ปัจจัยสำหรับการวางแผนการใช้ทรัพยากร Show การวางแผนการใช้ทรัพยากร มีทั้งทรัพยากรด้านบุคคล ทรัพยากรประเภทวัสดุและอุปกรณ์ และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้มีจำกัด ปัจจัยสำหรับการวางแผนการใช้จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 1.เวลา ทุกคนมีเวลาเท่ากัน คือ มีเวลาเพียงวันละ 24 ชั่วโมง แต่ละคนจะใช้เวลาในการทำงานไม่เท่ากัน แม้จะเป็นงานชนิดเดียวกัน ผู้ที่จัดการกับเวลาได้ดีจึงจะใช้เวลาของแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่า 2.แรงงาน เกี่ยวพันกับสุขภาพ ผู้มีสุขภาพดีย่อมได้เปรียบผู้ที่มีสุขภาพไม่ดีและการที่รู้จักจัดการเรื่องแรงงานจะช่วยให้เสียเวลาในการทำงานน้อยลง 3.ความรู้ สติปัญญา เป็นสิ่งที่ได้มาจากการศึกษา อาจจะได้มาจากโรงเรียน จากชุมชน ท้องถิ่น หรือแหล่งอื่นๆ ในการวางแผนการใช้ทรัพยากรที่เป็นตัวบุคคลจะต้องคำนึงถึงภูมิความรู้ ความถนัดของแต่ละบุคคล เพื่อจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.ความสามารถ เป็นทรัพยากรบุคคลที่แต่ละคนมรไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน ดังนั้น จะต้องพิจารณาความสามารคของแต่ละบุคคลด้วย เพราะการทำงานตรงตามความสามารถจะทำให้ทำงานนั้นได้ดี 5.ทักษะ ในการทำงานบ้านต้องใช้ทักษะกระบวนการทำงาน กระบวนการแก้ปัญหาเมื่อเกิดอุปสรรคหรือข้อผิดพลาดในการทำงาน มีการฝึกฝนทักษะจนเกิดความชำนาญ มีทักษะการจัดการที่ดี เพื่อที่จะทำให้งานบ้านประสบความสำเร็จและเป็นตามแผนที่วางไว้ 6.เงินรายได้ มีความสำคัญมากกว่าทรัพยากรอื่นๆ เพื่อเป็นสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ในครอบครัวจะต้องมีการหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวและบริหารวางแผนการใช้เงินเพื่อความมั่นคงของสมาชิกในครัวเรือน ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการหาเงินรายได้ ได้แก่ ความรู้ สติปัญญา ความสามารถ เวลา แรงงาน และโอกาส (The management resources) ในหลักการจัดการต้องอาศัยกระบวนการจัดการ ซึ่งกระบวนการจัดการนั้นจะต้องนำไปจัดการกับทรัพยากร 4 ประเภท คือ 10.1 ทรัพยากรบุคคล (Man) ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ซึ่งถ้าไม่มีทรัพยากรบุคคลก็จะไม่มีองค์การเกิดขึ้น บุคคลหรือมนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงมีการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม เป็นครอบครัว และเป็นองค์การ ทำงานร่วมกัน ผู้จัดการที่ดีนั้นจะต้องจัดการทรัพยากรบุคคลให้เกิดประสิทธิภาพ โดยจัดบุคลากรให้เหมาะสมกับงานตามที่ตนถนัด (Put the right man in the right job) และจำนวนบุคคลที่เหมาะสมกับขนาด ประเภทขององค์การ 10.2 ทรัพยากรด้านการเงิน (Money) ในครอบครัว เงินได้มาจากรายได้ของสมาชิกในครอบครัว และนำเงินที่ได้ใช้จ่าย ในองค์การอื่น ๆ หากเป็นองค์การธุรกิจ ร้านค้า ห้างหุ้นส่วนหรือ บริษัท เงินที่นำมาบริหารจัดการ ได้จากเงินส่วนตัว หรือ การระดมเงินทุน ผลกำไร หรือการกู้ยืม ส่วนองค์การของรัฐ เงินที่ได้มาจากเงินงบประมาณแผ่นดิน หรือเงินที่องค์การแต่ละแห่งหามาได้ หรือเงินที่ได้รับบริจาค ส่วนองค์การเอกชน เช่น มูลนิธิต่าง ๆ เงินที่ได้อาจจาก การบริจาคหรือการหารายได้ ซึ่งทรัพยากรด้านการเงินขององค์การมีจำนวนจำกัด ดังนั้นผู้บริหารต้องจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ 10.3 ทรัพยากรเครื่องจักรและอุปกรณ์ (Machines) เช่น ที่ดิน ตัวอาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์ ผู้บริหารจัดการต้องดูแลจัดการทรัพยากรให้คุ้มค่า และต้องบำรุง ดูแลรักษาให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทรัพยากรประเภทนี้จะมีมากน้อยเพียงใด