ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นอีกหนึ่ง เครื่องออกกำลังกาย ที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะ การออกกำลังกายนั้น เป็นการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานเป็นปกติ ผู้ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะเป็นผู้ที่มีอายุยืนสุขภาพแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันมีอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ที่เป็นพวกอาหารขยะจำนวนมาก อาหารเล่านี้ล้วนทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม เกิดไขมันสะสมเป็นโรคอ้วน หากไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ก็จะทำห่าเกิดโรคเรื้อรังไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง

แต่หากคุณรู้จักออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ อาจไม่จำเป็นจะต้องเป็นการออกกำลังกายที่หนักมาก ไม่จำเป็นต้องเข้าฟิตเนส เพียงแค่คุณออกกำลังกายด้วยการวิ่ง การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด คุณเพียงแค่มีรองเท้ากีฬาเพียงคู่เดียว ก็สามารถที่จะออกกำลังกายและมีสุขภาพที่ดีได้ แต่ด้วยสภาพอากาศในปัจจุบันที่บางวันก็แดดร้อน บางวันที่ฝนตก บางวันก็มีฝุ่นควันพิษหนาแน่น หรือบางวันเลิกงานช้ามืดซะก่อน ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคในการวิ่ง แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากคุณมี ลู่วิ่งไฟฟ้าตัวช่วยอย่างดีที่ช่วยให้คุณสามารถที่จะ ออกกำลังกายที่บ้านได้ เวลาไหนก็ได้ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีได้

ลู่วิ่งไฟฟ้า นั้น ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ง่าย ทั้งทางเว็บไซต์ต่างๆหรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่ยี่ห้อไหนดีมีคุณสมบัติอะไรบ้าง หากต้องการซื้อจะมีวิธีการเลือกซื้ออย่างไร เรามีข้อมูลมาฝากค่ะ

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง ปี 2022

  1. ลู่วิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmill
  2. ลู่วิ่งไฟฟ้า Toughman
  3. ลู่วิ่งไฟฟ้า FITEX R500
  4. ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้าPOWER REFORM รุ่น PANTHER
  5. ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้า MERRIRA รุ่น MX200
  6. ลู่วิ่งไฟฟ้า Johnson Treadmill
  7. ลู่วิ่งไฟฟ้า Van Burgh Motorized Treadmill 2 HP
  8. ลู่วิ่งพับได้ eBuy

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

1. ลู่วิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmill

ลู่วิ่งไฟฟ้าอัจฉริยะ เชื่อมต่อผ่านแอพ สะดวกพับเก็บได้ ป้องกันการกระแทกที่หัวเข่าขณะวิ่ง พร้อม Built-in ลำโพง JBL

ลู่วิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmill ออกแบบทันสมัยด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานแบบอัจฉริยะด้วยการเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือ Zepp ซิงค์ข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจกับอุปกรณ์ที่สวมใส่ กับ Smartwatch Amazfit ได้แก่ Bip U Pro / GTS 2mini / GTR2 / GTS 2 /  T-Rex Pro และรุ่นอื่นๆ

มาพร้อมลำโพง Built-inสองข้าง เสียง Surroundปรับแต่งลำโพง JBL ให้เสียงที่เหนือกว่าแก่ผู้ใช้ โดยไม่ต้องสวมหูฟัง

สายพานวิ่งแบบกว้างพิเศษ ให้พื้นที่วิ่งที่กว้างและให้ความมั่นคง กันลื่นและทนต่อการสึกหรอและแถบขอบยางนุ่มช่วยให้ผู้ใช้ วิ่งสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น การดูดซับแรงกระแทก ติดตั้งโช้คอัพแปดตัวระหว่างบอร์ดวิ่งและเฟรมหลัก ให้ การใช้งานราบรื่นโดยไม่รู้สึกแข็งหรืออ่อนเกินไป ปกป้องเข่าและลดเสียงรบกวนแม้วิ่งด้วย ความเร็วสูง ไม่รบกวนผู้อื่น และยังสามารถใช้งานกับแอพฯ Zwift เพื่อวิ่งแบบ Virtual run ได้อีกด้วย

รายละเอียด Amazfit Airrun Smart Treadmill
ขนาดมอเตอร์ 1.25 แรงม้า
การรับประกัน รับประกันสินค้า 1 ปี

