เครื่องมือวัดละเอียดช่างยนต์ มีอะไรบ้าง

เครื่องมือวัดอะไรบ้างที่อุตสาหกรรมต้องมี

โรงงานอุตสาหกรรมกับเครื่องมือวัด นับว่าเป็นของคู่กันเลยก็ว่าได้ เพราะขั้นตอนการผลิตชิ้นงานในอุตสาหกรรมต้องใช้ความละเอียด เพื่อให้ได้ค่าที่เป็นมาตรฐาน เครื่องมือวัดหลักๆ ใช้ในการวัดเพื่อให้ทราบระยะห่าง ความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก หรือขนาดในการกำหนดตำแหน่ง และเครื่องมือวัดพื้นฐานที่อุตสาหกรรมไหน ๆ ต้องมี คือ

  1. เวอร์เนีย คาลิปเปอร์ (Vernier Caliper)
    เครื่องมือวัดละเอียดช่างยนต์ มีอะไรบ้าง

    เวอร์เนียร์ เครื่องมือวัดพื้นฐานที่ใช้ในการวัดระยะห่างด้านที่อยู่ตรงข้ามกัน สามารถวัดได้ทั้งวัตถุที่เป็นทรงตรงและทรงกระบอก หาค่าได้ทั้งความหนาบาง ความลึก ความกว้างภายนอก อีกทั้งสามารถใช้วัดขนาดความกว้างภายในของวัตถุได้ด้วย

  2. ไมโครมิเตอร์ (Micrometer)
    เครื่องมือวัดละเอียดช่างยนต์ มีอะไรบ้าง

    ไมโครมิเตอร์ หรือไมโครมิเตอร์สกรูเกจ เป็นเครื่องมือวัดละเอียดชนิดหนึ่งนิยมใช้ในการวัดความกว้างยาวหรือหนาของวัตถุที่มีขนาดเล็กและต้องการความละเอียด ไมโครมิเตอร์มีหลายลักษณะตามแต่ความต้องการใช้วัดของผู้ใช้งาน โดยมากมักเป็นปากกา หนีบวัตถุ มีสกรูขันที่ปรับตั้งความกว้าง นอกจากนี้ยังมีไมโครมิเตอร์ภายใน และสามารถวัดความลึก
  3. ไฮเกจ (Height Gauge)
    เครื่องมือวัดละเอียดช่างยนต์ มีอะไรบ้าง

    ไฮเกจ เป็นเครื่องมือวัดขนาดความสูงสำหรับงานโมเดลหรืองานร่างแบบ โดยที่ผู้ทำการวัดสามารถขีดรอยกำหนดระยะ ขนาด หรือความสูงบนผิวงาน ในปัจจุบันไดอัลเกจได้รับการจำแนกออกเป็น 2 ชนิด ตามหลักการทำงาน ได้แก่ ไดอัลเกจระบบสเกลอนาล็อก และไดอัลเกจระบบดิจิทัล (Digimatic Indicator)

และนี่เป็นเพียงตัวอย่างเครื่องมือวัดละเอียดอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญกับโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งด้วยกัน ทั้งเป็นกำลังสำคัญในการสร้างชิ้นงานให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐาน

ทท่ี 4 เครื่องมอื วดั ละเอยี ดชิ้นส่วนเคร่ืองยนต์

แนวคดิ

ปัจจุบนั เคร่ืองมือวดั ละเอียดถูกนามาใชเ้ พอ่ื ตรวจตรวจสอบและควบคุมขนาดของชิ้นงานใหไ้ ดต้ ามมา
โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนเคร่ืองจกั รหรือผลิตภณั ฑต์ ่างๆ ส่วนงานดา้ นเคร่ืองยนต์ เรื่องมือ
เพือ่ ตรวจสอบการสึกหรอของชิ้นส่วน ดว้ ยการวดั โดยตรงและนาค่าท่ีตรวจสอบไดน้ าไปเปรียบเที่ยบกบั ค่ามาตร
ละอนั จะตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือวดั ละเอียดที่ผลิตมาเพอื่ ใชง้ านเฉพาะทาง ดงั น้นั ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งศึกษาวธิ ีการใชง้ านเป็นอยา่
บารุงรักษาเคร่ืองมือท่ีใชด้ ว้ ยเ การใชง้ านอยา่ งถูกวธิ ีจะทาใหเ้ กิดความถกู ตอ้ งแม่นยาและปลอดภยั

สาระการเรียนรู้

1. ฟิ ลเลอร์เกจ (Feeler Gauge)
2. เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ (Vernier Caliper)
3. ไมโครมิเตอร์วดั นอก (Outside Micrometer)
4. ไดแอลเกจ (Dial Gauge)
5. พลาสติกเกจ (Plastic Gauge)
6. เกจวดั กระบอกสูบ (Cylinder Gauge)

ผลการเรียนรูทคี่ าดหวงั

1. อธิบายวธิ ีการใชง้ านเครื่องมือวดั ละเอียดประเภทต่างๆได้
2. อ่านค่าเคร่ืองมือวดั ละเอียดประเภทต่างๆได้
3. บอกขอ้ ควรระวงั การใชเ้ ครื่องมือวดั ละเอียดประเภทต่างๆได้
4. บอกการบารุงรักษาเคร่ืองมือวดั ละเอียดประเภทต่างๆได้

เครื่องมอื วดั ละเอยี ดชิ้นส่วนเคร่ืองยนต์
เคร่ืองมือวดั ละเอียดในงานช่างยนต์ เป็นเคร่ืองมือท่ีถูกนามาใชเ้ พอื่ ตรวจสอบการสึกหรอของชิ้นส่วน ดว้

นาค่าที่ตรวจสอบไดไ้ ปเปรียบเทียวกบั ค่ามาตรฐานของบริษทั ผผู้ ลิตเครื่องยนตเ์ ม่ือเปรียบเทียบค่าแลว้ กส็ รุปผลก
ชิ้นส่วนวา่ ตอ้ งเปล่ียนหรือปรับแต่งแกไ้ ข หรือวา่ ยงั ใชง้ านต่อไปได้ บางคร้ังการตรวจสภาพของชิ้นส่วนดว้ ยสาย

