โดยทั่ว ๆ ไป หนทางที่จะเริ่มมองหาแหล่งงานได้นั้นมีหลายวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดที่สื่อมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงนี้ไม่ใช่เรื่อง ยากเลย ที่คุณจะ หาข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับองค์กรที่เปิดรับสมัครงาน ซึ่งคุณอาจจะเลือกดูได้จากแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ Show
หาข้อมูลบริษัท
อันดับแรกเลยคือเราควรศึกษารายละเอียดของบริษัทที่เราอยากสมัครงานให้ดีก่อน เพื่อจะได้เป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนเข้าไปสัมภาษณ์งาน อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราใส่ใจในองค์กรนั้นๆ และอยากเข้าทำงานที่นี่จริงๆ
สมัครงานให้ตรงตำแหน่ง
เราควรวิเคราะห์คุณสมบัติของเราก่อนว่า เรามีทักษะและประสบการณ์ที่ตรงกับตำแหน่งนั้นๆ แค่ไหน อย่าพยายามส่งงานทั้งๆ ที่เราขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง แล้วคิดว่าบริษัทนั้นจะรับ เพราะอย่าลืมว่าเขาก็ต้องมีผู้สมัครงานคนอื่นรอเป็นคู่แข่งเราอยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดอื่นๆ ที่ไม่ควรข้ามอีก เช่น
– การกำหนดเพศของผู้สมัคร – การกำหนดช่วงอายุ – เรียนจบในสาขาที่ไม่ตรงกับสายงาน
ทำความเข้าใจในใบสมัครให้ถี่ถ้วน
ก่อนเริ่มใส่ข้อมูล ควรรีวิวใบสมัครให้ครบถ้วนก่อนสักหนึ่งครั้งก่อนลงมือกรอก เพราะบางทีในใบสมัคร อาจมีคำแนะนำหรือคำสั่งอื่นๆ ให้ปฏิบัติตาม เช่น ให้พิมพ์หรือให้เขียน ภาษาที่ต้องใช้ควรเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เป็นต้น จากนั้นให้ทำตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง
เอกสารต้องพร้อม รายละเอียดต้องครบ
ข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญทั้งหมด ควรเตรียมไปให้ครบทั้งแบบตัวจริงและแบบสำเนา ในส่วนของสำเนานั้น ควรเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้ครบทุกใบ โดยเอกสารที่ควรเตรียมไปให้พร้อม ได้แก่
– บัตรประชาชน พร้อมเลขที่บัตร และวันหมดอายุบัตร – ทะเบียนบ้าน – ใบทรานสคริปต์ – ใบรับรองการจบการศึกษา หรือ วุฒิการศึกษา – ใบรับรองผลการตรวจเลือกทหาร (สด. 43) สำหรับพนักงานผู้ชาย – เรซูเม่
อุปกรณ์ต่างๆ ก็จำเป็นไม่แพ้กัน
ใบสมัครงานส่วนใหญ่มักจะให้กรอกด้วยลายมือ ดังนั้นควรเตรียมปากกาของตนเองไปให้พร้อม ไม่ควรลืมเด็ดขาด เพราะหากต้องไปยืมหยิบยืมปากกาที่บริษัทที่เราไปสัมภาษณ์ อาจทำให้ไม่ดูดีและดูไม่เป็น Professional ได้ นอกจากนี้ยังควรเตรียมกาวหรือลวดเย็บกระดาษไปเผื่อได้ สำหรับการใช้แนบรูปลงในใบสมัครงาน
โชว์สกิลวิชาคัดไทยสมัยยังเด็ก
