่านละขำ เพราะมันเห็นภาพชัดมากๆ ชัดเกินจนต้องหัวเราะออกมาดังๆเลย

สรุปแล้วเรื่องนี้มันทำให้เราวางเล่มนี้ไม่ลงจริงๆ
คนเขียนเก่งมากที่ทำให้ประเด็นที่มันไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกัน มาผสมผสานกันอย่างกลมกลืน จนกลมกล่อมขนาดนี้

นานแล้วนะที่ไม่ได้อ่านนิยายจนถึงเช้าขนาดนี้
ขอบคุณนักเขียนคนนี้จริงๆ คุณทำให้วงการนิยายไทยก้าวไปอีกขั้นแล้ว
ขอบคุณค่ะ "มาภา"

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

....เราอยู่ห่างแค่หนึ่งก้าวจากชีวิตที่จะต่างไปอย่างสิ้นเชิงเพราะการตัดสินใจชั่ววินาทีเดียว หลังอาหารถ้าไม่เดินหนึ่งพันก้าวก็ให้นอนหลับ

#นิทรา ว่าที่อดีตแพทยศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยม ลูกสาวคนเดียวของแม่ม่ายนักแปลชื่อดังที่สูญเสียสามีนายร้อยไปเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก นิทราในวัย 24ปีย้ายมาอยู่มอนตาฟาน เมืองเล็กๆในหุบเขาของประเทศออสเตรียตามคำชวนของชายแปลกหน้าที่รู้จักกันที่ผับที่เธอทำงานในวอชิงตันดี.ซีได้เพียงสองสัปดาห์

#โทเบียส ช่างไม้ผิวขาว นัยน์ตาสีเมฆฝนวัย 29ปี ลูกชายคนเดียวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผ

....เราอยู่ห่างแค่หนึ่งก้าวจากชีวิตที่จะต่างไปอย่างสิ้นเชิงเพราะการตัดสินใจชั่ววินาทีเดียว หลังอาหารถ้าไม่เดินหนึ่งพันก้าวก็ให้นอนหลับ

#นิทรา ว่าที่อดีตแพทยศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยม ลูกสาวคนเดียวของแม่ม่ายนักแปลชื่อดังที่สูญเสียสามีนายร้อยไปเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตก นิทราในวัย 24ปีย้ายมาอยู่มอนตาฟาน เมืองเล็กๆในหุบเขาของประเทศออสเตรียตามคำชวนของชายแปลกหน้าที่รู้จักกันที่ผับที่เธอทำงานในวอชิงตันดี.ซีได้เพียงสองสัปดาห์

#โทเบียส ช่างไม้ผิวขาว นัยน์ตาสีเมฆฝนวัย 29ปี ลูกชายคนเดียวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้เข้มแข็งที่ให้กำเนิดเขาในวัย 17ปีและยอมรับเงินเลี้ยงดูจากชายที่ไม่ได้คิดจะสร้างครอบครัวแต่เต็มใจทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ

กว่าครึ่งเรื่องเป็นเหมือนภาพสะท้อนชีวิตประจำวันของสาวไทยอารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้าและติดเหล้า ที่หนุ่มออสเตรียใจดี อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจและค่อนข้างตามใจคอยดูแล โดยมีเส้นบางๆคั่นระหว่างมิตรภาพของเพื่อนร่วมบ้าน เพื่อนร่วมเตียงหรือคนรักที่มีหลายเหตุการณ์ชวนให้ทั้งคู่เกือบจะเกินเลยเพราะอารมณ์และบรรยากาศของความเหงา เป็นวิธีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของนางเอกเป็นส่วนใหญ่

ในเล่มแสดงให้เห็นถึงความต่างของวัฒนธรรมและความคิดของชาวต่างชาติ เช่น อุดมการณ์ของช่างไม้ที่ต้องรักป่าและใช้ไม้อย่างมีคุณค่า การซื่อตรงและซื่อสัตย์ต่อเวลาการทำงาน การให้ความเสมอภาคที่จะไม่ช่วยผู้หญิงถือของ รวมทั้งอาหารประเภทต่างๆที่เชื่อได้ว่านักเขียนน่าจะเคยสัมผัสบรรยากาศที่นั่นมาจริงๆ

ปมทุกอย่างของเรื่องจะอยู่ค่อนไปทางท้ายเล่มถึงความอ่อนไหว ชอบความเงียบ ชอบสีและความทึมเทาของเมฆฝน ต้องการความรักความอบอุ่นแต่ก็กลัวความผูกพันและการจากลาที่ทำให้นางเอกทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทย แต่ที่ทึ่งกว่าคือความดีงาม ความเสียสละและความรักที่ยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนึงที่มีลมหายใจเพื่อทำทุกอย่างให้คนที่ตนรักเพราะเรื่องนี้เป็นชีวิตจริงของสาวไทยคนนึงที่วันนี้เธอคงไม่ได้เป็นแบบนี้หากไม่เกิดเรื่องราวในวันนั้น

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Jun 29, 2020 Ninz Khanin rated it it was amazing