สามารถระบุไดว้ า่ ชิ้นส่วนน้นั สึกหรอเพียงใด ดงั น้นั จึงตอ้ งใชเ้ ครื่องมือเขา้ มาช่วย เคร่ืองมือวดั ละเอียดท่ีนามาใช
หลายชนิดดงั น้ี
ฟิ ลเลอร์เกจ (Feeler Gauge)

ฟิ ลเลอร์เกจ (Feeler Gauge) (รูปท่ี 4.1) หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ เกจความหนาฟิ ลเลอร์เกจทามาจากเหลก็
ชุบแขง็ มีลกั ษณะเป็นเหลก็ แผน่ บางแบนเรียบหลายๆ แฟ่ นรวมเป็นชุดเดียวกนั มความเป็นสปริงเพื่อไม่ใหบ้ ิดตวั
ถูกร้อยรวมดว้ ยสลกั ไวใ้ นดา้ มจบั ดา้ นปลายจะโคง้ มนหรือเรียวเพื่อสะดวกต่อการใชง้ านในจุดวดั ท่ีอยลู่ ึก ส่วนค
เกจน้นั มีหลายขนาดท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั วตั ถุประสงคข์ องการนาไปใชง้ าน

ในฟิ ลเลอร์เกจหน่ึงชุดจะประกอบดว้ ยหลายๆแผน่ รวมเป็นชุดเดียวกนั ซ่ึงในแต่ละแผน่ จะมีขนาดความห
ตวั เลขขนาดความหนากากบั ไวท้ ้งั ในหน่วยองั ฤษและเมตริก ตวั เลขดา้ นบนเป็นหน่วยองั กฤษมีหน่วยเป็นนิ้วหรือ
ดา้ นล่างเป็นหน่วยเมตริกมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร (รูปท่ี 4.1) น้นั จะนาไปใชส้ าหรับวดั และตรวจสอบระยะห่างระห
ชิ้น เช่น วดั ระยะห่างลิน้ วดั ระยะห่างของหนา้ ทองขาว วดั ระยะห่างปากแหวน วดั ความโก่งของฝาสูบ เป็นตน้

เวอรร์เนียร์คาลปิ เปอร์ (Vernier Caliper)
เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์เป็นเคร่ืองมือวดั ท่ีแบ่งสเกลตามแนวความยาวคลา้ ยไมบ้ รรทดั สามารถวดั ขนาดงา

โดยรวมอยใู่ นเคร่ืองมือชิ้นเดียว เช่น วดั ขนาดภายนอก ขนาดภายใน ขนาดความยาว และความลึก เป็นตน้ ในปัจ
เปอร์มีใชง้ านอยหู่ ลายแบบซ่ึงแลว้ แต่ผผู้ ลิตจะนาออกจาหน่าย โดยบางชนิดอาจใชว้ ดั งานเฉพาะดา้ น ส่วนในงาน
เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์แบบที่ใชง้ านทว่ั ไป (Universal Vernier Caliper)
1.ส่วนประกอบของเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์

ส่วนประกอบของเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์ (รูปท่ี 4.2) จะประกอบด้วยส่วนหลกั ๆดงั นี้

1. สเกลหลกั (Main Scale) มีโครงสร้างเป็นแผน่ เหลก็ ยาวคลา้ ยกบั บรรทดั เหลก็ และมีขีดสเกลมาตรฐานอยบู่ นต
ปากวดั สาหรับใชว้ ดั ขนาดภายนอกอยแู่ ละดา้ นตรงขา้ มจะมีหวั สาหรับวดั ขนาดภายใน
2. สเกลเลอื่ น (Vernier Scale) จะมีร่องเพ่ือสวมกบั สเกลหลกั บนขอบของสเกลเลื่อนดา้ นล่างจะมีคาสเกลขยายค
นอกจากน้ียงั มีปากวดั ขนาดภายนอกและภายในเหมือนกบั สเกลหลกั สกรูลอ็ ก (Clamp screw) ป่ ุมปรับเลื่อน และ
ดว้ ย
3. ปากวดั ขนาดภายนอก (Outside Caliper Jaws) ปากวดั ขนาดภายนอกจะอยทู่ ี่สเกลหลกั 1 อนั เรียกวา่ ปากวดั ต
อีก 1 อนั จะอยกู่ บั สเกลเล่ือน เรียกวา่ ปากเลื่อน (Slider) ในส่วนน้ีสามารถเลื่อนเขา้ ออกไดโ้ ดยใชน้ ิ้วท้งั สี่ประคอ
หวั แม่โป้ งมือตน้ และดึงป่ ุมปรับเล่ือนเพอื่ ใหเ้ คลื่อนท่ีเขา้ ออก ที่ดา้ นปลายของปากวดั จะออกแบบใหบ้ างคลา้ ยคม
ในพ้นึ ท่ีคบั แคบและลดหนา้ สัมผสั กบั ชิ้นงาน ปากวดั ขนาดภายนอกใชส้ าหรับวดั ขนาดความยาว ขนาดเส้นผา่ นศ
4. ปากวดั ขนานภายใน (Inside Caliper Jaws) ปากวดั น้ีสามารถเลื่อนเขา้ ออกไดเ้ หมือนกบั ปากกาวดั ขนาดภายน
ปากกาวดั จะมีลกั ษณะปลายแหลมท้งั น้ีเพอ่ื ใหง้ ่ายต่อการใชว้ ดั ชิ้นงานท่ีเป็นรูหรือร่องขนาดเลก็ ๆ ปากวดั น้ีจะใช
ผา่ นศนู ยก์ ลางภายในของชิ้นงาน
5. สกรูลอ็ ก (Clamp screw) สกรูลอ็ กจะใชส้ าหรับยดึ ตาแหน่งของปากวดั ใหค้ งท่ี ในกรณีที่ตอ้ งการนาเวอร์เนียร
ชิ้นงานมาอ่านค่าเพอื่ ลดความคลาดเคล่ือนในการอ่านเมื่อตอ้ งการลอ็ กใหห้ มุนสกรูลอ็ กตามเขม็ นาฬิกาและเมื่อไ
ออก
6. ก้านวดั ลกึ (Depth Bar) กา้ นวดั ลึกจะยดึ ติดกบั สเกลเล่ือนและเคล่ือนที่ไปพร้อมกนั กา้ นวดั น้ี ใชส้ าหรับวดั คว
ดา้ นปลายสุดจะมีส่วนเวา้ เลก็ นอ้ ยเพอ่ื ใชส้ าหรับวดั ชิ้นงานท่ีร่องขนาดเลก็

