มีบูชาในวันนี้เป็นวันที่พระพุทธ เจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นผลให้เกิดมีพระสาวกรูปแรกขึ้นในพระพุทธศาสนาถือได้ว่าเป็นวันแรกที่มี พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบองค์พระรัตนตรัย Show ต่อเนื่องมาในวันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ซึ่งเป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญด้วยเป็น วันเข้าพรรษา ซึ่งการเข้าพรรษาเป็นพุทธบัญญัติกำหนดให้พระภิกษุหยุดอยู่กับที่ไม่เดินทางไปพักค้าง ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอดฤดูฝนเป็นเวลาสามเดือน ซึ่งการที่พระภิกษุอยู่ประจำที่ทำให้มีโอกาสได้สงเคราะห์กุลบุตรที่ประสงค์จะอุปสมบท เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ได้สงเคราะห์ พุทธบริษัททั่วไปช่วงพรรษา จึงเป็นอีกโอกาสดีที่พุทธศาสนิก ชนจะได้ตั้งมั่นรักษาศีล ปฏิบัติธรรม ลด ละเลิกอบายมุขทั้งหลายทั้งปวง นอกจากนี้เมื่อถึงวันเข้าพรรษา ไม่เพียงการทำบุญตักบาตร รักษาศีล ฟังเทศน์ฟังธรรมแต่ยังมีการนำ ผ้าอาบน้ำฝน ถวายแด่พระภิกษุรวมอยู่ด้วย ไพฑูรย์ ปานประชา นักวิชาการวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรมให้ความรู้พร้อมบอกเล่าประเพณีการถวายผ้าอาบน้ำฝนที่ยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาว่า ปกติผ้าที่พระภิกษุใช้จะมีเพียงสามผืน ในช่วงเข้าพรรษาซึ่งเป็นฤดูฝน ผ้าที่ใช้อาจเปียกบ่อย จึงมีการถวายผ้าชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า ผ้าอาบน้ำฝน ให้กับพระได้ใช้ผลัดเปลี่ยน การถวายผ้าอาบน้ำฝนเป็นประเพณี ที่มีเรื่องเล่ามาแต่ครั้งพุทธกาลซึ่งตามที่ทราบกันนางวิสาขาเป็นคนแรกที่กราบทูลขอพระพุทธเจ้า ถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระภิกษุซึ่งถึงวันนี้ยังคงเป็นประเพณีที่ชาวพุทธปฏิบัติต่อเนื่องมาซึ่งผู้ที่ทำบุญถวายผ้าอาบน้ำฝนจะได้รับอานิสงส์เหมือนการถวายผ้าชนิดอื่น ๆ “เมื่อถึงวันเข้าพรรษานอกจากทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมก็จะมีการถวายผ้าอาบน้ำฝนรวมอยู่ด้วย การถวายผ้าอาบน้ำฝนแม้จะไม่มีการกำหนดวัน แต่โดยมากจะทำบุญถวายกันในวันเข้าพรรษา การถวายนั้นมีทั้งถวายแบบเจาะจง ถวายแบบสังฆทานไม่เจาะจงพระรูปหนึ่งรูปใดและในรูปแบบนี้จัดเป็นแบบสลากภัต การทำบุญเป็นเรื่องของการชำระใจให้สะอาด สุขใจที่ได้ทำในสิ่งดี ๆ และหากมีความตั้งใจทั้งก่อนให้ ขณะที่ให้และหลังจากการให้ จิตใจที่ปลื้มปีติทั้งสามเวลาเหล่านี้ก็จะก่อเกิด บุญเกิดความปีติสุขใจ” การถวายผ้าอาบน้ำฝนแต่เดิมกล่าวกันว่า ถวายกันเพียงแต่ผ้า แต่ต่อมาภายหลังถวายเครื่องบริวารตามที่เหมาะสม อย่าง สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน กระดาษชำระ ฯลฯ ร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ดีในการเลือกสิ่งของเพื่อนำมาถวายพระนั้นต้องไม่ละเลยพิจารณาถึงสิ่งของที่จะนำมาใช้ สิ่งของนั้นยังคงใช้ได้ ไม่หมดอายุหรือหมดสภาพ เช่นเดียวกันกับผ้าอาบน้ำฝนควรพิจารณาถึงเนื้อผ้า ซึ่งต้องไม่บางเกินไป นอกจากการถวายผ้าอาบน้ำฝนในวันเข้าพรรษา นักวัฒนธรรมท่านเดิมยังกล่าวถึงการทำบุญเพิ่มว่า การทำบุญที่ครบพร้อมด้วยบุญนั้น การทำบุญจะต้องมีใจเต็มเปี่ยมที่อยากให้ผู้รับต้องเหมาะสมกับการเป็นผู้รับ ส่วนสิ่งของทำบุญที่ตั้งใจให้ต้องบริสุทธิ์ได้มาโดยสุจริตและเมื่อเจตนาครบพร้อมทั้งก่อนให้ ระหว่างให้หรือหลังจากให้การทำบุญจึงก่อเกิดบุญอย่างเต็มเปี่ยม “การทำบุญในทางพุทธศาสนาไม่ได้มีเพียงการให้ทาน ทำบุญที่วัด หากแต่สามารถทำได้อีกหลายวิธีอย่างการทำบุญที่เรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ 10 หรือสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ 10 ประการนั้นอย่างที่กล่าวมา บุญหมายถึงการทำความดีสิ่งดีเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ บุญจึงเป็นเสมือนเครื่องกำจัดสิ่งเศร้าหมองให้ออกจากใจ บุญยังช่วยให้ลด ละ เลิกความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความมีจิตใจคับแคบ ขณะที่การถวายผ้าอาบน้ำฝนเป็นหนึ่งในประเพณีเข้าพรรษา ในช่วงเวลานี้ยังมี ประเพณีการหล่อเทียนพรรษา ซึ่งเป็นการนำเทียนขี้ผึ้งที่มีอยู่ ของแต่ละบ้านหลอมหล่อรวมกันเมื่อเทียนแห้งแล้วก็นำไปถวายพระที่วัด “การหล่อเทียนประเพณีที่ยังคงมีปฏิบัติต่อกันมา ในบางชุมชนร่วมมือร่วมใจกันเมื่อหล่อเทียนเสร็จสมบูรณ์ก็จะช่วยกันตกแต่งให้สวยงามก่อนนำไปถวายพระที่วัด ระหว่างทางก็จะมีการแห่เทียน ร้องรำกันไป เดิมทีแท่งเทียนเล่มหนึ่งจะไม่ใหญ่โตอะไรมากจะเหมาะสมเพียงพอแก่การใช้ของพระในช่วงจำพรรษาและนอกจากการทำบุญสร้างกุศลร่วมกัน ในประเพณีนี้ยังถ่ายทอดให้เห็นถึงความสามัคคีการร่วมมือร่วมใจกันของชุมชน” นอกจากนี้ช่วงเทศกาลเข้าพรรษายังมีประเพณีท้องถิ่น ที่ได้รับการกล่าวขานเป็นที่รู้จักอย่าง การทำบุญตักบาตร ดอกไม้ ดอกเข้าพรรษา อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่ดีอีกมากมายที่ใช้ช่วงเวลาที่มีความหมายนี้เป็นการเริ่มต้น อย่าง การงดเหล้าเข้าพรรษา งดอบายมุขหรือแม้แต่การรณรงค์ปลูกต้นไม้ ฯลฯ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพอากาศอีกทั้งยังช่วยลดภาวะโลกร้อน นักวัฒนธรรมกล่าวทิ้งท้าย จากสองวาระสำคัญทางพุทธศาสนาวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาในปีนี้ นับเป็นอีกโอกาสดีต่อการตั้งมั่นทำบุญสร้างกุศล ตั้งจิตอธิษฐานปฏิบัติตัวเริ่มต้นทำสิ่งดีงาม ลด ละ เลิกอบายมุขทั้งหลายทั้งปวง บุญกุศลที่เกิดขึ้นก็จะก่อเกิดความสุขความปีติเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝนคืออะไรและจัดทำเมื่อไหร่การถวายผ้าอาบน้ำฝนเป็นประเพณี
“เมื่อถึงวันเข้าพรรษานอกจากทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมก็จะมีการถวายผ้าอาบน้ำฝนรวมอยู่ด้วย การถวายผ้าอาบน้ำฝนแม้จะไม่มีการกำหนดวัน แต่โดยมากจะทำบุญถวายกันในวันเข้าพรรษา การถวายนั้นมีทั้งถวายแบบเจาะจง ถวายแบบสังฆทานไม่เจาะจงพระรูปหนึ่งรูปใดและในรูปแบบนี้จัดเป็นแบบสลากภัต
การถวายผ้าอาบน้ำฝนคืออะไรการถวายผ้าอาบน้ำฝนมีความเชื่อที่ถือกันมานานว่า ผู้ใดที่ถวายผ้าอาบน้ำฝนให้กับพระภิกษุสงฆ์ จะถือว่าเป็นการทำบุญที่ช่วยทำนุบำรุงและสนับสนุนพระศาสนาให้คงอยู่สืบไป และเพื่อมิให้พระภิกษุสงฆ์ต้องลำบากในการแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน
การถวายผ้าอาบน้ำฝนทำในโอกาสใดนอกจากการทำบุญเข้าพรรษาแล้ว ยังมีการทำบุญอีกอย่างหนึ่งที่ทำในช่วงเข้าพรรษา คือ การถวายผ้าอาบน้ำฝน ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝนเป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล ในครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 ไปจนถึงเดือน 8 ขึ้น 15 ค่ำ และทรงอนุญาตนุ่งหุ่มได้ตั้งแต่ ...
เหตุแห่งการถวายผ้าอาบน้ำฝนมีที่มาจากเหตุการณ์ใดยามจำพรรษาเป็นช่วงหน้าฝน พระภิกษุสงฆ์ที่มีเพียงสบงผืนเดียวจะอาบน้ำฝนจึงจำเป็นต้องเปลือยกาย ทำให้ดูไม่งาม และเหมือนพวกนอกศาสนา นางวิสาขามหาอุบาสิกาจึงคิดถวาย ผ้าวัสสิกสาฎก หรือผ้าอาบน้ำฝน เพื่อให้พระสงฆ์ได้ผลัดเปลี่ยนกับสบง จนเป็นประเพณีทำบุญสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
|