การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมด้านจิตสาธารณะกับบุคคลต่างๆ ให้มีความรับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคมหรือสาธารณะ จะเป็นการสร้างพฤติกรรมคุณธรรมจริยธรรม ให้เกิดขึ้นกับบุคคล โดยทั่วไป โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน รวมทั้ง ประชาชนทั่วไป สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจาก ภายในกายของคน “จิตสาธารณะ” เป็นความสำคัญในการปลูกจิตสำนึกให้ผู้คนรู้จัก การ เสียสละ การร่วมแรงร่วมใจร่วมมือในการทำประโยชน์เพื่อสังคมและส่วนรวม อีกทั้งจะช่วยลด ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองและสังคม การช่วยกันพัฒนาคุณภาพชีวิต อันจะเป็นหลักการในการดำเนินชีวิต เป็นการแก้ปัญหาและสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขกับสังคมอย่างได้ผลเป็นเชิงประจักษ์ได้ ดังนั้นพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545 หมวด 1 บททั่วไปที่ว่าด้วยความมุ่งหมายและหลักการ มาตราที่ 7 ได้แสดงถึงความพยายามที่จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคน ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ว่า ในกระบวนการเรียนรู้ต้อง มุ่งปลูกจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิหน้าที่เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศ์รีความเป็นมนุษย์มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้รักษา ผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติรวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จักพึ่งตนเอง มีความริเริ่มสร้างสรรค์ใฝ่รู้และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ บนพื้นฐานความเชื่อว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ Show วัยเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 8 ปีเป็นระยะที่สำคัญ ที่สุดของการพัฒนาการทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์จิตใจ สังคม และบุคลิกภาพ เป็นวัย ที่เรียกว่าช่วงแห่งพลังการเจริญเติบโตงอกงามสำหรับชีวิต แนวความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากการมองเด็กในทัศนะของการที่เด็กมีพัฒนาการด้านต่างๆ แตกต่างจากเด็กวัยอื่นๆ ในช่วงชีวิตของความเป็นมนุษย์ดังนั้นแนวทางในการจัดกิจกรรม เพื่อพัฒนาจิตสำานึกสาธารณะสำาหรับเยาวชน เป็นแนวทางที่หลากหลายเน้นกระบวนการของการ จัดกิจกรรมเพื่อปลูกฝังการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ภายใต้เงื่อนไขปฏิรูปการศึกษาพัฒนา คุณภาพสื่อ ร่วมมือกันทำงาน และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมเป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้อย่างหนึ่งของเยาวชน สรุปว่าการสร้างจิตสาธารณะ มี 4 ขั้นตอน คือ
ในภาพรวมประเทศต้องพยายามสร้างให้ประชาชนเป็น คนดี ที่เก่ง รอบรู้ มีสุขภาพดี คนดี คือคนที่เห็นแก่ส่วนรวม มีจิตอาสา มีเหตุผล อยากช่วยผู้อื่น ฯลฯ การจะเป็นคนดีได้ต้องมีการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก โดยบิดา มารดา ครู สังคม ฯลฯ ให้มีการสอนเรื่องจิตอาสา การทำประโยชน์ให้ส่วนรวมในทุกโรงเรียน ในสังคม ชุมชน เพื่อปลุกระดมจิตวิญญาณอาสาสมัครให้เกิดขึ้นในสังคมไทยในวงกว้างอย่างยั่งยืน ทั้งในและนอกระบบ ต้องมีบุคคลตัวอย่างที่ดี เช่น บิดา มารดา ครู ผู้นำประเทศ นักกีฬา นักดนตรี นักแสดง ฯลฯ มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมจิตอาสาดีๆ ต่างๆ ให้ประชาชน เด็ก เยาวชนเห็น เช่น เมื่อมีการรณรงค์การบริจาคโลหิต อวัยวะ การไปทำความสะอาดวัด ชุมชน สร้างห้องสมุด ทาสีโรงเรียน ฯลฯ ทางสื่อมวลชน วิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวี ฯลฯ ตลอดเวลา มีการยกย่อง ให้รางวัล แก่ผู้มีจิตอาสา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปทราบถึงการมีจิตอาสา กระทำความดี ซึมซับเข้าไปในสมอง รวมทั้งความสุขที่เกิดขึ้นต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ ซึ่งการมีจิตสาธารณะนี้หากเราเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก ก็จะทำให้เด็กสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคมได้ดี โดยพ่อแม่ผู้ปกครองสามารถฝึกให้เด็กเริ่มเรียนรู้จากการมีระเบียบวินัย รับผิดชอบต่อตนเอง เรียกว่าเริ่มกันตั้งแต่สิ่งเล็กน้อยใกล้ๆ ตัว ทำให้เด็กค่อยๆ รู้จักการเรียนรู้จากสิ่งที่เรียกว่ากฎของธรรมชาติการอยู่ร่วมกันที่ผ่านการสอนและฝึกฝนมาจากตนเองและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ที่สำคัญพ่อแม่ผู้ปกครองควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็กด้วย ก็จะทำให้เด็กเหล่านี้โตขึ้นมากลายเป็นผู้มีจิตสาธารณะของสังคมนั่นเอง สังคมไทยในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตเพิ่มมากขึ้น ผู้คนก็ยึดติดวัตถุนิยมอย่างมากเสียจนบางครั้งเราลืมให้ความสำคัญในด้านจิตใจ ด้วยสาเหตุนี้เองจึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมามากมาย ซึ่งเราก็ได้พบเห็น อยู่บ่อยๆ เช่น การทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลอง ปัญหาเรื่องยาเสพติด ฯ ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดจิตสำนึกที่ดีทั้งต่อตนเองและส่วนรวม ดังนั้นการปลูกฝังให้คนมีจิตสำนึกที่ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ การปลูกฝังจิตสำนึกในที่นี้คือ การปลูกฝังจิตใจให้มีความรับผิดชอบ รู้จักเสียสละ ทั้งต่อตนเองและส่วนรวม หรือเรียกง่ายๆ ว่า การสร้างจิตสาธารณะ ความหมายของ จิตสาธารณะนั้น ได้มีหลายท่านให้ความหมายไว้มากมาย สรุปใจความสำคัญได้ว่า จิตสาธารณะ หมายถึง จิตสำนึกที่ดีในการรู้จักหน้าที่ ความรับผิดชอบ เสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ยึดมั่นทั้งในด้านคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ลักษณะของผู้ที่มีจิตสาธารณะ จะต้องเป็น ผู้ที่ให้และคอยช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนด้วยความเต็มใจ ไม่หวังผลตอบแทน ไม่เห็นแก่ตัว เข้าใจผู้อื่น ไม่เป็นคนใจแคบ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น แนวทางการสร้างจิตสาธารณะ เป็นการสร้างความรับผิดชอบในตัวเอง หากเราขาดหรือบกพร่อง ก็จะส่งผลกระทบเกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย การสร้างจิตสาธารณะสามารถทำได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากตัวเราก่อน ดังนี้
นอกจากการสร้างจิตสาธารณะแล้วเรายังจำเป็นต้องมีการพัฒนาจิตสาธารณะด้วย ซึ่งต้องเริ่มต้นจากเด็ก โดยเราควรปลูกฝังให้เขาได้มีความรู้ ความเข้าใจ และนึกถึงความสำคัญของการมีจิตสาธารณะ คอยชี้แนะในสิ่งที่ถูกที่ควร นอกจากการปลูกฝังให้เด็กมีจิตสาธารณะแล้ว ควรปลูกฝังให้เด็กมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบในหน้าที่ รู้จักการเสียสละ การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ครูหรือผู้ใหญ่ต้องเป็นอย่างที่ดีให้กับเด็กด้วย เพื่อที่เด็กจะได้ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม betflik123 ผู้มีจิตสาธารณะมีอะไรบ้างผู้ที่มีจิตสาธารณะ คือ ผู้ที่มีลักษณะเป็นผู้ให้และช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความสุขส่วนตนเพื่อทําประโยชน์แก่ส่วนรวม เข้าใจ เห็นใจผู้ที่มี ความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยแรงกาย Page 3 สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ 9 สติปัญญา ลงมือปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาหรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงาม ให้เกิดในชุมชน ...
บุคคลที่มีจิตสาธารณะมีลักษณะอย่างไรความหมายของจิตสาธารณะ ราชบัณฑิตยสภา ได้ให้ความหมายของจิตส านึกทางสังคม หรือจิตสาธารณะว่า คือการตระหนักรู้และค านึงถึง ส่วนรวมร่วมกัน หรือการคานึงถึงผู้อื่นที่ร่วมสัมพันธ์เป็นกลุ่มเดียวกัน
วิธีปฏิบัติตนเป็นผู้มีจิตสาธารณะให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมมีอะไรบ้างี้ 1. สร้างวินัยในตนเอง ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในระบบประชาธิปไตย รู้ถึงขอบเขตของสิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคม 2. ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ตระหนักเสมอว่าตนเอง คือส่วนหนึงของสังคมต้องมีความรับผิดชอบ ในการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องของส่วนรวม ทั้งต่อประเทศชาติ และโลกใบนี้
ความสำคัญของจิตสาธารณะมีอะไรบ้าง– ทำให้เราเป็นคนที่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้เป็นอย่างดี และปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ดี – ทำให้เป็นที่รักใคร่จากผู้คนรอบข้าง และได้รับความเมตตา – ทำให้เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว คิดถึงส่วนรวมเป็นหลักมากกว่าประโยชน์ส่วนตน – ทำให้เป็นคนเข้าใจผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
|