2. การใช้เวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์
การนาเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ไปใชง้ าน สามารถนาไปใชว้ ดั ชิ้นงานได้ 3 ลกั ษณะ ดงั น้ี
1. การวดั ขนาดภายนอก เล่ือนปากเลื่อนเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ใหก้ วา้ งกวา่ ขนาดของชิ้นงานท่ีจะวดั เลก็ นอ้

รูปท่ี 4.3 ก จากน้นั เลื่อนปากเล่ือนเขา้ หาชิ้นงานจนปากเล่ือนสมั ผสั กบั ชิ้นงานพอดี และผา่ นค่าที่วดั ได้

2. การวดั ขนาดภายใน การวดั ขนาดภายใน ก่อนการวดั ใหเ้ ลื่อนปากวดั ในแคบกวา่ ชิ้นงานเลก็ นอ้ ย จากน้นั เ
สัมผสั กบั ชิ้นงานพอดีในขณะเดียวกนั กใ็ หป้ รับตาแหน่งของปากวดั ใหอ้ ยตู่ าแหน่งก่ึงกลางของชิ้นงาน (รูปท่ี 4.4

3. การวดั ขนาดความลกึ การวดั ขนาดความลึกใหใ้ ชส้ ่วนปลายของเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์วางแนบกบั ชิ้นงาน
ของกา้ นวดั ลึกอยเู่ หนือผวิ ชิ้นงานเลก็ นอ้ ย จากน้นั ค่อยๆ เล่ือนกา้ นวดั ลึกลงจนสมั ผสั กบั ชิ้นงาน การวดั ขนาดควา
4.5

3.การแบ่งสเกลของเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์

เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ท่ีใชง้ านมีอยหู่ ลายขนาดในงานช่างยนตน์ ิยมใชค้ วามละเอียดขนาด 1/50 หรือ 0.02

1. หลกั การแบ่งสเกลของเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์ ความละเอยี ด 0.02 มลิ ลเิ มตร มีดงั น้ี
สเกลหลกั แข่งความยาว 1 เซนติเมตรออกเป็น 10 ช่อง แต่ละช่องมีความยาว 1 มิลลิเมตร
สเกลเลอ่ื น แบ่งเป็น 50 ช่อง มีความยาวเท่ากบั 49 มิลลิเมตร 1 ช่องบนสเกลเลื่อน มีความยาว 49/50 มิลล

มิลลิเมตร

ดงั น้นั เม่ือขีด 0 ของสเกลท้งั สองตรงกนั จะมีขนาดความยาวดงั น้ี
ขดี ที่ 1 ของสเกลเล่ือนเย้อื งกบั ขีดสเกลหลกั 1 มิลลิเมตร

= 1 – (1 x 0.98) = 0.02 มิลลิเมตร
ขดี ที่ 2 ของสเกลเลื่อนเยอ้ื งกบั ขีดสเกลหลกั 2 มิลลิเมตร

= 2 – (2 x 0.98) = 0.04 มิลลิเมตร
ขดี ที่ 3 ของสเกลเล่ือนเยอ้ื งกบั ขีดสเกลหลกั 3 มิลลิเมตร

= 3 – (3 x 0.98) = 0.06 มิลลิเมตร
ขดี ท่ี 10 ของสเกลเลื่อนเย้อื งกบั ขีดสเกลหลกั 10 มิลลิเมตร

= 10 – (10 x 0.98) = 0.20 มิลลิเมตร

4.วธิ ีอ่านค่าเวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์

วธิ ีอ่านค่าจากเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ความละเอียด 0.02 มิลลิเมตร ใหอ้ ่านตามข้นั ตอนต่อไปน้ี
1. อ่านค่าบนสเกลหลกั ซ่ึงมีหน่อยเป็นมิลลิเมตร โดยพิจารณาจากขีด 0 ของสเกลเล่ือนผา่ นขีดจานวน
ก่ีขีด เช่น 2 มิลลิเมตร 6 มิลลิเมตร เป็นตน้
2. อ่านค่าบนสเกลเลอื่ น โดยพจิ ารณาจากขีดของสเกลเล่ือนตรงกบั ขีดของสเกลหลกั มากที่สุดเพียงขีด
มิลลิเมตร 0.06 มิลลิเมตร เป็นตน้
3. นาค่าทอ่ี ่านได้จากสเกลหลกั และสเกลเลอื่ นมารวมกนั

จากรูปท่ี 4.7 อ่านค่าเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ไดด้ งั น้ี

ค่าสเกลหลกั (1) = ขีดศนู ยข์ องสเกลเลื่อนผา่ น 1 มิลลิเมตรไปแลว้ แต่ยงั ไม่ถึงขีด 2 มิลลิเมตรดงั น้นั ค่า
มิลลิเมตร

ค่าสเกลเล่ือน (2) = จากรูปขีดท่ี 25 ของสเกลเล่ือนตรงกบั ขีดของสเกลหลกั ดงั น้นั ค่าสเกลเลื่อ

มิลลิเมตร

นาค่าสเกลหลกั และสเกลเล่ือนมารวมกนั

ค่าท่ีอ่านไดจ้ ากสเกลหลกั = 1.00 มิลลิเมตร

ค่าที่อ่านไดจ้ ากสเกลเลื่อน = 0.50 มิลลิเมตร

ดงั น้นั ค่าท่ีอ่านได้ = 1 + 0.50 มิลลิเมตร

= 1.50 มิลลิเมตร

5.ข้อควรระวงั การใช้เวอร์เนียร์คาลปิ เปอร์

5.1 อยา่ ใชเ้ วอร์เนียร์คาลิปเปอร์วดั ชิ้นงานขณะท่ีมีอุณหภมู ิสูง เพราะค่าท่ีวดั ไดอ้ าจคลาดเคล่ือน
5.2 อยา่ ใขเ้ วอร์เนียร์คาลิปเปอร์วดั ชิ้นงานไปขณะที่กาลงั หมุนอยู่
5.3การวดั ในแนวแกรควรใหแ้ หนวแกนของเคร่ืองมือวดั และของชิ้นงานทบั กนั เพราะถา้ แนวแกนท้งั สองไม
วดั ไดค้ ลาดเคลื่อนไป

