เปิด เครื่องฟอกอากาศ แล้ว แอร์ ไม่ เย็น

แอร์ไม่เย็น แก้เองได้ยังไม่ต้อง หาช่าง อาจแค่ต้องถอดกรองมาล้าง

ปัญหาหนึ่งที่อาจเกิดในบ้านของคนที่ใช้งานเครื่องปรับอากาศ ที่มักจะต้องเจอและเป็นเรื่องที่น่ากลุ้มก็คือ ปัญหาแอร์ไม่เย็น ! เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ สำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเราแล้วมันช่วยให้อากาศเย็นสบายน่าอยู่ แต่หากว่ามันทำให้อากาศภายในบ้านเย็นไม่ได้ มันย่อมเป็นปัญหา เพราะมันไม่ทำงานตามที่เราต้องการได้ ซึ่งเรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็คงต้องพยายาม หาช่าง ที่เป็น ช่างแอร์ มาทำงานให้ แต่อย่างไรก็ตามอาการแอร์ไม่เย็นเราอาจแก้ไขเองได้ในบางสาเหตุ และหนึ่งในนั้นก็คือ ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากกรอง หรือ ฟิลเตอร์แอร์

แอร์ไม่เย็นเพราะปัญหาที่มาจากฟิลเตอร์ หรือกรองอากาศ เป็นเรื่องที่พบบ่อยมากและเป็นอาการประเภทเส้นผมบังภูเขา คือ มันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วลืมใส่ใจ ตัวกรองอากาศนี้มันมีหน้าที่ในการดักจับฝุ่นละอองสิ่งสกปรกในอากาศไม่ให้ปนออกมากับลมเย็นจากเครื่อง ดังนั้นเมื่อใช้งานไปนานๆ ฝุ่นผงก็จะสะสมอยู่ที่ตัวแผ่นกรองหนาขึ้นเรื่อยๆ และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น เพราะฝุ่นมันขวางทำให้ลมเย็นออกมาจากเครื่องไม่สะดวก บางคนไม่ทราบก็พยายามไปเร่งพัดลมให้แรงขึ้นหรือปรับอุณหภูมิให้ต่ำลง แต่นั่นเป็นการเพิ่มภาระให้เครื่องและค่าไฟโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเครื่องมันทำงานเต็มที่แต่ลมเย็นออกมาไม่ได้เท่านั้น ! และมันเป็นเรื่องที่เราควรจัดการเป็นอันดับต้นๆ เมื่อแอร์ที่บ้านมีอาการไม่ค่อยเย็น

วิธีการแก้ไขปัญหาแอร์ไม่เย็นเนื่องจากกรอง เราสามารถทำเองได้ไม่ต้องรอ หาช่าง ที่เป็น ช่างแอร์ มาจัดการให้...

1. ทำการปิดเบรกเกอร์ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องปรับอากาศเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน เรื่องนี้ไม่ควรละเลยต้องทำทุกครั้งที่เราจะทำงานกับเครื่องใช้ไฟฟ้า

2. เปิดหน้ากากของเครื่องปรับอากาศขึ้น ด้านในเราจะพบแผ่นกรองอากาศ หรือฟิลเตอร์ติดตั้งอยู่ภายใน มีลักษณะเป็นแผ่นที่มีผ้าตาข่ายโปร่งติดอยู่

3. ค่อยๆ ทำการแกะเอาแผ่นกรองออกมาจากเครื่อง ควรทำช้าๆ เพราะมันเต็มไปด้วยฝุ่น เวลาทำงานทางที่ดีควรใส่หน้ากากกันฝุ่นปิดจมูกเอาไว้ด้วยจะดีที่สุด และนอกจากแผ่นกรองด้านบนยังมีไส้กรองมีลักษณะเป็นชิ้นเล็กๆ อยู่ด้านบนอีกชิ้น อันนี้ก็ควรถอดมาทำความสะอาด พร้อมกันด้วย