ก็จะขึ้นอยู่กับขนาดขององค์การว่าขนาดใหญ่ ขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก ผู้จัดการจะต้องดำเนินการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานและขนาดขององค์การของตน และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและปฏิบัติงานให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ขององค์การนั้น ๆ 10.4 ทรัพยากรวัตถุดิบ (Materials) หมายถึง ปัจจัยการผลิตขององค์การ หรือสินค้าสำเร็จรูป องค์การต่าง ๆ หากมีทรัพยากรบุคคล ทรัพยากรด้านการเงิน ทรัพยากรเครื่องจักรและอุปกรณ์พร้อม แต่ขาดทรัพยากรด้านวัตถุดิบ องค์การไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ เช่น สถานศึกษามีครู อาจารย์ เงิน และเครื่องจักรอุปกรณ์ แต่ไม่มีนักศึกษา สถานศึกษาก็ไม่สามารถผลิตผู้สำเร็จการศึกษาได้ เช่นเดียวกับโรงงานผลิตน้ำตาล ไม่มีอ้อยก็ไม่สามารถผลิตน้ำตาลออกจำหน่ายได้ เป็นต้น 10.2.1. สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อกระบวนการจัดการ (Environment that affects the management processes) การจัดการองค์การต่าง ๆ ผู้บริหารจำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการที่ดีแล้ว สิ่งแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอก ยังมีผลต่อการบริหารงานขององค์การประสบความสำเร็จ เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบต่อองค์การ สภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อกระบวนการจัดการแบ่งเป็น 2 ประเภท คือสภาพแวดล้อมภายใน ประกอบด้วย ระบบงานในองค์การ ผู้มีส่วนได้เสียในองค์การ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมภายนอก ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมทางด้านสังคมและวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมด้านการเมืองและกฎหมาย 10.2.1.1. สภาพแวดล้อมภายใน เป็นตัวชี้วัดให้องค์การรู้ว่า องค์การจะก้าวไปตามเป้าหมายหรือทิศทางที่กำหนดไว้หรือไม่ เพราะผู้บริหารต้องเข้าใจรายละเอียด กำหนด ควบคุม และคอยตรวจสอบอยู่เสมอ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยดี หากมีปัญหาจะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป สาคร สุขศรีวงค์ (2551: 64 – 65) ได้กล่าวว่า สภาพแวดล้อมภายใน มีดังนี้ 1. ระบบงาน หมายถึง กระบวนการหรือวิธีในการทำงานในส่วนต่าง ๆ ขององค์การ เช่น ระบบการตลาด ระบบการผลิต ระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ระบบงานบัญชี ระบบการเงินและระบบข้อมูล เป็นต้น ผู้บริหารจะต้องเป็นผู้กำหนดให้เหมาะสมกับลักษณะและขนาดขององค์การ 2. ผู้มีส่วนได้เสียในองค์การ ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลต่าง ๆ ภายในองค์การที่มีส่วนได้เสีย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การโดยตรงได้แก่ เจ้าของหรือผู้ถือหุ้น คณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน การบริหารงานให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ผู้บริหารจำเป็นต้องทราบบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ที่มีส่วนได้เสียเหล่านั้น 3. สิ่งอำนวยความสะดวก หมายถึง อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนอาคารสถานที่ขององค์การ ผู้บริหารต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้เหมาะสม เพื่อให้สมาชิกในองค์การสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวกและปลอดภัย ผู้บริหารต้องดูแลให้ทุกฝ่ายใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ด้วยความระมัดระวังและคอยตรวจเช็ค ซ่อมแซม ดูแลบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา 10.2.1.2 สภาพแวดล้อมภายนอก ประกอบด้วย 1. สภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ ระบบเศรษฐกิจและสภาวะเศรษฐกิจมีผลต่อการบริหารองค์การเป็นอย่างยิ่ง อันประกอบไปด้วยเรื่องของอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจปัญหาเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และปัญหาการว่างงาน หากสภาพเศรษฐกิจดี การจัดการ ในองค์การก็ดี 2. สภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยี มีผลต่อทรัพยากรต่าง ๆ ของการจัดการไม่ว่าเป็นด้านการผลิตสินค้า และบริการ เช่น การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการผลิต การออกแบบผลิต เป็นต้น 3. สภาพแวดล้อมทางด้านสังคมและวัฒนธรรม เช่น ขนบธรรมเนียม ประเพณี คุณค่าทางสังคม ที่มีผลต่อผลิตภัณฑ์และบริการ เนื่องจากผลิตภัณฑ์และบริการจำเป็นต้องสอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรม กระบวนการจัดการก็ต้องนำมาใช้ให้เหมาะสม 4. สภาพแวดล้อมทางด้านการเมืองและกฎหมายจัดเป็นข้อกำหนดของภาครัฐที่จะใช้ควบคุมหรือเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับองค์การที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ การให้ข้อมูลและการกำกับดูแล 5. สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับงานขององค์การ ได้แก่ คู่แข่งขันที่เป็นบุคคลหรือองค์การที่นำเสนอสินค้า หรือบริการให้ลูกค้ากลุ่มเดียวกับองค์การของตน ลูกค้าที่เป็นบุคคลหรือองค์การที่ซื้อสินค้าหรือบริการขององค์การ ผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย คือ บุคคลหรือองค์การที่จัดหาหรือจัดส่งปัจจัยในการผลิตต่าง ๆ ให้องค์การ ดังนั้นผู้บริหารจำเป็นต้องรู้จัก ทำเลที่ตั้ง จำนวน และจุดเด่นของผู้จัดหาปัจจัยการผลิตให้องค์การ จากสภาพแวดล้อมที่กล่าวมาข้างต้น มีผลต่อกระบวนการจัดการ ดังภาพที่ 1.30 ภาพที่ 1.30 สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อกระบวนการจัดการ ที่มา: ดัดแปลงมาจาก ธงชัย สันติวงษ์ (2539: 24) ทรัพยากรของครอบครัวแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือข้อใดใช้ทรัพยากร แตกต่างกันได้ดังนี้ 1. มาตรฐานการดำรงชีวิต (STANDARD OF LIVING) 2. ขนาดและส่วนประกอบของครอบครัว (SIZE AND COMPOSITION OF THE. FAMILY) 3. วัฏจักรการดำรงชีวิตของครอบครัว (STAGES IN FAMILY LIFE CYCLE) 4. สถานที่ตั้งครอบครัว (LOCATION OF THE FAMILY)
ทรัพยากรในครอบครัวแบ่งออกเป็นกี่ประเภทอะไรบ้างงานบ้านเป็นงานที่ต้องลงทุน เช่นเดียวกับงานธุรกิจต่าง ๆ ทุนที่ใช้คือ ทรัพยากรครอบครัว แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. ทรัพยากรส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่มีประจำตัวบุคคล สัมผัสจับต้องไม่ได้ 2. ทรัพยากรวัสดุและบริการ
ทรัพยากรครอบครัวหมายถึงอะไรทรัพยากรครอบครัวคือสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในครอบครัวอันได้แก่ ตัวบุคคล วัสดุสิ่งของหรือเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งได้จัดแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ 3 ประเภท ดังนี้ 2.1 ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources)
การวางแผนการใช้ทรัพยากร ในครอบครัว มี กี่ ประเภท7. การตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรครอบครัว แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 7.1 จากประสบการณ์หรือความเคยชิน เป็นการตัดสินใจจากพฤติกรรมที่เป็นนิสัยหรือการกระทำที่เป็นอยู่ประจำ หรือเคยแก้ปัญหามาก่อน 7.2 ตัดสินอย่างมีหลักการ มีหลักการตัดสินใจ 3 ขั้นตอน คือ 7.2.1 พิจารณาทางเลือกที่เป็นไปได้
|