เมืองสองแควคือเมืองพิษณุโลกในปัจจุบัน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยขอม คำว่าสองแควมาจากที่ตั้งของเมืองซึ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสาย คือแม่น้ำน่านกับแม่น้ำแควน้อย แต่ปัจจุบันแม่น้ำแควน้อยเปลี่ยนเส้นทางออกห่างจากตัวเมืองไปแล้ว และที่ตั้งในอดีตห่างจากที่ตั้งเมืองปัจจุบันลงไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร (วัดจุฬามณีในปัจจุบัน) Show
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือเรียกกันทั่วไปว่าวัดใหญ่ วัดงามริมฝั่งแม่น้ำน่าน แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมืองพิษณุโลก ซึ่งพุทธศาสนิกชนต่างมุ่งหน้าไปสักการะพระประธานที่ประดิษฐานในวัดนี้ นั่นคือ พระพุทธชินราช พระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของไทยมาตั้งแต่เมื่อครั้งสมัยสุโขทัยเลยทีเดียว พระพุทธชินราชองค์นี้ถือเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก
เมื่อสักการะพระพุทธชินราชเสร็จแล้ว ยังมีพระสำคัญๆ ในวัดใหญ่ให้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคลอีกหลายองค์ หรือใครอยากจะนั่งรถรางที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ชมเมืองพิษณุโลกก็ได้ เพราะรถรางจะจอดอยู่ภายในวัด เส้นทางที่แล่นผ่านจะผ่านสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง วัดใหญ่ สวนชมน่าน อันเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ชาวแพ สถานีรถไฟที่มีหัวรถจักรเก่าจัดแสดงไว้อยู่ หอนาฬิกาเมือง สะพานเอกาทศรถ พระบรมราชานุสาวรีย์พระยาจักรี กำแพงคูเมืองที่ป้องกันฆ่าศึกโจมตีเมืองและใช้ระบายน้ำออกจากเมือง ศาลากลางจังหวัด วัดวิหารทอง เนินอะแซหวุ่นกี้ และศาลองค์พระนเรศวร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที มีรถบริการทุกวัน ที่ตั้ง 92/3 ถนนพุทธบูชา (ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสองแควมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมเก่า และปัจจุบันกลับมาเป็นพระราชวังจันทน์เช่นเดิม ลักษณะศาลจะเป็นศาลาทรงไทยโบราณสีขาว ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประทับนั่งมีขนาดเท่าองค์จริงขณะทรงนั่งหลั่งน้ำจากสุวรรณภิงคาร (น้ำเต้าทอง) เพื่อประกาศอิสรภาพให้แก่ปวงชนชาวไทย สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2404 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หรือพระนามเดิมว่าพระองค์ดำ ประสูติและเจริญพระชันษาที่พระราชวังจันทน์ เมืองสองแคว หรือพิษณุโลกในปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นผู้กอบกู้อิสรภาพของไทยจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก ที่ตั้ง อยู่ติดกับค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
เนินมะปรางเป็นอำเภอเล็กๆ ห่างจากตัวจังหวัดพิษณุโลกไปประมาณ 68 กิโลเมตร ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในเวลานี้ไม่น้อย เพราะยังแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามของภูเขาหินปูนรูปร่างสวยแปลกตาที่มีอายุกว่า 300 ล้านปี ป่าเขียวขจี อีกทั้งอากาศยังเย็นสบายตลอดทั้งปี จนได้รับฉายาว่า กุ้ยหลินแห่งภาคเหนือ บวกกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของคนเนินมะปรางจึงเป็นแรงดึงดูดชั้นดีด้วย ในอำเภอจะมีจุดท่องเที่ยวหลักๆ แบ่งออกเป็น 3 จุดใหญ่
ที่ตั้ง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอำเภอเนินมะปราง โทรศัพท์ 085 400-1727
สายแอดเวนเจอร์ต้องไม่พลาดกิจกรรมนี้ ล่องแก่งลำน้ำเข็ก กิจกรรมสุดท้าทายของคนรักการผจญภัยทางสายน้ำ ลำน้ำเข็กเป็นหนึ่งในสถานที่ล่องแก่งที่สนุกสนานแห่งหนึ่งของเมืองไทย ซึ่งเทศกาลล่องแก่งลำน้ำเข็กจะเริ่มเล่นกันช่วงฤดูฝนเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมของทุกปี เพราะน้ำจะมากเพียงพอให้เรือยางไหลไปตามกระแสน้ำโดยไม่ชนกับแก่งหิน ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลผ่านอำเภอวังทอง ทอดยาวไปกับเส้นทางหลวงหมายเลข 12 (สายพิษณุโลก-หล่มสัก) ระยะทางล่องแก่งประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มีแก่งทั้งหมด 17 แก่ง แต่แก่งไฮไลท์ คือ แก่งชาง แก่งนางคอย แก่งยาว สามแก่งนี้เป็นจุดเร้าใจสุดๆ หากใครอยากมาล่องแก่งสามารถหาที่พักได้ที่อำเภอวังทอง