ข้อดี

ฟังก์ชั่นการใช้งานทันสมัยสามารถเชื่อมกับหลายอุปกรณ์
เครื่องสามารถพับเก็บได้ เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บไม่เปลืองพื้นที่
มีลำโพงแบบ JBL Built-in เพื่อความบันเทิงในการวิ่ง
มีโช๊คอัพดูดซัพแรงกระแทก ป้องกันการเจ็บเข่า
✔ ใช้งานกับ App Zwift เพื่อวิ่งแบบ Virtual Run ได้

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

2. Toughman ลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ 3 แรงม้า

ลู่วิ่งไฟฟ้าฟังก์ชั่นหลากหลาย วิ่งนุ่ม สบาย ทำงานเงียบ ไม่มีสะดุด
ลู่วิ่งไฟฟ้า Toughman มอเตอร์ 3 แรงม้า เป็นลู่วิ่งที่ออกแบบมาอย่างดีใช้งานง่ายพับเก็บสะดวก ด้วยระบบไฮโดรลิค มีหน้าจอแสดงข้อมูล LCD 5 นิ้ว มากด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปมากถึง 12 โปรแกรม มีช่องต่อลำโพงผ่าน USB และ AUX มีที่วางโทรศัพท์และขวดน้ำ สามารถปรับความชันไฟฟ้า 15 ระดับ ปรับความเร็วและความชันได้จากที่พักแขน ทำความเร็ว 0.8-15 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่สำคัญคือมีระบบSafty Key หยุดเครื่องโดยทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

รายละเอียด Toughman
ขนาดเครื่อง 180 x70 x 30 เซนติเมตร
ขนาดมอเตอร์ 3 แรงม้า
รองรับน้ำหนัก 80 – 100 กิโลกรัม
ขนาดลู่วิ่ง 48 x 135 เซนติเมตร
ความเร็ว 0.8 – 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อดี

✔  สามารถปรับความเร็วและความชันได้จากราวจับทั้ง 2 ข้าง
✔ มีระบบป้องกันภัย SAFETY KEY เพื่อสั่งงานหยุดอัตโนมัติ

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

3. FITEX R500

ลู่วิ่งไฟฟ้ารูปทรงสวยงาม ลู่วิ่งใหญ่วิ่งสะดวก มีระบบลดแรงกระแทกป้องกันข้อเข่าเสื่อม เสียงไม่ดัง
วิ่งไฟฟ้า FITEX R500 ออกแบบสวยงามทันสมัยหน้าจอ LCD 5.5 นิ้ว แสดงหน้าจอ ความเร็ว ระยะทาง เวลา แคลลอรี่ และระดับชีพจร ลู่วิ่งมีความกว้างวิ่งได้อย่างสบายใจ มีแถบกันลื่นด้านข้าง มีระบบโช๊คคู่ทำให้การวิ่งนุ่มสบาย มีจุดรับแรงกระแทกมากถึง 6 จุด จึงทำให้สามารถลดปัญหาข้อเข่าเสื่อมจากการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ยังทำให้เสียงไม่ดังมากจนเกินไป มอเตอร์ 4แรงม้า สามารถเร่งความเร็วได้มากถึง 18 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีระบบจ่ายน้ำมันหล่อลื่นอัตโนมัติ ในส่วนของฟังก์ชั่นเสริมต่างๆก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็นเชื่อมต่อกับมือถือ IOS และ Andriod ฟังเพลง MP3 จากมือถือและ USB พับเก็บได้ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ พร้อมป้องกันแรงกระแทกด้วยระบบไฮดรอลิก มีล้อ เคลื่อนย้ายง่าย สะดวก

รายละเอียด FITEX R500
ขนาดเครื่อง 174 x 74 x 136 เซนติเมตร
ขนาดมอเตอร์ 4 แรงม้า
รองรับน้ำหนัก 140 กิโลกรัม
ขนาดลู่วิ่ง 48 x 135 เซนติเมตร
ความเร็ว 1 – 18 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อดี

✔  พับเก็บได้ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ พร้อมป้องกันแรงกระแทกด้วยระบบไฮดรอลิก มีล้อ เคลื่อนย้ายง่าย สะดวก
 มีจุดรับแรงกระแทกมากถึง 6 จุด จึงทำให้สามารถลดปัญหาข้อเข่าเสื่อมจากการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ยังทำให้เสียงไม่ดังมากจนเกินไป

