ถ้าต้องการทราบว่าของเหลวสีน้ำเงินชนิดหนึ่งเป็นสารเนื้อเดียวหรือสารเนื้อผสม

กิจกรรม เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม
1 ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร
(การแยกสารเนื้อผสม มีวิธีการอย่างไร)
2 ลักษณะภายนอกของผงถ่าน และเกลือแกงเป็นอย่างไร
(ผงถ่านเป็นของแข็ง   ผงละเอียดสีดำ ไม่ละลายน้ำ 
ส่วนเกลือแกงเป็นผงสีขาว ทรงสี่เหลี่ยม ละลายน้ำได้ดี)
3 มีข้อควรระวังอย่างไรในการกรองสารด้วยกระดาษกรอง
(ใช้น้ำสะอาดราดบนกระดาษกรองให้เปียกก่อนกรอง
และไม่ใช้แท่งแก้วคนสารในกระดาษกรอง)
4 นักเรียนคิดว่าเมื่อนำสารหมายเลข 1 ผสมน้ำแล้วกรองด้วยกระดาษกรอง
ผลจะเป็นอย่างไร 
(สารหมายเลข 1 ส่วนที่เป็นผงสีดำติดบนกระดาษกรอง)
5 ถ้านำของเหลวที่ได้จากการกรองมาต้มจนแห้ง ผลจะเป็นอย่างไร 
(มีสารสีขาวติดที่ก้นถ้วยกระเบื้อง)
1 ผลการทดลองเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้หรือไม่ อย่างไร
(สอดคล้องกับสมมุติฐาน คือ สารสีดำติดบนกระดาษกรอง ส่วนสิ่งที่เหลือในถ้วยกระเบื้องเป็นสารสีขาว)
2 สารหมายเลข 1 จัดเป็นสารประเภทใด เพราะเหตุใด
(เป็นสารเนื้อผสม เพราะมองดู ไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน)
3 องค์ประกอบแต่ละอย่างของสารหมายเลข 1 มีสมบัติเหมือนกัน 
หรือต่างกันอย่างไร ทราบได้อย่างไร 
(มีสถานะเป็นของแข็งเหมือนกัน แต่มีบางส่วนแตกต่างกัน คือ
มีบางส่วนสีดำ บางส่วนสีขาว และการละลายน้ำก็แตกต่างกัน 
ของแข็งสีขาวละลายน้ำ แต่ของแข็งสีดำ ไม่ละลายน้ำ 
ทราบได้จากการสังเกตด้วยตา และการทดลองการละลายน้ำ)
4 การกรองมีความหมายอย่างไร
(การกรอง หมายถึง วิธีการแยกสารที่เป็นของแข็ง  ออกจากของเหลว
สารที่ไม่ละลายน้ำจึงติดค้างที่กระดาษกรอง)

1. จงยกตัวอย่างสารเนื้อผสมชนิดอื่นที่สามารถแยกองค์ประกอบได้ด้วยวิธีการกรอง
(ตัวอย่างคำตอบ ลูกเหม็นผสมกับเกลือ เกลือผสมกับกำมะถัน)
2 ในชีวิตประจำวันนักเรียนใช้วิธีการกรองแยกสารในเหตุการณ์ใดบ้าง 
(การแยกกากมะพร้าวกับน้ำกะทิ การกรองน้ำดื่ม)

กิจกรรมที่ 4.2 เรื่อง การแยกผงชอล์กกับการบูร
1 ปัญ­หาของการทดลองนี้คืออะไร 
(การแยกผงชอล์กออกจากการบูรทำได้อย่างไร)
2 ก่อนเผาสารหมายเลข 2 มีลักษณะอย่างไร
(เป็นของแข็งสีขาว ผงละเอียดสีขาวปนกับสีขาวใส มีกลิ่นหอม)
3 ให้นักเรียนคาดคะเนว่าหลังเผามีอะไรเกิดขึ้นที่บีกเกอร์และถ้วยกระเบื้อง

(ตัวอย่างคำตอบ การแยกลูกเหม็นออกจากเกลือแกง การแยกผงไอโอดีนออกจากน้ำตาลทราย)