This review has been hidden because it contains spoilers. To view it, click here. เรื่องราวของสาวไทยนาม 'นิทรา' ที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่ออสเตรียในเมืองอันเงียบเชียบอย่าง 'มอนตาฟอน' เพียงเพราะคำเชิญชวนของเจ้าถิ่นอย่าง 'โทเบียส' หลังจากพบกันได้เพียงไม่นานที่ผับแห่งหนึ่งในวอชิงตันดี.ซี. ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า 'เพียงแค่ร่วมบ้าน' ใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกัน แต่ไร้ซึ่งความสัมพันธ์เกินเลย และห้ามบอกความรู้สึกของกันและกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ หากแต่ในความเงียบสงบของคนทั้งคู่ กลับเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย อันเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่คอยแต่จะดึงดูดเข้าหากัน อีกทั้ง การใช้ชีวิตอย่างไม่อยากมี เรื่องราวของสาวไทยนาม 'นิทรา' ที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่ออสเตรียในเมืองอันเงียบเชียบอย่าง 'มอนตาฟอน' เพียงเพราะคำเชิญชวนของเจ้าถิ่นอย่าง 'โทเบียส' หลังจากพบกันได้เพียงไม่นานที่ผับแห่งหนึ่งในวอชิงตันดี.ซี. ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า 'เพียงแค่ร่วมบ้าน' ใช้ชีวิตเรียบง่ายร่วมกัน แต่ไร้ซึ่งความสัมพันธ์เกินเลย และห้ามบอกความรู้สึกของกันและกันให้อีกฝ่ายได้รับรู้ หากแต่ในความเงียบสงบของคนทั้งคู่ กลับเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย อันเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่คอยแต่จะดึงดูดเข้าหากัน อีกทั้ง การใช้ชีวิตอย่างไม่อยากมีวันพรุ่งนี้ของนิทรา ก็เป็นดั่ง 'ปริศนา' ที่กีดกันความสัมพันธ์เธอและโทเบียส ให้เหมือนกับบรรยากาศของมอนตาฟอนที่ถูกปกคลุมไว้ภายใต้ความเงียบงันอันชวนให้เกิดความสงสัยใคร่รู้อีกด้วย

ประเด็นแรกที่อยากจะพูดถึงก็คือความเป็นตัวละครที่มีลักษณะซับซ้อน ( round character ) ของนิทรา ซึ่งมีความแตกต่างไปจากขนบของนางเอกในนวนิยายทั่วๆ ไป ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวละแบบแบน ( flat character ) แสดงแต่ด้านดีให้ผู้อ่านเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนวนิยายไทยที่ตัวละครเอกเพศหญิงเหมือนถูกตีกรอบด้วยความเป็น 'หญิงไทย' อีกหนึ่งชั้น คือต้องเป็นคนที่มีจิตใจดี เป็นกุลสตรี และมีความรักนวลสงวนตัวไม่ชิงสุกก่อนห่าม เป็นต้น ซึ่งแรกเริ่มเดิมที จากการที่คนเขียนใช้วิธีการเล่าย้อน (flashback) ให้ผู้อ่านได้เห็นภาพในอดีตที่คอยแทรกเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง ตัวละครนิทราในอดีตเองก็ไม่ได้มีความแตกต่างไปจากขนบของนางเอกนวนิยายไทยเท่าไหร่นัก คือเป็นเด็กดี เป็นลูกที่ดีของแม่ อยู่ในค่านิยมที่คนเก่งจะต้องเรียนหมอ มีชีวิตที่สวยงาม และเลือกเรียนต่อในทางสายแพทย์ฉุกเฉินตามคำแนะนำของอาจารย์หมอเพราะเห็นว่าสามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้คนได้มากมาย หากเปรียบเทียบเป็นผืนผ้าใบ ก็คงไม่ต่างไปจากผืนผ้าใบสีขาวสะอาดเอี่ยมที่ยังไม่เคยมีจิตกรคนใดได้นำสีลงไปแต่งแต้ม ไร้ซึ่งจุดด่างพร้อยใดๆ ที่จะทำให้คนอ่านมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อตัวนิทรา ทว่าเมื่ออยู่ในช่วงเวลาปัจุบัน คนเขียนกลับกล้าที่จะฉีกนิทราของผู้อ่านให้แตกต่างออกไป ถึงจะยังคงมีส่วนดีคือเลือกที่จะคิดและทำแต่สิ่งดีๆ ให้กับพระเอกของเรื่อง แต่ภาวะภายในอันซับซ้อนของเธอกลับถูกสร้างขึ้นใหม่ด้วยการใส่อาการป่วยอย่าง Post-Traumatic Stress Disorder หรือความผิดปกติที่เกิดจากการบาดเจ็บทางจิตใจลงไป และการสูญเสียผู้เป็นแม่คือสาเหตุของอาการทางจิตที่ทำให้นิทราไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เธอกลายเป็นตัวละครที่มีประวัติการฆ่าตัวตาย ติดสุรา เหม่อลอย และฝันร้าย เพราะปมบาดแผลในใจที่คิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ตายจากการทุ่มเทเป็นหมอที่ดีจนไม่มีเวลาดูแลอาการกรดไหลย้อนของผู้เป็นแม่อย่างใกล้ชิด และบสดแผลภายในจิตใจอันบาดลึกไม่ต่างไปจากรอยแผลเป็นกรีดลึกที่ข้อมือของนิทรานี้เอง ที่ส่งผลให้ชีวิตอันดีงามของเธอกลับตาลปัตรเปลี่ยนแปลงไป จากนักศึกษาแพทย์ที่เห็นคุณค่าของชีวิตมากกว่าสิ่งอื่น กลับทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อหลบหนีความจริงจนกลายเป็นผู้หญิงติดเหล้า จากสาวไทยรักนวลสงวนตัวที่ควรมีเพศสัมพันธ์หลังการแต่งงาน เธอกลับบินตรงสู่วอชิงตันดี.ซี.และมีอะไรกับผู้ชายเฉพาะตอนที่เธอเมาแบบไม่ซ้ำหน้า จากคนที่เคยสดใสร่าเริง มีความสุขกับชีวิต กลับกลายเป็นผู้หญิงที่โศกเศร้า และเลือกที่จะหลอกทั้วตัวเองและผู้อื่นว่าเธอยังปกดี และยิ่งไปกว่า นิทรากลายเป็นคนที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุและผลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก เมื่อนางเอกนิยายทั่วไปมักมีหัวใจรักที่บริสุทธิ์ ปราศจากความคิดที่อยากจะครอบครอง ทว่านิทราเป็นนางเอกที่ตรงกันข้าม การโดดเดี่ยวไม่เหลือใครทำให้เธอมีความคิดว่าเธออยากทำทุกอย่างเพื่อให้โทเบียสเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว อย่างการที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าจุดประสงค์ในการแต่งงานกันก็เพื่อให้ค่ารักษาอาการป่วยทางจิตของเธอถูกลง แต่เธอก็ยังเลือกที่จะแต่ง เพราะนั่นจะทำให้โทเบียสเป็นของเธอคนเดียว และเหมือนเป็นการแปะป้ายแสดงความเป็นเจ้าของในแบบที่เธอต้องการ ซึ่งจากทั้งหมดที่กล่าวมา บาดแผลภายในใจจิตใจของนิทรานี้เอง ที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวละครอันซับซ้อนในแบบที่แตกต่างจากขนบของนางเอกนิยายไทยทั่วๆ ไป และไม่ใช่ในแบบที่ผู้อ่านจะเห็นได้บ่อยนักในนวนิยายรักที่ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครเพียงอย่างเดียว

