การนำเสนอผลงานวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพ บทนำ โครงการวิจัยเป็นงานที่มีเป้าหมายเพื่อการสร้างองค์ความรู้พัฒนาศาสตร์ต่าง ๆ ในศาสตร์ทางการศึกษาก็เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ นักวิจัยย่อมปรารถนาที่จะเผยแพร่การค้นพบสิ่งที่ตนศึกษา โดยเฉพาะการนำเสนอบนเวทีระดับนานาชาติ หรือระดับชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่เผยแพร่ผลการวิจัยที่เร็วที่สุด นักวิจัยมือใหม่อาจจดๆ จ้องๆ ชั่งใจตนเองจนกว่าจะมีความมั่นใจระดับหนึ่ง แต่สำหรับมือเก่า ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยและชำนาญการนำเสนอมักจะเตรียมการให้พร้อมเสมอ ความจริงการเผยแพร่ผลงานวิจัยมีได้หลายทาง เช่น การตีพิมพ์ในวารสาร การนำเสนอในรูปแบบของนิทรรศการ (poster presentation) .ในโอกาสต่างๆ แต่การนำเสนอบนเวทีเป็นรูปแบบที่นักวิจัยจะแสดงตัว บางครั้งจะได้พบผู้สนใจแสดงตัวด้วย การโต้ตอบแลกเปลี่ยนความคิด เป็นการสร้างชุมชนของการเรียนรู้ที่ดีในวงวิชาการ สำหรับนักวิจัยมือใหม่ หรือมือเก่าที่ไม่นิยมการแสดงตัว ก็เป็นสถานการณ์ที่ต้องการเวลาเพื่อความพร้อมบางประการ แต่อย่างไรก็ตาม บรรยากาศทางวิชาการของสังคมไทยปัจจุบันที่มีระเบียบการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งทางวิชาการด้วยหลักฐานการนำผลการวิจัยออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นตัวเร่งรัดให้นักวิจัยต้องเสาะหาโอกาสเปิดตัวเก็บหลักฐานอย่างคึกคัก ในช่วงสิบปีนับจากการปฏิรูปการศึกษา จำนวนนักวิจัยส่งผลงานมายังเวทีระดับท้องถิ่น และระดับชาติมีมากขึ้น จากจำนวนแต่ละสาขาที่มีนับสิบ เป็นจำนวนนับร้อย บางเวทีมากขึ้นเป็นจำนวนหลายๆ ร้อย ดังเช่นเวทีของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ งานวิจัยสาขาศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นงานวิจัยในชั้นเรียนของครู งานวิจัยของอาจารย์ และงานวิทยานิพนธ์ นักวิจัยเกือบทุกรายต้องการหลักฐานเพื่อประกอบการขอเลื่อนวิทยฐานะ สำหรับนิสิตเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จหลักสูตรทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก แต่โอกาสที่เปิดนั้น ก็มิได้มีมากสำหรับทุกคน จึงมีการคัดสรรด้วยเกณฑ์คุณภาพ จึงพบว่า ขณะนี้ ผู้ผ่านการพิจารณาให้ขึ้นเวทีต่างๆ จึงเป็นผู้มีผลงานที่ได้รับการพิจารณาตามเกณฑ์คุณภาพของกรรมการเฉพาะกิจต่างๆ มีความเข้มงวดมากน้อยแตกต่างกันตามนโยบายและวัตถุประสงค์ของการจัดของแต่ละเวที การนำเสนอบนเวที เป็นงานที่นักวิจัยต้องเตรียมตัวให้มีความพร้อมทั้งด้านความเชื่อมั่นในตนเอง ความลึกซึ้งในสาระที่จะนำเสนอ และต้องมีทักษะของการนำเสนอ การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้นักวิจัยประสบความสำเร็จ การนำเสนอที่มีประสิทธิภาพ พิจารณาจาก ความสามารถของใช้เทคนิควิธีการสื่อสารที่ทำให้ผู้ฟังสนใจ ผู้ฟังเข้าใจในเรื่องที่นักวิจัยนำเสนอ ภายในเวลาที่กำหนด เช่น กำหนด 20 นาที 25 นาที หรือ 30 นาที เป็นต้น การฝึกซ้อมการนำเสนอ การฝึกฝนเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับนักวิจัยมือใหม่ทุกคน และการซักซ้อมเตรียมการนำเสนอแต่ละครั้งก็เป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับนักวิจัยทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก่า ทั้งนี้ เพราะสิ่งที่นำเสนอคือการค้นพบความรู้ใหม่ หรือ วิธีใหม่ หรือการประยุกต์ความรู้ในสถานการณ์ใหม่ และเหนือสิ่งอื่นใด คือ กลุ่มคนฟังเป็นกลุ่มใหม่ นักวิจัยจึงไม่ควรมองข้ามความจำเป็นของการเตรียมพร้อมเพื่อให้การนำเสนอเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนทักษะการนำเสนอ มักเป็นกิจกรรมแทรกๆ อยู่ในการเรียนระดับอุดมศึกษาหลายวิชา โดยเฉพาะในวิชาสัมมนา และในขั้นการสอบความรอบรู้ และสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก แต่มักไม่พบว่ามีการจัดสอนเป็นรายวิชา สำหรับผู้เขียนจะจัดเป็นกิจกรรมหนึ่งในรายวิชาวิธีวิจัย ทั้งระดับปริญญา ตรี โท และเอก มีการฝึกการนำเสนอ และ กำหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วมการนำเสนอในการประชุมต่างๆ ตามโอกาสที่อำนวย สำหรับที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีการประชุมวิชาการประจำปี นิสิตได้เห็นตัวอย่างการนำเสนอหลากหลายรูปแบบที่มีประสิทธิภาพในสถานการณ์จริง ส่วนในรายวิชาอื่นที่มีการนำเสนอการค้นคว้า นิสิตมักจะได้รับการสอนโดยอ้อมแต่เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สำหรับการสอนโดยตรงขอยกตัวอย่างในวิชาวิธีวิจัย กำหนดหัวข้อในส่วนของการนำเสนอบนเวทีไว้ 3 หัวข้อ คือ 1. การเตรียมการนำเสนอ 2. การนำเสนอ 3. การประเมินเพื่อพัฒนาการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอนำมาเล่า ทบทวนให้นักวิจัยได้พิจารณา 1. การเตรียมการนำเสนอ สถานการณ์ในห้องของการนำเสนอผลงานวิจัย เสมือนการประชุมที่ผู้เข้าประชุมมาด้วยความตั้งใจ (นอกจากนิสิตนักศึกษาบางคนที่ถูกสั่งให้มาฟัง) เขามาเพื่อฟัง ฟังในเรื่องที่ติดประกาศ ฟังในเวลาที่กำหนด ดังนั้น ผู้นำเสนอจำเป็นต้องเตรียมให้พร้อม ไม่ให้ผู้ฟังผิดหวัง นั่นหมายถึง ผู้รายงานเองจะได้รับเกียรติและสมหวัง การเตรียมตัวจึงควรเตรียมอย่างมีขั้นตอนดังนี้ (1) วางแผนการนำเสนอ - ทบทวนงานวิจัยที่จะนำเสนออย่างเข้าใจ - หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฟัง ส่วนใหญ่เป็นใคร น่าจะประมาณได้จากเหตุการณ์ที่เคยจัดมา เพื่อให้ตนเองประมาณบรรยากาศในห้อง - เวลาที่กำหนดให้นำเสนอ 20 นาที หรือ 25 นาที - การจัดการที่ผู้เสนอต้องรู้และดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด เช่น การแสดงความจำนง การส่งเอกสารต่างๆ ตลอดจน การอำนวยความสะดวกในวันที่นำเสนอ (2) เตรียมการพูด กล่าวนำ - แนะนำตัว ถ้าหากในการนำเสนอมีประธานหรือพิธีกรแนะนำนักวิจัยแล้ว ก็ไม่ต้องแนะนำตนเองซ้ำ - กล่าวแนะนำโครงการวิจัย ให้มีสาระเพียงพอที่จะให้ผู้ฟังเข้าใจว่า โครงการที่นำเสนอ คือเรื่องที่อะไร เกี่ยวกับอะไร มีความสำคัญอย่างไรที่ทำให้นักวิจัยทำวิจัยเรื่องนี้ คำถามวิจัยที่ต้องการหาคำตอบคืออะไร นักวิจัยคาดหวังจะนำคำตอบหรือผลการวิจัยไปทำให้เกิดประโยชน์อย่างไร (3) เตรียมเนื้อหาของการนำเสนอ : เป็นเนื้อหาหลักของการนำเสนอ - วัตถุประสงค์ของการวิจัย มีอะไรบ้าง ต้องสอดคล้องกับคำถามวิจัยที่กล่าวนำไป - กรอบความคิดเชิงทฤษฎีของปฏิบัติการเพื่อตอบคำถามวิจัยเป็นอย่างไร สรุปการค้นคว้า อ้างอิงหลักการหรือทฤษฏีที่คัดสรร อย่างสมเหตุสมผล - รูปแบบการปฏิบัติการ (วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน หรือ วิจัยปฏิบัติการของผู้บริหาร) หรือ รูปแบบการพัฒนาสื่อ หรือนวตกรรมเป็นอย่างไร มีสาระสำคัญครบ กระชับ - ถ้ามีคำศัพท์เฉาพะที่ต้องทำความเข้าใจกับผู้ฟัง ต้องมีคำอธิบายที่ชัด และแสดงให้เห็นการปฏิบัติในความหมายนั้น - กระบวนการวิจัยในการหาคำตอบทำอย่างไร แสดงให้ผู้ฟังเข้าใจว่า นักวิจัย ออกแบบการวิจัยที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์อย่างไร ได้ข้อมูลอย่างไร - การจัดกระทำข้อมูลมีวิธีการอย่างไรที่จะตอบคำถามวิจัยข้อต่อข้อ ได้ผลการสรุปการวิเคราะห์อย่างไร (4) เตรียมรายงานถึงสรุปผลการวิจัย - สรุปผลการวิจัยเป็นข้อความที่ตอบคำถามวิจัยข้อต่อข้ออย่างสอดคล้องชัดเจน โดยมีผลการวิเคราะห์เป็นหลักฐานของการลงข้อสรุป ข้อควรระวัง คือ การสรุปผลวิจัยเป็นองค์ความรู้ที่ได้จากการใช้ข้อมูลมาอธิบาย หรือ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ - เสนอความเชื่อมโยงระหว่างผลการวิจัยกับวัตถุประสงค์ หรือ สมมุติฐานของการวิจัย (ถ้ามี) - ชี้ประเด็นให้เห็นประโยชน์ที่น่าจะได้จากผลการวิจัย - เสนอแนวทางการค้นหาความรู้ที่ยังขาด เพื่อเติมเต็มความรู้และประโยชน์ เป็นแนวทางการวิจัยครั้งต่อไปอย่างเหมาะสม และเป็นไปได้ ทั้งนี้ควรมีความเชื่อมโยงกับหลักการหรือทฤษฎี และความคาดหวังที่ได้กล่าวมาแล้ว (5) เตรียมการตั้งคำถาม หรือ เชิญชวนให้ผู้ฟังตั้งคำถาม - ปกติการรายงานวิจัย มักให้ซักถามบ้าง ถึงแม้จะใช้เวลาน้อยๆ แต่จำเป็นที่จะให้ผู้ฟังได้เสนอคำถามหรือแลกเปลี่ยนความคิด และเป็นโอกาสที่ได้ชี้แจงกับผู้ฟังในประเด็นที่ผู้เสนอมองข้ามไป - ผู้เสนอรายงานจำเป็นต้องมีแผนจัดการกับเวลาที่กำหนด