กิจกรรม เรื่อง การแยกสารเนื้อผสม (ตัวอย่างคำตอบ การแยกลูกเหม็นออกจากเกลือแกง การแยกผงไอโอดีนออกจากน้ำตาลทราย) บางส่วนสีดำมันวาว และการถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็กต่างกัน สารสีดำมันวาวถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็ก ส่วนสารสีดำไม่ถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็ก) 3 สารหมายเลข 3 จัดเป็นสารประเภทใด เพราะเหตุใด (จัดเป็นสารเนื้อผสม เพราะเนื้อสารไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน) 4 สารหมายเลข 3 มีอะไรเป็นส่วนประกอบ (สารสีดำมันวาว คือ ผงตะไบเหล็ก สารสีดำสนิท คือ ผงถ่าน) 5 สรุปผลการทดลองได้อย่างไร (สารเนื้อผสมที่มีผงตะไบเหล็กเป็นองค์ประกอบสามารถทำการแยก สารเนื้อผสมออกได้โดยใช้อำนาจแม่เหล็ก) 6 แม่เหล็กและสารแม่เหล็ก มีความหมายว่าอย่างไร (แม่เหล็ก หมายถึง สารในสถานะของแข็ง มีสมบัติดูดโลหะบางชนิดได้ สารแม่เหล็ก หมายถึง สารที่มีสมบัติถูกดูดด้วยอำนาจแม่เหล็ก) 1 เมื่อผงถ่านกับผงตะไบเหล็ก ซึ่งมีสีเหมือนกันผสมปนกัน และการหยิบออกหรือเขี่ยออก) 2 การแยกสารด้วยวิธีการตกตะกอน มีหลักการอย่างไร (ใช้แยกสารที่ประกอบด้วยของแข็งผสมกับของเหลวโดยของแข็งไม่ละลายในของเหลว) 3 การแยกสารด้วยวิธีการใช้กรวยแยก มีหลักการอย่างไร (ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมที่ประกอบด้วยของเหลวกับของเหลว แต่ไม่ละลายกัน โดยจะแยกเป็นชั้น ๆ) 1 วิธีแยกสารด้วยการตกตะกอน และการใช้กรวยแยก เหมาะสมที่
(การแยกสารด้วยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็นวิธีการที่ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งชนิดต่าง ๆ โดยของแข็งแต่ละชนิดละลายในตัวทำละลายต่างชนิดกัน) 2 การแยกสารเนื้อผสมด้วยวิธีการหยิบหรือเขี่ยออกมีหลักการอย่างไร (การแยกสารด้วยวิธีการหยิบออกหรือเขี่ยออก เป็นวิธีที่ใช้แยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งกับของแข็ง ที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน) 1 วิธีแยกสารด้วยการสกัดด้วยตัวทำละลาย และการหยิบออกหรือเขี่ยออก เหมาะสมที่จะใช้แยกสารที่มีสมบัติอย่างไร (การแยกสารด้วยวิธีการสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็นวิธีการที่ใช้แยกองค์ประกอบของ สารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งชนิดต่าง ๆ โดยของแข็งแต่ละชนิดละลายในตัวทำละลายต่างชนิดกัน การแยกสารด้วยวิธีการหยิบออกหรือเขี่ยออก เป็นวิธีที่ใช้แยกองค์ประกอบของ สารเนื้อผสมที่เป็นของแข็งกับของแข็งที่มีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน) 1 ลักษณะและสมบัติของสารทั้ง 3 ชนิดเป็นอย่างไร นักเรียนจะมีวิธีการใดบ้าง ที่ใช้ในการแยกส่วนประกอบของสารทั้ง 3 ชนิด (สารทั้ง 3 ชนิดมีลักษณะเป็นเนื้อเดียวกัน มีสมบัติเหมือนกันตลอดเนื้อสาร และแยกโดยการระเหยแห้ง การกลั่น) ทำกิจกรรมที่ 4.4 เรื่อง องค์ประกอบของสารเนื้อเดียว 2.1 ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร (วิธีแยกองค์ประกอบของสารเนื้อเดียวโดย การระเหยแห้งทำได้อย่างไร) 2.2 การทดลองนี้ต้องระวังในเรื่องใด (ทำเครื่องหมายกำกับหมายเลขสารประจำหลุมของของเหลว ไม่ใส่ของเหลวในจานหลุมโลหะมากเกินไป) 2.3 