5.4 แรงกดระหวา่ งปากวดั หรือกา้ นวดั ลึกจะตอ้ งใชแ้ รงกดที่พอเหมาะ ถา้ ใชแ้ รงกดไม่พอเหมาะคา่ ที่วดั จะค
แรงกดมากเกินไปอาจจะทาใหก้ า้ นวดั ลึกโก่ง หรือปากวดั ของเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์เสียหายได้

ไมโครมเิ ตอร์วดั นอก (outside Micrometer)
ไมโครมิเตอร์วดั นอก (Outside Micrometer) เป็นเคร่ืองมือวดั ละเอียดสาหรับนาไปใชง้ านในโรงงานอุตส

เนื่องจากสามารถใหค้ ่าการวดั ไดล้ ะเอียดและมีความเท่ียงตรงสูงกวา่ เวอร์เนียร์คาลิปเปอร์ส่วนงานทางดา้ นช่างยน
เพอ่ื ตรวจสอบขนาดของชิ้นส่วน เช่น วดั ขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางของลูกสูบ สลกั ลูกสูบ ขอ้ หลกั และขอ้ กา้ นของ
หนาของจานดิสกเ์ บรก เป็นตน้

ไมโครมิเตอร์วดั นนอกมีหลายขนาดและถูกออกแบบใหเ้ ลือกใชไ้ ดเ้ หมาะสมกบั ขนาดของชิ้นงานแต่ละอ
เพยี ง 25 มิลลิเมตร (มม.) เท่าน้นั โดยมีขนาดต้งั แต่ 0-25 มิลลิเมตร,25-50 มิลลิเมตร,50-75 มิลลิเมตร,75-100 มิลล
มิลลิเมตร และ 125-150 มลิ ลิเมตร

1.ส่วนประกอบไมโครมเิ ตอร์วดั นอก (Outside Micrometer)

ไมโครมิเตอร์วดั นอกจะประกอ
1. แกนรับ (Anvil) ลกั ษณะแกนรับจะเป็นเพลากลมดนั ที่ดา้ นปลายทาจากเหลก็ คาร์ไบดเ์ พ่อื เสริมใหเ้ กิด
ป้ องกนั การสึกหรอจากการสัมผสั กบั ชิ้นงานท่ีตรวจวดั แกนรับจะประกอบยดึ ติดกบั โครงของไมโครมิเตอร์ด
เดียวกนั
2. แกนวดั (Spindle) ลกั ษณะแกนวดั จะเหมือนแกนรับทุกประการ แกนจดั จะยดึ ติดกบั สลกั เกลียวเพ
เสน้ ตรง
3. โครง (Frame) มีลกั ษณะเหมือนตวั ซี มีน้าหนกั เบาและแขง็ แรง มีไวเ้ พื่อนาชิ้นส่วนอ่ืนๆมาประกอบ
สาหรับจบั เวลาตรวจวดั ชิ้นงาน

4. ป่ มุ ลอ็ ก (Thimble Lock) ทาหนา้ ท่ีสาหรับยดึ แกนวดั ไม่ใหเ้ คลื่อนที่ เม่ือหมุนปลอกเลื่อนจนแกนวดั สัม
ไม่ใหแ้ กนวดั เคล่ือนท่ีใหด้ นั ป่ ุมลอ็ กไปทางซา้ ยมือ เมื่อตอ้ งการปลดใหด้ นั ไปทางดา้ นตรงขา้ ม ป่ ุมลอ็ กจะมี 2
แหวนและแบบใชก้ ระเดื่อง

5. สเกลหลกั หรือปลอกวดั (Sleeve) มีลกั ษณะเป้ นทรงกระบอกสวมอยกู่ บั โครงสามารถปรับหมุนได้ ที่ผวิ ข
ขีดยาวในแนวนอนเราเรียกวา่ เสน้ อา้ งอิง (Index Line) ดา้ นบนและดา้ นล่างของเสน้ อา้ งอิงจะมีขีดแบ่งช่องเพ
หลกั

6. ปลอกเลอ่ื นหรือปลอกหมนุ วดั (Thimble) มีลกั ษณะเป็นทรงกระบอกสวมอยบู่ นสเกลหลกั และสามารถเ
ปลายดา้ นในจะลาดเอียงและมีขีดแบ่งช่องเพ่อื กาหนดค่าส่วนดา้ นนอกจะพมิ พล์ ายเพ่อื สะดวกในการหมุนเขา้ ออ

7. หวั หมุนกระทบ (Ratchet stop) จะอยดู่ า้ นทา้ ยสุดของแกนวดั เม่ือหมุนปลกเล่ือนสมั ผสั ชิ้นงานแลว้
ชิ้นงานไดพ้ อดีและไม่ตึงเกินไป เราจะปรับหวั หมุนกระทบโดยหมุนตามเขม็ นาฬิกาซ่ึงจะมีเสียงดงั คลิกโดยใหเ้
เท่าน้นั

2.ข้นั ตอนการใช้ไมโครมเิ ตอร์
2.1 ทาความสะอาดไมโครมิเตอร์โดยใชผ้ า้ ท่ีอ่อนนุ่มเช็ดฝ่ นุ คราบสกปรกบนโครง ปลอกเลื่อนรวมถ
2.2 จดั ตาแหน่งของแกนรับใหส้ ัมผสั กบั ชิ้น
2.3 ค่อยๆหมุนปลอกเลื่อนจนหนา้ สัมผสั แกนวดั สมั ผสั แกนวดั สัมผสั ชิ้นงานและตอ้ งต้งั ฉากกบั ผวิ งาน

กระทบจนมีเสียง 3 คลิก เพอ่ื ใหช้ ิ้น
2.4 ปรับป่ ุมลอ็ กเพ่อื ไม่ใหแ้ กนวดั เคลื่อนที่ จากน้นั อ่านค่าไมโครมิเตอร์

3.การแบ่งขดี สเกล ไมโครมเิ ตอร์ความละเอยี ด 0.01 มลิ ลเิ มตร (1/100 มลิ ลเิ มตร)