ข้อเสีย

✘ ความเร็วออโต้ ขึ้นลงเร็วเกินไป

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

4. POWER REFORM ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้า รุ่น PANTHER

ลู่วิ่งไฟฟ้าปรับระดับความชัน 18 ระดับ ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่ม มี App เทรนเนอร์วิ่งส่วนตัว
POWER REFORM ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้า รุ่น PANTHER หน้าจอ LCD ขนาด 5 นิ้ว มีโปรแกรมการออกกำลังกาย 15 โปรแกรม สามารถทำความเร็วในการวิ่ง 1 – 16 กม./ชม. ปรับความชันอัตโนมัติ 18 ระดับ ด้วยปุ่ม Auto-Incline มีโช๊คคู่รับแรงกระแทก 6 จุด ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อม ขนาดลู่วิ่งมีความกว้างในระดับที่กว้างวิ่งสบาย รองรับน้ำหนักสูงสุด 110 กิโลกรัม มี Safety Key หยุดเครื่องฉุกเฉินเพื่อป้องกันอันตราย มีระบบหยอดน้ำมันได้อย่างง่ายดาย สามารถยืดอายุลู่วิ่งได้ การจัดเก็บพับเก็บได้ ด้วยระบบไฮโดรลิ มีล้อเลื่อน สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย รองรับ MP3เล่นเพลงผ่านมือถือ

รายละเอียด POWER REFORM รุ่น PANTHER
ขนาดเครื่อง 155 x 71 x 126 เซนติเมตร
ขนาดมอเตอร์ 3 แรงม้า
รองรับน้ำหนัก 110 กิโลกรัม
ขนาดลู่วิ่ง 123 x 42 เซนติเมตร
ความเร็ว 1 – 16 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อดี

✔  มีระบบ Auto-Lubrication System ดูแลรักษาโดยการหยอดน้ำมันได้อย่างง่ายดาย ช่วยยืดอายุลู่วิ่งได้
ปรับความชันอัตโนมัติ 18 ระดับ เพียงกดปุ่ม Auto-Incline

ข้อเสีย

✘ เสียงเครื่องค่อนข้างดัง

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

5. MERRIRA ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้า รุ่น MX200

ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้า เทรนเนอร์การวิ่งส่วนตัวบนมือถือ ปรับความชันอัตโนมัติ 18 ระดับ
MERRIRA ลู่วิ่งไฟฟ้า 3 แรงม้า รุ่น MX200 มีหน้าจอแสดง LCD 5 นิ้ว สามารถแสดงข้อมูลได้อย่างครบถ้วนมีโปรแกรมการออกกำลังกาย 15 โปรแกรม เครื่องสามารถรองรับน้ำหนักสูงสุด 110 กิโลกรัม สามารถปรับระดับความชันอัตโนมัติ 18 ระดับ มีApp เทรนเนอร์การวิ่งส่วนตัวบนมือถือ ที่สามารถเก็บข้อมูลต่างๆได้ มีระบบรองรับแรงกระแทกด้วยเทคโนโลยี 6-Level Shock Absorption ซึ่งสามารถลดแรงกระแทกที่เข่าและข้อเท้า มีความพิเศษด้วยระบบหยอดน้ำมัน Auto-Lubrication System

รายละเอียด MERRIRA รุ่น MX200
ขนาดเครื่อง 155 x 71 x 126 เซนติเมตร
ขนาดมอเตอร์ 3 แรงม้า
รองรับน้ำหนัก 110 กิโลกรัม
ขนาดลู่วิ่ง 123 x 42 เซนติเมตร
ความเร็ว 1 – 16 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อดี

✔  มีระบบหยอดน้ำมัน Auto-Lubrication System ซึ่งสามารถยืดอายุการใช้งานของลู่วิ่ง
มีApp เทรนเนอร์การวิ่งส่วนตัวบนมือถือ

ข้อเสีย

✘ ไม่มีคู่มือการบำรุงรักษาเครื่อง

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

6. Johnson Treadmill

ไซน์แข็งแรงทนทาน มีโปรแกรมการออกกำลังกายมากถึง 14 โปรแกรม
ลู่วิ่งไฟฟ้า Johnson ลู่วิ่งคุณภาพจากแบรนด์ดัง โดดเด่นด้วย ระบบ การวัดอัตราการเต้นหัวใจ พร้อมหน้าจอ LED สำหรับแสดงผลการออกกำลังกายแบบ Real Time สามารถตั้งโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมได้ 14 โปรแกรม มอบความเพลิดเพลินในการออกกำลังกายให้กับคุณรองรับน้ำหนักของผู้ใช้ 148กิโลกรัมหน้าจอ5.75″ Blue Backlit LCD Window ระบบรองรับแรงกระแทก Adjustable & Variable Response Cushioning
ขนาดสายพาน140 × 50 ซม.