เรื่องของความเรียบร้อยก็เป็นสิ่งสำคัญนะ ควรกรอกด้วยลายมือที่อ่านง่ายและชัดเจน หากเขียนด้วยลายมือที่อ่านยาก ฝ่ายบุคคลอาจจะอ่านไม่ออก ทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ หรือให้อีกแง่เขาอาจจะมองไม่ดี ทำให้เราดูไม่น่าเชื่อถือได้เช่นกัน ด้านปากกาที่ใช้ควรเป็นปากกาหมึกสีน้ำเงินหรือสีดำเท่านั้น ห้ามใช้ปากกาสีอื่นโดยเด็ดขาด ก่อนเขียนควรทบทวนข้อมูลในแน่ใจเสียก่อน เพื่อป้องกันการเขียนผิด รวมไปถึงเรื่องการสะกดคำด้วย แต่หากเขียนผิดจริงๆ ให้ใช้น้ำยาลบคำผิด ลบแล้วเขียนทับให้เรียบร้อย
กรอกรายละเอียดให้ครบทุกช่อง
ในใบสมัครงาน มักมีรายละเอียดให้กรอกมากมาย เราควรกรอกให้ครบทุกช่อง ไม่ควรเว้นว่างเอาไว้ เพราะทุกข้อมูลที่บริษัททำไว้ใบในสมัครงาน คือข้อมูลทั้งหมดที่เขาต้องการจากเรา ไม่ได้เป็นตัวเลือกว่าจะสามารถกรอกไม่กรอกอันไหนก็ได้ เพราะถ้าเรากรอกไม่ครบ ฝ่ายบุคคลอาจจะมองว่าเราขาดคุณสมบัติในบางข้อ แล้วทำให้เขาหันไปเลือกคู่แข่งคนอื่นที่มีข้อมูลครบได้
ส่วนช่องไหนที่เราไม่มีข้อมูลนั้นจริงๆ ให้กรอกเครื่องหมาย (-) ลงไป ไม่ควรเว้นว่างเอาไว้เช่นกัน
ใส่ข้อมูลการศึกษาและประวัติการทำงานให้ชัดเจน
อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญอย่างยิ่งในใบสมัครงาน คือเรื่องของการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน เพราะเป็นรายละเอียดที่บริษัทจะพิจารณาว่าเราเรียนจบมาตรงสายไหม ประสบการณ์ตรงแค่ไหน เพื่อนำมาพิจารณารับเราเข้าทำงาน โดยรายละเอียดการกรอกควรเป็นดังนี้
– เริ่มกรอกจากปัจจุบันก่อน แล้วค่อยย้อนไปยังอดีต – ระบุปี พ.ศ. ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดให้ชัดเจน – ที่ทำงานล่าสุด หากยังทำงานอยู่ ให้ใส่ ปี พ.ศ. ก่อน แล้วตามด้วย (-ปัจจุบัน) – ข้อมูลการศึกษา ควรระบุชื่อสถานศึกษา ชื่อคณะ ชื่อวิชาเอก – ข้อมูลการทำงาน ควรระบุชื่อบริษัท ชื่อตำแหน่ง และหน้าที่การทำงานแบบคร่าวๆ เด็กจบใหม่ล่ะ กรอกอย่างไรดี
หากเป็นเด็กจบใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ให้เปลี่ยนมาใส่รายละเอียดในการฝึกงาน การอบรม หรือกิจกรรมที่เคยทำสมัยเรียนแทน ในส่วนการอบรมหรือกิจกรรมนั้น ควรใส่เฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เราสมัครเท่านั้น
ความสามารถพิเศษและทักษะเสริม
หากมีความสามารถพิเศษอื่นใดที่มี สามารถระบุลงไปได้เลย แต่ก็ควรเป็นความสามารถที่ดูเป็นน่าเชื่อถือและเกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น ส่วนทักษะเสริมก็ใส่ลงไปได้เช่นกัน ส่วนใหญ่ที่ระบุกัน จะเป็นทักษะด้านคอมพิวเตอร์และโปรแกรมต่างๆ ทักษะภาษาที่ 2 หรือ 3 โดยทักษะเหล่านี้ ให้ระบุเป็นระดับ เช่น ดีมาก ดี ปานกลาง และควรใส่ตามความเป็นจริง
รูปถ่าย
รูปประกอบใบสมัครงาน ควรดูเป็นทางการและดูเรียบร้อย ทั้งในเรื่องของทรงผมและชุด แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เวลาถ่ายรูป เราสามารถอมยิ้มได้นิดๆ ไม่ต้องทำหน้านิ่งเหมือนสมัยก่อนแล้ว เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรและดูธรรมชาติมากขึ้น ในส่วนของรายละเอียดที่ควรคำนึง ประกอบด้วย
