ส่งออก แป้งมัน สํา ปะ หลัง 2565

ไทยในฐานะผู้ผลิตมันสำปะหลังอันดับ 3 ของโลก มีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม - กรกฎาคม) รวมทั้งหมด 7.19 ล้านตัน มูลค่า 91,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2564 ร้อยละ 16.70


โดยจีนเป็นตลาดส่งออกมันสำปะหลังอันดับ 1 ของไทย (ไทยส่งออกให้กับจีนในปี 2564 จำนวน 4,867,797 ตัน) นำไปผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมอาหาร ยา พลังงาน และแอลกอฮอล์ เป็นต้น ซึ่งจีนนำเข้ามันสำปะหลังมากที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2548 (ผลิตเองร้อยละ 20 นำเข้าร้อยละ 80) 


ส่งออก แป้งมัน สํา ปะ หลัง 2565


เปิดเหตุผล ทำไม? จีนจึงนำเข้าเป็นหลัก


ในปี 2564 จีนมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังอยู่ที่ 303,900 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ เท่ากับ 6.25 ไร่) ด้วยต้นทุนการปลูกสูงกว่าอีกทั้งยังได้ผลผลิตน้อยเมื่อเทียบกับความต้องการ จึงส่งผลให้แดนมังกรนิยมนำเข้ามากกว่านั่นเอง และจากการพิจารณาความต้องการมันสำปะหลังของจีนพบว่า จีนต้องการมันสำปะหลังสดค่อนข้างน้อย เนื่องจากเก็บรักษาได้ไม่นาน


จึงทำให้มันสำปะหลังแห้งกลายเป็นสินค้าหลักที่จีนนำไปใช้ประโยชน์และมีปริมาณนำเข้าสูง โดยมันสำปะหลังสดที่จีนต้องการส่วนใหญ่จะนำไปแปรรูปเป็นมันสำปะหลังแห้ง มีจำนวนน้อยที่นำไปแปรรูป และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้มันสำปะหลังได้รับความนิยมก็คือ เนื่องจากเป็นอาหารประเภทแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) ที่มีราคาถูกกว่าพืชประเภทอื่น สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงทำให้ความต้องการมันสำปะหลังในตลาดโลกมีการเติบโตต่อเนื่องขึ้นทุกปีนั่นเอง


การนำเข้ามันสำปะหลังของจีนโตต่อเนื่อง


ปี 2564 จีนนำเข้ามันสำปะหลังสดและแห้งทั้งสิ้น 5.50 ล้านตัน ขยายตัวขึ้น ร้อยละ 64.16 ขณะที่เดือนมกราคม - กรกฎาคม 2565 จีนยังคงนำเข้ามันสำปะหลังสดและแห้งจากไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง มีปริมาณนำเข้าทั้งสิ้น 5.10 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.41 ของการนำเข้าทั้งหมดของจีน


ส่งออก แป้งมัน สํา ปะ หลัง 2565


ตลาดนำเข้ามันสำปะหลังสดและแห้ง 4 อันดับแรกของจีน เดือน ม.ค. - ก.ค. 65

1. ไทย จำนวน 5,104,307 ตัน

2. เวียดนาม จำนวน 494,341 ตัน

3. กัมพูชา จำนวน 24,416 ตัน

4. อินโดนีเซีย จำนวน 771 ตัน


ส่งออก แป้งมัน สํา ปะ หลัง 2565


ดีมานด์มันสำปะหลังจีนโตต่อเนื่อง โอกาสเกษตรกรไทยต้องคว้าไว้ให้ได้


ด้วยความที่มันสำปะหลังมีปริมาณสตาร์ช (Starch : แหล่งสะสมอาหารของเนื้อเยื่อพืช) ประมาณร้อยละ 30 ปริมาณการผลิตสูงและมีราคาต่ำกว่าพืชเกษตรหลายชนิด เช่น ข้าวโพด มันฝรั่ง มันเทศ จึงกลายเป็นพืชเกษตรที่ได้รับการนิยมเพื่อนำมาผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมอาหาร ยา พลังงาน และแอลกอฮอล์ 


เพื่อการรุกตลาดมันสำปะหลังแดนมังกรให้มากขึ้น เกษตรกรไทยควรเพิ่มความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เช่น นำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาการเพาะปลูกและการแปรรูปต่าง ๆ ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมันสำปะหลังและสินค้าจากมันสำปะหลังได้มากขึ้น นอกจากนี้การสร้างห่วงโซ่ (Supply Chain) อุตสาหกรรมที่มีความสมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จะช่วยรักษาความเสถียรของคุณภาพสินค้าในการขนส่งและการส่งมอบสินค้าถึงมือผู้นำเข้าแดนมังกร


ปัจจุบัน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้เล็งเห็นความสำคัญของมันสำปะหลังจึงมีการร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนพัฒนางานวิจัยด้านมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง


ตั้งแต่งานวิจัยต้นน้ำ เช่น เทคโนโลยีการผลิตต้นพันธุ์สะอาด, ระบบการสร้างต้นพันธุ์มันสำปะหลังสายพันธุ์ไทยจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ, การพัฒนาแนวทางการผลิตท่อนพันธุ์มันสำปะหลังจากต้นพันธุ์ปลอดโรคอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี Mini Stem Cutting และการพัฒนาต้นแบบชุดตรวจแบบรวดเร็วในรูปแบบ Strip Test สำหรับตรวจวินิจฉัยโรคใบด่างมันสำปะหลัง เป็นต้น 


ส่งออก แป้งมัน สํา ปะ หลัง 2565


งานวิจัยกลางน้ำ เช่น การวิเคราะห์ฐานข้อมูลค่ามาตรฐานกระบวนการผลิต, การใช้ทรัพยากรการผลิตของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังไทย 


งานวิจัยปลายน้ำ เช่น ต้นแบบผลิตภัณฑ์ช้อน ส้อม และมีดไบโอพลาสติก, ต้นแบบวัสดุทดแทนไม้ธรรมชาติจากเศษวัสดุเหลือใช้ในไร่มันสำปะหลัง, การพัฒนากระบวนการผลิตฟลาวมันสำปะหลังระดับอุตสาหกรรมจากมันสำปะหลังชนิดขมที่มีปริมาณไซยาไนด์สูง พร้อมทั้งได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตฟลาวมันสำปะหลังให้กับบริษัทที่สนใจ


ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นมิติใหม่ของการเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลังนอกเหนือจากแป้งมันสำปะหลังและแป้งแปรรูป หากเกษตรกร ผู้ประกอบการและ SME ไทยสนใจ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดกับทาง สวทช. ได้ เพื่อประสบความสำเร็จเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) ยุคเกษตรดิจิทัล 4.0



แหล่งอ้างอิง : สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร และศูนย์สารสนเทศการเกษตร, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้


https://www.oae.go.th/assets/portals/1/files/%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%2064.pdf  

https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/759834/759834.pdf&title=759834&cate=1469&d=0 

https://www.oae.go.th/view/1/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94/39895/TH-TH 

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/58531?fbclid=IwAR0MLqFkkxXIuWcmES8Jzcexn7XdmFHQDL_bg_ujUSftYpyPgPLPlDO9t24