รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

คุณสามารถนำไฟล์เสียงลงในสไลด์หนึ่งสไลด์หรือมากกว่านั้นใน Presentation ของคุณได้ โปรแกรม PowerPoint 2007 ที่มาพร้อมกับ 20 built-in sound effects ให้คุณสามารถนำไฟล์เสียงมาใช้กับ transitions ของคุณ ซึ่งในตัวอย่าง      คุณสามารถนำเอฟเฟคเของสียง Drum Roll มาใช้ก่อนสไลด์ที่เป็นการประกาศ (announcement) หรือเอฟเฟคเสียง Applause ก่อนสไลด์ที่เป็นการชื่นชม (congratulatory) ถ้าคุณมีเอฟเฟคการเคลื่อนไหวที่คุณตั้งค่าเอง และนำ slide title บนตัวหนังสือหนึ่งตัวหนังสือในหนึ่งครั้ง คุณสามารถรันเอฟเฟคเสียง Typewriter ระหว่างการเคลื่อนไหวของวัตถุได้ รวมถึงbuilt-in sounds อื่นๆจะมีเสียงที่เป็นทั้งเสียง Bomb, Camera, Cash Register, Explosion และ Wind

ถ้าคุณมีเอฟเฟคเสียงของคุณเองที่คุณต้องการนำมาใช้ในสไลด์ของคุณ โปรแกรม PowerPoint สามารถให้คุณเลือกไฟล์เสียง จนกว่าไฟล์ที่ใช้นั้น จะอยู่ในรูปแบบฟอร์แมตของ WAV sound

เมื่อคุณใช้เอฟเฟคอย่างเหมาะสม Transition sound จะทำการเน้นความสำคัญของข้อมูลระหว่างสไลด์โชว์ ดังเช่นกฎทั่วๆไป  การใช้ Transition sounds อย่างประหยัด หมายถึงเสียงจะให้ผลที่ดีขึ้น การทำให้ผู้ชมสนใจข้อมูลที่สำคัญที่สุดของคุณ และการมีเสียงเดียวกันสำหรับทุกๆสไลด์ จะทำให้สไลด์ของคุณได้รับผลกระทบที่น้อยมาก

และหากว่าคุณต้องการให้ Presentation ของคุณ ดูมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น คุณสามารถสร้างการ presentation ระดับโลกด้วย synchronize effect ด้วย powerpoint และปรับแต่งการแสดงผลใน Powerpoint ระดับเทพ เพื่อความสมบูรณ์แบบครบถ้วน

ถ้าคุณต้องการที่จะเรียนรู้ใส่ลูกเล่น เติมเอฟเฟคให้กับ Powerpoint 

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

1. แสดงสไลด์ที่คุณต้องการใส่เอฟเฟกต์ของเสียงเข้าไป

2. คลิกที่แถบเมนู Animations

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

3. เลือกเมนู Transition Sound

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด
ในการสร้างเอฟเฟกต์เสียงเข้าไปข้างใน PowerPoint ให้คุณคลิกเลือกเอฟเฟกต์เสียงที่อยู่ในรายการ

4. คลิก Other Sound

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

5. ให้คุณดูช่องทางไปยังโฟลเดอร์ที่บรรจุไฟล์เสียง

6. คลิกไฟล์ของเสียง

7. คลิก OK

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

โปรแกรม PowerPoint จะทำการพรีวิวเสียงให้คุณ

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด
ชื่อของไฟล์เสียงจะปรากฏขึ้นใน กล่อง Transition Sound

อีกทางเลือกที่เป็นไปได้

โดยการตั้งค่า โปรแกรม PowerPoint จะทำการเล่น Transition ไฟล์เสียง เพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นปกติสำหรับเอฟเฟคไฟล์เสียงที่มีความยาวกว่า แต่มันอาจจะไม่ยอมให้เสียงที่มีความสั้นกว่าได้รับผลกระทบ เพื่อให้ PowerPoint ได้ทำการเล่นเสียงซ้ำ ให้คุณคลิกเมนู Transition Sound แล้วเลือกยีนยันคำสั่ง Loop Until Next Sound และสำหรับการหยุดเล่นเสียงระหว่างสไลด์กำลังแสดงอยู่ ให้คุณคลิกขวาที่สไลด์เหล่านั้น

อีกทางเลือกที่เป็นไปได้

ถ้าคุณยืนยันการใช้ออปชั่น Loop Until Next Sound ตามที่อธิบายไว้ใน Tip ก่อนหน้านี้ เอฟเฟคเสียงนั้นก็จะทำการเล่นจนกว่าเอฟเฟคของเสียงถัดไปจะถูกเล่นขึ้น แต่ถ้าสไลด์ต่อไปไม่มีเอฟเฟคของเสียง คุณสามารถให้ PowerPoint หยุดเล่นเสียงก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งในการแสดงของสไลด์ถัดมา ให้คุณคลิกเมนู Transition Sound แล้วเลือก Stop Previous Sound