– พื้นหลังควรเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน หรือสีขาว – ขนาดรูปภาพควรเป็น 1 หรือ 2 นิ้ว และควรนำติดไปทั้ง 2 ขนาด – ควรถ่ายรูปไม่เกิน 3-6 เดือน
กรอกใบสมัครงานเป็นภาษาอังกฤษ
ในยุคนี้บริษัทส่วนใหญ่มักใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร ใบสมัครงานบางที่แทบจะเป็นภาษาอังกฤษล้วนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นควรฝึกปรือสกิลการกรอกใบสมัครงานเป็นภาษาอังกฤษไว้ด้วย และหากบริษัทไหนที่ใบสมัครงานเป็น 2 ภาษา เราควรเลือกกรอกเป็นภาษาอังกฤษ จะได้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น อีกทั้งยังถือเป็นการโชว์สกิลด้านภาษาของเราไปในตัวอีกด้วย
บุคคลอ้างอิง
หากมีการต้องระบุชื่อบุคคลอ้างอิงลงในใบสมัครงาน เราจะต้องแจ้งบุคคลนั้นก่อน ว่าเราจะเอาชื่อของเขาไปใส่ในใบสมัครงาน เพราะบางทีฝ่ายบุคคลอาจมีการโทรไปถาม เพื่อเช็คนิสัย ความประพฤติ และการทำงานในอดีตของเรา โดยเราควรระบุบุคคลอ้างอิงอย่างน้อย 2 คน หรือตามจำนวนที่บริษัทนั้นๆ ทำช่องว่างไว้ในใบสมัครงาน ซึ่งบุคคลที่เราเลือกไม่ควรเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง แต่อาจจะหัวหน้าเก่าหรือเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น ในส่วนของรายละเอียดที่ต้องระบุ ได้แก่
– ชื่อ นามสกุล พร้อมคำนำหน้า – ตำแหน่งงาน – เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้
เงินเดือน
ในเกือบทุกใบสมัครงานมักมีช่องเงินเดือนที่ต้องการให้เรากรอก โดยเราควรระบุเป็นช่วงเดือน เช่น 25,000-35,000 บาท โดยควรพิจารณากรอกตามความเป็นจริง ห้ามกรอกสูงจนเกินไป หรือไม่เช่นนั้นหากไม่กรอกเป็นตัวเลข อาจกรอกด้วยข้อความอื่นได้ เช่น เงินเดือนตามแต่ตกลง
ข้อมูลติดต่อต้องชัดเจนและครบถ้วน
ปิดท้ายด้วยสิ่งสำคัญที่สุด ที่ห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด คือเรื่องข้อมูลการติดต่อของเรา ต้องชัดเจนครบถ้วนและห้ามผิดพลาด เพราะจุดนี้แหละที่บริษัทจะใช้ในการติดต่อกลับเรา ในกรณีที่เราได้รับข่าวดีในการเข้าทำงาน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์มือถือ หรืออีเมลล์ ควรระบุให้ชัดเจน ถูกต้อง และตรวจทานอย่างละเอียดก่อนส่งใบสมัคร
สรุปวิธีกรอกใบสมัครงานอย่างไรให้ได้งาน
