ดุลยภาพตลาด หมายถึง ปริมาณอุปสงค์เท่ากับปริมาณอุปทาน กล่าวคือ ปริมาณสินค้าตามแผนการซื้อกับแผนการขายเท่ากัน Show
กฎของพลังตลาด หมายถึง เมื่อมีการขาดแคลน ราคาจะเพิ่มขึ้น และเมื่อมีส่วนเกินเกิดขึ้น ราคาจะลดลง ส่วนเกิน หรือ อุปทานส่วนเกิน (Excess supply) หมายถึง ปริมาณอุปทานของสินค้ามากกว่าปริมาณอุปสงค์ของสินค้า ซึ่งทำให้ราคาสินค้าลดลง การขาดแคลน หรือ อุปสงค์ส่วนเกิน (Excess demand) หมายถึง ปริมาณของอุปสงค์สินค้ามากกว่าปริมาณอุปทานของสินค้า ซึ่งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น สารบัญ[แก้ไข | แก้ไขต้นฉบับ]
สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดอุปทานส่วนเกิน หมายถึง ภาวะที่อุปทานมากกว่าอุปสงค์ ทำให้สินค้าชิ้นนั้นล้นตลาด สามารถปรับตัวเข้าสู่ดุลภาพ โดยทำให้ราคาถูกปรับต่ำลง แล้วอุปทานจะลดลง อุปสงค์จะเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่จุดดุลยภาพ ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ตัวชี้วัด ส 3.1 ม. 3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.นักเรียนอธิบายลักษณะอุปทานส่วนเกินได้ถูกต้อง 2.นักเรียนวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุปทานส่วนเกิน และบอกแนวทางการแก้ไขจากการเกิดภาวะอุทานส่วนเกินได้อย่างน้อย 3 ข้อ อย่างเหมาะสม 3.นักเรียนสามารถอภิปรายผลกระทบที่เกิดจากภาวะอุปทานส่วนเกินได้อย่างมีเหตุผล 4.นักเรียนนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจากกิจกรรม “ทำยังไงดี สินค้าขายไม่ได้” ได้อย่างมีเหตุผล การวัดผลและประเมินผล
สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดอุปสงค์ส่วนเกิน หมายถึง ภาวะที่อุปสงค์มากกว่าอุปทาน ทำให้สินค้าขาดตลาด สามารถปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพ โดยทำให้ราคาเพิ่มขึ้นแล้วอุปสงค์จะลดลง อุปทานจะเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่จุดดุลยภาพ ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้ตัวชี้วัด ส 3.1 ม. 3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนอธิบายลักษณะอุปสงค์ส่วนเกินได้ถูกต้อง 2. นักเรียนวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุปสงค์ส่วนเกิน และบอกแนวทางการแก้ไขจากการเกิดภาวะอุปสงค์ส่วนเกินได้อย่างน้อย 3 ข้อ อย่างเหมาะสม 3. นักเรียนอภิปรายผลกระทบที่เกิดจากภาวะอุปสงค์ส่วนเกินได้อย่างมีเหตุผล 4. นักเรียนนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาจากกิจกรรม “ทำยังไงดี สินค้าหมดแล้ว” ได้อย่างมีเหตุผล การวัดผลและประเมินผล
เวลาเราฟังนักวิชาการหรือนักเศรษฐศาสตร์ เรามักจะได้ยินคำศัพท์วิชาการอยู่บ่อยๆ อย่างคำว่าอุปสงค์ อุปทาน หรือคำว่า supply , over supply ต่างๆ หลายคนฟังแล้วอาจจะงงๆหน่อยว่า แล้วคำเหล่านี้อย่าง อุปสงค์คืออะไร และมันแปลว่าอะไรกันแน่ ขออธิบายในเชิงวิชาการกันก่อนเลย อุปสงค์คือ ความต้องการซื้อสินค้า และอุปทานคือ ความต้องการขาย ซึ่งสองนี้จะเป็นตัวที่จะได้บอกว่า สินค้านั้นๆจะมีราคา และปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม และถ้าเกิดการซื้อขายกันจะเรียกว่าจุดดุลยภาพ ในทางเศรษฐศาสตร์จะมีกฎอุปสงค์ และกฎอุปทานอยู่ เพื่อใช้เป็นหลักการความสัมพันธ์ระหว่างราคากับปริมาณอยู่ กฎอุปสงค์คือ เราจะซื้อสินค้ามากขึ้นเมื่อราคานั้นต่ำลง และจะซื้อสินค้านั้นน้อยลงเมื่อสินค้าราคาสูงขึ้น