ขณะที่ประเทศไทยเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่วไป บางส่วนยังมีความกังวลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่นำมาใช้งาน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้นำข้อมูลการศึกษาที่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนให้ได้รับทราบกัน ดังนี้ วัคซีน Sinovac กระตุ้นสร้างภูมิต้านทานโรคตรวจพบได้ถึง 99.4%
วัคซีน AstraZeneca เข็มเดียว ภูมิต้านทานโรคตรวจพบถึง 96.7% ขณะที่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จาก AstraZeneca ที่นำมาใช้งานในประเทศไทย ศ.นพ.ยง เปิดเผยว่ามีรายงานเบื้องต้นจากการศึกษาผู้ได้รับการฉีดวัคซีน หลังจากได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นระยะเวลา 1 เดือน มีการตรวจพบภูมิต้านทานได้ถึง 96.7% อีกทั้งยังพบว่าเพศหญิงมีระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าเพศชาย รวมถึงผู้ได้รับวัคซีนอายุต่ำกว่า 60 ปี มีระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าผู้ได้รับวัคซีนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี วัคซีนที่ทดสอบต่างกันย่อมไม่สามารถเปรียบประสิทธิภาพกันได้ การศึกษาประสิทธิภาพป้องกันโรคต้องทำการศึกษาจริงในแหล่งระบาดและพิจารณาว่ามีการติดเชื้อเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดหรือวัคซีนหลอก ประสิทธิภาพในการศึกษาของวัคซีนได้ผลต่างกันมีปัจจัยต่างๆ ดังนี้
จากข้อมูลวัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยสามารถกระตุ้นสร้างภูมิต้านทานได้ดี ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ศ.นพ.ยง จึงมีความเห็นว่าควรเร่งดำเนินการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและประชากรหมู่มากต่อไป |