เกือบลืมไป คำว่า ขรัว หมายถึง คําเรียกภิกษุที่มีอายุมาก หรือที่บวชเมื่อแก่ หรือฆราวาสผู้เฒ่า ในกรณีของ ขรัวอินโข่ง หมายถึงคำเรียกของพระภิกษุที่มีอายุมาก คล้ายกับที่หนังเรื่องขรัวโต เรียกสมเด็จพุทธาจารย์โตพรมรังษี ว่าขรัวโต อันหมายถึงพระผู้ใกญ่นั่นแหละ Show
ขรัวอินโข่ง มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3-4 ศิลปินผู้ได้รับการยกย่องเป็นจิตรกรเอกประจำรัชกาลที่ 4 แห่งสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นศิลปินในสมณเพศ ศิลปินไทยคนแรกที่ใช้เทคนิคการเขียนภาพฝาผนังแบบตะวันตกที่แสดงปริมาตรใกล้ไกล นับเป็นศิลปินก้าวหน้าแห่งยุคที่ผสมผสานแนวดำเนินชีวิตแบบไทยกับตะวันตกเข้าด้วยกัน ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงยกย่องว่า ขรัวอินโข่งเป็นช่างเขียนไม่มีตัวสู้ในสมัยนั้น สารบัญ Show
ในระยะแรกขรัวอินโข่งยังยึดแนวความคิดแบบเดิม คือวาด ภาพเกี่ยวกับพุทธศาสนาตามคตินิยม ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็นเขียนภาพเรื่องราวเกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา จนกระทั่งหลุดพ้นมาเป็นงานในรูปแบบปริศนาธรรม ความสามารถพิเศษเฉพาะตัวคือการ วาดภาพธรรมชาติโดยเฉพาะต้นไม้ และการควบคุมอารมณ์ของสีในภาพให้มีความกลมกลืนและ เกี่ยวเนื่องกันโดยตลอด ผลงานที่สร้างชื่อเสียงคือภาพปริศนาธรรมที่ฝาผนังภายในพระอุโบสถ วัดบวรนิเวศและวัดบรมนิวาส ชีวิตในวัยเด็กของขรัวอินโข่งไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด รวมทั้งปีที่เกิด ทราบเพียงว่าขรัวอินโข่งเกิดที่ตำบลบางจาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรีในสมัยรัชกาลที่ 3 มีชื่อเดิมว่า "อิน" เดินทางเข้ามาบวชเป็นสามเณรที่กรุงเทพฯ แม้อายุเกินมากแล้วก็ยังไม่ยอมบวชพระจนถูกล้อเป็นเณรโค่ง แต่ในที่สุดสามเณรอินจึงได้ยอมบวชเป็นพระที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) ชื่อจึงสันนิษฐานกันว่ามาจากการถูกเรียกล้อว่า “อินโค่ง” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงอธิบายว่า “โค่ง” กับ “โข่ง” แปลว่า “ใหญ่” ต่อมาโค่งเพี้ยนเป็น “โข่ง” จึงเรียกกันว่า “อินโข่ง” ส่วนคำว่า “ขรัว” ได้มาหลังจาก “พระอินโข่ง” มีพรรษาและทรงความรู้มากขึ้นจึงได้รับการเคารพนับถือเป็นพระอาจารย์ซึ่งเจ้านายสมัยนั้นนิยมเรียกว่า “ขรัว” คนทั่วไปจึงเรียกพระภิกษุอินว่า “ขรัวอินโข่ง” ถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าขรัวอินโข่งเรียนการเขียนภาพอย่างเป็นงานเป็นการจากที่ใดและเมื่อใด โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยหนุ่ม เข้าใจกันว่าอาศัยการมีพรสวรรค์และได้อาจได้หัดเขียนภาพแบบไทยกับช่างเขียนบางคนในสมัยนั้นจนเกิดความชำนาญขึ้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวดติวงศ์ทรงเล่าว่า ขรัวอินโข่งเป็นพระที่ชอบเก็บตัวไม่ค่อยยอมรับแขก มักชอบปิดกุฏิใส่กุญแจให้คนเห็นว่าไม่อยู่เพื่อใช้เวลาที่สงบทำสมาธิวางแนวเรื่องเพื่อใช้สำหรับเขียนภาพฝาผนังโบสถ์วิหารซึ่งในสมัยแรกๆ ยังคงเป็นภาพปริศนาธรรมแบบไทย จากการสันนิษฐานเช่นเดียวกันว่า อิทธิพลของตะวันตกที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามามากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 จึงมีการเร่งรัดพัฒนาประเทศเป็นแบบตะวันตกมากขึ้นทั้งด้านวัฒนธรรมและวิทยาการ ซึ่งรวมถึงรูปแบบศิลปะแบบตะวันตกจากทั้งยุโรปและอเมริกา เชื่อกันว่าขรัวอินโข่งเป็นศิลปินที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่แหวกแนวจากรูปแบบประเพณีเดิมอยู่แล้ว จึงกล้ารับเทคนิคแบบตะวันตกมาประยุกต์ด้วยตนเอง อย่างไรก็ดี ในระยะแรก ขรัวอินโข่งยังคงเขียนภาพจิตรกรรมไทยเป็นแบบดั้งเดิม โดยเขียนภาพเกี่ยวกับชาดกและพระพุทธศาสนาเป็นภาพแบบ 2 มิติ เช่น ภาพยักษ์ หน้าลิง ภาพวาดที่วัดมหาสมณารามและหอราชกรมานุสร การเขียนภาพแบบตะวันตกที่ใช้แสงและเงาสร้างเป็นภาพ 3 มิติ ภาพวาดที่วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ไขความลับ ภาพปริศนาธรรม “วัดบรมนิวาส” ผลงานจิตรกรรมแบบตะวันตกสุดวิจิตรของ “ขรัวอินโข่ง”เผยแพร่: 26 ก.ค. 2565 18:31 ปรับปรุง: 26 ก.ค. 2565 18:31 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