ทำกิจกรรมที่ 4.3 เรื่อง การแยกผงถ่านและผงตะไบเหล็ก
1 ปั­ญหาของการทดลองนี้คืออะไร
(จะมีวิธีการแยกสารเนื้อผสมระหว่างผงถ่านและผงตะไบเหล็กได้อย่างไร)
2 ถ้าทำการทดลองแยกสารเนื้อผสมซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เปรียบเทียบกับทำเพียงครั้งเดียว 
ผลการทดลองจะเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร 
(ไม่เหมือนกัน คือ แยกซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จะได้สารที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น)
3 นักเรียนคิดว่า เมื่อใช้แท่งแม่เหล็กถูบนกระดาษขาวซึ่งข้างใต้มีสารเนื้อผสม
ระหว่างสารสีดำกับสารสีดำมันวาว ผลจะเป็นอย่างไร 
(แม่เหล็กดูดเฉพาะสารสีดำมันวาว)

1 ผลการทดลองสอดคล้องกับที่นักเรียนคาดคะเนไว้ก่อนทดลองหรือไม่ อย่างไร 
(สอดคล้อง คือ สารสีดำมันวาวเท่านั้นที่ถูกดูดด้วยแท่งแม่เหล็ก)
2 องค์ประกอบแต่ละชนิดของสารหมายเลข 3 มีสมบัติเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ทราบได้อย่างไร
(เป็นของแข็งเหมือนกัน แต่มีสมบัติต่างกัน คือ สี บางส่วนสีดำ

บางส่วนสีดำมันวาว และการถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็กต่างกัน 

สารสีดำมันวาวถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็ก   ส่วนสารสีดำไม่ถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็ก)

3 สารหมายเลข 3 จัดเป็นสารประเภทใด เพราะเหตุใด 

(จัดเป็นสารเนื้อผสม เพราะเนื้อสารไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน)

4 สารหมายเลข 3 มีอะไรเป็นส่วนประกอบ 

(สารสีดำมันวาว คือ ผงตะไบเหล็ก  สารสีดำสนิท คือ ผงถ่าน)

5 สรุปผลการทดลองได้อย่างไร 

(สารเนื้อผสมที่มีผงตะไบเหล็กเป็นองค์ประกอบสามารถทำการแยก

สารเนื้อผสมออกได้โดยใช้อำนาจแม่เหล็ก)

6  แม่เหล็กและสารแม่เหล็ก มีความหมายว่าอย่างไร 

(แม่เหล็ก หมายถึง สารในสถานะของแข็ง มีสมบัติดูดโลหะบางชนิดได้

สารแม่เหล็ก หมายถึง สารที่มีสมบัติถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็ก)

1 เมื่อผงถ่านกับผงตะไบเหล็ก ซึ่งมีสีเหมือนกันผสมปนกัน 
นักเรียนจะแยกสารทั้งสองออกจากกันได้อย่างไร
(ใช้อำนาจแม่เหล็ก เพราะแม่เหล็กสามารถดูดผงตะไบเหล็กได้)


วิธีการแยกสารเนื้อผสมโดยวิธีการกรอง การระเหิด และการใช้อำนาจแม่เหล็กแล้ว
ยังมีวิธีใดอีกบ้าง 
(การแยกสารด้วยวิธีการตกตะกอน การใช้กรวยแยก การสกัดด้วยตัวทำละลาย

และการหยิบออกหรือเขี่ยออก)

2  การแยกสารด้วยวิธีการตกตะกอน มีหลักการอย่างไร

(ใช้แยกสารที่ประกอบด้วยของแข็งผสมกับของเหลวโดยของแข็งไม่ละลายในของเหลว)

3  การแยกสารด้วยวิธีการใช้กรวยแยก มีหลักการอย่างไร

(ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมที่ประกอบด้วยของเหลวกับของเหลว

แต่ไม่ละลายกัน โดยจะแยกเป็นชั้น ๆ)

1 วิธีแยกสารด้วยการตกตะกอน และการใช้กรวยแยก เหมาะสมที่
จะใช้แยกสารที่มีสมบัติอย่างไร  

ถ้าต้องการทราบว่าของเหลวสีน้ำเงินชนิดหนึ่งเป็นสารเนื้อเดียวหรือสารเนื้อผสม










 แผนภาพเปรียบเทียบ ความเหมือนและความแตกต่างของการแยกสาร
                  ระหว่างวิธีการตกตะกอนกับการใช้กรวยแยก)


1    วิธีการแยกสารเนื้อผสมโดยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย มีหลักการอย่างไร

(การแยกสารด้วยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย 

เป็นวิธีการที่ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งชนิดต่าง ๆ 

โดยของแข็งแต่ละชนิดละลายในตัวทำละลายต่างชนิดกัน)

