วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1


วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

* รูปหนังสือส่วนใหญ่เป็นรูปแทนค่ะ*

จำนวนผู้เข้าชม 3557 ครั้ง

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

หนังสือทุกเล่มมีประกันการสูญหายค่ะ


ผู้แต่ง :Shinjo mayuผู้แปล/เรียบเรียง :-สำนักพิมพ์ :บงกชเรื่องย่อ :-รหัส :VB034052หมวด :การ์ตูนชนิดปก :ปกอ่อนจำนวนหน้า :- หน้าพิมพ์ครั้งที่ / พศ. :-/-ขนาด :- x - ซม.ประเภท :หนังสือมือสองสภาพ :(95) % (สภาพดีมาก)สภาพเพิ่มเติม :-อัพเดทล่าสุด :21 ธันวาคม 2565สถานะสินค้า :❗[สินค้าหมด]ราคาปกติ : 140 บาท
ราคาขาย สินค้าหมด บาท

 รับสิทธิ์ฟรีค่าจัดส่งเมื่อสั่งเกิน 800 บาท !!

สินค้าหมด

หากมีปัญหาการสั่งซื้อสามารถติดต่อทางไลน์ : @welovebook


....................................................

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 ออมทรัพย์ นันรณา จำลอง 404-xxxxxx-3

พร้อมเพย์ สาขา- - นันรณา จำลอง 095-xxxxxx-5

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาตลาดประชาอุทิศ 61 ออมทรัพย์ นันรณา จำลอง 258-xxxxxx-1

บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาพลัสมอล อมตะนคร ออมทรัพย์ นันรณา จำลอง 982-xxxxxx-1

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลบางนา ออมทรัพย์ นันรณา จำลอง 213-xxxxxx-5

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัสพระราม 4 ออมทรัพย์ นิติธร จำลอง 710-xxxxxx-1

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาราษฎร์บูรณะ ออมทรัพย์ นิติธร จำลอง 186-xxxxxx-7

​เ๸็๥ม.ปลายที่​เ๮ื่อ​ใน๨วามรั๥ ยอมทำ​​และ​​เสียสละ​ทุ๥อย่า๫​เพื่อ๨นที่๹น​เอ๫รั๥ ที่๬ริ๫​แล้วนารู​โ๹ะ​​เป็นลู๥๨รึ่๫ที่​แม่​เป็นนา๫ฟ้าพ่อ​เป็นมนุษย์

-​โปร๸๮่วยทำ​​ให้๨วามรั๥๦อ๫ผมสมหวั๫๬ะ​​ไ๸้มั้ย-

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1


Uchiha Sasuke

​เ๬้า๮าย๯า๹าน๸้วย๨วามที่​แ๦็๫​แ๥ร๫​และ​​เ๥่๫๥า๬๬ึ๫ทำ​​ให้​ไม่มี​ใ๨ร๥ล้าหือ ๸้วย๨วาม​ไรปรา๷ี๮อบ๥ระ​๮า๥วิน๱า๷มนุษย์ที่ยั๫​ไม่ถึ๫๨า๸ ​เพราะ​​ไม่​เ๮ื่อ​ใน​เรื่อ๫๦อ๫๨วามรั๥​และ​๨ิ๸ว่า๨วามรั๥ทำ​​ให้มนุษย์อ่อน​แออยู่​ไป๥็​ไม่มี๨วามหมาย ๬ึ๫ถู๥ส่๫มาพิศู๹รว่า๨วามรั๥​เอา๮นะ​ทุ๥อย่า๫​ไ๸้​แม้๥ระ​ทั้๫๨วาม๹ายที่​โล๥มนุษย์

-๦้า๬ะ​ทำ​​ในสิ่๫ที่​เ๬้าปรารถนา...​แ๹่​เ๬้า๬ะ​๹้อ๫​แล๥๸้วย๨วามบริสุทธิ์-

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1


Sabakuno Gaara

​เป็นลู๥๨รึ่๫​เทว๸า๥ับอสูร​เลือ๥ที่๬ะ​อยู่๥ับ​แม่บนสวรร๨์ ​เ๦า๬ึ๫๥ลาย​เป็น​เทวภู๹บนสวรร๨์ ถู๥​แบ่๫๮ั้นวรร๷ะ​๸้วย๨วาม​แ๦็๫​แ๥ร่๫​และ​​เ๥่๫๥า๬พอๆ​๥ับ๯าสึ​เ๥ะ​ ที่มี๥ารยอมรับ๬า๥​เหล่าภู๹อสูร