รายละเอียด Johnson Treadmill
ความหนาสายพาน 1.4 มิลลิเมตร
ขนาดสายพาน 140 × 50 ซม.

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

7. Van Burgh ลู่วิ่งไฟฟ้า Motorized Treadmill 2 HP

ลู่วิ่งออกกำลังกาย ราคาเบาๆ จัดเก็บได้สะดวก ไม่เปลืองพื้นที่ มีโปรแกรมการทำงานหลากหลาย
Van Burgh ลู่วิ่งไฟฟ้า ลู่วิ่งออกกำลังกาย เครื่องออกกำลังกาย Motorized Treadmill 2 HP หน้าจอแสดงผล LEDใช้งานง่าย มีโปรแกรมการทำงานหลายโปรแกรมมีโปรแกรมออกกำลังกายที่หลากหลาย เครื่องสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 90 กิโลกรัม มีระบบ safety key หยุดฉุกเฉิน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ตัวเครื่องสามารถพับเก็บได้ประหยัดพื้นที่ มีล้อเลื่อนเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย

รายละเอียด Van Burghรุ่น
ขนาดเครื่อง 1380 x 685 x 1100เซนติเมตร
ขนาดมอเตอร์ 1.5
รองรับน้ำหนัก 90 กิโลกรัม
ขนาดลู่วิ่ง 110 x 40 เซนติเมตร
ความเร็ว 1 – 12 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อดี

✔  ตัวเครื่องสามารถพับเก็บได้ประหยัดพื้นที่ มีล้อเลื่อนเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย
✔ มีระบบ safety key หยุดฉุกเฉิน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

ข้อเสีย

✘ เสียงสายพานดัง
✘ เมื่อใช้ความเร็วมากขึ้นเครื่องสั่น

ลู่ เดิน ไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

8. eBuy ลู่วิ่งพับได้

eBuy การออกแบบลู่วิ่งพับได้ เพื่อการออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบ กะทัดรัด พับเก็บง่าย
eBuy การออกแบบลู่วิ่งพับได้ ออกแบบเรียบง่าย น้ำหนักเบา มอเตอร์ขนาด 3.5 แรงม้า สามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้ 100 กิโลกรัม สามารถปรับระดับความเร็วได้ 1 -10 กิโลเมตร/ชั่วโมง เครื่องทำงานด้วยเสียงไม่ดังมากเพียง50เดซิเบล ประหยัดพลังงาน

รายละเอียด eBuy Thailand
ขนาดเครื่อง 62 x 112 x 110 เซนติเมตร
ขนาดมอเตอร์ 3.5 แรงม้า
รองรับน้ำหนัก 100 กิโลกรัม
ขนาดลู่วิ่ง 40 x 100 เซนติเมตร
ความเร็ว 1 – 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ข้อดี