2 การแยกสารเนื้อผสมด้วยวิธีการหยิบหรือเขี่ยออกมีหลักการอย่างไร

(การแยกสารด้วยวิธีการหยิบออกหรือเขี่ยออก 

เป็นวิธีที่ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งกับของแข็ง

ที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน)

1 วิธีแยกสารด้วยการสกัดด้วยตัวทำละลาย และการหยิบออกหรือเขี่ยออก 

เหมาะสมที่จะใช้แยกสารที่มีสมบัติอย่างไร  

(การแยกสารด้วยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็นวิธีการที่ใช้แยกองค์ประกอบของ

สารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งชนิดต่าง ๆ โดยของแข็งแต่ละชนิดละลายในตัวทำละลายต่างชนิดกัน

การแยกสารด้วยวิธีการหยิบออกหรือเขี่ยออก เป็นวิธีที่ใช้แยกองค์ประกอบของ

สารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งกับของแข็งที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน)

ถ้าต้องการทราบว่าของเหลวสีน้ำเงินชนิดหนึ่งเป็นสารเนื้อเดียวหรือสารเนื้อผสม

1 ลักษณะและสมบัติของสารทั้ง 3 ชนิดเป็นอย่างไร นักเรียนจะมีวิธีการใดบ้าง

ที่ใช้ในการแยกส่วนประกอบของสารทั้ง 3 ชนิด

(สารทั้ง 3 ชนิดมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน มีสมบัติเหมือนกันตลอดเนื้อสาร 

และแยกโดยการระเหยแห้ง การกลั่น)

ทำกิจกรรมที่ 4.4 เรื่อง องค์ประกอบของสารเนื้อเดียว

2.1    ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร

(วิธีแยกองค์ประกอบของสารเนื้อเดียวโดย การระเหยแห้งทำได้อย่างไร)

2.2 การทดลองนี้ต้องระวังในเรื่องใด

(ทำเครื่องหมายกำกับหมายเลขสารประจำหลุมของของเหลว

 ไม่ใส่ของเหลวในจานหลุมโลหะมากเกินไป)

 2.3 หลังการต้มสารเนื้อเดียวต่อไปนี้จนแห้ง นักเรียนคาดคะเนผลการทดลองว่าอย่างไร

                              2.3.1 น้ำกลั่น

                             (น้ำระเหยหมด ไม่มีสารใดเหลืออยู่)

                              2.3.2 สารละลายโซเดียมคลอไรด์ 

                             (มีผงของแข็งสีขาวในจานหลุมโลหะน้ำระเหยไป)

                              2.3.3 สารละลายน้ำส้มสายชู 

                             (สารละลายมีกลิ่นฉุน ไม่มีสารใดเหลืออยู่)

1 ผลการทำกิจกรรมเป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ อย่างไร

(เป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานไว้ คือ สารละลายโซเดียมคลอไรด์เท่านั้น

ที่เมื่อต้มแล้วมีของแข็งเหลือติดในจานหลุมโลหะ 

ส่วนน้ำกลั่นและสารละลายน้ำส้มสายชูระเหยไปหมด ไม่มีสารใดเหลือในจานหลุมโลหะ)

2 สมบัติของสารทั้ง 3 ชนิด ก่อนต้มเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร 

(สังเกตด้วยตาพบว่าคล้ายกัน แต่มีกลิ่นต่างกัน)

3 เมื่อต้มสารทั้ง 3 ชนิดแล้วจะให้ผลอย่างไร

(เมื่อต้มน้ำกลั่น น้ำระเหยหมดไม่มีสารใดเหลือ 

ต้มสารละลายโซเดียมคลอไรด์จนระเหยแห้งหมด จะมีสารสีขาวเหลืออยู่

ส่วนต้มสารละลายน้ำส้มสายชู ได้กลิ่นฉุน ของเหลวระเหยหมด ไม่มีสารใดเหลือ)

4 สารละลายโซเดียมคลอไรด์ประกอบด้วยสารใดบ้าง 

(น้ำ และโซเดียมคลอไรด์)

5 สารละลายน้ำส้มสายชูประกอบด้วยสารใดบ้าง 

(น้ำ และกรดแอซีติก)

6 สรุปผลการทดลองได้ว่าอย่างไร 

(สารเนื้อเดียวอาจมีสารเพียงชนิดเดียวหรือมีองค์ประกอบเนื้อสารมากกว่าหนึ่งชนิดก็ได้

และสามารถแยกสารเนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบเป็นของแข็งละลายในของเหลว 

โดยการนำไปต้มให้ระเหยจนแห้งได้)

1.1 สารเนื้อเดียวบางชนิดที่ไม่สามารถใช้วิธีการระเหยแห้งได้ 

จะมีวิธีการแยกสารเนื้อเดียวเหล่านั้นได้อย่างไร 

(วิธีโครมาโทกราฟี)

กิจกรรมเรื่อง การแยกสารเนื้อเดียวโดยวิธีโครมาโทกราฟี 

  2.1 ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร 

(การแยกองค์ประกอบของสารเนื้อเดียวโดยใช้วิธีโครมาโทกราฟีทำได้อย่างไร)

2.2 การจุ่มแท่งชอล์กลงในสารละลายน้ำหมึกต้องระวังเรื่องใดบ้าง 

(ควรใช้แท่งชอล์กสีขาว เพราะเมื่อสารที่ซึมขึ้นมามีสีต่าง ๆ จะได้เห็นชัดเจน)

2.3 นักเรียนคิดว่าเมื่อใช้แท่งชอล์กตั้งในสารละลายน้ำหมึก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร 

(สารละลายน้ำหมึกแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ บนแท่งชอล์ก)

1    การทดลองเป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ อย่างไร 

(เป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐาน คือ สารละลายน้ำหมึกสีดำแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ บนแท่งชอล์ก)

2 มีการเปลี่ยนแปลงบนแท่งชอล์กหรือไม่ อย่างไร 

(หมึกสีดำถูกแยกออกเป็นสารสีต่าง ๆ ได้แก่ สีน้ำตาล สีม่วง และสีเขียวบนแท่งชอล์ก)

3 สารในสารละลายน้ำหมึกสีดำที่ใช้ในการทดสอบมีสารรวมกันอย่างน้อยกี่สาร ทราบได้อย่างไร 

(อย่างน้อย 3 สาร ทราบได้จากสีที่ถูกแยกออกมามี 3 สี)

4 สรุปผลการทดลองได้อย่างไร 

(หมึกสีดำซึ่งเป็นสารเนื้อเดียวแยกองค์ประกอบได้อย่างน้อย 3 ชนิด โดยวิธีโครมาโทกราฟี)

1 น้ำหมึกสีดำซึ่งไม่สามารถใช้วิธีการแยกสารด้วยวิธีการระเหยแห้งได้ 

จะมีวิธีการแยกน้ำหมึกสีดำเหล่านั้นได้อย่างไร เพราะเหตุใด 

(ใช้วิธีโครมาโทกราฟี)

กิจกรรมเรื่อง การแยกสารเนื้อเดียวโดยวิธีโครมาโทกราฟี

2.1 ปั­ญหาของการทดลองนี้คืออะไร

(การแยกองค์ประกอบน้ำหมึกสีดำ สามารถแยก  โดยใช้วิธีโครมาโทกราฟีได้อย่างไร)

2.2 การจุ่มกระดาษกรองลงในสารละลายน้ำหมึกต้องระวังเรื่องใดบ้าง 

(จุดสีดำต้องอยู่เหนือระดับน้ำในกล่อง)

  2.3 ให้นักเรียนคาดคะเนผลการทดลองว่า เมื่อใช้กระดาษกรองที่จุดด้วย

สารละลายน้ำหมึกสีดำแล้วจุ่มแถบกระดาษกรองในน้ำกลั่น ผลจะเป็นอย่างไร

(หมึกสีดำแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ ปรากฏบนกระดาษกรอง)

  1 การทดลองเป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ อย่างไร

(เป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐาน คือ หมึกสีดำแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ บนกระดาษกรอง)

2 กระดาษกรองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร 

(หมึกสีดำถูกแยกออกเป็นสารสีต่าง ๆ ได้แก่  สีน้ำตาล สีม่วง และสีเขียวบนกระดาษกรอง)

3 ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนกระดาษกรองและบนแท่งชอล์กเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร 

(เหมือนกัน คือ หมึกสีดำจะถูกแยกออกเป็น 3 แถบสี ได้แก่ สีน้ำตาล สีม่วง และสีเขียว 

เรียงจากล่างขึ้นบนตามลำดับ)

4 สารในสารละลายน้ำหมึกสีดำที่ใช้ในการทดสอบมีสารรวมกันอย่างน้อยกี่สาร ทราบได้อย่างไร