4. การทำความสะอาดฟิลเตอร์และไส้กรองทำได้ไม่ยาก ใช้น้ำฉีดและใช้แปรงขัดเบาๆ ก็สามารถทำความสะอาดได้แล้ว

5. จากนั้นไหนๆ ก็เปิดหน้ากากถอดฟิลเตอร์ถอดไส้กรองออกมาแล้ว ก็จัดการทำความสะอาดคอยล์เย็น หรือตัว Evaporator ไปด้วยเลย ตัวคอยล์เย็นนี้อยู่ด้านหลังของแผ่นกรองมีลักษณะเป็นแผ่นครีบดูด้านหน้าเหมือนเป็นซี่ถี่ๆ ทำจากโลหะบางๆ ข้อควรจำก็คือ อย่าเอามือไปกดไปรูดเล่น เพราะจะทำให้แผ่นครีบเสียหาย การทำความสะอาดคอยเย็นด้วยตัวเอง เราทำได้ด้วยการใช้แปรงสีฟันเก่า ปัดเอาฝุ่นออก ให้ปัดลงในแนวตั้งตามแผ่นครีบเท่านั้นและต้องทำอย่างแผ่วเบาเพื่อป้องกันแผ่นครีบเสียหาย จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตามแนวตั้งของแผ่นครีบอีกครั้งเพื่อให้ฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ออกไปให้มากที่สุด

6. ใช้ที่ฉีดน้ำสำหรับรีดละอองน้ำเพื่อรีดผ้า ฉีดน้ำเข้าไปในแผ่นครีบของคอยล์เย็น และไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะหกเรี่ยราด เนื่องจากใต้คอยล์เย็นจะมีถาดรับน้ำรองอยู่ จากนั้นใช้สเปรย์โฟมสำหรับทำความสะอาดแอร์ฉีดลงไปตรงแผ่นครีบ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้มันทำความสะอาด เสร็จแล้วฉีดละอองน้ำสะอาดเข้าไปอีกครั้งเป็นการล้างอีกที (ข้อควรระวังอย่าให้โดยบริเวณที่เป็นแผงวงจรไฟฟ้าเด็ดขาด ! เพราะทำให้เครื่องชำรุดเสียหายได้)

7. จากนั้นก็ประกอบชิ้นส่วนที่ถอดออกคืนที่เดิม สามารถเริ่มใช้งานได้

นี่เป็นวิธีการจัดการปัญหาแอร์ไม่เย็นภายในบ้านด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ลองดูว่าแอร์เย็นขึ้นหรือไม่ หากยังไม่เย็น แปลว่าปัญหาเกิดจากเรื่องอื่น ซึ่งกรณีนี้ต้อง เรียกช่าง ที่มีประสบการณ์มาจัดการให้แล้ว และในกรณีที่คุณ ต้องการช่าง สามารถมา หาช่าง ได้ที่ houzzMate.com แหล่งรวมช่าง ที่มีช่างใกล้บ้านที่พร้อมไปช่วยเหลือคุณ หรือหากอยากหาความรู้เพิ่มเติม หาวิธีการทำงานช่างเพื่อซ่อมแซมแก้ไขด้วยตัวเอง อยากหาไอเดียความรู้เกี่ยวกับงานช่างใหม่ๆ หรือ มีไอเดียความรู้ดีๆ อยากแบ่งปัน ตลอดจนทักษะงาน DIY สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติม หรือเล่าแบ่งปันไอเดียของคุณได้ที่ บอร์ดไอเดีย