✔  ออกแบบสวยงาม พับเก็บสะดวกน้ำหนักเบา
✔ เสียงเงียบ

ข้อเสีย

✘ ไม่สามารถปรับระดับความชันได้

วิธีการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า

  1.  ความแรงของมอเตอร์
    ความแรงของมอเตอร์เป็นตัวบ่งบอกถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งาน การที่คุณจะซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าควรคิดว่าจะใช้ลู่วิ่งเพื่อการใช้งานในรูปแบบใด เช่น สำหรับเดิน สำหรับวิ่งที่บ้าน หรือสำหรับวิ่งเร็วอย่างในฟิตเนส เพราะความแรงของลู่วิ่ง นั้นจะดูจากหน่วยของลู่วิ่งคือแรงม้า ถ้าหากคุณต้องการใช้สำหรับเดินควรเลือกมอเตอร์ลู่วิ่งไฟฟ้า 1 แรงม้า หากต้องการลู่วิ่งไฟฟ้าสำหรับวิ่งในบ้านควรเลือกมอเตอร์ 2 – 3 แรงม้า และ หากต้องการใช้การวิ่งเร็วอย่างในฟิตเนสควรเลือกมอเตอร์ 4 แรงม้าขึ้นไป มอเตอร์ที่ความแรงมากมักจะมีเสียงดังหากไม่มีระบบลดเสียงรบกวนและความแรงมอเตอร์ที่มากจะมีราคาค่อนข้างสูงดังนั้นหากคุณไม่ได้ต้องการใช้งานอย่างมืออาชีพก็ไม่จำเป็นต้องซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีความแรงมาก
  2. ขนาดและพื้นที่วิ่ง
    ขนาดของลู่วิ่งคือส่วนที่เป็นพื้นที่ที่สำหรับใช้ในการวิ่ง หรือคือส่วนที่เท้าสัมผัสกับลู่วิ่งนั่นเอง การเลือกขนาดของลู่วิ่งก็ควรเลือกจากการใช้งานด้วยเช่นกัน หากคุณไว้ใช้สำหรับเดินในบ้านควรใช้ลู่วิ่งความยาวไม่ต่ำกว่า 100 เซนติเมตร หากต้องการใช้เพื่อการวิ่งแบบธรรมดาทั่วไป ควรใช้ลู่วิ่งความยาว120เซนติเมตร และสำหรับคนที่มีความสูงเกิน180 ควรเลือกลู่วิ่งที่มีความยาวไม่ต่ำกว่า 135 เซนติเมตร หน่วยวัดขนาดและพื้นที่วิ่งจะใช้กว้าง * ยาว ความกว้าง จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความสบายและรู้สึกไม่อึดอัดคับแคบขณะวิ่ง ความยาว ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานและส่วนสูงของผู้วิ่ง เพราะคนที่มีความสูงมากขาจะยาวหากเลือกลู่วิ่งที่มีความยาวไม่มากก็จะทำให้วิ่งลำบาก แต่อย่างไรก็ตามควรเลือกตามความเหมาะสมและงบประมาณที่มี หากมีงบประมาณจัดลู่วิ่งที่มีความกว้างความยาวมากๆก็จะทำให้วิ่งสบายค่ะ
  3. ความเร็วของลู่วิ่ง
    ความเร็วของลู่วิ่งมีหน่วยเป็นกิโลเมตร/ชั่วโมงเช่นเดียวกันรถยนต์ การเลือกความเร็วสูงสุดของลู่วิ่งนั้นควรเลือกตามจุดประสงค์การใช้งาน เช่น Zone 1 0 – 5 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้สำหรับเดินเร็ว , Zone 2 6 – 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้สำหรับวิ่งจ๊อกกิ้ง , Zone 3 11 – 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้สำหรับวิ่งเร็ว และ Zone 4 16 – 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง ให้สำหรับสปริ้น การซื้อลู่วิ่งที่ความเร็วสูงแต่ไม่ได้ใช้จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินมากเกินไป ทางที่ดีควรซื้อลู่วิ่งที่พอดีกับการใช้งาน ความเร็วที่เหมาะสมและสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีคือ 6 – 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  4. การปรับระดับความชันของลู่วิ่ง
    ลู่วิ่งไฟฟ้าจะสามารถปรับระดับความชันได้ซึ่งเป็นข้อดีอย่างมากเนื่องจากเมื่อคุณใช้ความชันมากก็จำทำให้ร่างกายเผาผลาญได้มากและทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดีมากยิ่งขึ้น การปรับระดับความชันนั้นสามารถปรับได้ทั้งแบบไฟฟ้าและแบบปรับมือโดยใส่สลัก ซึ่งลู่วิ่งที่สามารถปรับด้วยไฟฟ้าจะมีราคาที่แพงกว่าแต่จะมีความสะดวก การปรับระดับความชันจะแบ่งออกเป็น % ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ตั้งแต่ระดับ 0 , 5 , 10 , 15 %
  5.  หน้าจอ และโปรแกรมการทำงาน