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

แนวคิด
               PowerPoint มีเครื่องมือที่ใส่ลูกเล่น หรือเอฟเฟ็คต์ ( Effect ) ให้กับสไลด์เพื่อช่วยให้ผู้ฟังไม่เบื่อขณะฟัง บรรยาย เช่น ใส่เสียงประกอบขณะเปลี่ยนสไลด์ หรือให้ข้อความเลื่อนจากบนลงมาล่าง เป็นต้น เอฟเฟ็คต์เหล่า นี้จะมีทั้งเสียง ( Sound Effect ) และการเคลื่อนไหว ( Animation ) ซึ่งจะนำไปใช้ในขณะเปลี่ยนไปแสดงสไลด์ถัด ไป แสดงข้อความรายการย่อย หรือกราฟแต่ละส่วน  นอกจากนี้อาจสร้างปุ่มปฏิบัติการ ( Action Button ) บนสไลด์ บนสไลด์เพื่อใช้เลื่อนสไลด์ไปในลำดับต่างๆ หรือทำงานอื่นๆ ที่ต้องการได้ ซึ่งจะช่วยควบคุมการแสดงส่วนต่างๆ ในสไลด์ และเพิ่มความน่าสนใจในวานนำเสนอ

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด


               ขณะฉายสไลด์ การใส่เอฟเฟ็คต์ช่วงที่กำลังเปลี่ยนไปแสดงสไลด์ถัดไปนั้นทำได้หลายแบบ เช่น ให้ สไลด์ค่อยๆ จางหายไป หรือเลื่อนจากบนลงล่าง ซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 50 แบบด้วยกันและมีเสียงประกอบขณะ เปลี่ยนสไลด์ได้อีก 18 เสียง โดยมีขั้นตอนดังนี้

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด


นอกจากเราจะใส่เอฟเฟ็กต์ตอนเปลี่ยนสไลด์แล้ว ยังอาจใส่เอฟเฟ็คต์ให้กับข้อความหรือส่วน ประกอบต่างๆ ที่เรียกว่า ออบเจ็ค ภายในสไลด์ได้ โดยขณะฉายสไลด์แทนที่ข้อความจะแสดง มาพร้อมกันทีเดียวเราก็ ็กำหนดให้แสดงทีละส่วนตามความต้องการ

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด


การเคลื่อนไหวสำเร็จรูปที่เลือกมาข้างต้น จะมีผลกับทุกๆ ออบเจ็ค แต่บางครั้งอาจต้องการเลือกเอฟเฟ็คต์ ์การเคลื่อนไหวแต่ละข้อความเอง เราสามารถทำโดยการกำหนดการการเคลื่อนไหวเอง ดังนี้

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด


           เอฟเฟ็คต์ที่เลือกมาบางครั้งอาจจะต้องกำหนดรายละเอียดการแสดงเพิ่มเติม เช่น เริ่มแสดงเมื่อไร มีเสียงประกอบหรือไม่ หรือความเร็วของเอฟเฟ็คต์ประมาณเท่าไร ดังนี้
1. กำหนดวิธีการเริ่มแสดงออบเจ็คต์จากช่อง Start ( เริ่ม )

  • On Click ( เมื่อคลิก )  เมื่อคลิกเมาส์จึงปรากฏออบเจ็คต์นี้
  • With previous ( กับก่อนหน้านี้ ) ให้แสดงออบเจ็คต์พร้อมกับออบเจ็คต์ก่อนหน้า
  • After Previous ( หลังก่อนหน้านี้ ) ให้แสดงออบเจ็คต์นี้หลังจากออบเจ็คต์ก่อนหน้าแสดงเสร็จ

2. กำหนดทิศทางการแสดงออบเจ็คต์ในช่อง Direction ( ทิศทาง )

  • ทิศทางการแสดงนั้นจะขึ้นอยู่กับแบบของเอฟเฟ็คต์ ซึ่งอาจจะมีทิศทางที่แตกต่างกัน เช่น ถ้าเลือกเอฟเฟ็คต์ชื่อ Box ก็จะมีทิศทางให้เลือกคือ In ( เข้า ) และ Out ( ออก ) และถ้าเลือกเอฟเฟ็คต์ชื่อ Fly ก็จะมีทิศทางให้เลือกว่าจะให้บินมาจากทางไหนของจอภาพ เช่น From Left ( จากทางซ้าย ) หรือ From Bottom ( จากด้านล่าง ) เป็นต้น

3. กำหนดความเร็วของการแสดงเอฟเฟ็คต์ในช่อง Speed ( ความเร็ว )

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด


               เอฟเฟ็คต์แต่ละแบบนั้นสามารถจะกำหนดให้แสดงช้าลงหรือเร็วขึ้นได้ ตลอดจนกำหนดว่าจะเริ่ม แสดงหลังจากเอฟเฟ็คต์ก่อนหน้านั้นกี่วินาที ดังนี้

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด


หน่วยที่... 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11

รูปแบบเสียงเอฟเฟกต์ใด