Show โดยทั่วไป การให้การศึกษาเรื่องเพศและสุขศึกษา (PHE) เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ลักษณะเฉพาะของเพศหญิงชาย อารมณ์ และความสัมพันธ์ แต่ประเด็น เพศสภาพ (Gender) กลับไม่ได้รับความสำคัญ หรือถูกกล่าวถึงน้อยมาก แม้กระทั่งในหลักสูตรสุขศึกษาที่มีเนื้อหาครอบคลุมรอบด้าน การให้การศึกษาเรื่องเพศและสุขศึกษา (PHE) ที่ครอบคลุมเนื้อหาเรื่องเพศสภาพที่หลากหลายอย่างชัดเจนมีประโยชน์ต่อนักเรียนทุกคน นอกจากเป็นการแสดงถึงการยอมรับและยืนยันตัวตนของนักเรียนทุกคนแล้ว การรับรู้ถึงการยอมรับและเห็นตัวเองปรากฎหรือเป็นส่วนหนึ่งในเนื้อหาหลักสูตรมีแนวโน้มที่จะช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการเรียน เยาวชนทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้านเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในเรื่องร่างกายและเรื่องสัมพันธภาพที่จะส่งผลดีกับตนเอง นอกเหนือจากการเรียนรู้เพื่อเข้าใจพัฒนาการที่มีลักษณะเฉพาะของตนเองแล้ว ความเข้าใจถึงประสบการณ์ที่แตกต่างหลากหลายที่แต่ละคนต้องเผชิญเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัยรุ่นที่นักเรียนต้องพยายามรับมือและทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งทางร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก การไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาวิชาสุขศึกษาที่ครอบคลุมถึงเรื่องเพศสภาพที่หลากหลายในจังหวะเวลาสำคัญของชีวิตที่คนๆ หนึ่งกำลังค้นหาว่าเราคือใครและจะเชื่อมสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างไร อาจทำให้เยาวชนหลายคนรู้สึกโดดเดี่ยว จากการถูกทำให้รู้สึกและถูกทำให้เชื่อว่าพวกเขาไม่มีที่ทางของตนเองบนโลกใบนี้ ความรู้สึกโดดเดี่ยวและการถูกมองไม่เห็นนี้ เป็นความรู้สึกที่มักเกิดขึ้นกับกลุ่มนักเรียนที่เป็นคนข้ามเพศ หรือมีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้รวมถึงความกดดันที่เกิดจากการถูกตีตราและการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป มีความสัมพันธ์กับผลลัพธ์ที่น่าตระหนกด้านสุขภาวะและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้สามารถป้องกันได้ งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าการสนับสนุนเกื้อกูลของโรงเรียนและครอบครัวที่มีต่อนักเรียนข้ามเพศช่วยบรรเทาความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้น พลังของโรงเรียนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นต่อชีวิตของเยาวชนด้วยการสะท้อนประสบการณ์ของเพศวิถีที่หลากหลายผ่านหลักสูตรและกระบวนการสนับสนุนอื่น ๆ มีมากกว่าที่คาด กล่าวให้ถึงที่สุด การจัดการเรียนรู้เรื่องเพศและสุขศึกษาที่คำนึงถึงเพศสภาพและความหลากหลายทางเพศเป็นการการยืนยันการมีอยู่ของตัวตนสำหรับเยาวชนทุกคน มากกว่านั้น ยังเป็นการช่วยชีวิตสำหรับบางคนอีกด้วย หลักการสำคัญ ๕ ข้อ ของการให้การศึกษาเรื่องเพศที่คำนึงถึงเพศสภาพที่หลากหลาย หลักการต่อไปนี้ เป็นแนวทางในการถ่ายทอดมุมมอง ภาษา และแนวปฏิบัติที่จะสร้างความมั่นใจว่า จะไม่มีนักเรียนคนใดถูกตีตราหรือถูกมองไม่เห็น ในช่วงที่พวกเขาเรียนรู้และเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น หลักการเหล่านี้วางอยู่บนพื้นฐานของการออกแบบที่คำนึงถึงทุกโรงเรียนและทุกชุมชน โดยตระหนักดีว่า การเรียนการสอนเรื่องเพศและสุขศึกษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียน อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเรื่องเพศและสุขศึกษาจะถูกสอนอย่างไร คนหนุ่มสาวทุกวันนี้ต่างเติบโตในยุคสมัยที่เห็นความซับซ้อนของเพศสภาพและเพศวิถีเป็นความจริงของชีวิต