    ลู่วิ่งไฟฟ้าควรมีโปรแกรมการทำงานของเครื่องที่เป็นโปรแกรมหลัก 6 อย่างคือ ค่าความเร็ว ค่าความชัน ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญ ระยะทางที่วิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ เวลาในการวิ่ง นอกจากจากนี้จะเป็นฟังก์ชันเสริมที่เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงmp3 การปรับตั้งค่าการวิ่งอัตโนมัติ ซึ่งการปรับค่าอัตโนมัตินี้ใช้งานง่ายและมีความสนุก การทำงานของฟังก์ชั่นนี้คือเครื่องจะปรับความเร็ว ความชันเองโดยอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องปรับ เช่นเมื่อกำหนดเวลาให้ 20 นาที ลู่วิ่งจะความเร็วขึ้นเองทุกๆ2นาทีและลดความเร็วลงทุก 2นาที ซึ่งมีความสนุกสนานและท้าทายทำให้คุณสนุก
  6. ระบบลดแรงกระแทก
    ระบบลดแรงกระแทกนั้นสามารถช่วยลดการกระแทกทำให้การวิ่งสบายมากยิ่งขึ้น ไม่กระเทือนข้อเข้าไม่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมเนื่องจากลู่วิ่งได้ออกแบบให้มีการลดแรงกระแทกมีระบบรับแรงกระแทกซึ่งแต่ละรุ่นจะมีไม่เหมือนกันบางรุ่นมี 2 จุด บางรุ่นจะมี 3 จุด สามารถสังเกตได้บริเวณใต้กระดานวิ่ง
  7. ความสามารถในการรับน้ำหนัก
    ความสามารถในการรับน้ำหนัก ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักคนวิ่งอย่างเดียวเท่านั้นจะต้องคำนึงถึงขนาดของมอเตอร์ และ น้ำหนักของเครื่องด้วย น้ำหนักของคนวิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดซึ่งจะเป็นตัวคำนวณว่าคุณควรจะซื้อเครื่องที่มีขนาดมอเตอร์เท่าไหร่ เช่นหากน้ำหนัก 50 – 80 ให้ใช้มอเตอร์ 2 แรงม้า และหากคุณมีน้ำหนักตัวมากประมาณ 80 – 100 กิโลกรัมควรใช้มอเตอร์ 3 แรงม้า เพราะหากใช้มอเตอร์ขนาดน้อยกว่านี้จะทำให้เครื่องอืด นอกจากนี้น้ำหนักของเครื่องควรมีน้ำหนักประมาณน้ำหนักตัวของคุณเพื่อให้เครื่องทำงานได้ดี
  8. ความหนาของแผ่นกระดาน
    ความหนาของแผ่นกระดาน ไม่ควรต่ำกว่า 1 นิ้วในกรณีที่ใช้วิ่งเป็นหลักและขนาดของลูกกลิ้งบริเวณด้านหน้าและด้านท้ายของสายพานไม่ควรต่ำกว่า2.5นิ้ว เมื่อซื้อให้ทดลองวิ่งดูก่อน ถ้าไม่โยกเยก ไม่สั่น ก็ถือว่าใช้ได้
  9. ความสะดวกในการจัดเก็บ
    การจัดเก็บเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกันหากบ้านของคุณไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางมาก ควรสอบถามให้แน่ใจว่าสามารถพับเก็บได้หรือไม่ มีขั้นตอนการพับอย่างไร มีน้ำหนักมากหรือไม่ ผู้หญิงสามารถเก็บเองได้ไหม การเคลื่อนย้ายสะดวก
  10. การรับประสินค้าและการบริการหลังการขาย
    การรับประกันสินค้าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากลู่วิ่งเครื่องหนึ่งราคาไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นคุณควรสอบถามการรับประกันให้ละเอียดว่า รับประกันอะไหล่ชิ้นไหนบ้าง ถ้าเสียส่งซ่อมที่ไหน ระยะเวลาในการซ่อม การซื้อออนไลน์นั้นก็สามรถทำได้และคุณจะไม่สามารถดูสินค้าได้จึงต้องพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ

ลู่วิ่งไฟฟ้า ช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายที่บ้านได้ โดยไม่ต้องกังวลกับสภาพอากาศหรือการเสี่ยงอันตรายภายนอกบ้าน อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายจะต้องออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่ออกกำลังอย่างหักโหมเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ และเมื่อคุณมีลู่วิ่งไฟฟ้าอยู่ที่บ้านคุณสามารถวิ่งได้อย่างสม่ำเสมอทุกวันอย่างน้อยวันละ 30 นาทีก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี ลู่วิ่งไฟฟ้า สามารถใช้ได้กับทุกคนในครอบครัวเป็นการเพิ่มกิจกรรมภายในบ้านแล้วยังได้สุขภาพที่ดีอีกด้วย