1. ค่าบนสเกลหลกั จากรูปที่ 4.11 เป็นไมโรมิเตอร์วดั นอกขนาด 0-25 มิลลิเมตร ค่าบนสเกลหลกั จะมีค่าต้ง

ช่องดา้ นบนสเกลหลกั มีค่าเท่ากบั 1 มิลลิเมตร ทุกๆ 5 ช่องจะมีขีดยาวพร้อมตวั เลขกากบั ไวส้ ่วน 1 ช่องดา้ นล
ก่ึงกลางของช่องดา้ นบนมีค่าเท่ากบั 0.5 มิลลิเมตร (1

2. ค่าบนปลอกเลอ่ื น จากรูปที่ 4.11 บนปลอกเล่ือนจะแบ่งรอบขอบเอียงออกเป็น 50 ช่อง และทุกๆ5ช่องจะ
ถึง 45 เมื่อหมุนปลอกเลื่อนครบ 1 รอบจะทาใหแ้ กนวดั ห่างจากจุดเดิมไป 0.5 มิลลิเมตร (ขีด 0 บนปลอกเลื่อน
สเกลหลกั พอดี) แต่ถา้ หมุนปลอกเลื่อนไปเพียง 1 ช่อง แกนวดั จะเคลื่อนท่ีไปจากเติมเท่ากบั 0.01 มิลลิเมตร (1/
ใน 100 ของมิลลิเมตร)

4.การอ่านค่าไมโครมเิ ตอร์วดั นอกความละเอยี ด 0.01

การอ่านค่าไมโครมิเตอร์ท่ีไดจ้ ากการวดั ใหอ้ ่านจาก 3 ส

1. อ่านค่าจานวนเตม็ ซ่ึงอยดู่ า้ นบนของสเกลหลกั ก่อน จากน้นั อ่านค่าทศนิยมในด

2. อ

3. นาค่าจากสเกลหลกั และปลอกเล่ือนมารวมกนั

จากรูปที่ 4.12 ขอบปลอกเลื่อนหมุนผา่ นขีดบนสเกลหลกั ไป 1 ช่อง ดงั น้นั อ่านค่าดา้ นบนสเกลหลกั ไดเ้ ท

ขีดดา้ นล่างสเกลหลกั ยงั ไม่พน้ ขอบขอบปลอกเล่ือน ดงั น้นั ไม่ตอ้ งนาค่ามารวมกบั

ดงั น้นั ค่าบนสเกลหลกั = 1.00 มิลลิเมตร

ดูเส้นอา้ งอิงบนสเกลหลกั ตรงกบั ขีดที่เท่าไรบนปลอกเล่ือน และค่าท่ีอ่านไดจ้ ะเป็เลขจุทศนิยม จากรูปท่ี 4.

เล่ือนตรงกบั เส้นอา้ งอิงบนสเกลหลกั

ดงั น้นั ค่าบนปลอกเลื่อน = (49 x

นาค่าบนสเกลหลกั และ
ค่าท่ีอ่านไดจ้ ากไมโครมิเตอร์ = ค่าบนสเกลหล

=
= 1.49 มิลลิเมตร

5.ข้อควรระวงั การใช้ไมโครมเิ ตอร์วดั นอก
ไมโครมิเตอร์เป็นเครื่องมือวดั ละเอียด ดงั น้นั จึงจาเป็นท่ีผใู้ ชจ้ ะตอ้ งใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั เพ่อื ใหค้ ่าที่ไดค้ ลา

ควรระวงั การใชไ้ มโครมิเตอร์มีดงั น้ี
1. การวดั งานทีมีผวิ ขนานกนั ขณะวดั จะตอ้ งใหแ้ นวแกนของแกนรับและแก

2. การวดั งานกลมทรงกระบอก ผวิ งานกลมไม่สามารถบงั คบั ผวิ สัมผสั ของแกนรับและแกนวดั ใหต้ ้งั ฉาก
จะตอ้ งปรับแนวแกนของไมโครมิเตอร์ใหถ้ ูกตอ้ ง ในกรณีที่ชิ้นงานกลมขนาดใหญ่จะตอ้ งปรับใหแ้ นวแก
ไมโครมิเตอร์ผา่ นจุดศนู ยก์ ลางของชิ้นงาน

6.การบารุงรักษาไมโครมเิ ตอร์วดั นอก

ไมโครมิเตอร์เป็นเครื่องมือวดั ละเอียด ดงั น้นั จึงจาเป็นที่ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั เพอื่ ใหค้ ่าที่ไดค้ ลา

ควรระวงั การใชไ้ มโครมิเตอร์มีดงั น้ี

1. อยา่ นาไมโครมิเตอร์วดั งานท่ีร้อนและขณ

2. ควรเกบ็ และวางไมโครมิเตอร์ยากออก

3. ก่อนแกนวดั จะสัมผสั กบั ชิ้นงาน ใหห้ มุนปลอกเล่ือนชา้ ๆ และเมื่อสมั ผสั

4. เมื่อเลิกใชไ้ มโครมิเตอร์ตอ้ งเชด็ ทาความสะอาดและชโลมส่วนท่ีขดั มนั ดว้ ยวาสลิน ห

5. อยา่ ดึงไมโครมิเตอร์ออกจากชิ้นงานมาอ่านค่าโดยไม่จาเป็น เพราะจะทาใหผ้ วิ หนงั สมั ผสั ของแกนร

6. เลือกใชไ้ มโครมิเตอร์ใหม้ ีขนาดเหมาะสมกบั งาน เช่น ไมโครมิเตอร์ขนาด 50-75 มิลลิเมตรใชว้ ดั งาน 60

งานที่มีขนาด 78

7. ควรตรวจสอบหนา้ สัมผสั ของแกนร
8. หลงั จากใชป้ ่ ุมลอ็ กยดึ แกนวดั แลว้ อยา่ ลืมปลดป่ ุมเลือกเมื่อจะใชง้ านคร้ังต่อไป

ไดแอลเกจ (Dial
ไดแอลเกจหรือเรียกอยา่ งหน่ึงวา่ นาฬิกาวดั เป็นเครื่องมือวดั พร้อมเขม็ และหวั รัด ซ่ึงเคล่ือนท่ีในแนวดิ่ง ใ