หลังการต้มสารเนื้อเดียวต่อไปนี้จนแห้ง นักเรียนคาดคะเนผลการทดลองว่าอย่างไร 2.3.1 น้ำกลั่น (น้ำระเหยหมด ไม่มีสารใดเหลืออยู่) 2.3.2 สารละลายโซเดียมคลอไรด์ (มีผงของแข็งสีขาวในจานหลุมโลหะน้ำระเหยไป) 2.3.3 สารละลายน้ำส้มสายชู (สารละลายมีกลิ่นฉุน ไม่มีสารใดเหลืออยู่) 1 ผลการทำกิจกรรมเป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ อย่างไร (เป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานไว้ คือ สารละลายโซเดียมคลอไรด์เท่านั้น ที่เมื่อต้มแล้วมีของแข็งเหลือติดในจานหลุมโลหะ ส่วนน้ำกลั่นและสารละลายน้ำส้มสายชูระเหยไปหมด ไม่มีสารใดเหลือในจานหลุมโลหะ) 2 สมบัติของสารทั้ง 3 ชนิด ก่อนต้มเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (สังเกตด้วยตาพบว่าคล้ายกัน แต่มีกลิ่นต่างกัน) 3 เมื่อต้มสารทั้ง 3 ชนิดแล้วจะให้ผลอย่างไร (เมื่อต้มน้ำกลั่น น้ำระเหยหมดไม่มีสารใดเหลือ ต้มสารละลายโซเดียมคลอไรด์จนระเหยแห้งหมด จะมีสารสีขาวเหลืออยู่ ส่วนต้มสารละลายน้ำส้มสายชู ได้กลิ่นฉุน ของเหลวระเหยหมด ไม่มีสารใดเหลือ) 4 สารละลายโซเดียมคลอไรด์ประกอบด้วยสารใดบ้าง (น้ำ และโซเดียมคลอไรด์) 5 สารละลายน้ำส้มสายชูประกอบด้วยสารใดบ้าง (น้ำ และกรดแอซีติก) 6 สรุปผลการทดลองได้ว่าอย่างไร (สารเนื้อเดียวอาจมีสารเพียงชนิดเดียวหรือมีองค์ประกอบเนื้อสารมากกว่าหนึ่งชนิดก็ได้ และสามารถแยกสารเนื้อเดียวที่มีองค์ประกอบเป็นของแข็งละลายในของเหลว โดยการนำไปต้มให้ระเหยจนแห้งได้) 1.1 สารเนื้อเดียวบางชนิดที่ไม่สามารถใช้วิธีการระเหยแห้งได้ จะมีวิธีการแยกสารเนื้อเดียวเหล่านั้นได้อย่างไร (วิธีโครมาโทกราฟี) กิจกรรมเรื่อง การแยกสารเนื้อเดียวโดยวิธีโครมาโทกราฟี 2.1 ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร (การแยกองค์ประกอบของสารเนื้อเดียวโดยใช้วิธีโครมาโทกราฟีทำได้อย่างไร) 2.2 การจุ่มแท่งชอล์กลงในสารละลายน้ำหมึกต้องระวังเรื่องใดบ้าง (ควรใช้แท่งชอล์กสีขาว เพราะเมื่อสารที่ซึมขึ้นมามีสีต่าง ๆ จะได้เห็นชัดเจน) 2.3 นักเรียนคิดว่าเมื่อใช้แท่งชอล์กตั้งในสารละลายน้ำหมึก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (สารละลายน้ำหมึกแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ บนแท่งชอล์ก) 1 การทดลองเป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ อย่างไร (เป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐาน คือ สารละลายน้ำหมึกสีดำแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ บนแท่งชอล์ก) 2 มีการเปลี่ยนแปลงบนแท่งชอล์กหรือไม่ อย่างไร (หมึกสีดำถูกแยกออกเป็นสารสีต่าง ๆ ได้แก่ สีน้ำตาล สีม่วง และสีเขียวบนแท่งชอล์ก) 3 สารในสารละลายน้ำหมึกสีดำที่ใช้ในการทดสอบมีสารรวมกันอย่างน้อยกี่สาร ทราบได้อย่างไร (อย่างน้อย 3 สาร ทราบได้จากสีที่ถูกแยกออกมามี 3 สี) 4 สรุปผลการทดลองได้อย่างไร (หมึกสีดำซึ่งเป็นสารเนื้อเดียวแยกองค์ประกอบได้อย่างน้อย 3 ชนิด โดยวิธีโครมาโทกราฟี) 1 น้ำหมึกสีดำซึ่งไม่สามารถใช้วิธีการแยกสารด้วยวิธีการระเหยแห้งได้ จะมีวิธีการแยกน้ำหมึกสีดำเหล่านั้นได้อย่างไร เพราะเหตุใด (ใช้วิธีโครมาโทกราฟี) กิจกรรมเรื่อง การแยกสารเนื้อเดียวโดยวิธีโครมาโทกราฟี 2.1 ปัญหาของการทดลองนี้คืออะไร (การแยกองค์ประกอบน้ำหมึกสีดำ สามารถแยก โดยใช้วิธีโครมาโทกราฟีได้อย่างไร) 2.2 การจุ่มกระดาษกรองลงในสารละลายน้ำหมึกต้องระวังเรื่องใดบ้าง (จุดสีดำต้องอยู่เหนือระดับน้ำในกล่อง) 2.3 ให้นักเรียนคาดคะเนผลการทดลองว่า เมื่อใช้กระดาษกรองที่จุดด้วย สารละลายน้ำหมึกสีดำแล้วจุ่มแถบกระดาษกรองในน้ำกลั่น ผลจะเป็นอย่างไร (หมึกสีดำแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ ปรากฏบนกระดาษกรอง) 1 การทดลองเป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐานหรือไม่ อย่างไร (เป็นไปตามที่ตั้งสมมุติฐาน คือ หมึกสีดำแยกเป็นแถบสีต่าง ๆ บนกระดาษกรอง) 2 กระดาษกรองมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร (หมึกสีดำถูกแยกออกเป็นสารสีต่าง ๆ ได้แก่ สีน้ำตาล สีม่วง และสีเขียวบนกระดาษกรอง) 3 ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนกระดาษกรองและบนแท่งชอล์กเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร (เหมือนกัน คือ หมึกสีดำจะถูกแยกออกเป็น 3 แถบสี ได้แก่ สีน้ำตาล สีม่วง และสีเขียว เรียงจากล่างขึ้นบนตามลำดับ) 4 สารในสารละลายน้ำหมึกสีดำที่ใช้ในการทดสอบมีสารรวมกันอย่างน้อยกี่สาร ทราบได้อย่างไร (อย่างน้อย 3 สาร ทราบได้จากสีที่ถูกแยกออกมามี 3 สี) 5 สรุปผลการทดลองได้อย่างไร (หมึกสีดำซึ่งเป็นสารเนื้อเดียวแยกองค์ประกอบได้ อย่างน้อย 3 ชนิด โดยวิธีโครมาโทกราฟี) 6 ถ้าใช้กระดาษอื่นแทนกระดาษกรอง ผลการทดลองที่ได้จะเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ อย่างไร (อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งระยะทางที่สารสีต่าง ๆ เคลื่อนที่และความสามารถ ในการถูกแยกของสารสีต่าง ๆ เนื่องจากตัวดูดซับเป็นกระดาษต่างชนิดกัน) 7 ถ้าใช้ของเหลวอื่น ๆ เช่น แอลกอฮอล์แทนน้ำกลั่น ผลการทดลองที่ได้จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร (เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งระยะและการแยกองค์ประกอบของหมึกสีดำ เนื่องจาก ตัวพาสารให้เคลื่อนที่ไป คือ แอลกอฮอล์ เป็นสารต่างชนิดกันกับน้ำ) 8 โครมาโทกราฟีมีหลักการอย่างไร (ลำดับองค์ประกอบสารที่ถูกแยก ขึ้นอยู่กับความสามารถในการละลายที่แตกต่างกันขององค์ประกอบ และความสามารถในการถูกดูดซับขององค์ประกอบ) 9 วิธีโครมาโทกราฟีนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง (ตัวอย่างคำตอบ 1. ใช้แยกสารเพื่อตรวจสอบสารว่าเป็นสารชนิดใด เช่น การตรวจสีผสมอาหาร 2. แยกสารเนื้อเดียวที่มีส่วนผสมมากกว่า 1 ชนิดเพื่อให้ได้สารบริสุทธิ์) 1 การกลั่นสามารถแยกองค์ประกอบในน้ำเชื่อมได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (ได้ เนื่องจากน้ำเชื่อมประกอบด้วยน้ำและน้ำตาลซึ่งมีจุดเดือดต่างกัน จึงสามารถแยกน้ำออกจากน้ำตาลได้) 2 เมื่อนำน้ำเชื่อมมาแยกองค์ประกอบโดยวิธีการกลั่นจะได้สารใดบ้าง และอยู่ส่วนใดของอุปกรณ์การกลั่น (ได้น้ำและน้ำตาล โดยจะได้ไอน้ำซึ่งผ่านเครื่องควบแน่นเป็นของเหลว ในบีกเกอร์และได้น้ำตาลในขวดกลั่น) 3 น้ำมันที่ได้จากการกลั่นตัวที่ระดับล่างและระดับบนของหอกลั่น น้ำมันระดับใด มีจุดเดือดสูงกว่ากัน เพราะเหตุใด (ระดับล่างมีจุดเดือดสูงกว่าเพราะกลั่นตัวทีหลังและร้อนกว่า) 4 เพราะเหตุใดจึงต้องสร้างหอกลั่นปิโตรเลียมให้สูง (เพื่อประโยชน์ในการแยกไอน้ำมันแต่ละชนิดออกจากกัน