เป็นที่รู้กันดีว่าในยุคปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก และสื่อดังกล่าวก็เปรียบเสมือนดาบสองคมที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบ อย่างในกรณีที่มีการเผยแพร่เนื้อหาแสดงออกถึงความรุนแรง เช่น การทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น หรือการถ่ายทอดสดแสดงการฆ่าตัวตาย เป็นต้น ล้วนเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข Show
ในส่วนของปัญหาการใช้สื่อสังคมออนไลน์และปัญหาการฆ่าตัวตายมีความสัมพันธ์กันหรือไม่นั้นแพทย์ระบุว่าการเผยแพร่ข้อความหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงรวมถึงการฆ่าตัวตาย ส่งผลโดยตรงในเรื่องของการเรียนรู้ในสังคม โดยเฉพาะอิทธิพลที่มีต่อเด็กและวัยรุ่นที่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีทักษะการแก้ไขปัญหาที่ดีพอ อาจมีการเลียนแบบพฤติกรรมได้ เนื่องจากคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเรื่องของการฆ่าตัวตายก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย นอกเหนือจากเลียนแบบพฤติกรรมตามเนื้อหาที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยปัญหาที่เกิดมากที่สุดมักเกิดกับวัยรุ่นโดยเฉพาะ เนื่องจากความสามารถของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจยังพัฒนาได้ไม่เท่ากับด้านของอารมณ์ ทำให้ขาดความสามารถในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ในวัยรุ่นเองก็มีความเครียดที่ค่อนข้างหลากหลาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายด้าน ทั้งในด้านสรีระที่เปลี่ยนไป หรือในด้านความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้นจากในวัยเด็ก รวมถึงเรื่องเพื่อนที่มีอิทธิพลต่อเด็กวัยนี้ค่อนข้างมาก เริ่มมีความรัก หรือมีความสนใจบางอย่างเป็นพิเศษ ส่งผลให้เกิดความเครียดและการแสดงออกทางพฤติกรรมได้ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ก็มีส่วนต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมค่อนข้างมาก การดูแลเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์สำหรับเด็กวัยรุ่นคือผู้ปกครองควรเฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ อาจใช้สื่อสังคมออนไลน์ร่วมกับเด็กแต่ไม่ควรแสดงตัวตนมากนัก เนื่องจากการแสดงตัวมากไปอาจทำให้เด็กถอยหนีซึ่งส่งผลต่อการควบคุมที่ยากขึ้น คอยสังเกตดูว่าเด็กมีความสนใจในด้านไหน กดไลค์เนื้อหาประเภทใด และคอยให้คำแนะนำตามความเหมาะสม รวมถึงผู้ปกครองควรกำหนดเงื่อนไขการใช้งานอินเตอร์เน็ตของเด็ก เพื่อควบคุมปริมาณการใช้งานไม่ให้มากจนเกินไปและส่งผลเสียในที่สุด ในเรื่องของการถ่ายทอดสดฆ่าตัวตายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงการเผยแพร่ข้อความที่เป็นสัญญาณในการฆ่าตัวตาย ที่ปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากผลสำรวจพบว่ามีการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือไม่ และพบว่าคนที่มีพฤติกรรมเผยแพร่เนื้อหาทำนองนี้ อาจเกิดจากแรงจูงใจบางอย่าง เช่น การได้รับคอมเมนต์ หรือการได้รับการกดไลค์ รวมถึงผู้เผยแพร่อาจมีอาการทางจิตเวชอย่างอื่นร่วมด้วย จึงส่งผลให้มีพฤติกรรมการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งภาวะที่น่าสนใจและควรทำความรู้จักเกี่ยวข้องกับการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์และอาการทางจิตเวชเรียกว่า Facebook Depression Syndrome หรือภาวะซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ค ซึ่งจะมีลักษณะ ดังนี้
ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาณของการเกิดภาวะซึมเศร้าจากเฟสบุ๊ค แต่ยังไม่ใช่ผลวินิจฉัยทางโรคจิตเวช และผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีอาการป่วยทางจิตเวชอยู่แล้ว เช่น ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแล้วมาใช้งาน Facebook จึงมีพฤติกรรมที่แสดงออกถึงภาวะซึมเศร้า แต่อาจไม่ใช่อาการที่เกิดขึ้นจาก Facebook เสียทีเดียว ในด้านของปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตนั้นยังมีความสัมพันธ์กับอาการซึมเศร้าด้วย รวมถึงอาการทางจิตเวชอื่นๆ เช่น วิตกกังวล ก้าวร้าวรุนแรง มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น แต่ยังไม่จัดว่าเป็นโรคเสียทีเดียว เพียงแต่ส่งผลให้มีบุคลิกในอีกรูปแบบหนึ่ง สืบเนื่องมาจากการเสพติดสื่อออนไลน์ การควบคุมปริมาณการฆ่าตัวตายที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์คนในครอบครัวคือบทบาทที่สำคัญที่สุด โดยการสอดส่องดูแลพฤติกรรมของคนในครอบครัว สังเกตว่านิสัยใจคอเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร หรือมีอาการเก็บตัวหรือไม่ รวมถึงการเรียนถดถอยลงไหม ไปจนถึงพฤติกรรมการทานอาหาร การเข้านอน และที่สำคัญคือปริมาณการใช้สื่อออนไลน์ในปริมาณที่มากเกินไปหรือเปล่า ข้อแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพื่อส่งผลด้านบวกคือควรเลือกสื่อที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก เหมาะสมกับการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย และใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป รวมถึงพยายามดูแลคนในครอบครัวไม่ให้ละเลยความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ต่างๆ อย่างการเรียนหรือการทำงานบ้าน อันเนื่องมาจากการเสพติดสื่อออนไลน์
ข้อมูลจาก คลิกชมคลิปรายการ “รายการพบหมอรามา | Big Story ปัญหาการใช้สื่อออนไลน์ของวัยรุ่นกับปัญหาสุขภาพจิต” ได้ที่นี่YouTube: https://youtu.be/dhf5tCRVSKA ฆ่าตัวตาย ติดโซเชียล ออนไลน์ สังคมออนไลน์ Facebook Depression Syndrome ภาวะซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ค สื่อสังคมออนไลน์ โลกออนไลน์เป็นสถานที่ที่แบ่งปันเรื่องราว แต่คุณอย่าลืมว่าดาบมีสองคม ไม่ว่าคุณจะแบ่งปันเรื่องอะไรย่อมมีคนรักและคนที่เกลียดคุณ มาดูกันว่าพฤติกรรมที่คุณไม่ควรโพสต์บนโลกออนไลน์มีอะไรบ้าง รู้ไว้ก่อนเกิดปัญหาตามมาทีหลัง..
13. รายละเอียดเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวของคุณเรื่องส่วนตัวของคุณและคนรักของคุณไม่ควรเอาไปเผยแพร่ให้คนอื่นรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวในห้องนอนของคุณ หรือแม้แต่เรื่องราวพิเศษในความสัมพันธ์ของคุณ เพราะถ้าหากคุณได้แชร์ออกไป คุณอาจต้องสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจและความเคารพได้
12. ภาพจูบโดยการเซลฟี่คนส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าการโพสต์ภาพที่ลึกซึ้งเกินไปในที่สาธารณะที่ให้เขากลายเป็นคนที่มีรสนิยมแย่ และอาจเป็นที่รังเกียจในสายตาคนรอบข้าง ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า ใครก็ตามที่ลงรูปประเภทนี้เป็นคนที่กำลังสงสัยและไม่มั่นใจในคู่รักของตัวเอง
11. ถ่ายภาพเซลฟี่ในโอกาสที่ไม่เหมาะสมในบางสถานที่และโอกาสเป็นที่ๆต้องให้เกียรติและเคารพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานศพ คุณไม่ควรทำร้ายตัวเองด้วยการยิ้มหรือถ่ายภาพตัวเองในงาน
10. พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายหากคุณเป็นคนที่มีพฤติกรรมชอบอวดในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเมาแล้วขับ ถ่ายเซลฟีขณะขับรถ คุณอาจถูกจับหรือติดคุก บางคนอาจไปไกลถึงโพสต์ภาพยาเสพติดหรือโพสต์เงินที่ขโมยคนอื่นมา
9. แสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสมแม้คุณจะชื่นชอบการแสดงความคิดเห็นในเชิงล้อเล่น เพราะสิ่งที่คุณได้แสดงความเห็นลงไปอาจจะทำให้คนอื่นไม่พอใจได้ เช่น ด้านการเมือง ศาสนา ความแตกต่างระหว่างเพศ เป็นต้น
8. กล่าวถึงเรื่องงานในทางที่ไม่เหมาะสมเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายของคุณสามารถเห็นทัศนคติของคุณจากโปรไฟล์ของคุณได้ ดังนั้นคุณควรเก็บอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวไว้กับตัวคุณเองดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
7. การแชร์ตำแหน่งที่คุณอยู่แม้ว่าในสมาร์ทโฟนจะมี GPS แล้วคุณก็สามารถแชร์ตำแหน่งที่คุณอยู่ในคนอื่นทราบได้ แต่การแชร์ตำแหน่งนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวคุณเองจากบุคคลที่หวังดี ดังนั้นคุณควรปิดการแชร์ตำแหน่งจะปลอดภัยที่สุด
6. แผนการไปเที่ยวหากคุณแชร์สถานที่ๆคุณกำลังพักผ่อนอยู่อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะมีผู้ไม่ประสงค์ดีอาจแอบเข้าที่พักของคุณได้ ดังนั้นหากคุณอยากแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับทริปของคุณ ควรรอให้กลับจากทริปก่อนค่อยแชร์
5.เอกสารส่วนบุคคลหากคุณเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในโลกออนไลน์อาจทำให้มีคนไม่หวังดีสามารถดูข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้พวกเขาและพวกเขาจะได้ข้อมูลของคุณเพื่อขโมยตัวตนของคุณหรือจะบุกเข้าไปในบ้านของคุณได้
4. ข้อมูลทางการเงินเงินคือสิ่งที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราประสบปัญหาทางการเงิน หากคุณเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินของคุณออกไป อาจมีผู้ไม่หวังดีเข้าถึงบัญชีของคุณได้อย่างง่ายดาย
3. ภาพจากการปาร์ตี้อย่าทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยการแชร์ภาพที่ไม่เหมาะสมจากงานฉลองของคุณ เพราะสื่อออนไลนเ์ป็นที่ๆใครๆก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของคุณหรือเจ้านายของคุณ คุณจะกลายเป็นบุคคลที่สูญเสียความน่าเชื่อถือได้ 2. ภาพอัลตร้าซาวด์การแชร์ภาพของทารกที่ยังไม่เกิดอาจทำให้เพื่อนในสื่อออนไลน์ของคุณรู้สึกไม่ดีได้และพฤติกรรมนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์ด้วย
1. ของขวัญราคาแพงหากคุณลงรูปภาพสิ่งของที่มีราคาแพงอาจจะทำให้คนอื่นเกิดความอิจฉาและคิดไม่ดีกับคุณ นอกจากนี้อาจเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของคุณด้วย
โปรดจำไว้เสมอว่าเมื่อคุณโพสต์สิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะลบออกอย่างสมบูรณ์และคุณจะไม่สามารถติดตามผู้ที่เห็นข้อมูลเกี่ยวกับคุณได้ดังนั้นโปรดระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการเลือกสิ่งที่จะแบ่งปันในโซเชียลมีเดีย |