ที่ตั้ง ถนนพิษณุโลก-หล่มสัก กม.46 ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
สายกรีนต้องเช็กอินที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่ที่ธรรมชาติยังรอคอยต้อนรับสู่อ้อมกอดอยู่ทุกๆ วัน ทุ่งแสลงหลวง หรือ ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย เป็นอุทยานที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ กินพื้นที่ถึง 2 จังหวัด คือ พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ ส่วนชื่อนั้นมามาจากพันธุ์ไม้แห่งหนึ่งของที่นี่คือ ต้นสแลงใจ อุทยานแห่งนี้มีสภาพความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิด เหมาะแก่การไปพักผ่อนหย่อนใจ สูดอากาศ ดีท็อกซ์ร่างกาย จุดโดดเด่นของที่นี่คือทุ่งหญ้าสะวันนา ป่าสน และพรรณไม้ดอกที่สวยงามมากมาย นอกจากนั้นยังมี สะพานแขวน แก่งวังน้ำเย็น ทุ่งนางพญา ทุ่งโนนสน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ในเขตอุทยานเดียวกันด้วย ช่วงที่เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวคือฤดูหนาว พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ และฤดูฝนมิถุนายนถึงตุลาคม สองช่วงนี้อากาศจะเย็นสบายสดชื่น ตรงจุดกางเต้นท์สามารถมองเห็นวิวทุ่งหญ้าแบบสามร้อยหกสิบองศากันเลยทีเดียว และยังมีที่พักของอุทยานเป็นตัวเลือกให้ด้วย มาเที่ยวที่นี่แค่ชมพระอาทิตย์ขึ้นกับชมทะเลหมอกก็นับว่าคุ้มสุดคุ้มแล้ว ที่ตั้ง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ตำบลบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ เป็นที่ตั้งของน้ำตกชาติตระการหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า น้ำตกปากรอง เพราะตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปากรองนั่นเอง เป็นน้ำตกที่เกิดจากความสมบูรณ์ของป่า มีทั้งหมด 7 ชั้นซึ่งแต่ละชั้นมีชื่อคล้องจองกันอย่างไพเราะเพราะพริ้งตามชื่อธิดาของท้าวสามลในวรรณคดีไทยเรื่องสังข์ทอง มะลิวัลย์ กรรณิการ์ การะเกด ยี่สุ่นเทศ เกศเมือง เรืองยศ รจนา แต่ละชั้นจะมีความสวยงามแตกต่างกันไป น้ำตกชั้นที่สวยที่สุดคือชั้นที่ 4 ยี่สุ่นเทศ เพราะสายน้ำจะมีขนาดกว้างไหลตกลงมายังหน้าผาแบบช้าๆ อันที่จริงแต่ละชั้นจะมีน้ำตกไหลลงมาตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่สวยที่สุดคือฤดูฝน ซึ่งเปิดให้เข้ามาท่องเที่ยวแค่ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคมเท่านั้น ในบริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายแห่ง เช่น ผาแดงซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์มองเห็นผืนป่าและบ้านเรือนผู้คน ผากระดานบริเวณหน้าผามีการแกะสลักเป็นรูปทรงเรขาคณิตนับเป็นผลงานศิลปะยุคแรกของมนุษย์ น้ำตกนาจาน ถ้ำน้ำมุด ถ้ำกา เป็นต้น ระหว่างทางในอุทยานฯ จะเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจีไปทั่วทั้งบริเวณ ให้เดินชิลล์ๆ หากใครอยากพักค้างก็มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยวด้วย หรืออยากพักแบบกางเต้นท์ก็มีจุดบริการอย่างกว้างขวางทีเดียว ใครเป็นผู้ตั้งเมืองพิษณุโลกเป็นราชธานีครั้นถึงสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นราชธานีของไทยอยู่นานถึง 25 ปี คือ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2005 - 2030. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จประทับที่เมืองนี้และทรงผนวชที่วัดจุฬามณีด้วย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองพระราชสมภพของ
กษัตริย์พระองค์ใดย้ายไปประทับที่เมืองพิษณุโลกเมื่อสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่เมืองพิษณุโลกใน พ.ศ. 2006 ทรงใช้พระราชวังจันทร์เป็นที่ประทับตลอด เชื่อว่ามีการก่อสร้างเพิ่มเติมในสมัยพระองค์ด้วย จากนั้นพระราชวังจันทน์ก็มักจะเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชของกรุงศรีอยุธยา
เมืองสระหลวง คือเมืองอะไรในปัจจุบันบางยม ปัจจุบันรู้จักทั้งเมืองบางยม และอีกเมืองหนึ่งคือ ปากยม สหลวง ปัจจุบันเขียนว่า สระหลวง
พระองค์ทรงย้ายไปประทับเมืองพิษณุโลกเพราะเหตุใดการที่พระองค์ทรงออกผนวชนั้น เท่ากับว่าได้สละทางโลกไปแล้วดังนั้นเมื่อทรงลาผนวช จึงเท่ากับว่าเป็นพระชนม์ชีพใหม่ของพระองค์ควรจะดีกว่าเก่า จึงเป็นช่วงที่เหมาะที่คิดว่าชื่อเมืองพิษณุโลกจะได้รับขนานนามให้แก่เมืองแห่งชีวิตใหม่ของพระองค์ ที่มีความยิ่งใหญ่ประดุจเมืองของพระพิษณุ
|