นามาใชส้ าหรับวดั ค่าความคลาดเคลื่อนของชิ้นส่วน เช่น วดั ระยะรุนของเพลาขอ้ เหวย่ี ง วดั ความโคง้ งอขอ
ฟันเฟื อง

ไดแอลเกจจะตอ้ งใชร้ ่วมกบั ฐานหรือขาต้งั ซ่ึงขาต้งั จะมีอยู่ 2 ชนิด คือแบบฐานยดึ เป็นแม่เหลก็ และแบบ
ฐานยดึ เป็นแม่เหลก็ จะใชง้ านไดส้ ะดวกและรวดเร็วกวา่ เพราะสามารถยดึ ติดกบั พ้ืนท่ีเป็นโลหะโดยไม่ตอ้ งใชม้ ือ
ไดแอลเกจสามารถปรับไดห้ ลายทิศทางเพ่อื ความเหมาะสมกบั การนาไปใชง้ าน

1.ส่ วนประกอบของไดแอลเกจ
ไดแอลเกจท่ีใชง้ านทางดา้ นช่างยนตจ์ ะเป็นแบบอ่านค่าได้ 2 ทาง โดยเขม็ จะเคลื่อนท่ีไปท้งั ดา้ นตามเข

นาฬิกา เขม็ ยาวกบั เขม็ ส้ันจะเคล่ือนท่ีสวนทางกนั เมื่อแกนวดั ยบุ เขา้ เขม็ ยาวจะเคล่ือนที่ตามเขม็ นาฬิกา ส่วนเขม็ ส
ในทานองเดียวกนั ถา้ แกนวดั ยนื่ ออกเขม็ ยาวจะเคลื่อนท่ีทวนเขม็ นาฬิกา ส่วนค่าที่หนา้ ปัดจะแบ่งจากขีดศนู ยท์ ้งั ส
ไดแอลเกจจะประกอบดว้ ย เฟื องสะพานเฟื องขบั และเฟื องตาม เพอื่ เปล่ียนการเคล่ือนท่ีของแกนวดั เป็นกาวหม
ส่วนประกอบของไดแอลเกจ (รูปท่ี 4.15) จะประกอบดว้ ย เขม็ วดั ยาว เขม็ วดั ส้นั หนา้ ปัดสามารถเคล่ือนท่ีไดท้
ทวนเขม็ นาฬิกา ใชเ้ พื่อปรับต้งั ตาแหน่งศนู ยแ์ กนวดั (Spindle) และหวั วดั (Measuring head) ซ่ึงเป็นส่วนท่ีสัมผ
วดั สามารถถอดเปล่ียนใหเ้ หมาะสมกบั ชิ้นงานที่ตอ้ งการจะวดั ได้ เช่น แบบยาว ใชส้ าหรับวดั ชิ้นส่วนในพ้ืนท่ีจ
วดั ผวิ โคง้ แบบโยกข้ึนลงใชว้ ดั ชิ้นงานท่ีแกวง่ ไปมาไม่สามารถสัมผสั ไดโ้ ดยตรง แบบแผน่ แบนใชว้ ดั ผวิ นูนของ

2.การใช้ไดแอลเกจ
2.1 ประกอบไดแอลเกจเขา้ กบั ขาต้งั และยดึ ขาต้งั ในตาแหน่งท่ีมนั่ คง

2.2 ปรับตาแหน่งหวั วดั ใหอ้ ยตู่ าแหน่งท่ีวดั ปรับหวั วดั ใหต้ ้งั ฉากกบั ผวิ งานเสมอและปรับจุดสมั ผสั หวั วดั ให
เคล่ือนท่ี

2.3 ปรับใหแ้ กนวดั ยบุ เขา้ ไปประมาณ 2-3 มิลลิเมตร (สงั เกตเขม็ ส้ัน) จากน้นั ปรับหนา้ ปัดใหเ้ ลขศูนยต์ รงกบั
2.4 หมุนชิ้นงานชา้ ๆ สงั เกตการณ์แกวง่ ของเขม็ บนหนา้ ปัด และอ่านค่า
3.การอ่านค่าไดแอลเกจ
การแข่งขดี สเกลของไดแอลเกจ
ไดแอลเกจท่ีนิยมใชใ้ นงานดา้ นช่างยนตจ์ ะเป็นแบบ 2ทาง มีค่าความละเอียด 0.01 มิลลิเมตร (1/100 มิลลิเมต
มิลลิเมตร บนหนา้ ปัดของไดแอลเกจจะมีขีดสเกล อยู่ 2 ส่วน คือ
ขดี สเกลวงนอก ซ่ึงเขม็ ยาวจะช้ีค่าที่ไดจ้ ากการวดั เขม็ ยาวหมุน 1 รอบ มีค่าเท่ากบั 1 มิลลิเมตร 1 ช่องเลก็ มีค
มิลลิเมตร
ขดี สเกลวงกลมเลก็ ด้านใน เขม็ ส้นั จะช้ี เขม็ ส้นั จะหมุนสวนทางกบั เขม็ ยาว เม่ือเขม็ ยาวเคล่ือนที่ไป 1 รอบ เข
1 ขีดหรือ 1 มิลลิเมตร
หลกั การอ่านค่าไดแอลเกจ
1. อ่านค่าตวั เลขบนหนา้ ปัด โดยสังเกตเขม็ วดั ยาว ถา้ เขม็ เคล่ือนที่ตามเขม็ นาฬิกาเป็นค่าบวกและเขม็ ท่ีเคล่ือ
จะเป็ นค่าลบ
2. เม่ือไดค้ ่าจากการซ้ือของเขม็ แลว้ ใหต้ รวจดูจานวนรอบของเขม็ ช้ีโดยดูจากหนา้ ปัด บอกจานวนรอบของ

รวมกนั
3. ถา้ ตอ้ งการหาค่าความแตกต่าง ใหน้ าค่าตามเขม็ นาฬิกาและทวนเขม็ นาฬิกามาลบกนั จะไดค้ ่าความแตกต