(อย่างน้อย 3 สาร ทราบได้จากสีที่ถูกแยกออกมามี 3 สี)

5 สรุปผลการทดลองได้อย่างไร

(หมึกสีดำซึ่งเป็นสารเนื้อเดียวแยกองค์ประกอบได้ อย่างน้อย 3 ชนิด โดยวิธีโครมาโทกราฟี)

6  ถ้าใช้กระดาษอื่นแทนกระดาษกรอง ผลการทดลองที่ได้จะเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ อย่างไร

(อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งระยะทางที่สารสีต่าง ๆ เคลื่อนที่และความสามารถ

ในการถูกแยกของสารสีต่าง ๆ เนื่องจากตัวดูดซับเป็นกระดาษต่างชนิดกัน)

7 ถ้าใช้ของเหลวอื่น ๆ เช่น แอลกอฮอล์แทนน้ำกลั่น ผลการทดลองที่ได้จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร 

(เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งระยะและการแยกองค์ประกอบของหมึกสีดำ เนื่องจาก

ตัวพาสารให้เคลื่อนที่ไป คือ แอลกอฮอล์ เป็นสารต่างชนิดกันกับน้ำ)

8 โครมาโทกราฟีมีหลักการอย่างไร

(ลำดับองค์ประกอบสารที่ถูกแยก ขึ้นอยู่กับความสามารถในการละลายที่แตกต่างกันขององค์ประกอบ

และความสามารถในการถูกดูดซับขององค์ประกอบ)

9 วิธีโครมาโทกราฟีนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง 

(ตัวอย่างคำตอบ

1. ใช้แยกสารเพื่อตรวจสอบสารว่าเป็นสารชนิดใด เช่น การตรวจสีผสมอาหาร

2. แยกสารเนื้อเดียวที่มีส่วนผสมมากกว่า 1 ชนิดเพื่อให้ได้สารบริสุทธิ์)

1 การกลั่นสามารถแยกองค์ประกอบในน้ำเชื่อมได้หรือไม่ เพราะเหตุใด 

(ได้ เนื่องจากน้ำเชื่อมประกอบด้วยน้ำและน้ำตาลซึ่งมีจุดเดือดต่างกัน

จึงสามารถแยกน้ำออกจากน้ำตาลได้)

2 เมื่อนำน้ำเชื่อมมาแยกองค์ประกอบโดยวิธีการกลั่นจะได้สารใดบ้าง

และอยู่ส่วนใดของอุปกรณ์การกลั่น 

(ได้น้ำและน้ำตาล โดยจะได้ไอน้ำซึ่งผ่านเครื่องควบแน่นเป็นของเหลว 

ในบีกเกอร์และได้น้ำตาลในขวดกลั่น)

3 น้ำมันที่ได้จากการกลั่นตัวที่ระดับล่างและระดับบนของหอกลั่น น้ำมันระดับใด

มีจุดเดือดสูงกว่ากัน เพราะเหตุใด 

(ระดับล่างมีจุดเดือดสูงกว่าเพราะกลั่นตัวทีหลังและร้อนกว่า)

4 เพราะเหตุใดจึงต้องสร้างหอกลั่นปิโตรเลียมให้สูง 

(เพื่อประโยชน์ในการแยกไอน้ำมันแต่ละชนิดออกจากกัน 

อุณหภูมิในหอกลั่นระดับความสูงต่างกันจะไม่เท่ากัน เพราะไอน้ำมัน                     

แต่ละชนิดกลั่นตัวที่อุณหภูมิต่างกัน)

5 การระเหยแห้งกับการกลั่นมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร 

ถ้าต้องการทราบว่าของเหลวสีน้ำเงินชนิดหนึ่งเป็นสารเนื้อเดียวหรือสารเนื้อผสม

ถ้าต้องการทราบว่าของเหลวสีน้ำเงินชนิดหนึ่งเป็นสารเนื้อเดียวหรือสารเนื้อผสม

1 ลักษณะและสมบัติของสารทั้ง 2 ชนิดเป็นอย่างไร นักเรียนจะมีวิธีการใดบ้างที่ใช้
ในการทำสารทั้ง 2 ชนิด 

(การผลิตเกลือสมุทร ใช้วิธีการระเหยและการตกผลึก

ส่วนการผลิตเกลือสินเธาว์ ใช้วิธีการระเหยแห้ง)

