เป็นของเสียที่ร่างกายของเราต้องการขับออก เสมหะเกิดจากกลไกการป้องกันตนเองของมนุษย์ในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค การขับเสมหะให้ได้มีประสิทธิภาพมีหลายปัจจัยเป็นตัวช่วย ได้แก่ การปรับแรงดันในปอด เซลล์มีขนที่ถุงลมที่คอยโบกเพื่อเคลื่อนเสมหะให้มาอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมจะขับออก และสารลดแรงตึงผิวในถุงลมที่ช่วยทำให้ถุงลมไม่ยุบตัว Show เรียบเรียงโดย นิดา วงศ์สวัสดิ์
สำหรับในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดทำให้ปัจจัยดังที่ได้กล่าวมาทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ การขับเสมหะในผู้ป่วยจึงทำได้ยาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกาย ดังนี้
ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมักจะมีประสิทธิภาพของการไอ และการขยายตัวของปอดและทรวงอกลดลง และในผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด อาการปวดแผลผ่าตัดและผลของยาสลบมีส่วนทำให้การระบายเสมหะเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น ร่วมกับผู้ป่วยต้องนอนบนเตียงเป็นเวลานาน ทำให้เกิดเสมหะคั่งค้างได้ และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การไอ (cough)การไอเป็นการระบายเสมหะที่ทุก ๆ คนคุ้นเคย การเจ็บปวดและปัจจัยอื่น ๆ หลังจากผ่าตัดทำให้ผู้ป่วยไอได้ไม่ถูกวิธี ส่งผลให้การขับเสมหะนั้นไม่มีประสิทธิภาพ การไอจึงเป็นอีกเทคนิคที่ต้องได้รับการฝึกฝนตั้งแต่ก่อนผ่าตัด การไอมีขั้นตอน ดังนี้
หากมีอาการหน้ามืดหรือเวียนศีรษะให้หยุดการฝึก เนื่องจากการไอมีแรงดันในช่องอกและช่องท้อง จึงห้ามใช้วิธีนี้ในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดโป่งพองในช่องอกหรือช่องท้อง ไอเป็นเลือด และผู้ที่มีความดันในสมองสูง ไอแบบที่ 1 ไอออกมาให้แรงที่สุดในครั้งเดียวให้หมดลมในปอด วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ทำให้แผลผ่าตัด กระเทือนมาก ซึ่งทำให้เจ็บแผลมาก ไอแบบที่ 2 แบ่งลมหายใจออกทั้งหมดเป็น 3-4 คำย่อย ทำให้กระเทือนแผลน้อยกว่าและเจ็บน้อยกว่า แม้ประสิทธิภาพ ด้อยกว่า แต่เพียงพอสำหรับเสมหะที่ไม่แห้งเหนียวมาก ไอแบบที่ 3 แบ่งเป็นคำเล็ก ๆ สั้นๆ หลาย ๆ ครั้งต่อเนื่องกัน เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ค่อยมีแรงมาก การฝึกการไอด้วยวิธี Huff Coughการ Huff เป็นเทคนิคการหายใจออกอย่างแรงโดยที่ไม่มีการปิดของฝาปิดกล่องเสียง การ Huff มีขั้นตอน ดังนี้
ที่มา ทนันชัย บุญบูร/(2561)/รู้ไหม ก่อนผ่าตัดควรฝึกหายใจก่อนนะ/สืบค้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563/จากเว็บไซต์ https://med.mahidol.ac.th/ramachannel/home/article/ กรอนงค์ ยืนยงชัยวัฒน์, จิตานันท์ เหล่าศิริไพศาล, นพวรรณ จารุสุสินธ์ (2551). ตำรากายภาพบำบัดในระบบหัวใจและระบบหายใจ Cardiopulmonary Physical Therapy. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ก่อนไอควรเริ่มด้วยการหายใจออกแบบพ่นลม ซึ่งเป็นการขับเสมหะที่อยู่ลึกๆ ให้ขึ้นมาอยู่ในคอ โดยเริ่มต้นจากท่านั่งโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยหายใจเข้าทางจมูกแล้วอ้าปาก พ่นลมหายใจทางปากอย่างรวดเร็ว 2 ครั้ง คล้ายการพูด ฮ่ะ ฮ่ะ! ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง จากนั้นหายใจเข้าลึกและเร็ว แล้วไอออกทางปาก 2 ครั้งแนะนำให้หายใจออกแบบพ่นลม หลายๆครั้ง ก่อนที่จะไอขับเสมหะออกมา เพื่อลดอาการเหนื่อยเนื่องจากไอติดต่อกันช่วยเด็กเพื่อไอเอาเสมหะออกเองได้อย่างไร โดย ผศ.พญ.อาภัสสร วัฒนาศรมศิริ กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ รพ.วิภาวดี การไอเกิดจากอะไร ไอเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในทางเดินหายใจ อาจจะเป็นฝุ่นละอองหรือเสมหะที่เกิดจากไข้หวัด หลอดลมอักเสบหรือปอดอักเสบ ร่างกายจะกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ โดยการไอออกมา สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่่ทำให้ไอเรื้อรังคือ การมีเสมหะคั่งค้างในหลอดลม
|