แท้จริงแล้วการกรอกใบสมัครงานอาจดูเป็นเรื่องใกล้ตัวและไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความละเอียดและความรอบคอบเป็นหลัก เพราะมีดีเทลที่ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นเมื่อกรอกข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนแล้ว ควรอ่านซ้ำอีกหนึ่งรอบ เพื่อเช็คความถูกต้อง จะได้ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น แล้วขั้นตอนต่อไปในการสมัครงานจะได้ราบรื่น ก้าวไปสู่หนทางอาชีพที่สดใสต่อไป ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า นานเท่าไรบริษัทจึงจะติดต่อมาหลังมหกรรมสมัครงานออนไลน์ การสมัครงานแบบ Walk-in ได้ผลดีแค่ไหนในปัจจุบัน ช่างน่าอาย ตกงานเพราะรูปถ่ายสมัครงาน การสมัครงาน การสมัครงานทางอินเตอร์เน็ต การเขียนจดหมายสมัครงาน บทความยอดนิยม ทำไมบริษัทเทคต้องสนใจเรื่อง Sustainability ช่วงหลังมานี้หลายคนคงได้ยิน หรือเริ่มตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืน หรือ Sustainability กันมากขึ้น ด้วยความที่สิ่ง... 20 ประเภทเพื่อนร่วมงานชวนป่วน พร้อมวิธีรับมือ ในหนึ่งวันชาวออฟฟิศอย่างเรา ๆ ใช้เวลาอยู่ที่ออฟฟิศไม่น้อยกว่า 9 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ถ้าไม่นับเวลาที่เราต้องนอนในแต่ละวัน... ข้อใดสำคัญที่สุดในการเตรียมตัวก่อนการสมัครงาน *ผู้สมัครงานจะต้องเตรียมหลักฐานการสมัครงานต่าง ๆ เช่น ใบรับรองผลการศึกษา, ใบสุทธิ รูปถ่าย, บัตรประจ าตัวประชาชนพร้อมส าเนา, ส าเนาทะเบียนบ้าน, ใบปลด รด.,และหลักหลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี) หนังสือรับรองการฝึกงานจากผู้ที่เคยจ้างงาน หรือรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษา นอกจากหลักฐานการดังกล่าวแล้ว ผู้สมัครงานควรเตรียมเครื่องเขียนปากกา ...
ข้อใดเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของการสัมภาษณ์งาน *3. จุดมุ่งหมายของการสัมภาษณ์ 1.เพื่อจะได้ทราบข้อเท็จจริงของผู้ถูกสัมภาษณ์ 2. เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน 3. เพื่อจะได้ทราบถึงความสนใจ แนวคิด ทัศนคติ ของผู้ถูกสัมภาษณ์ 4. เพื่อจะได้ทราบถึงความรู้ความสามารถ ของผู้ถูกสัมภาษณ์
ข้อใดเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นลำดับแรกของการสมัครงาน1. สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสามารถทางภาษา ... . 2. วิเคราะห์ข้อมูลเป็น และนำมาใช้ประโยชน์ได้ ... . 3. มีความรู้ด้าน IT และเทคโนโลยีดิจิทัล ... . 4. สามารถการปรับตัวและจัดลำดับความสำคัญได้ ... . 5. มีมนุษยสัมพันธ์ ... . 6. เป็นผู้นำและรู้จักการบริหารจัดการ ... . 7. ใส่ใจเรื่องมารยาททางสังคม ... . 8. วางแผนและการจัดการงานได้อย่างดี. ข้อใดสำคัญที่สุดในการกรอกแบบสมัครงานเรื่องของความเรียบร้อยก็เป็นสิ่งสำคัญนะ ควรกรอกด้วยลายมือที่อ่านง่ายและชัดเจน หากเขียนด้วยลายมือที่อ่านยาก ฝ่ายบุคคลอาจจะอ่านไม่ออก ทำให้ข้อมูลผิดพลาดได้ หรือให้อีกแง่เขาอาจจะมองไม่ดี ทำให้เราดูไม่น่าเชื่อถือได้เช่นกัน ด้านปากกาที่ใช้ควรเป็นปากกาหมึกสีน้ำเงินหรือสีดำเท่านั้น ห้ามใช้ปากกาสีอื่นโดยเด็ดขาด ก่อนเขียนควร ...
|