หรือความโก่งงอ
ตวั อย่างการอ่านค่าไดแอลเกจ

4.ข้อควรรถวงั และการบารุงรักาไดแอลเกจ
4.1 อยา่ ทาใหไ้ ดแอลเกจตก หล่นหรือกระกระแทกกบั พ้นื เพราะจะทาใหก้ ลไกภายในเสียหาย
4.2 เกบ็ รักษาไดแอลเกจไม่ใหถ้ กู ฝ่ นุ ละอองและน้า
4.3 หา้ มใชล้ มเป่ า หรือหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในไดแอลเกจ
4.4 ไม่เกบ็ ไดแอลเกจปนกบั เครื่องมือซ่อมทว่ั ไป
พลาสตกิ เกจ (Plastic Gauge)

พลาสติกเกจ (Plastic Gauge) (รูปที่ 4.18) เป็นเคร่ืองมือสาหรับวดั ระยะช่องวา่ งน้ามนั ของชิ้นส่วนสองชิ้นท
ดว้ ยนตั ส่วนมากนิยมนามาใชต้ รวจสอบช่องวา่ งน้ามนั ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ เช่น ช่องวา่ งน้ามนั ระหวา่ งเพลาข
ขอ้ หลกั เพลาขอ้ เหวยี่ งและประกบั กา้ นสูบ เป็นตน้ พลาสติกเกจจะมีลกั ษณะเป็นเส้นกลมเลก็ ๆ ผลิตมาจากพลาส
ซอง ท่ีขา้ งซองบรรจุจะมีสเกลค่าขนาดความหนาเพ่อื นาไปเปรียบเทียบค่าหลงั จากตรวจวดั พลาสติกเกจที่ใชง้ าน
โดยแต่ละสีจะแสดงช่องวา่ งการวดั ท่ีแตกต่างกนั ดงั น้ี

สีเขียว ระยะช่องวา่ งการวดั 0.025 – 0.076 มิลลิเมตร
สีแดง ระยะช่องวา่ งการวดั 0.051 – 0.152 มิลลิเมตร

สีน้าเงิน ระยะช่องวา่ งการวดั 0.102 – 0.229 มิลลิเมตร

1.วธิ ีใช้พลาสตกิ เกจ
การเลือกใชข้ นาดความหนาของพลาสติกเกจน้นั ข้ึนอยกู่ บั ค่ามาตรฐานของชิ้นงานท่ีตอ้ งการจะตรวจส

วดั ตอ้ งถูกแยกออกก่อนและประกอบกลบั ไปยงั ตาแหน่งเดิมโดยมีพลาสติกเกจแทรกอยตู่ รงกลาง วธิ ีการใชง้ าน
ดงั น้ี

1. ท้งั ความความสะอาดพ้นื ผวิ ของแบริ่งและพ้นื ผวิ ของเคร่ืองยนตใ์ ห
2. ตดั พลาสติกเกจใหพ้ อดีกบั พ้นื ผวิ ที่ตอ้ งการวดั และวางพลา
3. ประกอบชิ้นส่วนและขนั นตั ยดึ ให
4. ถอดน

5. ใชค้ ่าสเกลจากขา้ งนอกของพลาสติกเกจเพ่ือตรวจสอบความหนา โดยใหว้ ดั ความหนาจุดที่กวา้ งท่ีสุดของ

เกจวดั กระบอกสูบ (Cylinder Gauge)
เกจวดั กระบอกสูบหรือเรียกอยา่ งหน่ึงวา่ ไซลินเดอร์เกจ (Cylinder Gauge) เป็นเคร่ืองมือท่ีนิยมนามาใชง้ า

วดั การสึกหรอของกระบอกสูบ ในชุดของเกจวดั กระบอกสูบ (รูปท่ี 4.23) จะประกอบดว้ ยไดแอลเกจ ดา้ มจบั แห
เสริมซ่ึงสามารถเปล่ียนขนาดไดก้ ารใชง้ านเกจวดั กระบอกสูบจะตอ้ งใชร้ ่วมกบั ไมโครมิเตอร์วดั นอก

1.วธิ ีใช้เกจวดั กระบอกสูบ
1.1 เตรียมความพร้อมเครื่องมอื ก่อนวดั เลือกขนาดกา้ นเสริมที่เหมาะสมกบั ชิ้นงาน โดยใหป้ ฏิบตั ิดงั น้ี



 ใชเ้ วอร์เนียร์คาลิปเปอร์ตรวจสอบขนาดเส้นผา่ นศนู ยก์ ลางของชิ้นงาน เพ่อื หาขนาดมาตรฐาน (รูปท่ี 4
 เลือกกา้ นเสริมและใชแ้ หวนปรับต้งั เพือ่ ใหม้ ีความยาวมากกวา่ ขนาดมาตรฐานที่ตรวจสอบไวป้ ระมาณ
(กา้ นเสริมมีขนาดคงท่ี) เลือกความยาวของกา้ นเสริมใหเ้ หมาะสมและใชแ้ หวนปรับต้งั รองอีกคร้ังหน่ึง เช่น ใชเ้ ว
ตรวจสอบขนาดไดเ้ ท่ากบั 95.40 มิลลิเมตร และใชแ้ หวนปรับต้งั 0.5 มิลลิเมตร เม่ือรวมกนั กจ็ ะมีขนาดยาวเท่ากบั

 ติดต้งั ไดแอลเกจเขา้ ดา้ มจบั (รูปท่ี 4.25) ดนั เขา้ กบั ดา้ มจบั ใหเ้ ขม็ ส้ันเคลื่อนท่ีไปประมาณ 1 – 2 มิลลิเม
1.2 ปรับความเทย่ี งตรงของเกจวดั กระบอกสูบ การปรับความเที่ยงตรงกค็ ือการปรับค่าศนู ยข์ องไดแอลเกจเพ

อา้ งอิง การปรับจะใชไ้ มโครมิเตอร์วดั นอกปรับต้งั วธิ ีการใหป้ ฏิบตั ิดงั ต่อไปน้ี

