การออกแบบงานประดิษฐ์มีอะไรบ้าง

We’ve updated our privacy policy so that we are compliant with changing global privacy regulations and to provide you with insight into the limited ways in which we use your data.

You can read the details below. By accepting, you agree to the updated privacy policy.

Thank you!

View updated privacy policy

We've encountered a problem, please try again.

เรื่อง งานประดิษฐ์น่ารู้

1. ความสำคัญและประโยชน์ของงานประดิษฐ์

1. ฝึกให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างผลงานให้มีรูปร่างแปลกใหม่และพัฒนางานประดิษฐ์เดิมให้สามารถใช้ประโยชน์ขึ้น
2. งานประดิษฐ์ที่ใช้วัสดุต่าง ๆ ที่นำมาประกอบกันเป็นชิ้นงาน สามารถใช้วัสดุอื่นทดแทนกันได้ และสามารถนำวัสดุที่มีในท้องถิ่น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
3. ฝึกให้รู้จักการวางแผนทำงานอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้ตนเอง และมีนิสัยรักในงานประดิษฐ์
4. ให้นักเรียนรู้จักใช้และดูแลรักษาเครื่องมือในงานประดิษฐ์อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับประเภทของงานประดิษฐ์
5. ฝึกการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและมีความสุข ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานประดิษฐ์ของตนเอง
6. ฝึกให้นักเรียนรู้จักประหยัด สามารถนำสิ่งของที่เหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนมากนัก
7. เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้มีการสืบทอดและพัฒนาต่อไปจากภูมิปัญญาเดิมสู่การเรียนรู้ที่มากขึ้นและเป็นผลงานของคนไทย
8. สามารถเพิ่มพูนรายได้ให้กับผู้ประดิษฐ์ โดยการนำออกไปจำหน่ายในโอกาสต่าง ๆและสร้างเป็นอาชีพได้ในอนาคต
9. เกิดความภาคภูมิใจในชิ้นงานของตนเอง ทำให้ผู้อื่นยอมในความสามารถของตนเองในระดับหนึ่ง

2. ลักษณะของงานประดิษฐ์ สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ

1. งานประดิษฐ์ทั่วไป

เป็นงานประดิษฐ์ที่ไม่มีความเป็นมาจากบรรพบุรุษหรือท้องถิ่น กล่าวคือเป็นงานประดิษฐ์ที่บุคคลทั่วไป สามารถเรียนรู้และนำไปประดิษฐ์ได้โดยอาศัยการศึกษาจากตำรา เช่นดอกไม้จากเศษวัสดุเหลือใช้ หมวก ตุ๊กตา เครื่องใช้ต่าง ๆ

2. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย

เป็นงานประดิษฐ์ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษหรืองานประดิษฐ์ที่มีเฉพาะในท้องถิ่นนั้น ๆ โดยส่วนมากจะเป็นการสืบทอดจากผู้ใหญ่ในครอบครัวมาสู่ลูกหลานงานประดิษฐ์หลายอย่างทำขึ้นเพื่องานประเพณีทางเช่น พานพุ่ม มาลัย เครื่องแขวนบายศรี และบางอย่างก็ทำขึ้นเพื่อความสวยงาม สนุกสนาน ภายในครอบครัว เช่นว่าวไทย รถลาก ตุ๊กตา

3. ประเภทของงานประดิษฐ์ตามโอกาสใช้สอย

งานประดิษฐ์ต่าง ๆ เราสามารถเลือกชิ้นงานประดิษฐ์ได้ตามประโยชน์ หรือความต้องการใช้สอยในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของงานประดิษฐ์ตามโอกาสใช้สอยดังนี้