ประเด็นที่สองคือเรื่องวิวัฒนาการของตัวละคร ( dynamic ) เพราะถึงแม้ว่าบาดแผลอันบาดลึกจะทำให้นิทราใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่อยากจะมีวันพรุ่งนี้มาตั้งแต่ต้น แต่เธอเองก็พยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นคนที่ดีกว่าเดิม ซึ่งส่วนหนึ่งอันเป็นส่วนสำคัญคงมาจากโทเบียส ที่เปรียบเสมือนแสงสว่างอันงดงามที่เธออยากก้าวข้ามปัญหาทางจิตใจของตัวเองไปให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นการที่เธอพยายามต่อสู้กับอาการติดเหล้าของตัวเอง พยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางดื่มมันให้น้อยลง ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่เธอพยายามไม่ใช้เหล้าในการแก้ปัญหาจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้อาการของเธอย่ำแย่ลงกว่าก็ตาม แต่เธอก็เลือกที่จะลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของเธอให้น้อยลงจนในช่วงหลังๆ จากหญิงสาวที่พกพาอาการติดเหล้ามาตั้งแต่วอชิงตันดี.ซี.ก็สามารถที่จะดื่มน้อยลงจนกลายเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้าไปได้ หรือแม้กระทั่งการตัดสินใจเรียนภาษาเยอรมันที่ใช้กันในออสเตรีย ที่แม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีเธอจะบอกกับผู้อ่านว่าเธอตัดสินใจเรียนเพราะอยากให้ตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของมอนตาฟอน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอกลับพูดถึงสาเหตุของการเรียนอีกครั้ง ว่าหลังจากที่เรียนหมอ ภาษาเยอรมันคือสิ่งที่ทำให้เธอกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง เธออยากทำให้แม่ที่เสียชีวิตไปแล้วของเธอภูมิใจที่เธอสามารถผ่านระดับของภาษาแบบข้ามขั้นได้ไปได้ ซึ่งมันคือการที่เธอเลือกที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอีกครั้งภายหลังจากที่เธอละทิ้งชีวิตนักศึกษาแพทย์ไปอย่างไร้ค่า เหมือนเป็นการตั้งใจและเริ่มต้นใหม่ ก้าวข้ามความล้มเหลวที่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกกับใครว่าเธอเคยเรียนอะไรมา ให้เธอได้มองเห็นเส้นทางใหม่ๆ ในชีวิต และกลายมาเป็นนักแปลเพื่อหาเลี้ยงชีพของตัวเองได้อย่างที่แม่ของเธอเคยเป็น นอกจากนี้ การยอมเข้ารับการรักษาก็เป็นอีกหนึ่งการวิวัฒนาการที่สำคัญของตัวละครอย่างนิทราที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปจากที่มันเคยผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้วหนึ่งครั้ง เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่การกินยาให้หาย แต่มันต้องใช้จิตใจที่เข้มแข็งอย่างมากในการก้าวข้ามบาดแผลที่ยังคงตอกย้ำให้เห็นภาพของแม่ผู้ที่นอนกำโทรศัพท์ด้วยร่างไร้ลมหายใจภายหลังจากที่คุยโทรศัพท์สายสุดท้ายกับเธอ และถึงแม้ว่ามันจะยากเย็นสักเพียงใด หากแต่ความอยากเป็นคนที่ดีขึ้นอย่างที่โทเบียสเคยขอไว้ ว่า "หมดเวลาเป็นดักแด้น้อยแล้วนะ ถึงเวลาที่นิทราต้องกางปีกแล้วละ" ก็ทำให้นิทราสามารถผ่านพ้นการรักษาไปได้ มีความกล้าและความเข้มแข็งภายในจิตใจมากพอที่จะเลิกโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ตายและสามารถที่จะบอกหมอได้ว่าอะไรคือข้อดีของการที่แม่ของเธอจากโลกใบนี้ไป ซึ่งหากเปรียบวิวัฒนาการในตอนท้ายของตัวละครนิทราเข้ากับวิวัฒนาการในการเจริญเติบโตของหนอนผีเสื้อแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่ต่างจากผีเสื้อที่สบายปีกออกจากคราบดักแด้ ตื่นขึ้นจากฝันร้าย และโลยบินไปสู้ชีวิตที่สวยงาม