1 นักเรียนจะมีวิธีการใดในการแยกสารต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 

(การแยกสารต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันมีหลากหลายวิธี ขึ้นกับชนิดและสมบัติของสารที่ต้องการแยก)

  1    เกลือสินเธาว์กับเกลือสมุทรมีธาตุไอโอดีนเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

(ต่างกัน โดยเกลือสินเธาว์จะมีธาตุไอโอดีนน้อยมากหรือไม่มีเลย 

ส่วนเกลือสมุทรมีธาตุไอโอดีนปริมาณมากกว่า)

2 การผลิตเกลือสมุทรและเกลือสินเธาว์อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการผลิตเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (ต่างกัน การผลิตเกลือสมุทร ใช้หลักการระเหยและหลักการตกผลึกส่วนการผลิตเกลือสินเธาว์ ใช้หลักการระเหยแห้ง)

                        2.3 เพราะเหตุใดจึงไม่ผลิตเกลือสมุทรโดยวิธีการต้มให้น้ำระเหยแห้งไป

(เพราะจะได้เกลือทุกชนิดออกมาพร้อมกัน ซึ่งเกลือบางชนิดรับประทานไม่ได้)

                        2.4 น้ำเกลือที่ให้ทางหลอดเลือดแก่คนไข้ที่รับประทานอาหารไม่ได้ เพื่อเป็นการชดเชยเกลือแร่ มีสารใดเป็นส่วนประกอบสำคัญ­ (โซเดียมคลอไรด์)

                        2.5 การตกผลึก และผลึก หมายความว่าอย่างไร (การตกผลึก หมายถึง กระบวนการที่                  ตัวละลายที่มีสถานะเป็นของแข็งแยกตัวออกมาจากสารละลายอิ่มตัว ผลึก หมายถึง สารที่มีลักษณะเป็นของแข็ง มีผิวหน้าราบเรียบ มีรูปทรงสัณฐานเป็นเหลี่ยมแน่นอน)

                        2.6 ผลึกของสารแต่ละชนิดเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (ไม่เหมือนกัน เช่น

ผลึกเกลือแกงมีลักษณะเป็นเหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนผลึกของจุนสีเป็นรูปหกเหลี่ยม)

                        2.7 การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืช อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแยกสกัดน้ำมันอย่างไร (อาศัยหลักการสกัดสารที่ไม่ละลายน้ำและระเหยได้ง่าย โดยใช้การกลั่นด้วยไอน้ำเป็นตัวพาน้ำมันออกมา และเนื่องจากน้ำมันหอมระเหยไม่ละลายน้ำจึงแยกเป็น 2 ชั้นกับน้ำ จากนั้นใช้วิธีการแยกสารด้วยวิธีการใช้กรวยแยก ทำให้สามารถแยกน้ำมันหอมระเหยออกจากน้ำได้)

                        2.8 ในชีวิตประจำวันมีกิจกรรมใดบ้างที่ต้องใช้การแยกสารไปเกี่ยวข้อง

(ตัวอย่างคำตอบ - การทำน้ำให้สะอาดด้วยการแกว่งสารส้ม

                                   - การถนอมอาหารโดยการให้ความร้อนเพื่อให้อาหารแห้ง)

                        2.9 ในท้องถิ่นของนักเรียนมีการสกัดสารชนิดใดจากพืชบ้าง การสกัดสารแต่ละชนิด

ใช้วิธีการแตกต่างกันอย่างไร และมีการใช้ประโยชน์จากสารที่สกัดได้อย่างไร

(ตัวอย่างคำตอบ ตะไคร้หอม ดอกมะลิ ดอกอั­ญชัน สามารถนำมาสกัดสารบางชนิดได้ โดยวิธีการสกัดส่วนใหญ่­ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย โดยกลิ่นจากดอกมะลิและสีจากดอกอัญ­ชัน ใช้น้ำเป็นตัวสกัด ส่วนกลิ่นตะไคร้หอมใช้น้ำร้อนสกัด

                        - สีและกลิ่นของดอกอั­ญชันและดอกมะลิ ใช้ผสมทำอาหารคาว หวาน

                        - กลิ่นของตะไคร้หอม นำมาผสมทำยาหม่อง ยาดม)

ถ้าต้องการทราบว่าของเหลวสีน้ำเงินชนิดหนึ่งเป็นสารเนื้อเดียวหรือสารเนื้อผสม