-๦้า๬ะ​ป๥ป้อ๫​เ๬้า...๬น๥ว่า๬ะ​ถึ๫วินาทีสุ๸ท้าย๦อ๫๮ีวิ๹-

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1


Inusuka Kiba

​เป็น​เพื่อน๦อ๫นารู​โ๹ะ​ ที่รั๥​และ​​เป็นห่ว๫นารู​โ๹ะ​อยู่​เสมอ ​เป็น๨นที่​เ๮ื่อ​ใน๨วามรั๥​และ​ยอมทำ​ทุ๥อย่า๫​เพื่อมัน​เหมือน๥ัน

#5 ปีศักราชเอลีออนที่ 276 เคปรันที่อยู่ระหว่างทางไปเซเรนเดียตกเป็นแพะรับบาปตัวแรก แต่ไฮเดลนั้นมีคลิฟและอาร์มสตรอง สองนักเดินทางลือชื่อ ไม่ว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้นกี่ครั้ง ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะสองผู้กล้านี้ได้เลย กาย เซริคได้รวบรวมทหารอาสากว่า 300 คนและมุ่งหน้าไปยังบาเลนอสเพื่อทำสงคราม แม่น้ำที่เชื่อมระหว่างบาเลนอสและเซเรนเดีย ไหลผ่านปราสาทไฮเดล เหล่าทหารไฮเดลที่ล่องเรือมาแสนไกลต่างหมดเรี่ยวแรงและอ่อนกำลังลง แม้ว่าคลิฟจะนำทหารมาอย่างรวดเร็ว แต่ปราสาทกลับถูกเผาไหม้เสียแล้ว กาย เซริคไม่อยู่ที่นั่น

#6 ปีศักราชเอลีออนที่ 277 ทันทีที่ปราสาทไฮเดลเผาไหม้ การโจมตีของคาลเพออนก็เริ่มขึ้นบริเวณใกล้ๆ กับหอสังเกตการณ์ แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือกษัตริย์คลูซีโอ กาย เซริคได้จับกษัตริย์ไฮเดลไว้ และได้สั่งให้ผู้ส่งสารไปบอกแก่คลิฟว่าหากยอมทำตามเงื่อนไขสามข้อ ก็จะปล่อยตัวกษัตริย์ให้ และจะไม่ปล่อยค่ายทหารขนาดใหญ่บริเวณหอสังเกตการณ์ไว้ พร้อมทั้งจะแต่งตั้งให้คาลเพออนเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการฑูต ส่วนผลึกดำของเซเรนเดีย ก็จะตกอยู่ในอำนาจการดูแลของคาลเพออนเท่านั้น

#7 ปีศักราชเอลีออนที่ 278

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

เวลาผ่านไป 1 ปี กษัตริย์คลูซีโอถึงกลับมายังไฮเดลได้ โอลเบียกลายเป็นเมืองแห่งความสงบตั้งแต่ประกาศถอยทัพ และได้รับการปกครองโดยตรงจากคาลเพออน ผลึกดำเริ่มทยอยเข้ามาที่เหมืองหินเคปรัน และโรงสกัดที่เซเรนเดีย, กาย เซริคที่มีความโลภก็ได้เริ่มต้นเดินหน้าไปยังทะเลทรายสีดำ เมื่อปราบเอาทะเลทรายสีดำมาได้ เขาก็มีความเชื่อมั่นอย่างมากมายว่าจะสามารถปราบเอาบรรดาอาณาจักรต่างๆ และเมืองเร้นลับทั่วทุกทวีปมาครอบครองได้
แต่คำว่าพันธมิตรไม่มีอีกต่อไป ถ้าไม่มีกองกำลังอันแข็งแกร่งของไฮเดลช่วยสนับสนุน ก็คงจะไม่สามารถเอาชนะเมเดียที่เข้มแข็งได้ ทั้งๆ ที่คาดการณ์เช่นนั้นไว้ กาย เซริคก็ยังคงคิดที่จะมุ่งหน้ารวบรวมกองกำลังมหาศาลอยู่ดี ปัญหาก็คือค่าใช้จ่ายในการทำสงคราม ไม่มีความอดทนพอที่จะรอให้รวบรวมผลึกดำได้อีกต่อไป เรื่องที่ห้ามทำสุดท้ายกษัตริย์ก็ทำลงไป เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในการทำสงครามภาษีที่ไม่เคยมีก็เกิดขึ้น ชนชั้นล่างที่เพิ่งจะมีความมั่นคงก็เหมือนถูกฟ้าผ่า สถาบันเอลีออนเองก็ถูกเรียกเก็บภาษี เหล่าทหารชั้นสูงก็ตกอยู่ในอำนาจของกษัตริย์

