การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้ คลื่น อะไร เป็นหลัก

อันที่จริงแล้วสำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมมีช่วงความถี่หลายช่วง ได้แก่ L-Band, C-band, X-band, Ku-band, Ka-band และ High Throughput Satellites (HTS)

โดยแต่ละชนิดมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาาน

เราจะคุ้นเคยกับ C-band และ Ku-band

เพราะเป็นที่กล่าวถึงเมื่อตอนบ้านเราเปลี่ยนการส่งสัญญาณทีวีมาเป็นดิจิทัล

และในตลาดการสื่อสารทางทะเล สัญญาณ 2 ประเภทนี้ได้รับความนิยมหลัก

เราจึงขอเล่าถึงพวกมันนี้กันแบบง่าย

สัญญาณ C-band มีความถี่ต่ำกว่า Ku-band ซึ่งมีข้อดีคือมีฟุตปริ้นท์ (footprint) หรือพื้นที่ให้บริการกว้างมาก และไม่มีปัญหาสัญญาณขาดหายเมื่อต้องเผชิญกับเมฆฝน หากเรือหรือไซต์งานกลางทะเลต้องใช้การรับส่งข้อมูลและมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก C-band นับว่าเหมาะสมกับการใช้งาน เพราะมีแบนด์วิดท์สูง รองรับการส่งข้อมูลที่รวดเร็ว แต่ด้วยความถี่ต่ำนี่เอง จึงทำให้จานรับสัญญาณขนาดใหญ่เพื่อรับสัญญาณให้มีความเข้มมากพอต่อการใช้งาน ดังนั้น จานรับสัญญาณจึงมีราคาสูงและต้องใช้พื้นที่ติดตั้งอยู่พอสมควร

สัญญาณ Ku-band มีความถี่สูงกว่า C-band แต่กลับถูกใช้งานสำหรับการสื่อสารทางทะเลมากกว่า ได้มีการพัฒนาการส่งสัญญาณจากดาวเทียมด้วยคลื่นปรเภทนี้ให้มีพื้นที่ครอบคลุมเส้นทางขนส่งหลักทางทะเล แม้จะมีปัญหาเรื่องคุณภาพสัญญาณเมื่อเจอเมฆฝน แต่กลับเหมาะกับเรือส่วนใหญ่มากกว่า เพราะจานรับสัญญาณประเภทนี้มีขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่การติดตั้งและใช้พลังงานต่ำ คุ้มค่าต่อการลงทุนติดตั้งมากกว่า อีกทั้งความเร็วในการส่งสัญญาณก็นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป

ข้อดี : การใช้ดาวเทียมระบบนี้เหมาะที่จะใช้ในประเทศใหญ่ๆ เพราะครอบคลุมพื้นที่การให้บริการได้หลายประเทศ ซึ่งใช้ดาวเทียมหนึ่งดวง ก็ถ่ายทอดสัญญาณได้ทั่วประเทศและยังถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วย เช่น จีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม เป็นต้น

ข้อเสีย : เนื่องจากส่งครอบคลุมพื้นที่กว้างๆ ความเข็มของสัญญาณจะต่ำ จึงต้องใช้จาน 4 – 10 ฟุต ขนาดใหญ่รับสัญญาณภาพจึงจะคมชัด

แบบ KU – Band จะส่งคลื่นความถี่ 10 – 12 GHz สูงกว่าความถี่ C-Band สัญญาณที่ส่งจะครอบคลุมพื้นที่ได้น้อย จึงเหมาะสำหรับการส่งสัญญาณเฉพาะภายในประเทศ

ข้อดี : ความเข้มของสัญญาณสูงมาก ใช้จานขนาเล็กๆ 60 – 120 เซนติเมตร ก็สามารถรับสัญยาณได้แล้ว เหมาะสำหรับส่งสัญญาณเฉพาะภายในประเทศ เช่น สัญญาณ CABLE TV (UBC)

ข้อเสีย : ฟุตปริ้นท์ระบบ KU-Band จะแคบ ส่งเฉพาะจุดที่ต้องการ ครอบคลุมพื้นที่ได้น้อยทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง ปัญหาในการรับสัญญาณภาพ เวลาเกิดฝนตกภาพจะไม่มี สาเหตุเนื่องมาจากความถี่ของ KU-Band จะสูงมากเมื่อผ่านเมฆฝน

การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้ คลื่น อะไร เป็นหลัก

ส่วนที่เป็นสายอากาศของดาวเทียม จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณโทรทัศน์ลงมายังพื้นโลกให้มีรูปร่างเฉพาะตัวได้ เช่นหากต้องการส่งสัญญาณโทรทัศน์มายังประเทศไทยโดยเฉพาะ ก็ออกแบบสายอากาศของดาวเทียมให้มีลำคลื่น (Beam) ครอบคลุมเฉพาะประเทศไทย ซึ่งลักษณะของลำคลื่นที่ออกแบบไว้ให้ครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการนี้ เราเรียกว่า  ฟุตปริ้นท์ (Footprint)โดยดาวเทียมแต่ละดวงจะมีฟุตปริ้นท์เป็นลักษณะเฉพาะของตัวเอง ซึ่งพื้นที่ที่จได้รับสัญญาณจากดาวเทียมได้ดี หรือแรงที่สุดจะอยู่ในส่วนที่เรียกว่า ศูนย์กลาง (Center) ของฟุตปริ้นท์ หากหลุดออกไปจากศูนย์กลางนี้ ความแรงของสัญญาณก็จะลดลง

ฟุตปริ้นท์ จะมีเส้นเป็นวงชั้นจากเล็กไปใหญ่ วงในสุดจะมีความเข้มของสัญญาณ(Effective Isotropic Radiated Power หรือเรียกว่า ค่า EIRP ) สูงที่สุด หมายความว่าถ้าใช้จานรับสัญญาณดาวเทียม จานที่ใช้ก็มีขนาดเล็ก สัญญาณจะอ่อนลงตามลำดับในชั้นที่ 2 – 3 และ4 ซึ่งขนาดของจานรับสัญญาณ ก็ต้องมีขนาดใหญ่ขึ้น ตามไปด้วย

ระบบ C-Band ค่าความแรงสูงสุดจากวงในจะอยู่ที่ 39 dBW และอ่อนสุดที่ 32 dBW ส่วนระบบ KU-Band จะมีความเข็มของสัญญาณมากกว่า ซึ่งวงในสุดจะมีค่า 52 dBW และวงนอกต่ำสุด 47 dBW ซึ่งค่าความแรงของสัญญาณดาวเทียมในแต่ละพื้นที่ จะเป็นตัวกำหนดความก้วางของหน้าจาน ที่จะมาใช้รับสัญญาณของดาวเทียมดวงนั้นๆ

สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันขนาดหน้าจานที่ใช้รับกันอยู่มีหลายขนาด

  • ระบบ C-Band ใช้หน้าจานขนาดตั้งแต่ 165 ซ.ม ขึ้นไป
  • ระบบ KU-Band ใช้หน้าจานขนาด ตั้งแต่ 60 ซ.ม.ขึ้นไป

ในการใช้งานจริง จะมีการเผื่อขนาดหน้าจานเพื่อในบางครั้งสัญญาณอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่น Beam ของสัญญาณเคลื่อน อากาศชื้น ฝนตกสัญญาณที่ส่งลงมาเกิดการสูญเสีย Loss ไปหากเราใช้จานขนาดที่ใหญ่ การรับภาพก็เป็นปกติ

 

การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้ คลื่น อะไร เป็นหลัก

การที่เราจะติดตั้งจานดาวเทียมได้ จะต้องรู้ก่อนว่าตำแหน่งของดาวเทียม ดวงที่เราจะรับนั้น ว่าอยู่ตำแหน่งไหน ดาวเทียมทุกดวงจะแขวนอยู่ที่เส้นศูนย์สูตร (เส้นแบ่งระหว่างซีกโลกเหนือ และใต้) ซึ่งตำแหน่งของดาวเทียมแต่ละดวงนั้น ต้องได้รับอนุญาติจากองค์การดาวเทียมระหว่างประเทศ หรือเรียกย่อว่า ITU ( Internation Telecommunication Union ) และดาวเทียมแต่ละดวงจะมีตำแหน่งเป็นของตนเองโดยใช้เส้นแวง (LONGTITUDE) เป็นตัวกำหนดตำแหน่ง ดังนั้นชื่อของดาวเทียมจะมีตัวเลขต่อท้ายเสมอ

เช่น Thaicom 78.5 E หมายถึง เส้นแวงที่ 78.5 , E  หมายถึง ซีกโลกด้านตะวันออก

 

การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้ คลื่น อะไร เป็นหลัก

การกำหนดพื้นที่ในการติดตั้งจานดาวเทียม

เมื่อเรารู้ว่าดาวเทียมทุกดวงอยู่ที่เส้นศูนย์สูตร และประเทศไทยอยู่ซีกโลกทางด้านเหนือ การติดตั้งจานดาวเทียมจะต้องหันหน้าจานไปทางทิศใต้ ส่วนจะหันหน้าจานไปทางทิศตะวันออก หรือตะวันตกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ติดตั้ง กับตำแหน่งของดาวเทียม

สมมุติว่าเราต้องการติดตั้งจานดาวเทียมที่กรุงเทพฯ ตำแหน่งที่กรุงเทพฯ อยู่เส้นรุ้งที่ 13.5 ส่วนเส้นแวงอยู่ที่ 100  ถ้าเราต้องการรับดาวเทียม Thaicom 2/5 จะต้องหันหน้าจานไปทางขวา (ถ้าเราหันหน้าไปทางทิศใต้) เพราะดาวเทียมไทยคม อยู่ที่เส้นแวง 78.5 E หรือในขณะเดียวกัน ถ้าเราต้องการรับสัญญาณจากดาวเทียม APSTAR 134 E เราจะต้องหันหน้าจานไปทางซ้าย แต่ถ้าเราต้องการรับ ดาวเทียม ASIASAT 1 100.5 E ซึ่งตรงพอดี

การติดตั้งจานดาวเทียมที่จังหวัดนราธิวาส กับการติดตั้งจานดาวเทียมที่จังหวัดเชียงราย ย่อมที่จะมีมุมก้มเงยที่แตกต่างกัน เพราะว่าที่จังหวัดนราธิวาสอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร จานจะเงยมากกว่า ส่วนที่จังหวัดเชียงรายอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร จานก็จะก้มมากกว่า มุมก้มเงย หรือมุมซ้ายขวา ในแต่ละตำแหน่ง หรือพื้นที่ก็ยังไม่เท่ากัน

ดังนั้นในการติดตั้งจานดาวเทียม เราจะต้องทราบค่ามุมก้มเงย และมุมส่ายหน้าจาน สำหรับแต่ละพื้นที่ เพื่อจะรับดาวเทียม ที่ต้องการ

การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้ คลื่น อะไร

กล่าวโดยสรุปได้ว่า ดาวเทียมสื่อสารกับสถานีภาคพื้นดินด้วยคลื่นวิทยุและคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งอาจเรียกรวมๆได้ว่า radio spectrum โดยคลื่นไมโครเวฟจะมีความถี่ราวๆ 1-40 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) ส่วนความถี่ที่ต่ำกว่า 1 กิกะเฮิร์ตซ์ลงไป จะเป็นคลื่นวิทยุ

การรับสัญญาณจากดาวเทียมอาศัยสิ่งใดเป็นหลัก

1. ต้องการอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นตัวขับเคลื่อนดาวเทียม 2. ลดการใช้พลังงานในการขับเคลื่อน 3. ต้องการให้ดาวเทียมอยู่กับที่เพื่อใช้เป็นสถานีทวนสัญญาณ (ดาวเทียมจะอยู่กับที่เมื่อเราอยู่บนพื้นโลก) ตัวอย่างตามรูป เส้นศูนย์สูตร

คลื่นในยานใดถูกใช้สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียม

S - band เป็นคลื่นความถี่ 2-4 GHz. ใช้กับดาวเทียมตรวจจับสภาพอากาศและดาวเทียมสื่อสารบางดวง องค์การนาซาใช้ความถี่ช่วงนี้ใช้ในการสื่อสารกับสถานีอวกาศนานาชาติและกระสวยอวกาศด้วย C - band เป็นคลื่นความถี่ 4-8 GHz. ใช้สำหรับดาวเทียมสื่อสารและเครือข่ายดาวเทียมถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์

ดาวเทียมสื่อสารให้สัญญาณใดในการรับส่งข้อมูล

ดาวเทียมสื่อสาร เป็นดาวเทียมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนการคมนาคมขนส่ง ช่วยในการควบคุมเส้นทางและบอกตำแหน่งที่อยู่ โดยดาวเทียมจะทำหน้าที่เป็นสถานีรับส่งคลื่นวิทยุสื่อสารติดต่อกับสถานีภาคพื้นดินช่วยให้กิจการสื่อสารทางโทรศัพท์ โทรพิมพ์ โทรสาร และการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ระหว่างประเทศเป็นไป ...