กฎอุปทานคือ เราจะอยากขายสินค้านั้นเมื่อราคาสินค้านั้นสูงขึ้น และขายสินค้านั้นน้อยลงเมื่อราคานั้นต่ำลง แต่เราอาจะเคยได้ยินเรื่องของกฎอีก 2 แบบก็คือ อุปสงค์ส่วนเกิน และอุปทานส่วนเกิน ซึ่งความหมายของสองคำนี้ก็คือ อุปสงค์ส่วนเกิน การเกิดขึ้นเมื่อความต้องการสินค้านั้นมีมากเสียจนผู้ผลิต ผลิตสินค้าให้ไม่ทัน และ อุปทานส่วนเกินก็คือผู้ผลิตผลิตออกมามากเสียจนไม่มีคนซื้อเพราะสินค้านั้นไม่ได้เป็นที่ต้องการของตลาดอีกต่อไปแล้ว ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่แล้วก็อาจจะสงสัยว่าทำไมเราจึงต้องรู้เรื่องการของอุปสงค์คือะไร อุปทานคืออะไร ซึ่งจริงๆแล้วหลักการเหล่านี้หากเราดูดีๆ เราสามารถเอามาปรับใช้การขายของได้เลย เช่นการวางแผนในเรื่องของราคาทำอย่างไรให้ราคามีจุดดุลยภาพ ที่พ่อค้าแม่ค้าก็อยู่ แล้วลูกค้าก็ได้ราคาที่รับได้ นอกที่เราจะรู้ว่าอุปสงค์อะไรแล้ว จริงๆแล้วยังมีปัจจัยอื่นอีกที่เราต้องมาดูกันก็คือ 1. รายได้ของผู้ซื้อราคานั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอุปสงค์ของลูกค้าเรา อย่างที่บอกข้างต้นอุปสงค์คือความต้องการซื้อสินค้า แต่ถ้าหากเศรษฐกิจหรือรายได้ของคนซื้อลดลง จะทำให้สินค้าเรานั้นหากราคาสูงก็จะขายไม่ได้ ลูกค้าก็จะเลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกลงมา คุณภาพอาจจะไม่เทียบเท่าแต่ใช้ได้เหมือนกันมาใช้แทน 2. จำนวนผู้ซื้อถ้าให้เห็นภาพง่ายๆเลยก็คือ ความต้องการซื้อหน้ากาก ในช่วงมีโควิด-19 ใหม่ๆ หน้ากากมีจำนวนจำกัด แต่คนต้องการซื้อเยอะมาก ทำให้ราคาของสินค้านั้นสูงตามไปด้วย เมื่อหน้ากากดูแทนที่ด้วยหน้ากากผ้าก็ทำให้ราคาหน้ากากนั้นถูกลง จำนวนผู้ซื้อลดลง ราคาก็จะลดลงตามไปด้วย 3. ราคาสินค้าอื่นๆอย่างบางช่วงเราจะเห็นได้ว่า เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือแม้กระทั่งไข่ไก่ก็มีราคาขึ้นๆลงๆ สิ่งเหล่านี้เมื่อราคาสูงมาก คนก็จะหันเหไปทานอย่างอื่นแทน เช่นเนื้อปลา เนื้อวัว ที่ราคาไม่สูงเท่า ซึ่งราคาของสินค้าทดแทนก็จะมีผลต่อราคาด้วย 4. วัฒนธรรมเรียกว่าเป็นปัจจัยภายนอก ค่านิยมที่เปลี่ยนไป อย่างถ้าเราขายสินค้าแฟชั่น ก็ต้องเทรนให้ทันเพื่อไม่ให้สินค้าของเรานั้นค้างสต็อก ต้องตามกระแสให้ทันว่าปัจจุบันโลกนี้ไปทางทิศทางใดบ้าง ส่วนปัจจัยที่จะกำหนดในส่วนของอุปทานหรือต้นทุนของพ่อค้าแม่ค้า ที่จะนำสินค้าเข้ามาขายก็อาจจะจำเป็นที่ต้องรู้เรื่องของอุปทานด้วย โดยปัจจุบันของอุปทานนั้นก็มีดังนี้
จะเห็นได้ว่าจากกล่าวมาข้างต้นไม่ว่าจะเป็นอุปสงค์คืออะไร อุปทานคืออะไร นั้นเกี่ยวกับการค้าขายทั้งสิ้น หากเราสามารถเข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์เหล่านี้ เราก็จะสามารถตั้งราคาและสั่งซื้อสินค้า หรือ จะผลิตสินค้าเข้ามาขายได้ถูกต้องไม่เกินปัญหา ของล้นสต็อก หรือ ปัญหาของขาดตลาดได้ แต่หากพ่อค้าแม่ค้าคนไหน อยากจะรู้ว่าสินค้าชิ้นไหนของตัวเองมีอุปสงค์อุปทานอย่างไร ก็สามารถมาใช้ระบบ Fillgoods ของเราได้ เนื่องจากระบบของเรามีระบบสต็อกที่สามารถสรุปได้ว่า สินค้าไหนเป็นสินค้าขายดี หรือสินค้าไหนหมดแล้ว เพื่อรู้ว่าความต้องการของลูกค้าในช่วงนี้เขาต้องการอะไร จะได้สั่งซื้อหรือผลิตมาตรงใจกับลูกค้า นอกจากนี้เรายังมีระบบเรียกขนส่งเข้ารับสินค้าถึงหน้าบ้านไม่จำเป็นต้องออกไปเสี่ยงโควิด-19 นอกบ้าน เรียกขนส่งเข้ามารับสินค้าได้เลย หากใครสนใจก็สามารถ โทรปรึกษาทีมงาน ฟรี! โทรเลย 021146800 กด 1 วันจันทร์ – วันศุกร์ |