มิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้บ้าง

ช่วงนี้มีข่าวเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลจากหน้าบัตรประชาชนหลุด จึงมีคำถามว่าข้อมูลจากหน้าบัตรประชาชนนั้นทำอะไรได้บ้าง ข้อมูลบนบัตรประชาชนอันตรายจริงหรือ? และมีแค่สำเนา ทำธุรกรรมกับรัฐและเอกชนได้จริงหรือ? และควรทำอย่างไรเพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ให้ข้อมูลหลุดไปในระดับนึงถ้ามีอันตรายจริง

ข้อมูลบนหน้าบัตรประชาชนและเลขประจำตัวอันตรายจริงหรือ?

มิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้บ้าง

หลายคนยังกังวลใจว่า “ข้อมูลบนบัตรประชาชน” นั้นอันตรายจริงหรือ ทางเราได้สอบถามผู้รู้มา ได้สรุปดังนี้

ข้อมูลหน้าบัตรเป็นข้อมูลทั่วๆไป ซึ่งปัจจุบันสถาบันองค์กรต่างๆ ไม่ค่อยยอมให้ใช้แค่สำเนาบัตรทำธุรกรรมอะไรแล้ว และแม้จะใช้บัตรประชาชนตัวจริงหรือเลขบัตรประชาชน แต่ถ้าเจ้าของไม่ได้มาก็ไม่สามารถทำธุรกรรมทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนได้ เพราะเคยมีกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่ทำให้ถูกต้อง หรือมีส่วนรู้ร่วมคิดกับขบวนการโกง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่องค์กรต้องเพิ่มขั้นตอนตรวจสอบบัตรและตัวตนอย่างรัดกุม [อ่านเพิ่มเติมจากกรณีนักข่าว NEW TV ทดลองนำบัตรประชาชนคนอื่นไปเปิดบัญชีจนสำเร็จ] ถ้าพบว่าเจ้าหน้าที่ยังฝ่าฝืน ก็ต้องรับโทษ ถ้าจะทำแทนต้องมีใบมอบอำนาจมา (อิงจากที่ผู้เขียนไปทำธุรกรรม ใช้บริการต่างๆ จริง บางครั้งพ่อแม่ฝากมาทำ ให้บัตรประชาชนจริงมา เขายังไม่ให้ทำธุรกรรมเลย) แต่ตรงนี้ก็มีจุดอ่อนตรงที่อาจมีการปลอมใบมอบอำนาจได้ ถ้าสามารถปลอมลายเซ็นได้

แต่มีข้อสังเกตหนึ่งที่อยากเตือนเพิ่มคือ

มิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้บ้าง

สำเนาบัตรประชาชนหรือภาพบัตรประชาชนอาจนำไปใช้แอบอ้างขายของหลอกลวงทางออนไลน์ หรือทำธุรกิจผิดกฎหมายได้ หรือสวมรอยหลอกลวงผู้อื่น และหลายบริการออนไลน์ที่ให้สมัครครั้งแรกแล้วยืนยันตัวตนด้วยพวกวันเกิดหรือเลขประชาชน อันนี้ควรระวัง ใครที่เคยสมัครพวกนี้แล้วควรตั้งพาสเวิร์ดใหม่ทันที รวมถึงพวกเกมออนไลน์และบริการต่างๆ ที่แค่กรอกเลขบัตรประชาขนก็สมัครได้ทันที (ไม่เหมือนบางเว็บเช่น Pantip ต้องถ่ายรูปตัวเองคู่บัตรประชาชนส่งไปเพื่อยืนยัน) (เอาจริงๆ แค่ไปดูตามคูหาเลือกตั้ง หรือแอบจดจากบัตรอื่นมาก็ใช้สมัครได้แล้ว ไม่ต้องข้อมูลหลุดเท่านั้น) และการซื้อซิมจากร้านค้าเล็กๆ บางร้าน ที่ไม่ใช่ศูนย์บริการหรือร้านใหญ่หรือร้านสะดวกซื้อ ที่พนักงานอาจไม่เข้มงวด

