เครื่องดื่มและการผสมเครื่องดื่ม ppt

1.น้าเชอื่ ม (Syrup) และ น้าเชอื่ มผลไม้ (

Cordial )

◇ นา้ เชื่อม ( Syrup ) หมายถงึ นา้ เชื่อมธรรมดา ทีท่ าได้โดยน้าตาล
กบั น้ามาละลายให้เข้ากนั

◇ นา้ เช่ือมผลไม้ ( Cordial ) หมายถงึ นา้ เช่ือมทมี่ กี ารปรุงแต่งด้วย
รส กลนิ่ สี และกลนิ่ ผลไม้ลงไป

1.1นา้ ผลไม้สด ( Fresh Fruit Juice )

เป็ นเคร่ืองด่ืมทไี่ ด้จากการค้นั ผลไม้สดเอาน้า เช่น นา้ ส้ม น้ามะนาว

52

53

54

55

56

57

58

59

60

61

62

⬗ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แบ่งได้ 6 กลุ่ม ดงั น้ี
1 ดีเสิร์ท ไวน์
2 แอพเพอริทีฟ และสเปเชียล แอพเพอริทีฟ
3 ลิเคอร์
4 บร่ันดี คอนยคั และอาร์มานยคั
5 ลิเคียวหรือเหลา้ หวาน
6 เบียร์ ไวน์ แชมเปญ

1 ดีเสิร์ทไวน์ (Dessert Wine Liquor and Other Liquor)

คือ เหลา้ จาพวกเชอร่ีและพอต มีดีกรีอ่อนๆ
แบ่งออกเป็น 5 ชนิด
- พอร์ตไวน์ (Port Wine) เป็นเหลา้ องุ่นท่ี
เพิ่มความความหวานจากผลองุ่นโดยแทจ้ ริง
- เชอร์ร่ี (Sherry) ผลิตจากผลเชอร์รี่ผสมกบั ความหวานจากองุ่น
- มาเดียร่า (Madrira) เป็นเหลา้ องุ่นสีชา ส่วนใหญ่ใชป้ ระกอบอาหาร
- มาลากา (Malaga) เป็นเหลา้ แบบพอร์ตทว่ั ๆไปของสเปน
- มาร์ซาลา (Marsala) เป็นเหลา้ ที่มีรสชาติของน้าตาลไหมผ้ สม

2 แอพเพอริทีฟ และสเปเชียล แอพเพอริทีฟ

⬗ แอพเพอริทีฟ (Aperitif) คือเหลา้ ท่ีจดั ไวเ้ ป็นประเภทที่ใชด้ ่ืมก่อนอาหาร
สาหรับเรียกน้ายอ่ ย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- เวอร์มุธ (Vermout) เป็นเหลา้ ยาที่ใชด้ ื่มบารุงร่างกายเหมาะสาหรับผทู้ ่ีมี
ร่างกายซูบซีด เลือดนอ้ ย
- บิทเทอร์ส (Bitters) เป็นเหลา้ ที่มีดีกรีสูง จดทะเบียนในรูปของยาน้า
- อะนิสเซ็ท หรืออะนิส (Anisette or Anise) จดั อยใู่ นประเภทเหลา้ ยา
เหลืองใส เวลาดื่มนิยมผสมกบั น้า ช่วยในการยอ่ ยอาหาร

⬗ สเปเชียลแอพเพอริทีฟ (Special Aperitif)

ในการผลิตใชต้ วั สปิ ริต พิมพค์ พั (Spirit Pimm’s Cup)เป็นหลกั
ในการผลิตดว้ ยเวอร์มุธ และเน้ือแตงกวาอ่อนบดละเอียด และ
หมกั รวมกบั Pimm’s เป็นเหลา้ ท่ีใชด้ ื่มเรียกน้ายอ่ ยช้นั ดี

(Vermouth หรือเหลา้ ยาดอง ทามาจากรากไมร้ ากยา และ
สมุนไพรต่างๆ )

3 ลิเคอร์ (Liquor and Other Liquor)
คือเหลา้ ทวั่ ๆไป มีหลายชนิด ไดแ้ ก่
- วสิ ก้ี (Whisky) ผลิตโดยขา้ วบาร์เลยผ์ สมขา้ วสาลี และขา้ วโอต๊
- ยนิ (Gin) ใชข้ า้ วโพดและขา้ วสาลีเป็นหลกั ในการผลิต
- วอดกา้ (Vodka) ผลิตจากธญั พืชต่างๆ เช่น ขา้ วสาลีและมนั ฝรั่ง
- รัม ( Rum) ผลิตจากน้าตาลของออ้ ย
- เตกิวลา (Tequila) คลา้ ยเหลา้ ขาวของไทย นิยมดื่มแบบเพียวๆ
- สาเก (Sake) การผลิตคลา้ ยเบียร์ หรือเหลา้ องุ่น เรียกกนั วา่ เหลา้ องุ่นขาว
- อูว์ เดอ วฟี ์ (Eau De Vix) ผลิตจากผลไม้ มนั ฝร่ัง ขา้ วสาลี นิยมด่ืมแบบเพียวๆ

ควบคู่ไปกบั เบียร์

4 บรั่นดี คอนยคั และอาร์มานยคั

⬗ บรั่นดี (Brandy) คือเหลา้ องุ่นโดยทว่ั ไปเป็นของฝร่ังเศส ผลิตใน
หลายทอ้ งที่

⬗ คอนยคั (Cognac) วธิ ีการผลิตประณีตมากกวา่ บร่ันดีทว่ั ไป มีการ
เกบ็ และบ่มในถงั ไมโ้ อ๊กเริ่มจาก 3-5 ปี ไปจนถึง25ปี หรือมากกวา่
น้นั

⬗ อาร์มานยคั (Armagnac) กรรมวธิ ีผลิตเหมือนคอนยคั แต่มีวธิ ีท่ีเขม้
กวา่ รสชาติจะแหง้ เน่ืองจากผา่ นการกลน่ั เพียงคร้ังเดียว

ประโยชน์ของบรั่นดี คอนยคั และอาร์มานยคั
➢ ดื่มก่อนอาหารหรือหลงั อาหารกไ็ ด้
➢ ใชผ้ สมคอ็ กเทล
➢ เป็นส่วนผสมท่ีใชใ้ น
การปรุงอาหาร

➢ แกอ้ อ่ นเพลีย กระตุน้ หวั ใจ ช่วยใหเ้ ลือดฉีดแรง

5 ลิเคียวหรือเหลา้ หวาน (Liqueur or Sweetened Spirit)

คือเหลา้ ท่ีมีรสหวาน ไดจ้ ากการนาเหลา้ กลน่ั ชนิดต่างๆ เช่น บรั่นดี
วสิ ก้ี รัม จิน มาเติมสารปรุงแต่งกล่ินรสอาจเป็นผลไม้ เมลด็ ของ
ผลไม้ สมุนไพร รากไมต้ ่างๆ และมีการเพ่ิมความหวานใหม้ ากข้ึน
โดยอาจเติมน้าตาล น้าผ้งึ น้าออ้ ย หรือน้าเช่ือม นอกจากน้ีอาจจะมี
การเติมสีสงั เคราะห์ลงไปดว้ ย เพื่อใหเ้ กิดสีต่างๆ สาหรับปริมาณ

แอลกอฮอลน์ ้นั เหลา้ หวานส่วนใหญ่มีแอลกอฮอลร์ ะหวา่ ง 17-30
ดีกรี ซ่ึงต่ากวา่ เหลา้ ชนิดอื่น

มามะ เกมส์แกง้ ่วง

ใหม่ ดาวกิ า

6 เบียร์ (Beer) ไวน์ (Wine) แชมเปญ(Champagne)
❖ เบียร์ เป็นผลผลิตที่ไดม้ าจากการหมกั ตวั ของยสี ตแ์ ละ

ธญั พืชต่างๆ วตั ถดุ ิบในการผลิตเบียร์ ไดแ้ ก่
⬗ ขา้ วบาร์เลยแ์ ละขา้ วมอลท์
⬗ น้า
⬗ ดอกฮ็อป (เป็นไมด้ อก พนั ธุ์ไมเ้ ล้ือยชนิดหน่ึง)
⬗ เช้ือหมกั
⬗ น้าตาล (ในที่น้ีคือน้าตาลที่ไดจ้ ากแป้งของขา้ วมอล)์