เปิด เครื่องฟอกอากาศ แล้ว แอร์ ไม่ เย็น

#แอร์ไม่เย็น #หาช่าง #ต้องการช่าง #เรียกช่า. #หาช่างแอร์

เปิด เครื่องฟอกอากาศ แล้ว แอร์ ไม่ เย็น

❄️❄️ แอร์รถยนต์นับเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ เรียกได้ว่าหากไม่มีแอร์รถยนต์หรือแอร์ในรถไม่เย็นแล้วละก็ การเดินทางการใช้งานรถยนต์ของเรานั้นน่าจะทำให้หงุดหงิดเป็นอย่างมาก เพราะด้วยอากาศที่ร้อนในบ้านเรา แอร์รถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรต้องหมั่นสังเกตและตรวจเช็คความผิดปกติอยู่เป็นประจำ เพื่อให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

วิธีการง่ายๆ ในการตรวจเช็คแอร์รถยนต์ของเรานั้น เพียงการเปิดแอร์ในรถตามปกติ หรืออาจจะปรับระดับพัดลมที่ประมาณระดับความแรงที่ 3 (ไม่ปรับระดับที่แรงสูงสุด) โดยระดับความเย็นปกติไม่เกินลูกศรชี้ 12 นาฬิกา หากเป็นระบบอัตโนมัติ ก็ให้เปิดแอร์ในระดับความเย็นปกติ 23-25 องศา จากนั้นให้ใช้มืออังที่บริเวณช่องปรับอากาศว่ารู้สึกถึงความเย็นหรือไม่ สังเกตดูว่าในแต่ละช่องปรับอากาศภายในรถมีช่องใดช่องหนึ่งผิดปกติหรือไม่ หากพบว่าแอร์ไม่เย็นอาจเกิดปัญหาที่ตัวน้ำยาแอร์ก็เป็นได้ หรือในรถบางรุ่นที่มีฮีตเตอร์ควรตรวจเช็คให้ดีว่าคุณได้เปิดให้ช่องปรับอากาศนั้นๆปล่อยความเย็นหรือความร้อนออกมา

⁉️ แล้วมีสาเหตุอะไรบ้าง? ที่ทำให้แอร์รถไม่เย็น
1. พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น พัดลมแอร์รถอาจจะเสีย รังผึ้งสกปรกมากเกินไป หรือมีอุณหภูมิสูงเกินไป

2. น้ำยาแอร์ขาด สามารถสังเกตได้ที่บริเวณไดเออร์ที่มีลักษณะคล้ายตาแมว เพื่อดูระดับของน้ำยาแอร์ได้ โดยเมื่อเปิดการทำงานกดปุ่ม A/C แล้ว จะเห็นการไหลของน้ำยาแอร์ แสดงว่ายังปกติ แต่หากไม่พบแสดงว่าน้ำยาแอร์หมดแล้วนั้นเอง

3. คอยล์เย็นรั่ว อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แอร์รถไม่เย็น ส่งผลทำให้น้ำยาแอร์รั่ว การแก้ไขจึงต้องเปลี่ยนคอยล์เย็นใหม่

4. ท่อต่างๆ เกิดการรั่วซึม โดยเฉพาะท่อน้ำยาแอร์ นับเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้แอร์รถไม่เย็น หรือเย็นผิดปกติไปจากเคย เราจึงต้องหมั่นสังเกตรอยรั่วของท่อต่างๆ อยู่เสมอ

5. คอมเพรสเซอร์แอร์แบบลูกสูบเสื่อม หรือหมดอายุ ส่งผลทำให้กำลังอัดลดลง น้ำยาแอร์วิ่งได้ไม่เต็มที่ จนทำให้แอร์รถไม่เย็นเหมือนเดิมได้

6. ชุดวาล์วหรือชุดไดเออร์อุดตัน สังเกตได้จากการไหลของระดับน้ำยาแอร์ เมื่อผิดปกติจะพบว่าเกิดฟอง หรือมัวๆ ขึ้นที่จุดนี้

7. หน้าคลัตช์จับไม่สนิทหรือหน้าคลัตช์ลื่น อาจมีสาเหตุมาจากระบบไฟฟ้าทำงานได้ไม่สมบูรณ์ หรือแผ่นหน้าคลัตช์ที่ไม่เรียบนั้นเอง