1. ประเภทงานประดิษฐ์เครื่องเล่น งานประดิษฐ์เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนรู้และฝึกฝนจากผู้ใหญ่มาสู่ลูกหลานในบ้าน และมีการแพร่กระจายจากเพื่อนมาสู่เพื่อน เช่นการประดิษฐ์ตุ๊กตา ว่าว และรถลาก
2. ประเภทเครื่องใช้ งานประดิษฐ์เครื่องใช้เป็นชิ้นงานที่ทำขึ้นเพื่อความสะดวกสบายและเป็นเครื่องทุ่นแรงในการดำเนินชีวิต หรือประกอบอาชีพในชีวิตประจำวัน เช่นเสื้อผ้า แจกัน หมวก ตะกร้า กระจาดและเข่ง
3. ประเภทเครื่องตกแต่ง งานประดิษฐ์ตกแต่ง ทำขึ้นเพื่อความสวยงามและเป็นสิ่งประดิษฐ์ใช้กับบ้านเรือน นอกจากนี้บางชิ้นงานสามารถนำมาใช้ในด้านการใช้สอยได้ เช่นกรอบรูป โคมไฟ ภาพวาด งานแกะสลัก
4. ประเภทเครื่องใช้ในพิธี ทำขึ้นเพื่อใช้ในพิธีทางศาสนา ในช่วงโอกาสต่าง ๆ และงานประเพณีสำคัญ เช่นงานลอยกระทง งานวันเข้าพรรษา ออกพรรษา งานศพ งานประดิษฐ์เครื่องใช้ เช่น พานพุ่ม มาลัย บายศรี การจัดดอกไม้ในงานศพ

4.หลักการทำงานประดิษฐ์

ในการทำงานประดิษฐ์เพื่อให้ได้ผลงานตามจุดหมายที่กำหนดไว้ ควรยึดหลักในการทำงานประดิษฐ์ดังต่อไปนี้

1. ศึกษารายละเอียดของงานที่จะนำมาประดิษฐ์ให้เข้าใจ ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบต่าง ๆ ของงานและเลือกทำสิ่งประดิษฐ์ให้เหมาะสมความรู้ ความสามารถของตนเอง และเป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
2. วางแผนการทำงาน กำหนดขั้นตอนการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา แรงงาน ค่าใช้จ่ายและออกแบบรายละเอียดวิธีการประดิษฐ์ไว้ให้ครบถ้วน เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน
3. การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำงานประดิษฐ์ไว้ให้ครบถ้วนและใช้ให้เหมาะสมกับการที่ออกแบบไว้ โดยทั่วไปการเลือกวัสดุมาใช้ในงานประดิษฐ์ นิยมเลือกใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น หรือวัสดุที่มีอยู่ภายในบ้านซึ่งหาง่าย มีราคาถูก
4. ลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ขณะที่ทำการประดิษฐ์ เมื่อเกิดปัญหาไม่ควรท้อถอย ควรปรึกษาครูหรือผู้ที่มีความสามารถ และควรพยายามตั้งใจปฏิบัติงานต่อไปจนกว่างานจะสำเร็จ

5. การออกแบบงานประดิษฐ์

การออกแบบ หมายถึงการแสดงความคิด การวางแผน เพื่อกำหนดรูปแบบผลงานที่ต้องการก่อนทำงานประดิษฐ์ โดยการร่างภาพเขียนด้วยดินสอและไม้บรรทัดเท่านั้น การออกแบบมีความสำคัญมากเพราะผู้ออกแบบต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์การดัดแปลง แก้ผลงาน ให้มีรูปร่างแปลกใหม่ การออกแบบที่ดีจะช่วยให้การทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้นผลงานสำเร็จตรงตามต้องการไม่มีผิดพลาด

หลักการออกแบบ

เมื่อจะออกแบบควรนำองค์ประกอบที่สำคัญของการออกแบบมาใช้โดยยึดหลักดังต่อไปนี้

1. ความสมดุล เกี่ยวข้องกับความรู้สึกในการมองเห็นทั้งด้านรูปทรง น้ำหนัก สี ความสมดุลเท่ากัน และความสมดุลที่ไม่เท่ากัน