1. เลือกขนาดของไมโครมิเตอร์วดั นอกใหอ้ ยใู่ นช่วงของขนาดที่ตรวจสอบไว้
2. ติดต้งั ไมโครมิเตอร์วดั นอกกบั แท่นยดึ (รูปที่ 4.26) ถา้ ไม่มีแฟนจบั ยดึ ใหใ้ ชป้ ากกาจบั ชิ้นงานได้ โดยใชผ้
ปากกาจบั ชิ้นงาน
3. ปรับต้งั ไมโครมิเตอร์ใหไ้ ดค้ ่าเท่ากบั ขนาดของชิ้นงานรวมกบั แหวนปรับต้งั จากน้นั ลอ็ กแกนวดั ของไมโ
4. นาขดุ หวั วดั ของเกจวดั กระบอกสูบเขา้ กบั ไมโครมิเตอร์วดั นอกที่ปรับขนาดไว้ (แกนวดั ของเกจวดั กระบ
ก่ึงกลางแนวเดียวกบั แกนของไมโครมิเตอร์) (รูปท่ี 4.27) จากน้นั โยกเกจวดั กระบอกสูบ สักเกตการเคล่ือนที่ของ
ค่าเพิ่มข้ึนใหห้ ยดุ การโยกและใหโ้ ยกกลบั เขม็ จะเคล่ือนท่ีกลบั ใหส้ งั เกตตาแหน่งเขม็ ท่ีแคบที่สุด เม่ือไดต้ าแหน่ง
ไดแอลเกจใหข้ ีดศนู ยต์ รงกบั เขม็ ยาว (รูปที่ 4.28) ดงั น้นั ตาแหน่งน้ีคือที่ไดเ้ ท่ากบั ขนาดของชิ้นงานรวมกบั แหวน

1.3 การวดั ชิ้นงาน

1. ทาความสะอาดชิ้นงาน
2. นาชุดหวั วดั ใส่เขา้ ไปในชิ้นงานที่ตอ้ งวดั (ตามตาแหน่งท่ีตอ้ งการวดั โดยเอียงดา้ นแผน่ นาซ่ึงยบุ ตวั ไดเ้
4.29)
3. ยกเกจวดั กระบอกสูบข้ึนและลง ดงั รูปที่ 4.30 เพ่อื หาตาแหน่งท่ีแคบที่สุด (กา้ นเสริมต้งั ฉากกบั พ้นื ผวิ ท
ตาแหน่งท่ีเขม็ ของไดแอลเกจเคล่ือนที่แคบที่สุด

4. อ่านค่าท่ีไดแอลเกจ ในขณะวดั ใหส้ งั เกตการณ์เคลื่อนที่ออกจากขีดศนู ตข์ องเขม็ ยาว (รูปที่ 4.31)

ถ้าเขม็ ยาวเคลอื่ นทจ่ี ากขดี ศูนย์ทวนเขม็ นาฬิกา ให้นาค่าทอ่ี ่านไ
ถ้าเขม็ ยาวเคลอื่ นทจี่ ากขดี ศูนย์ทวนเขม็ นาฬิกา ให้นาค่าทอ่ี ่านได้มาลบกบั ค่าทต่ี ้ังไว้

จากรูปท่ี 4.32 สมมุติต้งั ค่าท่ีเลขศนู ยท์ ี่ 94.40 มิลลิเมตร เขม็ ยาวช้ีไปขีดที่ 5 ทางขวามือหรือตามเขม็ นา
มิลลิเมตร ใหน้ าค่าท่ีอ่านไดม้ าลบกบั ค่าที่ต้งั ไว้ 94.40 มิลลิเมตร

=
= 94.35 มิลลิเมตร

2.การบารุงรักษาเกจวดั กระบอกสูบ เกบ็ เครื่องมือวดั แยกอ
2.1 อยา่ นาเคร่ืองมือวดั ไปใกลท้ ี่ร้อนจดั

2.2 อยา่ ท
2.3

2.4 ทาความสะอาดและหล่อลื่นทุกคร้ังหลงั การใชง้ าน

คาศัพท์ท้ายหน่วย Callper Gauge Jaws = ฟิ ลเลอร
 Feeler Caliper Callper Jaws =
 Vernier Scale =
 Main Scale =
 Vernier screw
 Clamp = สเ
 Outside Jaw
 Fixed
 Inside Bar
 Depth Micrometer
 Outside
 Anvil Lock
 Spindle
 Frame Line
 Thimble stop
 Sleeve
 Index head
 Ratchet gauge
 Measuring
 Plastic

 Dial Gauge = ไดแ
 Thimble = ปลอกเล
 Cylinder Gauge = เกจวดั กระบอกสูบหรือไซลินเตอร์เกจ

ความคิดเห็น

คุณไม่มีสิทธ์ิเพ่มิ ความคิดเห็น

เครื่องมือที่ใช้ในการวัดมีอะไรบ้าง

แนะนำ 10 เครื่องมือวัด ที่จำเป็นในโรงงาน มีอะไรบ้าง ?.
1. เวอร์เนีย คาลิปเปอร์ (Vernier Caliper) ... .
2. ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) ... .
3. ไฮเกจ (Height Gage) ... .
4. ไดอัลเกจ (Dial Indicator) ... .
5. ไดอัลเทสอินดิเคเตอร์ (Dial Test Indicator) ... .
6. บอร์เกจ (Bore Gage) ... .
7. เกจวัดความลึก (Depth Gage) ... .
8. เครื่องวัดความแข็ง (Hardness Tester).

ช่างนิยมใช้เครื่องมือใดในการวัดขนาด

1. ไม้บรรทัด ฟุตเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นช่างหรือไม่เป็นช่างก็ตาม ทุกคนก็ได้ใช้อุปกรณ์นี้ในการวัดระยะขนาดได้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่ทำมาจาก เหล็ก ไม้ เเละ พลาสติก

เครื่องมือวัดแบบถ่ายมีอะไรบ้าง

1. เครื่องมือวัดแบบถ่ายขนาด 2. คาลิปเปอร์วัดนอก 3. คาลิปเปอร์วัดใน 4. เกจถ่ายขนาดรูในขนาดเล็ก 5. เกจถ่ายขนาดความโตรูคว้าน

อะไรคือเครื่องมือวัดทางกล

เครื่องวัดและทดสอบทางกล คือ เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อการวัดค่าตัวแปรทางด้านกลศาสตร์ เพื่องานตรวจสอบ และงานซ่อมบำรุง เช่นทดสอบความสั่นสะเทือน ของเครื่องจักร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการบอกถึงสภาพการทำงานของเครื่องจักร ว่าอยู่ในสภาพที่ยังทำงานได้ปกติดีอยู่หรือไม่