⬗ เบียร์สด
เบียร์สดเป็ นเบียร์ท่ีไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเช้ือ หรือท่ีเรียกกันว่า “พาสเจอร์ไรส์” เป็ น
กระบวนการถนอมอาหารแบบหน่ึง ดว้ ยการผา่ นความร้อนที่อณุ หภูมิ 50-60 องศา) ทาให้เบียร์
สดตอ้ งเกบ็ ในถงั ท่ีมีความเยน็ สูง แต่ไม่ทาใหเ้ ป็นน้าแขง็ (เยน็ มากแต่ไม่แขง็ ) ซ่ึงมีการจาหน่าย
ในประเทศไทย แตไ่ ม่คอ่ ยไดร้ ับความนิยม ส่วนใหญ่ จะใชเ้ บียร์สดในงานเล้ียง

⬗ เบียร์ขวดหรือเบียร์กระป๋ อง
ผา่ นกระบวนการพาสเจอร์ไรส์ ทาใหเ้ กบ็ ไดน้ านกวา่
และเกบ็ ไดท้ ่ีอณุ หภูมิสูงกวา่ เบียร์สด

(แตก่ ็ยงั ควรแช่ตเู้ ยน็ ไว)้ เพราะการผา่ นความร้อนของเบียร์ขวด
ทาใหเ้ บียร์เสียรสชาติ และเสียคุณค่าทางอาหารไปส่วนหน่ึง เบียร์สดจึงมีรสชาติท่ีดีกวา่
และยงั มีความหอมละมนุ คงความอร่อยไวไ้ ดน้ นั่ เอง

หลกั การเกบ็ รักษาเบียร์

➢ เกบ็ ไวใ้ นที่ที่มีอณุ ภูมิ 6-12 ℃
➢ เป็นหอ้ งมืดที่แสงเขา้ ไม่ถึง เพราะหากถกู แสงแดดจะทาให้

คุณภาพของเบียร์ลดลง
➢ มีความสะอาด และไม่อยใู่ กลว้ ตั ถหุ รือสิ่งของที่มีกลิ่น
➢ มีอากาศถ่ายเท ระบายไดเ้ ป็นอยา่ งดี

ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารของเบียร์

เบียร์มีปริมาณแอลกอฮอล์ 7-15 ดีกรี นอกจากเป็นเคร่ืองด่ืมแก้
กระหายแลว้ ยงั เป็นเคร่ืองดื่มที่ใชใ้ นการยอ่ ยยอาหาร และใช้
เป็นส่วนผสมของเคร่ืองด่ืมท่ีเรียกวา่ แชนดี (Shandy)

❖ แชมเปญ (Champagne)
คือ ไวนช์ นิดมีแกส๊ ผลิตดว้ ยองุ่นดา
และองุ่นเขียว แชมเปญที่ดี
นอกจากกลิ่นและรสแลว้ ยงั วดั กนั ที่ขนาด
และความอยนู่ านของฟอง ฟองยงิ่ เลก็ ยง่ิ ดี แชมเปญส่วนใหญ่ไม่ระบุปี ท่ี
ผลิต เพราะใชน้ ้าไวนข์ ององุ่นต่างปี มาผสมกนั ใหล้ งตวั แต่ถา้ ขวดไหน
ระบุปี ผลิต ถือวา่ เป็นแชมเปญท่ีมีคุณภาพช้นั ดี เพราะทาจากองุ่นของปี
น้นั อยา่ งเดียว โดยจะเลือกทาเฉพาะปี ที่มีองุ่นดีจริง ๆเท่าน้นั

⬗ ขอ้ ควรระวงั สาหรับแชมเปญ

คือ ฟองแชมเปญจะทาใหค้ นดื่ม เมาเร็วกวา่ ไวน์ท่ีไม่มีฟองและ
คอไวนม์ กั ด่ืมตอนทอ้ งวา่ ง และมีการพสิ ูจน์วา่ เมาเร็วกวา่ จริง ๆ
เพราะฟองแชมเปญจะทาใหแ้ อลกอฮอลซ์ ึมเขา้ สู่เสน้ เลือดไดเ้ ร็ว
กวา่ ไวน์ไม่มีฟอง