ประเด็นสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือเรื่องของความตายของตัวละครหลักอย่างโทเบียสในช่วงท้ายของเรื่อง เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว การตายของพระเอกหรือว่านางเอกในนวนิยาย ผู้เขียนมักที่จะขับเน้นให้กลายเป็นความโศกเศร้า บีบคั้นความรู้สึกเพื่อเรียกน้ำตา และปิดจบอย่างสลักรอยลึกลงไปในใจของผู้อ่านให้จดจำ ทว่าการตายของพระเอกในพร่างพรายในความเงียบงัน นี้ กลับเป็นการตายที่เรียบง่าย เป็นการตายที่แสดงให้เห็นว่าคนที่ยังอยู่จะต้องจัดการทุกอย่างอย่างไร ตั้งแต่ขั้นตอนของการจัดงาน การเตรียมพร้อมของคนตายอย่างโทเบียสที่จัดเตรียมไว้ให้กับนิทราภายหลังจากที่เขาไม่อยู่แล้ว ไปจนถึงการเช่าสุสานสามปีเพื่อฟังร่างของผู้ตายเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น การตายของโทเบียส นอกจากที่จะเรียบง่ายและรายเรียบแล้ว ยังเป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนบททดสอบครั้งสำคัญในการวิวัฒนาการของตัวละครอย่างนิทราอีกด้วย เพราะในขณะที่กำลังทำการรักษาเพื่อก้าวข้ามความสูญในอดีต ทว่านิทรากลับต้องมารู้ว่าเธอเองก็กำลังที่จะสูญเสียโทเบียสไปด้วยโรคมะเร็งปอดที่เกิดจากการทำงานในโรงงานไม้ และนั่นทำให้นิทราต้องยิ่งเข้มแข็งขึ้น กลับมาเป็นคนที่ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง เพื่อให้เวลาที่เหลืออยู่ของพวกเขาสองคนมีค่าที่สุดเท่าที่จะมีค่าได้ และนั่นทำให้เมื่อโทเบียสจากไป มันจึงไม่ใช่ความโศกเศร้าอย่างไร้จุดหมายปละฉุดให้ตัวละครนิทราถูกดึงให้ดำดิ่งลง แต่การตายของโทเบียส "เป็นการจากไปเพื่อให้ชีวิตของคนอยู่มีความหมายมากขึ้น" อย่างที่แม่ของโทเบียสได้บอกกับนิทราไว้

พร่างพรายในความเงียบงันจึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่นวนิยายรักที่พูดถึงเฉพาะเพียงแค่การพัฒนาทางความรักความสัมพันธ์ของตัวละครสองตัวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นนิยายที่เสนอถึงปัญหาทางด้านจิตใจอย่างจริงจัง และเลือกที่จะแสดงให้เห็นว่า แม้การสูญเสียจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายและเจ็บปวดสักเพียงใด ขอเพียงเราอยากที่จะก้าวข้ามความเจ็บปวดเหล่านั้นเพื่อกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมทั้งต่อตัวเองก็ดีหรือเพื่อคนที่อยู่รอบข้างก็ดี ท้ายที่สุดแล้ว เราจะสามารถตื่นจากฝันร้าย และกลายเป็นดั่งผีเสื้อที่ออกจากดักแด้ และโบยบินไปอย่างเป็นสุขด้วยปีกที่กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

( รีวิวนี้ เขียนไว้เมื่อตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2560 )

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Nov 19, 2016 nananatte rated it really liked it

เพื่อนสาวคอนิยายไทยส่งหนังสือ "พร่างพรายในความเงียบงัน" ผลงานล่าสุดของคุณมาภา(พ.ย. 59) มาให้พร้อมบอกว่า "เรื่องนี้เธอต้องอ่าน! เรื่องพร่างพรายฯ นี้เป็นงานที่พีคที่สุดแล้วของคุณมาภา คนชมกันเกรียวมากในเว็บเด็กดี"

ฉันรับนิยายขนาด 332 หน้ามาจากเธอ ผู้ใจดีให้ฉันยืมนิยายไทยเป็นระยะๆ และเริ่มอ่านแบบอ่านๆ หยุดๆ มา 15 วันในที่สุดก็จบลง

เวลาอ่านนิยายหรือเรื่องสั้น มันแบ่งออกได้ชัดๆ เป็นสองแบบนะคะ ว่าหนังสือเล่มนั้นเด่นเรื่องไหน ระหว่างเด่นพล็อต กับเด่นเทคนิคการเล่า
เรื่องเด่นพล็อตมันชัดอยู่แล้วว่าเนื้อหาต้อ