วัดตั้งอยู่ริมคลองมหานาค ซึ่งอยู่นอกเขตกำแพงเมืองในสมัยก่อน จึงได้รับการสถาปนาเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี หรือวัดป่า คู่กับวัดบวรนิเวศฯ ซึ่งเป็นวัดฝ่ายคามวาสี หรือวัดในชุมชน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้ “ขรัวอินโข่ง” พระสงฆ์ผู้เป็นจิตรกรเอกในสมัยนั้น วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งห้ามพลาดเมื่อมาเยือนวัดบรมนิวาส เพราะเป็นผลงานสุดวิจิตร แปลกใหม่ในยุคสมัยก่อนที่รื้อขนบธรรมเนียมงานจิตรกรรมไทยตามวัดวาอารามแบบเดิมๆ มาเป็นการใช้ศิลปะตามแบบอย่างของศิลปะตะวันตก ซึ่งหาชมได้ที่วัดบรมนิวาส และวัดบวรนิเวศ เท่านั้น
เอกลักษณ์เด่นของภาพเขียน มีการใช้จักรวาลวิทยาแบบวิทยาศาสตร์ โดยมีภาพดวงดาวทั้งหมด 8 ดวง ครบตามดาราศาสตร์ตะวันตกสมัยนั้น ได้แก่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ และดาวยูเรนัส โดยปรากฏภาพดวงอาทิตย์ด้านหลังพระประธาน เป็นศูนย์กลางระบบสุริยจักรวาล แทนเขาพระสุเมรุตามคติจักรวาลแบบไตรภูมิที่เป็นองค์ประกอบจักรวาลวิทยาของคนไทย จึงอาจกล่าวได้ว่า จิตรกรรมที่วัดบรมนิวาส คือ การจำลองระบบสุริยจักรวาลตามแบบวิทยาศาสตร์มาไว้ในประเทศไทยเป็นแห่งแรกก็ว่าได้ สำหรับ “ปริศนาธรรม”ภายในพระอุโบสถ มีจำนวนทั้งหมด 12 ภาพ ซึ่งหากมองดูอย่างผิวเผินก็คงมองว่าเป็นภาพวาดที่สวยงามแปลกตาศิลปะสไตล์ยุโรป แต่ทว่าแต่ละภาพแฝงปริศนาและหลักธรรมเข้าไปได้อย่างแนบเนียน การชมภาพเพื่อให้ได้อรรถรส จึงควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้น หรือมีผู้เชี่ยวชาญช่วยอธิบาย
วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ######################################### สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline ขรัวอินโข่ง เขียนภาพไว้ที่ใดขรัวอินโข่งเป็นจิตรกรสมัยรัชกาลที่ 4 สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงมากอยู่ที่วัดบวรนิเวศฯ วัดบรมนิวาสฯ และวัดมหาสมณาราม (เขาวัง) ที่จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น เรื่องราวในจิตรกรรมของขรัวอินโข่งจะเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของฝรั่ง และมีคำเขียนอุปมาอุปมัยเป็นลักษณะปริศนาธรรมประกอบภาพอยู่ด้วย
ขรัวอินโข่ง เป็นจิตกรเขียนภาพวาดประเภทใด* ****ขรัวอินโข่งเป็นจิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ 4 ถือเพศบรรพชิต เป็นจิตรกรไทยคนแรกที่นำเอา เทคนิคการวาดภาพแบบตะวันตกมาใช้ ในระยะแรกขรัวอินโข่งยังยึดแนวความคิดแบบเดิม คือวาด ภาพเกี่ยวกับพุทธศาสนาตามคตินิยม ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็นเขียนภาพเรื่องราวเกี่ยวเนื่องในพระพุทธ
ขรัวอินโข่งเป็นช่างเขียนในรัชกาลใดอาจนับว่าเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของขรัวอินโข่งที่ฝีมือของท่านไปต้องพระทัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ตั้งแต่ครั้งยังทรงเป็นมกุฎราชกุมารและออกผนวชเป็นพระภิกษุอยู่ พระองค์ท่านโปรดฝีมือของขรัวอินโข่งมากถึงกับพระราชทานมอบหมายให้ขรัวอินโข่งเขียนผนังวัดที่สำคัญหลายแห่งเรื่อยมาจนตลอดรัชกาล งานจิตรกรรมฝาผนัง ...
จิตรกรรม รัชกาลที่ 4 มีลักษณะ แบบ ใดนัก กล่าวคือ งานจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 นี้มีลักษณะพิเศษที่บ่งบอกถึงความเป็นพระราชนิยมได้อย่าง คือ เริ่มมีลักษณะเป็นภาพเหมือนจริงที่มีการใช้เงา มีความลึกแบบทัศนียวิสัย เงานูน และมีการนำ ชัดเจน
|