2. สัดส่วนหมายถึงการได้ส่วนกันของสิ่งที่ออกแบบ เช่น การออกแบบดอกไม้ ส่วนประกอบดอกไม้ ใบ ก้าน ควรได้สัดส่วนดอกไม่ควรใหญ่เกินก้านและใบมากนัก
3. ความกลมกลืน คือการออกแบบวัตถุให้มีรูปทรงที่ไปด้วยกันได้ สีก็ต้องกลมกลืนกันการใช้แสง และเงาที่ไปด้วยกันได้
4. ความแตกต่าง คือการใช้ส่วนประกอบของการออกแบบที่ไม่ซ้ำกัน ใช้สีที่ไม่เหมือนกัน
5. การเน้นให้เกิดจุดเด่น คือการออกแบบที่ทำให้เกิดจุดเด่นสะดุดตา ทำให้น่าสนใจ น่าดู อาจเน้นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงอย่างเดียวก็ได้ เช่น สี เส้น รูปร่าง

วิธีการออกแบบงานประดิษฐ์

1. ร่างโครงร่าง กำหนดรูปแบบ บอกขั้นตอนการประดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนสำเร็จ
2. กำหนดวัสดุ หรือเศษวัสดุ ที่ต้องนำมาใช้ให้ครบถ้วน
3.กำหนดรายชื่อเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ต้องใช้
4.กำหนดราคาทุนหรือค่าใช้จ่ายในการประดิษฐ์
5.บอกประโยชน์ของผลงานว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรดีกว่าเดิมหรือไม่

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.gerapatr.com/craftsmanship/index.php/editorial/35-application-of-knowledge

ขอขอบคุณคลิปจาก 1petiteSorciere

การออกแบบงานประดิษฐ์มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

2. องค์ประกอบที่สาคัญของการออกแบบประกอบด้วย 1.เส้น (Line)การน าเส้นมาประกอบกันจะเกิดเป็นรูปร่าง รูปทรง เส้นมีอิทธิพลต่อ อารมณ์และความรู้สึกที่แตกต่างกัน 2. รูปทรงและรูปร่าง (FORM AND SHAPE)หมายถึงลักษณะของชิ้นงานที่มองเห็น เป็นรูป 3 มิติมีความกว้าง ความยาว ความหนาหรือความลึกและรูป 2 มิติ คือมีความกว้าง และ

การออกแบบงานประดิษฐ์จะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ลักษณะใดบ้าง

หลักการออกแบบงานประดิษฐ์ เป็นความรู้พื้นฐานที่ใช้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ควรคำนึงถึงเพื่อการนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานประดิษฐ์ของตนเอให้มีความสวยงามเหมาะสมและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หลักการออกแบบงานประดิษฐ์ที่สำคัญ ได้แก่ การนำหลักการทางศิลปะมาใช้ เพื่อให้ได้รูปแบบสวยงามน่าสนใจ

รูปแบบการผลิตงานประดิษฐ์มีกี่รูปแบบอะไรบ้าง

ผลิตภัณฑ์งานประดิษฐ์ มีรูปแบบการสร้างงานหลายแบบดังนี้ 1. การเลียนแบบของจริง ใช้ธรรมชาติเป็นแม่แบบ 2. การสร้างสรรค์งานใหม่มีแนวทางการผลิต 2 แบบ คือ การดัดแปลงจากงานประดิษฐ์เดิมและการสร้างงานใหม่ 3. การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมเดิม มีแนวทางการผลิตงาน 2 แนวทาง คือ การนุรกษ์ศิลปวัฒนธรรมเดิม และการจำลองแบบ

ทักษะที่จำเป็นในการสร้างงานประดิษฐ์มีอะไรบ้าง

1.การวิเคราะห์ เป็นการศึกษารายระเอียดของงานประดิษฐ์ว่ามีลักษณะอย่างไร มีรายระเอียดปลีกย่อยอะไรบ้าง 2.การวางแผนการทำงาน เป็นการวางแผนที่ทำงานประดิษฐ์ โดยกำหนดแนวทาวการทำวานไว้ล่วงหน้า 3.การปฏิบัติงานตามลำดับขั้นตอน เป็นการลงมือประดิษฐ์ชิ้นงานตามแผนการทำงานและขั้นตอนของการประดิษฐ์เรียงตามตวามสำคัญ