เพื่อนสาวคอนิยายไทยส่งหนังสือ "พร่างพรายในความเงียบงัน" ผลงานล่าสุดของคุณมาภา(พ.ย. 59) มาให้พร้อมบอกว่า "เรื่องนี้เธอต้องอ่าน! เรื่องพร่างพรายฯ นี้เป็นงานที่พีคที่สุดแล้วของคุณมาภา คนชมกันเกรียวมากในเว็บเด็กดี"

ฉันรับนิยายขนาด 332 หน้ามาจากเธอ ผู้ใจดีให้ฉันยืมนิยายไทยเป็นระยะๆ และเริ่มอ่านแบบอ่านๆ หยุดๆ มา 15 วันในที่สุดก็จบลง

เวลาอ่านนิยายหรือเรื่องสั้น มันแบ่งออกได้ชัดๆ เป็นสองแบบนะคะ ว่าหนังสือเล่มนั้นเด่นเรื่องไหน ระหว่างเด่นพล็อต กับเด่นเทคนิคการเล่า
เรื่องเด่นพล็อตมันชัดอยู่แล้วว่าเนื้อหาต้องล้ำ หลอกคนดูหรือตลบหลังคนดูได้ตลอด พูดง่ายๆ คือคนดูคาดไม่ถึงว่าจะได้อ่านอะไรแบบนี้
ส่วนเด่นเทคนิคการเล่านี่แบ่งได้เป็นหลายส่วน เช่น การลำดับเรื่อง การคุมโทนและบรรยากาศในเรื่อง การใช้สัญลักษณ์ ฯลฯ

สำหรับฉัน เรื่องพร่างพรายฯ ของคุณมาภา เป็นแนวเด่นเทคนิคในการเล่าค่ะ
ส่วนตัวชอบครึ่งเล่มแรกมากกว่าครึ่งเล่มหลัง ครึ่งเล่มแรกฉันให้ 5/5 เลยทีเดียว เพราะวิธีการเล่ากับการคุมบรรยากาศ การปล่อยปลาตัวเล็กตัวน้อยมาคอยให้คนอ่านค่อยๆ ตอดทีละเล็กละน้อย เหมือนอ่านนิยายนักสืบแล้วต้องคอยปะติดปะต่อเรื่องราวเอง ทำเอาเริ่มอ่านแล้วหยุดไม่ได้ ครึ่งเล่มแรกได้คะแนนเต็มค่ะ

พาร์ทโรแมนติกก็มากันเต็มทุกหน้า อ่านแล้วจะอยากได้แฟนเป็นหนุ่มต่างชาติใจดีมีเคราเล็กๆ ขึ้นมาโดยพลัน เพราะ "โทเบียส" พระเอกของเรื่องนี่ดีเกินกว่าที่มนุษย์ผู้ชายแบบ 3D จะมีตัวตนอยู่จริงค่ะ

พอผ่านไปครึ่งเล่ม เราจะประมาณได้คร่าวๆ แล้วว่าชีวิตของนางเอกก่อนมาอยู่ออสเตรียเกิดอะไรขึ้น และนางเอกเป็นอะไรอย่างไรทำไมกันแน่ถึงมาอยู่ออสเตรีย แต่คือแค่เห็นภาพกว้าง ยังไม่เห็นเหตุการณ์แน่ชัดที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ ปมทั้งหมดถูกเก็บมาขมวดไว้ในช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่องช่วงท้าย พร้อมเปิดประเด็นใหม่ที่เรียกน้ำตาคุณเพื่อนดิฉันจนหมดทิชชูไปหลายกล่อง แต่พาร์ทดราม่าช่วงหลังไม่เรียกน้ำตาฉันน่ะค่ะ คงเพราะประทับใจกับช่วงครึ่งแรกของเรื่องไปมากกว่าแล้ว (ถ้าเคยชินกับนิโคลัส สปาร์กกับซีรีย์เกาหลี คิดว่าเรื่องพร่างพรายฯ ไม่น่าเรียกน้ำตาค่ะ)

จุดเด่นของเรื่องนี้คือ:
๑. ฉากหลังเป็นเมืองในออสเตรีย ซึ่งอากาศดี สวยงาม ผู้คนน่ารัก ใจดี คุณมาภาเล่าเรื่องราวเมืองนี้และใช้ภาษาเยอรมันได้น่าติดตามเหมือนได้อ่านงานเขียนยุคปี 2525 - 2535 ที่นักเขียนนิยมเขียนงานส่งมาจากต่างประเทศน่ะค่ะ ทำให้ได้ฉากหลัง บรรยากาศ การใช้ชีวิตสมจริงเหมือนเราได้ไปเที่ยวออสเตรียด้วยเลย (คุณมาภาเคยทำงานที่ออสเตรียตามประวัติผู้เขียนที่ระบุไว้ท้ายเล่มค่ะ)

๒. ภาษา เราคิดว่าคุณมาภามีภาษาที่สวยจนเราตกใจเลยค่ะ เราถึงขั้นต้องถามเพื่อนซึ่งเป็นแฟนคลับของคุณมาภาว่าเธอใช้ภาษาได้สวยขนาดนี้มาแต่แรกรึเปล่า เพราะเราเคยอ่านงานอีกเรื่องนึงของเธอมาก่อน แต่เราว่ามันไม่ได้สวยงามขนาดเรื่องพร่างพรายฯ นะคะ มันไม่ได้หวานเลี่ยน ไม่ได้ประดิษฐ์ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นนิยายแปล และไม่มีการใช้ประโยคเยิ่นเย้อพร่ำเพ้อชนิดที่อ่านข้ามได้เป็นย่อหน้าแบบที่เราทำอยู่บ่อยๆ เวลาอ่านนิยายไทย เราว่าภาษาของคุณมาภาเป็นภาษาที่น้อยและสวยค่ะ