ข้อมูลหลังบัตรประชาชนนั้นสำคัญกว่า

มิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้บ้าง

ข้อมูลหน้าบัตรไม่เท่าไหร่ แต่ข้อมูลหลังบัตรสำคัญกว่า จริงๆ ก็เพิ่งสังเกตตามที่เพื่อนบอกว่ามันจะมีชุดรหัสหลังบัตร ตรงนี้คือรหัสยืนยันตัวตนของเจ้าของบัตรลักษณะคล้าย cvv ในบัตรเครดิต ที่ไม่ค่อยรู้เพราะยังไม่ค่อยมีบริการไหนที่ขอเลขนี้ แต่เพื่อนผมเพิ่งเจอหน่วยงานที่ขอเลขนี้เมื่อไม่นานนี้คือกรมสรรพากร อนาคตหน่วยงานรัฐอาจใช้ประโยชน์จากเลขนี้อย่างอื่นได้

เราจึงอยากแนะนำว่า เวลาถ่ายเอกสารให้ถ่ายแค่หน้าบัตร ยกเว้นหน่วยงานที่ติดต่อขอเลขหลังบัตรจริงๆ ซึ่งก็ต้องขีดคร่อมเซ็นต์รับรองให้ปลอมแปลงยาก เพราะหากขีดคร่อมไม่ดี อาจมีการนำไปสแกนแล้วตกแต่งใหม่ได้

แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าสำเนาแบบไหน ก็มีลายเซ็นต์ อาจนำไปถอดแบบเพื่อปลอมทำอย่างอื่นได้ และข้อมูลเหล่านี้อาจถูกแอบอ้างเพื่อใช้บริการสถาบันการเงินนอกระบบ บริการผิดกฎหมายที่อาจไม่มีการตรวจสอบยืนยันตัวตนได้

การเซ็นรับรองสำเนา และระบุว่าใช้ทำอะไร หากเอาไปทำนอกเหนือมีความผิดทางกฎหมาย แต่…

จริงๆ เราการนำสำเนาที่มีการเซ็นต์รับรองและระบุว่าเอาไปทำอะไรนั้น หากนำไปใช้นอกเหนือจากนี้แล้วพิสูจน์ได้ ถือว่าผู้กระทำผิดกฎหมาย แต่ว่าการเซ็นต์ของบางคนนั้นจะถูกนำสำเนาไปแก้ไขด้วยโปรแกรมแต่งภาพอย่าง Photoshop แล้ว Print ออกมาใหม่ก็เนียนแล้ว

ระวัง มิจฉาชีพหลอกเอาเอกสาร/บัตรเอทีเอ็ม...

Posted by ทนายเจมส์ LK on Thursday, July 2, 2020

​​​​​​​บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรกดเงินต่าง ๆ เป็นบัตรที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินของเจ้าของบัตร เช่น ถอนเงิน โอนเงิน ชำระเงิน ซึ่งบัตรเหล่านี้จะบันทึกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของเจ้าของบัตรไว้ หากมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้จากการขโมยบัตรหรือขโมยข้อมูลในบัตร มิจฉาชีพก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปลอมเป็นเจ้าของบัตรทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะถอนเงินออกจากบัญชี หรือใช้วงเงินสินเชื่อของเหยื่อที่เป็นเจ้าของบัตร

ลักษณะกลโกง

1.คัดลอกข้อมูลจากแถบแม่เหล็กของบัตรโดยเครื่องสกิมเมอร์ (Skimmer) ที่ติดตั้งไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม

มิจฉาชีพมักติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ที่ช่องเสียบบัตรของตู้เอทีเอ็ม เพื่อคัดลอกข้อมูลจากบัตร พร้อมติดตั้งแป้น​ครอบกดตัวเลขเพื่อบันทึกรหัสผ่านที่เหยื่อกด หรืออาจติดตั้งกล้องจิ๋วเพื่อแอบดูรหัสผ่าน​

มิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้บ้าง
 

 

2. คัดลอกข้อมูลจากแถบแม่เหล็กของบัตรโดยเครื่องสกิมเมอร์ขนาดพกพาหรือเครื่องแฮนด์เฮลด์สกิมเมอร์ (Handheld Skimmer)

แฮนด์เฮลด์สกิมเมอร์เป็นเครื่องคัดลอกข้อมูลในแถบแม่เหล็กขนาดเล็กที่สามารถพกพาได้ ซึ่งมิจฉาชีพมักจะถือไว้ในฝ่ามือ และนำบัตรของเหยื่อมารูดพร้อมทั้งดูรหัสปลอดภัยจากด้านหลังบัตรโดยไม่ให้เหยื่อสังเกตเห็น ซึ่งอาจเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร สถานีบริการน้ำมัน หรือมิจฉาชีพอาจแอบอ้างเป็นเจ้าพนักงานธนาคารยื่นหน้าตู้เอทีเอ็ม ขอดูบัตรของเหยื่อ หรืออาจทำทีเสนอความช่วยเหลือแก่เหยื่อหากบัตรติดตู้เอทีเอ็ม แล้วคัดลอกข้อมูลผ่านเครื่องแฮนด์เฮลด์สกิมเมอร์เมื่อเหยื่อเผลอ

 

3. ปลอมแปลงเอกสารสมัครบัตรเครดิต

​​มิจฉาชีพอาจปลอมแปลงหรือใช้เอกสารส่วนตัวของเหยื่อ เช่น สำเนาบัตรประชาชนที่ได้ขโมยมา แล้วนำไปใช้สมัครบัตรเครดิต หรือแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนบัตร โดยแจ้งให้สถาบันการเงินส่งเอกสารและบัตรที่ออกใหม่ให้กับมิจฉาชีพโดยตรง เมื่อได้รับบัตรเครดิตก็นำไปใช้จ่ายในนามของเหยื่อ

มิจฉาชีพสามารถเอาบัตรประชาชนไปทำอะไรได้บ้าง

4. ขโมยข้อมูลจากใบบันทึกรายการ (ATM Slip)

มิจฉาชีพจะเก็บใบบันทึกราย (ATM Slip) ตามตู้เอทีเอ็มที่มียอดคงเหลือค่อนข้างมากไปใช้ค้นหาข้อมูลสำคัญ ๆ ในการทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน โดยใช้วิธีที่แตกต่างกันออกไป เช่น แอบอ้างเป็นข้าราชการไปขอข้อมูลทะเบียนราษฎรจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือค้นหาเลขที่บัญชีให้ครบ 10 หลักแล้วนำไปทดลองโอนผ่านธนาคารออนไลน์เพื่อให้ทราบชื่อเจ้าของบัญชี

เมื่อได้ข้อมูลของเหยื่อแล้ว มิจฉาชีพจะปลอมแปลงบัตรประจำตัวราชการปลอมโดยใช้ชื่อของเหยื่อเป็นเจ้าของบัตรแต่ติดรูปภาพของมิจฉาชีพ แล้วนำบัตรดังกล่าวไปขอเปิดบัญชีเงินฝากและทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ของธนาคารเดียวกันแต่คนละสาขา พร้อมทั้งขอเปิดใช้บริการธนาคารออนไลน์กับทุกบัญชีเงินฝากของเหยื่อ เพื่อโอนเงินทั้งหมดไปที่บัญชีเงินฝากที่เปิดใหม่ แล้วใช้บัตรเอทีเอ็มถอนเงินออกไป

ข้อควรสังเกต

​01​​

เครื่องสกิมเมอร์

มิจฉาชีพจะติดตั้งเครื่องดังกล่าวไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม ดังนั้น มิจฉาชีพมักจะเลือกตู้เอทีเอ็มในบริเวณที่มีคนไม่พลุกพล่าน ง่ายต่อการติดตั้ง