อุณหภูมิในหอกลั่นระดับความสูงต่างกันจะไม่เท่ากัน เพราะไอน้ำมัน แต่ละชนิดกลั่นตัวที่อุณหภูมิต่างกัน) 5 การระเหยแห้งกับการกลั่นมีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร 1 ลักษณะและสมบัติของสารทั้ง 2 ชนิดเป็นอย่างไร นักเรียนจะมีวิธีการใดบ้างที่ใช้ (การผลิตเกลือสมุทร ใช้วิธีการระเหยและการตกผลึก ส่วนการผลิตเกลือสินเธาว์ ใช้วิธีการระเหยแห้ง) 1 นักเรียนจะมีวิธีการใดในการแยกสารต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน (การแยกสารต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันมีหลากหลายวิธี ขึ้นกับชนิดและสมบัติของสารที่ต้องการแยก) 1 เกลือสินเธาว์กับเกลือสมุทรมีธาตุไอโอดีนเหมือนหรือต่างกันอย่างไร (ต่างกัน โดยเกลือสินเธาว์จะมีธาตุไอโอดีนน้อยมากหรือไม่มีเลย ส่วนเกลือสมุทรมีธาตุไอโอดีนปริมาณมากกว่า) 2 การผลิตเกลือสมุทรและเกลือสินเธาว์อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการผลิตเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร (ต่างกัน การผลิตเกลือสมุทร ใช้หลักการระเหยและหลักการตกผลึกส่วนการผลิตเกลือสินเธาว์ ใช้หลักการระเหยแห้ง) 2.3 เพราะเหตุใดจึงไม่ผลิตเกลือสมุทรโดยวิธีการต้มให้น้ำระเหยแห้งไป (เพราะจะได้เกลือทุกชนิดออกมาพร้อมกัน ซึ่งเกลือบางชนิดรับประทานไม่ได้) 2.4 น้ำเกลือที่ให้ทางหลอดเลือดแก่คนไข้ที่รับประทานอาหารไม่ได้ เพื่อเป็นการชดเชยเกลือแร่ มีสารใดเป็นส่วนประกอบสำคัญ (โซเดียมคลอไรด์) 2.5 การตกผลึก และผลึก หมายความว่าอย่างไร (การตกผลึก หมายถึง กระบวนการที่ ตัวละลายที่มีสถานะเป็นของแข็งแยกตัวออกมาจากสารละลายอิ่มตัว ผลึก หมายถึง สารที่มีลักษณะเป็นของแข็ง มีผิวหน้าราบเรียบ มีรูปทรงสัณฐานเป็นเหลี่ยมแน่นอน) 2.6 ผลึกของสารแต่ละชนิดเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (ไม่เหมือนกัน เช่น ผลึกเกลือแกงมีลักษณะเป็นเหลี่ยมลูกบาศก์ ส่วนผลึกของจุนสีเป็นรูปหกเหลี่ยม) 2.7 การสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพืช อาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแยกสกัดน้ำมันอย่างไร (อาศัยหลักการสกัดสารที่ไม่ละลายน้ำและระเหยได้ง่าย โดยใช้การกลั่นด้วยไอน้ำเป็นตัวพาน้ำมันออกมา และเนื่องจากน้ำมันหอมระเหยไม่ละลายน้ำจึงแยกเป็น 2 ชั้นกับน้ำ จากนั้นใช้วิธีการแยกสารด้วยวิธีการใช้กรวยแยก ทำให้สามารถแยกน้ำมันหอมระเหยออกจากน้ำได้) 2.8 ในชีวิตประจำวันมีกิจกรรมใดบ้างที่ต้องใช้การแยกสารไปเกี่ยวข้อง (ตัวอย่างคำตอบ - การทำน้ำให้สะอาดด้วยการแกว่งสารส้ม - การถนอมอาหารโดยการให้ความร้อนเพื่อให้อาหารแห้ง) 2.9 ในท้องถิ่นของนักเรียนมีการสกัดสารชนิดใดจากพืชบ้าง การสกัดสารแต่ละชนิด ใช้วิธีการแตกต่างกันอย่างไร และมีการใช้ประโยชน์จากสารที่สกัดได้อย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ ตะไคร้หอม ดอกมะลิ ดอกอัญชัน สามารถนำมาสกัดสารบางชนิดได้ โดยวิธีการสกัดส่วนใหญ่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย โดยกลิ่นจากดอกมะลิและสีจากดอกอัญชัน ใช้น้ำเป็นตัวสกัด ส่วนกลิ่นตะไคร้หอมใช้น้ำร้อนสกัด - สีและกลิ่นของดอกอัญชันและดอกมะลิ ใช้ผสมทำอาหารคาว หวาน - กลิ่นของตะไคร้หอม นำมาผสมทำยาหม่อง ยาดม)
|