๓. โทน เหตุผลที่เราว่าครึ่งแรกของเรื่องเราให้คะแนนเต็ม เพราะเรื่องนี้ฝีมือการเขียนของคุณมาภาเอาเรื่องอยู่หมัดจริงๆ ค่ะ เราถึงกับบอกเพื่อนเลยว่า เรื่องนี้ทำให้เราคิดถึง Blu&Rosso คุณมาภาเขียนเรื่องนี้ได้ในโทนเย็นๆ เหงาๆ ล่องลอยๆ แบบนั้นเลยค่ะ

เป็นผลงานที่ดีใจจังเลยที่ได้อ่าน และดีใจจังเลยว่ามีนิยายไทยสนุกๆ แบบนี้ด้วย
อ่านแล้วจมลงไปในอารมณ์ในเรื่องดีจังเลยค่ะ สรุปว่าเรื่องนี้ชอบค่ะ :-)

เราให้เรื่องนี้ 4.35/5.00 ค่ะ

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

พร่างพรายในความเงียบงัน...เรารู้สึกอย่างนี้จริงๆ นะหลังจากได้อ่านจนจบถึงตัวสุดท้าย

นิยายไทยขนาดบางๆ เล่มนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึก ความรักอันเรียบง่ายโรแมนติก ความเหงาเศร้า ความสุขสดใสร่าเริง มีข้อคิดชีวิตที่ดูเหมือนเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่ในสังคมไทยเราไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก คุณมาภาถ่ายทอดสอดแทรกมันลงไปในเรื่องได้ดีมากๆ สะท้อนวิธีคิด ค่านิยม และอื่นๆ อีกมากมายของคนทางฝั่งยุโรป ที่ไม่ได้ดูเหมือนปั้นแต่งประดิษฐ์ให้เป็นนิย้ายนิยาย หรือจงใจสอน พาให้เราคนอ่านถูกดึงดูดเข้าไปในเรื่อง ได้ย้อนคิ

พร่างพรายในความเงียบงัน...เรารู้สึกอย่างนี้จริงๆ นะหลังจากได้อ่านจนจบถึงตัวสุดท้าย

นิยายไทยขนาดบางๆ เล่มนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึก ความรักอันเรียบง่ายโรแมนติก ความเหงาเศร้า ความสุขสดใสร่าเริง มีข้อคิดชีวิตที่ดูเหมือนเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่ในสังคมไทยเราไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก คุณมาภาถ่ายทอดสอดแทรกมันลงไปในเรื่องได้ดีมากๆ สะท้อนวิธีคิด ค่านิยม และอื่นๆ อีกมากมายของคนทางฝั่งยุโรป ที่ไม่ได้ดูเหมือนปั้นแต่งประดิษฐ์ให้เป็นนิย้ายนิยาย หรือจงใจสอน พาให้เราคนอ่านถูกดึงดูดเข้าไปในเรื่อง ได้ย้อนคิดถึงตัวเองว่าจริงๆ แล้ว ความสุขของคนเราก็มีเท่านี้เอง

หนังสือเล่มนี้ให้ทั้งความบันเทิง ให้ความคิด ให้ความสุข เรามองเห็นภาพตัวละครชัดมากๆ โดยเฉพาะโทเบียส นิสัยใจคอเขาเหมือนคนออสเตรีย คนสวิสหลายๆ คนที่เรารู้จักจริงๆ เป็นเรื่องราวที่อบอุ่นละมุนละไมมากๆ ถ้าเปรียบเป็นของหวาน พร่างพรายในความเงียบงันเหมือนดาร์คช็อกโกแลตชีสเค้ก กลมกล่อม หอมหวานและลงตัว

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Jun 20, 2017 Wanyiwa rated it really liked it

เป็นเรื่องราวชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เปิดเรื่องที่เธอเดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรียกับชายหนุ่มช่างไม้ชาวออสเตรียที่ชวนเธอให้มาอยู่ด้วย และเธอก็ตัดสินใจมากับเขาเพราะต้องการจะทิ้งเหตุการณ์บางอย่างในอดีตไว้ข้างหลัง ถือเป็นการเดินเรื่องในโทนเหงาๆ ทำให้มองเห็นความรู้สึกหม่นๆของตัวละครและอาการจิตเวชบางอย่างของเธอ

การเล่าเรื่องเป็นลักษณะการเล่าย้อนหลังเป็นช่วงๆ เพื่อให้คนอ่านได้ค่อยๆเห็นภาพในอดีตที่ค่อยๆปะติดปะต่อของหญิงสาว สาเหตุของอาการทางจิตเวช สาเหตุของการเดินทางมาออสเตรีย และสาเหตุของการเลือก