8. สายพานแอร์หย่อน อาจก่อให้เกิดเสียงดังได้ เราจึงควรต้องตรวจเช็คจุดต่างๆ โดยรอบ เช่นจุดยืดคอมเพรสเซอร์แอร์ว่ามีตำแหน่งชำรุดหรือไม่ด้วย และเมื่อพบความผิดปกติควรรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด

วิธีถนอมแอร์รถยนต์
1. สตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนแล้วจึงค่อยเปิดแอร์ นับเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยถนอมระบบแอร์โดยเฉพาะคอมเพรสเซอร์ หากแต่ว่ารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เป็นระบบ AUTO ก็สามารถที่จะเปิดการทำงานแบบอัตโนมัติได้เลย เป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถในแต่ละรุ่น ซึ่งสามารถที่จะเปิดระบบปรับอากาศอัตโนมัติไว้ได้เลยไม่ต้องคอยเปิด-ปิด

2. ปรับระดับของพัดลมและความเย็นให้สัมพันธ์กันในรุ่นแอร์ปกติไม่ใช่ระบบ AUTO ซึ่งหากปรับระดับพัดลมต่ำ แต่น้ำยาแอร์สูง จะสังเกตเห็นได้ว่ามีไอเย็นออกมา ซึ่งอาจส่งผลทำให้ระบบแอร์เป็นน้ำแข็งภายใน นำไปสู่ความเสียหายของแอร์ในรถได้

3. ปิดกระจกให้สนิทลดภาระในการทำงานหนักของระบบแอร์ และอาจก่อให้เกิดไอน้ำขึ้นในช่องแอร์ได้

4. ปิดสวิทซ์ A/C ก่อนดับเครื่องยนต์จอดรถประมาณ 3 นาที พร้อมกับการเปิดระดับพัดลมแรงสุด เพื่อเป็นการไล่น้ำในช่องแอร์นั้นเอง

การทำความสะอาดล้างแอร์รถยนต์ เป็นการล้างแอร์เพื่อเอาสิ่งสกปรกต่างๆ ในระบบออก สามารถแบ่งออกเป็น 2 วิธีการหลักๆ ได้ดังนี้
1. ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้แอร์ จะเป็นการตรวจสอบเข้าไปหลังแผงคอยล์เย็นด้วยกล้อง จากนั้นจะใช้ท่อแรงดันสูงฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาดคราบสกปรกต่างๆ ให้หลุดออกจากแผง หลังจากนั้นจะมีการใช้น้ำยาทำความสะอาดฉีดเข้าไปทิ้งไว้เพื่อละลายคราบสกปรก และต่อด้วยการฉีดล้างออกมาอีกครั้ง ระดับความสะอาดจะน้อยกว่าแบบถอดตู้แอร์ แต่ใช้เวลาสั้น ค่าใช้จ่ายถูกกว่า และค่อนข้างสะดวกกว่า

2. ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้แอร์ เป็นวิธีการที่สามารถล้างแอร์ได้สะอาดที่สุด แต่ต้องมีการรื้อชิ้นส่วนต่างๆ ในรถ รวมไปถึงคอนโซลหน้ารถออกมา จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้บริการร้านที่น่าเชื่อถือและมีประสบการณ์ เพราะการรื้อคอนโซลอย่างไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นได้

⭕️ แอร์รถจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม และเราควรต้องหมั่นสังเกตและดูแลแอร์รถยนต์อยู่เสมอ รวมไปถึงการเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 6 เดือน และควรล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการบำรุงรักษาและทำความสะอาดระบบแอร์ให้พร้อมใช้งาน ช่วยลดความเสี่ยงที่แอร์รถจะไม่เย็นได้ ซึ่งเราอาจเพิ่มอากาศที่บริสุทธิ์ภายในห้องโดยสารได้ด้วยการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในรถเข้าไปเพิ่มเติม

//ขอบคุณข้อมูลจาก autodeft.com //