ร้อยละ ๕๖ ของเด็กอายุ ๑๓-๒๐ ปี กล่าวว่า พวกเขารู้จักคนที่ใช้สรรพนามที่เป็นกลางทางเพศ เช่น “เขา” และร้อยละ ๗๔ กล่าวว่าพวกเขายอมรับคนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศที่ “ไม่เป็นไปตามบรรทัดฐานเดิมของสังคม (หญิง-ชาย)” ได้มากกว่าความรู้สึกยอมรับได้ในปีที่ผ่านมา นักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น ต่างเติบโตท่ามกลางโลกที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยผ่านพบประสบการณ์ตรงจากครอบครัว วัฒนธรรมที่เป็นกระแสนิยม สังคมออนไลน์ และกลุ่มเพื่อน การให้การศึกษาเรื่องเพศที่คำนึงถึงเพศสภาพที่หลากหลาย (PHE) จึงให้ความสำคัญกับพัฒนาการของภูมิทัศน์ในเรื่องเพศสภาพผ่านหลักการ ๕ ข้อที่จะเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกคน ๑. การวางรากฐานความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศสภาพ ๒. การแยกแยะ “แบบแผน” กับ “กฎ” ๓. การให้ความสำคัญกับ สรีรวิทยา มากกว่า เพศสภาพ ๔. การอธิบายถึงพัฒนาการที่หลากหลายในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ๕. การอธิบายถึงครอบครัวที่มีความแตกต่างหลากหลาย หลักการสำคัญห้าประการในการจัดการเรียนรู้ในเรื่องเพศและสุขศึกษาที่คำนึงถึงเพศสภาพที่หลากหลาย ได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในโรงเรียนหลายแห่งแล้ว และเป็นแนวทางสำหรับโรงเรียนหรือครูที่ต้องการ “เปิดโอกาส” ให้ประสบการณ์ของนักเรียนทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน ผลลัพธ์ของการเรียนรู้แบบนี้ คือ การมี “สุขภาวะที่ดี” ขึ้นของนักเรียน และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนที่จะเติบโตและใช้ชีวิตในโลกที่มีความหลากหลายที่รอพวกเขาอยู่ หมายเหตุ การเรียนวิชาเพศวิถีศึกษามีประโยชน์อย่างไรบ้าง1. การจัดการเรียนรู้เพศวิถีศึกษา ช่วยส่งเสริมให้คนในชุมชนและสังคมเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศ ของสมาชิกในชุมชนและสังคมที่มีความแตกต่างกัน 2. ก่อให้เกิดการยอมรับ และเคารพในสิทธิส่วนบุคคล ของสมาชิกในสังคมที่มีอัตลักษณ์ทางเพศและเพศวิถีที่ แตกต่างกัน
นักเรียนคิดว่าการเรียนวิชาเพศวิถีศึกษามีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไรยึดหลักสิทธิมนุษยชน: เพศวิถีศึกษาช่วยต่อยอดและส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสากล ซึ่งรวมถึงสิทธิของเด็กและเยาวชนและสิทธิของมนุษย์ทุกคนในการมีสุขภาพ การได้รับการศึกษา และการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติ ดังนั้น การสอนเพศวิถีศึกษาตามแนวทางสิทธิมนุษยชนจึงช่วยเพิ่มความตระหนักให้เยาวชนได้รู้จักสิทธิ ...
ได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการศึกษาเรื่อง เพศวิถีศึกษา โดยบอกมาอย่างน้อย 3 ข้อ....1. แสดงความรู้เกี่ยวกับสุขอนามัย ของระบบสืบพันธุ์ พัฒนาการ ทางเพศในวัยรุ่น 2. ทักษะด้านการจัดการเรื่อง สัมพันธภาพระหว่างบุคคล ทักษะการตัดสินใจ 3. วิเคราะห์อิทธิพลทางสังคม ที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศ 4. แสดงความรู้การป้องกัน การรับเชื้อเอชไอวี 5. ปฏิบัติโครงงานเกี่ยวกับ เป้าหมาย และแนวปฏิบัติ ในการดำาเนินชีวิตที่มีสุขภาวะ
ทำไมเราต้องเรียนเพศศึกษาดังนั้นการให้ความรู้ทางเพศศึกษาที่ถูกต้อง จะเป็นการปิดกั้นโอกาสในการเบี่ยงเบนทางเพศ และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งป้องกันปัญหาที่จะเกิดจากความไม่สมดุลของความต้องการทางเพศในชีวิตคู่อีกด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
|