เป็นเรื่องราวชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เปิดเรื่องที่เธอเดินทางมาอาศัยอยู่ในประเทศออสเตรียกับชายหนุ่มช่างไม้ชาวออสเตรียที่ชวนเธอให้มาอยู่ด้วย และเธอก็ตัดสินใจมากับเขาเพราะต้องการจะทิ้งเหตุการณ์บางอย่างในอดีตไว้ข้างหลัง ถือเป็นการเดินเรื่องในโทนเหงาๆ ทำให้มองเห็นความรู้สึกหม่นๆของตัวละครและอาการจิตเวชบางอย่างของเธอ

การเล่าเรื่องเป็นลักษณะการเล่าย้อนหลังเป็นช่วงๆ เพื่อให้คนอ่านได้ค่อยๆเห็นภาพในอดีตที่ค่อยๆปะติดปะต่อของหญิงสาว สาเหตุของอาการทางจิตเวช สาเหตุของการเดินทางมาออสเตรีย และสาเหตุของการเลือกใช้ชีวิตอยู่กับชายหนุ่มคนนี้ ตัวละครดูเรียลและทำให้เรารู้สึกเหมือนสามารถจับต้องความรู้สึกของตัวละครได้ นักเขียนยังสามารถทำให้เรารู้สึกได้ถึงความดีงามของพระเอกและบาดแผลในใจของนางเอก และยังทำให้เรารู้สึกสะอื้นได้แม้เนื้อเรื่องจะจบไปแล้วก็ตาม

เป็นเรื่องที่เล่าในโทนเนิบนาบและหม่นเศร้า แต่กลับสามารถทิ้งความหน่วงไว้ในอารมณ์ได้แบบนึกไม่ถึงทีเดียว

...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

นิยายไม่เล่าเรื่องอะไรมาก เล่าเป็นเส้นตรงสลับกับอดีตของหญิงสาวกับแม่ นั้นทำให้สงสัยว่าอะไรคือเหตุผลทำให้สาวต้องวิ่งหนีจากโลกวุ่นวายมาอยู่ออสเตรียกับเขา ผู้ชายเรียบง่ายพูดน้อย ที่มาของชื่อเรื่อง พร่างพรายในความเงียบงัน มันน่าสงสัยเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ดูเหมือนลึกลับ อบอุ่น เก็บตัว เป็นช่างไม้ ครึ่งแรกเหมือนเล่าชีวิตประจำวัน เวลาผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวา
กระทั่งครึ่งเรื่องหลังเพิ่มความกดดัน เข้มขน ภ่วะด้านอารมณ์ และความหลังเปิดเผยของเหตุผลของคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าฉันเสียน้ำตาไป
นิยายไม่เล่าเรื่องอะไรมาก เล่าเป็นเส้นตรงสลับกับอดีตของหญิงสาวกับแม่ นั้นทำให้สงสัยว่าอะไรคือเหตุผลทำให้สาวต้องวิ่งหนีจากโลกวุ่นวายมาอยู่ออสเตรียกับเขา ผู้ชายเรียบง่ายพูดน้อย ที่มาของชื่อเรื่อง พร่างพรายในความเงียบงัน มันน่าสงสัยเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ดูเหมือนลึกลับ อบอุ่น เก็บตัว เป็นช่างไม้ ครึ่งแรกเหมือนเล่าชีวิตประจำวัน เวลาผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวา
กระทั่งครึ่งเรื่องหลังเพิ่มความกดดัน เข้มขน ภ่วะด้านอารมณ์ และความหลังเปิดเผยของเหตุผลของคนสองคนมาอยู่ด้วยกัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าฉันเสียน้ำตาไปกับเรื่องนี้มาก แต่มันคือสัจจะชีวิต ชีวิตไม่ได้สวยงามสมบูรณ์ ไม่เหมือนภาพทีาวาดฝันไว้ ชีวิตมันก็เท่านี้...
...more

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Aug 19, 2018 keep cold rated it really liked it

เป็นนิยายที่มีโครงเรื่องมาจากเรื่องจริง ที่อ่านไปเรือยๆ เนิบๆ ช้าๆ
แต่กลับหยุดอ่านไม่ได้เลยจริงๆ ความเศร้าหม่นๆ
ความรู้สึกตื้อๆ หลังอ่านจบมันยังคงมีอยู่
แต่กลับอบอุ่นหัวใจ <3

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

Jan 23, 2017 Chompoo Choti rated it it was amazing

♥♥อ่านแล้วคุยกัน♥♥

หน้ากระดาษสุดท้ายของพร่างพรายในความเงียบงันได้ปิดลง แต่สำหรับคนอ่านกลับเปิดหัวใจออกกว้างเท่าที่จะมากได้เพราะเรื่องนี้เป็นสาเหตุ
.
ถ้าจะนิยามเรื่องพร่างพรายในความเงียบงันว่าเป็นนิยายแนวไหน คงต้องบอกเลยว่ามันเป็น #นิยายรัก ที่ สื่อถึงความรักที่สวยงามในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติอย่างที่สุดโดยปราศจากความหวือหวาอลังการใดๆ แต่มันกลับเป็นความรักที่เรียบง่าย ละเมียดในการสื่อความ และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดมันยังเป็นสิ่งที่ธรรมชาติช่างจัดสรรให้มันเป็นอยู่โดยสมบูรณ์ในตัวของมันเอง
.
.
ตัวละครหลักสองคนค

