คุณแม่บ้านทั้งหลายที่มีคอลเลคชั้นหม้อมาเก็บไว้ที่บ้านหลายแบบหลายสไตล์ แต่พอถึงเวลาจะใช้งานกลับไม่รู้จะเลือกใบไหนมาใช้ทำอะไร ก่อให้เกิดคำถามมากมาย หม้อใบนี้ถ้าเอามาแกงส้มจะทำให้หม้อดำหรือเปล่า หรือหม้อใบนี้ถ้าเอามาตุ๋นไก่แล้วจะติดหม้อมั้ย เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะพาคุณไปดูกันว่า หม้อแบบไหน เหมาะกับการนำมาทำอาหารประเภทใดบ้าง Show 1. สแตนเลสใช้ได้ทั้งต้ม ต้ม ผัด แกงทอด ไม่ทำให้อาหารติดก้นหม้อ ร้อนเร็ว กระจายความร้อนได้ แต่ความร้อนไม่เท่ากันทัั้งหม้อ จะร้อนมากที่สุดตรงส่วนที่โดนไฟ มีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม ทนต่อการขูดขีด ดูสวยงาม แข็งแรงทนทาน ตกไม่แตก ดูแลรักษาง่าย สามารถใช้ได้กับเตาทุกประเภท
2. เหล็กเคลือบ Enamel Porcelainเหมาะกับต้ม ผัด ทอด ตุุ๋นไฟ หรือตั้งไว้เป็นเวลานาน ใช้ได้กับอาหารทุกประเภท ทนต่อปฏิกิริยาต่อกรด ด่าง ของการปรุงอาหารได้ดี เนื่องจากคุณสมบัติของเหล็กกระจายความร้อนได้ดี เวลาร้อนจะร้อนเท่ากันทั่วทั้งหม้อ ไม่ทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยน เพิ่มรสชาดอาหารของคุณให้อร่อยขึ้น วัสดุเหล็กนำมาเคลือบถ้า Enamel Porcelain มีสีสรรที่สวยงาม และช่วยทำให้คุณหายกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในอาหารเพราะจะไม่ก่อให้เกิดสนิมบนภาชนะ ถึงแม้กระเทาะร่อนออกในส่วนที่ไม่โดนอาหารก็ยังสามารถใช้ต่อได้ สามารถใช้ได้กับเตาทุกประเภท
3. อลูมิเนียมเหมาะกับการปรุงอาหารทุกประเภท หม้ออลูมิเนียมน้ำหนักเบา ร้อนเร็ว กระจายความร้อนได้ดี เวลาร้อนจะร้อนเท่ากันทั่วทั้งหม้อ ไม่ทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยน เพิ่มรสชาดอาหารของคุณให้อร่อยขึ้น แต่ก็เย็นเร็ว ถ้าหากใช้ปรุงอาหารที่เป็นกรดจะทำให้เกิดปฏิกิริยากับหม้อทำให้หม้อดำ ดูไม่สวยงาม ไม่ต้องกังวลเรื่องสนิม
4.แก้วทนไฟเหมาะกับต้ม ตุ๋น เพราะกลิ่นรสอาหารไม่เปลี่ยน คงรสชาติอาหารให้คงเดิม เก็บความร้อนได้ยาวนาน แต่ร้อนช้า ควบคุมความร้อนยาก เวลาร้อนร้อนนาน เข้าไมโครเวฟได้
5.หม้อเคลือบเซรามิกเหมาะกับการตุ๋นที่ต้องใช้เวลาปรุงอาหารยาวนาน ทนต่อการกัดกร่อน ไม่ทำปฏิกิริยากับกรดด่าง ใช้ได้กับเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า แต่ไม่สามารถใช้กับเตาแม่เหล็กได้
การเลือกหม้อได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้การปรุงอาหารสะดวกง่ายดาย รักษาคุณค่าทางอาหารได้ดี ปรุงอาหารได้รวดเร็ว ประหยัดพลังงาน และดูแลรักษาง่าย แต่สิ่งสำคัญคือ ควรเลือกซื้อหม้อที่ได้มาตรฐาน ผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้ ไม่ควรเลือกซื้อเพราะราคาถูกเพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะมีสารปนเปื้อนเจือปนก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวได้ เพื่อสุขภาพที่ดี นอกจากจะต้องใส่ใจคัดสรรวัตถุดิบที่จะนำมาปรุงอาหารแล้ว ยังต้องพิถีพิถันกับการเลือกภาชนะให้ดี และใช้อย่างถูกวิธีด้วย วันนี้มารู้จักภาชนะชนิดต่างๆ กันค่ะ อะลูมิเนียม ชาวบ้านส่วนใหญ่มักนิยมใช้ภาชนะที่ทำจากอะลูมิเนียม เนื่องจากคงทนและราคาถูก แต่มีคำเตือนจากนักวิจัยว่าหากนำอะลูมิเนียมไปใช้กับของเปรี้ยว หรือของที่มีความเป็นกรดสูง เช่น แกงส้มในหม้ออะลูมิเนียม อาจมีอะลูมิเนียมละลายออกมาปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งหากได้รับสารอะลูมิเนียมเข้าไปจำนวนมาก เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่อาจทำให้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลการวิจัยที่แย้งว่าอะลูมิเนียมที่ละลายออกมาปนในอาหารมีปริมาณเพียงเล็กน้อย ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ แต่หากไม่อยากเสี่ยง ก็อาจจะเลี่ยงการใช้อะลูมิเนียมกับอาหารรสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีความเป็นกรด สเตนเลส ภาชนะที่ทำจากสเตนเลสเป็นภาชนะอีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้กัน เนื่องจากทนทานต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิม ทนความร้อน ความเย็น และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้ดี สเตนเลสเป็นเหล็กที่มีส่วนผสมของโลหะหลายชนิด หากเป็นสเตนเลสที่มีส่วนผสมของโครเมียม เมื่อนำมาใช้หุงต้มก็จะมีธาตุเหล็กและโครเมียมปะปนในอาหารเล็กน้อย ถือเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายจึงไม่เป็นอันตราย แต่หากเป็นสเตนเลสที่มีส่วนผสมของนิกเกิล อาจทำให้ผู้ที่แพ้นิกเกิลเกิดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ อย่างไรก็ตาม นิกเกิลจะละลายออกมาในอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำส้มสายชู ผู้ที่แพ้นิกเกิลอาจเลือกใช้ภาชนะสเตนเลสที่เคลือบสารอีนาเมล ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด ทองแดง ภาชนะที่ทำมาจากทองแดง หากนำมาปรุงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะสามารถละลายทองแดงออกมาได้ ทองแดงเป็นธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย การได้รับทองแดงในปริมาณเล็กน้อยจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ แต่หากร่างกายสะสมทองแดงในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนจากทองแดงเป็นพิษได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ จึงมีการนำภาชนะทองแดงมาเคลือบด้วยดีบุก แต่ดีบุกที่เคลือบไว้ก็จะเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน ฉะนั้นเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ ทองเหลือง ทองเหลืองเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับสังกะสี มีความต้านทานต่อการเกิดสนิมได้ดีพอสมควร นิยมทำขนมในกระทะทองเหลือง เช่น ผลไม้กวน เพราะมักจะไม่ติดกระทะ และไม่ทำให้สีของอาหารเปลี่ยนไป เซรามิก ภาชนะเซรามิกที่เคลือบด้วยสีสันลวดลายสวยงาม อาจมีส่วนผสมของสารตะกั่วอยู่ หากมีปริมาณมากเกินไปจะเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะเมื่อนำไปใส่อาหารร้อนจัด เช่น กาแฟร้อน ชาร้อน และอาหารรสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำผลไม้ เพราะจะทำให้สารตะกั่วในสีละลายออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ แก้ว ภาชนะที่ทำจากแก้ว ส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัย ยกเว้นแก้วเนื้อบาง ไม่ควรใส่น้ำเดือดหรือนำเข้าเตาไมโครเวฟ เพราะอาจแตกได้ แต่หากเป็นแก้วคุณภาพดีก็จัดว่าเป็นภาชนะที่ใช้กับเตาไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัยที่สุด ถ้าเป็นแก้วที่มีฝาปิดก็สามารถทนต่อความดันที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับความร้อนโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย แต่ต้องไม่ตกแต่งขอบหรือลวดลายด้วยสีทองหรือเงิน เพราะจะมีสารตะกั่วออกมาปนเปื้อนกับอาหารได้ นอกจากนี้ ภาชนะที่ทำจากแก้วยังเหมาะสำหรับการเก็บอาหารที่รับประทานไม่หมดอีกด้วย เมลามีน เมลามีนผลิตจากอะมิโนเรซินที่เป็นโพลีเมอร์ของเมลามีนกับฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งหากนำไปใช้ไม่ถูกต้อง เช่น ใส่อาหารร้อนจัด น้ำเดือด หรือนำไปใช้กับเตาไมโครเวฟ อาจทำให้ได้รับอันตรายจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ที่เป็นสารก่อมะเร็งในระบบทางเดินหายใจได้ สำหรับภาชนะเมลามีนที่ซื้อมาใหม่ ควรล้างด้วยน้ำเดือดก่อนการใช้งาน เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกและฟอร์มาลดีไฮด์บางส่วนออกไป ไม่ควรใช้ใยสังเคราะห์ เช่น ฝอยเหล็กหรือสก็อตไบรท์มาขัดถู เพราะจะทำให้สารที่เคลือบผิวเมลามีนหลุดออก ทำให้มีริ้วรอย สีและโลหะหนักจะออกมาปนเปื้อนในอาหารได้ นอกจากนี้รอยขูดขีดที่เกิดขึ้นอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้อีกด้วย พลาสติก หากการผลิตไม่คัดเลือกเม็ดพลาสติกที่มีคุณภาพและไม่ควบคุมวิธีการผลิตให้ดีแล้ว พลาสติกซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่เรียกว่า โพลีเมอร์ จะแตกตัวเป็นโมโนเมอร์ ละลายออกมาปนในอาหารได้ หากเป็นพลาสติกที่ผสมสี ตะกั่วและสารพิษในสีก็จะออกมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในกระบวนการผลิตยังมีการใช้สารเคมีหลายชนิด ซึ่งอาจตกค้างอยู่บริเวณผิวหน้าพลาสติก หากสัมผัสถูกอาหารก็กลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ ดังนั้นจึงต้องควบคุมคุณภาพภาชนะพลาสติกไม่ให้มีปริมาณโมโนเมอร์ สี และสารเคมีต่างๆ เกินกว่าที่กำหนด นอกจากนี้พลาสติกจะมีหลายเกรดซึ่งผลิตมาสำหรับการใช้งานเฉพาะอย่าง จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสม
Relate topics
|