จึงจะมีโอกาสให้ตั้งคำถามได้ (6) การเตรียมสื่อการนำเสนอ - สื่อที่นักวิจัยใช้มีหลายชนิด เช่น เครื่องฉายข้ามศีรษะ สไลด์-คอมพิวเตอร์ วิดีโอ อุปกรณ์ และเอกสารสรุปย่อ เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้วิจัยต้องเลือกให้เหมาะสมกับความถนัดของตน และ สามารถจัดหาได้ในเวลาที่นำเสนอ โดยมีหลักว่า เรียบง่าย ชัดเจน และเหมาะสม - นักวิจัยต้องซ้อมจนคล่อง ต้องมั่นใจว่า เวลานำเสนอ สามารถจัดการหากมีปัญหาต้องสามารถแก้ไขได้ 2. การนำเสนอ (1) ควบคุมสติ มีความเชื่อมั่น ไม่ประหม่า ทั้งนี้ เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับผลการฝึกซ้อมมาก บางคนที่รู้ตัวว่ามักขาดความเชื่อมั่นเมื่อมีผู้ฟังจำนวนมาก ก็จำเป็นต้องฝึกซ้อมกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน หรือ หาประสบการณ์จากการเข้าประชุมหลายที่ ผู้เขียนรู้จักนักวิจัยที่มีประสบการณ์การนำเสนอหลายเวที พบว่าเขามีความเชื่อมั่นมาก และมีทักษะมาก (2) วางตัว วางท่าทาง โดยเฉพาะการวางมือ เช่นเดียวกัน บุคลิกภาพที่สง่ายอมเกิดจากความเชื่อมั่นในตนเอง ดังนั้น การฝึกซ้อมที่มากพอ จะสร้างบุคลิกภาพที่สง่าได้ (3) การแต่งตัว เป็นเรื่องที่มักละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า นักวิจัยรู้เรื่องนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง แต่หลายครั้งที่ผู้เขียน พบว่า การที่ผู้นำเสนอไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแต่งตัว ก็ลดทอนความสง่าได้ นอกจากนี้ มีกรณีที่พบว่า ความไม่พิถีพิถัน และรอบคอบอาจทำให้กระทบกับความเชื่อมั่นได้ (4) การควบคุมเวลา ถึงแม้นักวิจัยจะเตรียมการในขั้นวางแผน 6 ขั้นอย่างดีแล้วก็ตาม ในสถานการณ์จริงของการนำเสนอ นักวิจัยจำเป็นต้องควบคุมเวลา ให้สามารถพูดในสาระสำคัญได้ครบถ้วน ดังเช่น ใช้เวลาแต่ละหัวข้อ ประมาณ 3-4 นาที หัวข้อ (1) ความเป็นมาของการวิจัยและวัตถุประสงค์/คำถามวิจัย (2) ทฤษฎีหรือแนวความคิดที่ใช้ในการสร้างกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนหรือ นวตกรรม หรือ สื่อ (3) การปฏิบัติการกับกลุ่มเป้าหมาย หรือ การปฏิบัติการพัฒนาสื่อ หรือ นวตกรรม (4) วิธีวิจัย (กระบวนการเก็บข้อมูลและตอบคำถามวิจัย) (5) ข้อค้นพบและอภิปราย 3. การประเมินเพื่อพัฒนาการนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ ขั้นตอนนี้ นักวิจัยมักจะประเมินด้วยการสังเกตตนเอง และปฏิกริยาของผู้ฟัง และบรรยากาศโดยรอบในห้องประชุม แต่การประเมินโดยฝ่ายจัดการมักมีการประเมินอย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ต่อผู้นำเสนอ ฝ่ายจัดการควรออกแบบการประเมินที่จะได้สารสนเทศสนองต่อนักวิจัย ที่จะนำไปพิจารณาปรับปรุงการนำเสนอครั้งต่อไป