♥♥อ่านแล้วคุยกัน♥♥

หน้ากระดาษสุดท้ายของพร่างพรายในความเงียบงันได้ปิดลง แต่สำหรับคนอ่านกลับเปิดหัวใจออกกว้างเท่าที่จะมากได้เพราะเรื่องนี้เป็นสาเหตุ
.
ถ้าจะนิยามเรื่องพร่างพรายในความเงียบงันว่าเป็นนิยายแนวไหน คงต้องบอกเลยว่ามันเป็น #นิยายรัก ที่ สื่อถึงความรักที่สวยงามในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติอย่างที่สุดโดยปราศจากความหวือหวาอลังการใดๆ แต่มันกลับเป็นความรักที่เรียบง่าย ละเมียดในการสื่อความ และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดมันยังเป็นสิ่งที่ธรรมชาติช่างจัดสรรให้มันเป็นอยู่โดยสมบูรณ์ในตัวของมันเอง
.
.
ตัวละครหลักสองคนคือ นิทราและโทเบียส เป็นตัวละครที่ต่างก็มีปมเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ทั้งคู่ซึ่งก็เหมือนทุกเรื่องของคนเขียนที่สร้างตัวละครออกมาไม่มีใครเลยจะสมบูรณ์พูนสุขเพราะทุกตัวนั้นมักจะมีปัญหาติดตามมาเสมอ โทเบียสและนิทราต่างก็เป็นคนแปลกหน้าที่ตกลงจะมาอยู่ด้วยกันโดยข้อตกลงคือทั้งสองคนจะไม่มีการพูดถึงความรู้สึกของกันและกัน การดำเนินเรื่องจะเล่าผ่านมุมมองของนิทราคนอ่านจะได้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอ่านไดอารี่ของเธอ เรื่องราวที่เธอเล่าเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ความเป็นอยู่ในเมืองหุบเขาเล็กๆ ของออสเตรียที่หนาวเย็น อาหารการกินเธอทำและเขาทำ การเรียนภาษาที่แม้แต่ตอนมาครั้งแรกแทบจะพูดไม่ได้เลยแม้แต่คำว่าขอโทษ การซื้อของ เรียกว่าทุกเรื่องที่อ่านเราจะรู้สึกว่ามันธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ความธรรมดานี่ล่ะค่ะที่มันเป็นการเล่าเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกร่วมอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปแล้วมันก็จะพาเราไปลึกกว่านั้นอีกคือความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนแบบก้าวชิดก้าว
.
.

เรื่องราวของพล็อตนั้นพูดตามความจริงมันไม่ได้ถึงขั้นซับซ้อนจนทำให้เราอยากรู้อยากเห็นกับปลายทางของความสัมพันธ์ หรือแม้เราอาจจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร #แต่สิ่งสำคัญกว่าคือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทางของเรื่องราวต่างหาก ที่คนเขียนค่อยๆปล่อยให้เราได้รู้สึกร่วมไปกับตัวละคร ให้รู้ว่าสุข ให้รู้ว่าทุกข์ ให้รู้ว่าดีใจ ให้รู้ว่าเสียใจ ตรงนี้ล่ะค่ะที่เราคิดว่าเสน่ห์ของเรื่องราวมันอยู่ที่วิธีการเล่าของคนเขียนที่ทำให้คนอ่านรู้สึกกันตั้งแต่ต้น ดำเนินมากลางทางและก้าวไปสู่จุดหมายปลาทางด้วยความรู้สึกร่วมที่มีไปด้วยกันจนเหมือนว่าเรื่องราวของคนสองคนที่ดำเนินมาคือเพื่อนที่เรามองอยู่ไกลๆ เพื่อนที่เราหวังดีอยากให้เขามีความสุขได้มีความรู้สึกนั้นจริงๆ และเพราะด้วยเหตุนี้ทำไมที่เราอ่านนิยายเล่มไม่หนา เล่าง่ายๆ ดำเนินเรื่องสบายๆ กลับรู้สึกน้ำตาที่มันค่อยๆ ไหลโดยที่เราไม่ต้องบีบเค้นแม้แต่น้อยด้วยแรงสัมผัสของความรักคำสั้นที่มีความหมายกว้างไกลเกินคำจำกัดความ
.
.
ด้วยการติดตามงานของมาภามาทุกเล่มเอกลักษณ์ของคนเขียนมีแน่นอนค่ะอย่างน้อยๆ ก็มีเรื่องของสำนวนและภาษาที่ไม่ต้องคิดคำให้เหนื่อยเพราะคนเขียนนั้นใช้ภาษาง่ายๆ ที่เราเข้าถึงและมันทำให้เรารู้สึกได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่มักจะมากับงานของมาภาในแต่ละเล่มที่อ่านมันคืออาการปิดหนังสือแล้วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างตามมาเสมอ เช่นกับกับเรื่องนี้อ่านจบไปเมื่อคืน ตาบวมมาเกือบครึ่งวัน คำถามที่มีและคำตอบที่ได้รับมันก็ยังคงมีประโยคนี้เป็นสิ่งที่เราคงย้ำคิดเสมอว่า
.
.

#ความทรงจำอาจะเลือนหายไปตามเวลา
#แต่ความรักจะอยู่กับหัวใจเสมอ

...more

News & Interviews

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ

In literature, the term “Gothic” is a notoriously slippery designation. Ask a dozen English professors what it means, and you’ll get a dozen...

Welcome back. Just a moment while we sign you in to your Goodreads account.

นิยาย พระเอก นางเอก เจอกันในผับ จบแล้ว ไม่ ติดเหรียญ