ไวน์ (Wine)

เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอลซ์ ่ึงเกิดจาก

การหมกั น้าตาลในองุ่น แบ่งออกเป็น
2ชนิดใหญ่ๆ ไดแ้ ก่ ไวน์ขาว ไวนแ์ ดง

ส่วนไวน์ที่ไดจ้ ากการผสมระหวา่ งไวน์ 2 ชนิด

เรียกวา่ ไวนส์ ีชมพู (Pink Wine) ส่วนไวน์ท่ีมีการอดั กา๊ ซ
คาร์บอนไดออกไซดล์ งไป เรียกวา่ สปาร์กลิงไวน์ (Sparkling Wine)

ส่วนประกอบของไวน์
คือ แอลกอฮอลท์ ี่ละลายในน้า
และส่วนผสมทางเคมีอื่น ๆ
ซ่ึงมีท้งั สารระเหยและสารไม่ระเหย

สารละลายและสารแขวนลอย ไวน์ทวั่ ไปจะมีแอลกอฮอลอ์ ยรู่ ะวา่ ง 9-
15% ต่อปริมาณน้า 85%

สรุป
เครื่องด่ืมประเภทดีเสิร์ทไวน์แอพเพอริทีฟและสเปเชียล
แอพเพอริทีฟ และลิเคอร์มีหลายชนิด
จึงควรศึกษารายละเอียด ใหด้ ี
วา่ เครื่องด่ืมแต่ละชนิด
แต่ละยห่ี อ้ เป็นเหลา้ หรือไวน์ ประเภทใด
ผลิตจากอะไร มีปริมาณแอลกอฮอลเ์ ท่าไร ใชด้ ่ืมดว้ ยวิธีใด และเหมาะ
กบั การด่ืมในโอกาสไหน

การด่มื ค็อกเทลไดร้ บั ความนิยมอยา่ งแพรห่ ลายในหมู่ชาติ
ตะวนั ตก ในระหวา่ งปี ค.ศ.1920-37 (พ.ศ.2463-80) ซงึ่ เป็นช่วงที่
มีผคู้ ดิ ประดษิ ฐส์ ตู รคอ็ กเทลขนึ้ มากมายหลายรส ไม่ต่า กวา่ 7 ,
000 รส ชาวอเมรกิ นั เป็นชาตแิ รกท่ีรเิ รม่ิ การดื่มคอ็ กเทลในการจดั
งานเลีย้ งสมยั ขนึ้ มาก่อน และแพรห่ ลายในอารยประเทศตะวนั ตก
จนเรม่ิ ตรากฎหมายคมุ สรุ าขนึ้ ใช้ จนในทสี่ ดุ การเลีย้ งค็อกเทลก็
กลายเป็นแฟช่นั นาสมยั ในหมชู่ นชนั สงู ค็อกเทลขนึ้ เล่มหนง่ึ ช่ือ ซา

วอย คอ็ กเทล บคุ๊ (Savoy Cocktail Book) และแอน
โธโลยี ออค็อกเทลส์ (Antholongy of Cocktails)
โดยสานกั พมิ พบ์ ธู ขององั กฤษ ออกจาหน่ายอยา่ งแพรห่ ลายใน
เวลาไล่ ๆ กนั

94

การเตรยี มน้าแขง็ (Ice Preparation)

⬗ ควรที่น้าแขง็ ที่สะอาดมากเพียงพอ
⬗ ควรใส่น้าแขง็ ในเครื่องเขยา่ (Shaker) หรือแกว้ ผสมก่อนเสมอ เพ่ือใหเ้ ครื่องด่ืม

ไหลผา่ นความเยน็
⬗ การทุบน้าแขง็ (Crack Ice หรือ Crash) ใหใ้ ช้ Tea Towel ห่อน้าแขง็

แลว้ ใชไ้ มท้ ุบ (Mallet) หา้ มใชข้ วบทุบเพราะอาจจะแตกได้
⬗ ถา้ ที่ลา้ งแกว้ อยใู่ กลก้ นั จะทาใหเ้ ก็บความเยน็ ของน้าแขง็ ไดด้ ี แตต่ อ้ งระวงั เศษสิ่ง

สกปรกกระเดน็ ไปถกู

97

98

99

100