การออกแบบการประเมินที่เหมาะสม จะไม่ขอกล่าวในที่นี้ บทสรุป ขอเสนอข้อสังเกตที่ฝากถึงนักวิจัยผู้เสนอรายงานบนเวที ในหัวข้อ “ข้อพึงปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติ” ในการนำเสนอ การนำเสนอที่มีเวลาจำกัดเพียง 20-25 นาที นักวิจัยจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม และต้องนำเสนอด้วยความมั่นใจ ข้อพึงปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติต่อไปนี้ รวบรวมจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนและจากการแลกเปลี่ยนความรู้จากเพื่อนอาจารย์ตลอดจนอ่านพบในบทความต่าง ๆ มีดังนี้ สิ่งพึงปฏิบัติ ควรวางแผน กำหนดโครงสร้างสาระที่นำเสนออย่างรอบคอบ มีลำดับและความสอดคล้องตลอดเรื่องที่นำเสนอ วางแผนเวลาที่ใช้ในการเสนอแต่ละหัวข้อ ประมาณ 3-4 นาที มีการเตรียมการนำเสนออย่างจริงจัง ฝึกฝนการพูดให้กระชับ ชัดเจน ซ้อมพูดและจับเวลาทุกหัวข้อ ปรับสาระและการพูดให้ตรงประเด็น กระชับ วางแผนการใช้สื่อ เช่น สไลด์ powerpoint ให้พอเหมาะกับสาระ ทั้งด้านจำนวน และเวลาการฉาย เนื้อหาในสื่อ ตรงประเด็น กระชับ ขนาดและสีตัวอักษรอ่านง่าย ควรคำนึงถึงคนฟังที่นั่งแถวหลัง ๆ ด้วย การพูด ออกเสียงชัดเจน จังหวะเหมาะสม ไม่รีบร้อนเกินไป ควรชี้แจงถึงจุดหมายของการนำเสนอ อธิบายถึงเหตุผลของการวิจัยอย่างชัดเจน การนำเสนอควรเน้นการสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ฟัง มีวิธีที่ให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อน เช่นวิธีการทางสถิติ และการสรุปผลการวิจัย สิ่งไม่พึงปฏิบัติ อย่าอ่านเอกสาร แทนการพูด ถ้ามีการเตรียมอย่างดี ไม่น่าจะเกิดอาการเช่นนี้ อย่าใช้อุปกรณ์ หรือสื่อการนำเสนอที่ยังไม่ได้ฝึกให้เกิดความคล่องแคล่ว อย่านำเสนอตารางที่มีข้อมูลมากมายที่ยังไม่ได้วิเคราะห์ หรือมีรายละเอียดเกินความจำเป็นของการอธิบายสาระที่ต้องการ อย่าเสนอตารางที่มีความซับซ้อน ควรแสดงเฉพาะส่วนที่เรียบง่าย และ.ได้การสรุปตีความที่ตรงประเด็น อย่าใช้สื่อหลายอย่างที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟัง ผู้ฟังอาจสับสนหรือเสียสมาธิ อย่าใช้ลูกเล่นของ powerpoint เพียงเพื่อการเพิ่มสีสรร อาจสร้างความรำคาญ เช่น เทคนิคการโยนตัวอักษรทีละตัวพร้อมเสียง อย่าใช้วาจายกตน หรือ ชมตัวเอง ถึงแม้ผลการวิจัยจะน่าสนใจ ควรรายงานตามหลักฐานที่ปรากฎ อย่าใช้วาจาดูถูกผู้ฟัง เช่น .”ขอข้ามตอนนี้ไป เพราะเป็นเรื่องเข้าใจยาก” อย่าใช้เวลาเกินกำหนด เพราะเป็นการแสดงถึงความอ่อนซ้อม และไม่ให้เกียรติผู้ฟัง ผู้อ่านจะร่วมให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม โปรดเขียนประสบการณ์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน จะขอบคุณมาก ภาวิณี ศรีสุขวัฒนานันท์ |