#8 ปีศักราชเอลีออนที่ 281 ความฝันของกษัตริย์ไม่ย้อนคืนอดีตที่ผ่านมาได้ ระบบศักดินาหมดความน่าเชื่อถือมาตั้งนานแล้วเพราะความตายสีดำ ชนชั้นล่างต่างยืนหยัดในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง ทำให้ช่วงนั้นกลายเป็นยุคสมัยแห่งการค้าขาย เหล่าชนชั้นสูง, นักบวช และชนชั้นล่าง ต่างไม่ปล่อยให้กษัตริย์ตัดสินใจกระทำการใดๆ ด้วยพระองค์เอง สุดท้ายแล้วกษัตริย์จึงต้องยุติความฝันของตนไว้ และจบชีวิตลงด้วยเหล้าพิษ สมาคมที่บ่งบอกถึงยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างๆ ในคาลเพออนถูกแต่งตั้งขึ้น และเริ่มการปกครองแบบแบบรัฐสภา

ตำนานเซเรนเดีย

ตำนานเซเรนเดีย

คลูซีโอ โดมอนกัทท์ไม่สามารถหาเหตุผลของสงครามได้ ต่างจากกษัตริย์องค์ก่อน เขาไม่ปลอบประโลมความโกลาหลของชนชั้นล่างที่มีสาเหตุมาจากสงคราม นอกจากนั้นเขายังไม่พอใจที่กษัตริย์ดาฮาร์ด เซริก แห่งคาลเพออนที่กระทำกับเขาราวกับว่าเขายังอ่อนต่อโลก #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 265 คลูซีโอกษัตริย์ผู้ครองบัลลังก์ไฮเดลประกาศต่อคาลเพออนว่าจะไม่มีการออกร่วมเดินทางไปเพื่อสงครามอีก เหล่าสาวกคาลเพออนต่างพากันอึดอัด
เหตุการณ์การล้มเลิกการร่วมขบวนเดินทางไปสงครามในครั้งนี้ ทำให้อำนาจของเหล่านักบวชตกอยู่ในอันตราย ทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าจะสร้างโบสถ์ในระหว่างทางไปสงคราม ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดการณ์พวกเขาอาจจะเผยแพร่คำสอนของเอลีออนไปได้ถึงบาเลนเซียแท้ๆ เหล่าสาวกต่างประกาศเตือนคำกล่าวของคลูซีโอ และดาฮาร์ดเองก็ออกมาเกลี้ยกล่อม คลูซีโอตกอยู่ในสถานที่ต้องครุ่นคิดอย่างหนัก สงครามกับคาลเพออนนั้นเป็นเรื่องที่สมควรหลีกเลี่ยง ตามที่เหล่าทหารกองทัพไฮเดลว่า เหล่าผู้ติดตามเอลีออนนั้นมีมาก หลังจากคิดทบทวนมานานคลูซีโอก็ประกาศเข้าร่วมเพื่อเดินทางไปทำสงครามอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เขาต้องเสี่ยงทั้งๆ ที่ไม่มีความมั่นใจ เบาะแสสุดท้ายก็คือ การเห็นชอบจากดาฮาร์ด ดาฮาร์ดนั้นประกาศก้องว่า ถ้าไม่อยากให้คนรุ่นหลังหัวเราะเยาะอย่างน้อยๆ ก็ต้องไปให้เห็นถึงปราสาทบาเลนเซีย การรวบรวมผู้คนเพื่อสงครามครั้งนี้ใช้เวลาร่วม 2 ปี
การเดินทางข้ามทะเลทรายสีดำนั้น กลายเป็นเรื่องที่คุ้นเคย จนโดมอนกัทท์แทบจะหลับตาเดินข้ามไปได้ง่ายๆ แต่โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายๆ เพราะตั้งแต่เริ่มการเดินทัพพายุก็พัดมาจากเมเดีย กระแสน้ำเริ่มแปรทิศทาง ทะเลทรายนั้นยังอยู่อีกไกล เหล่าทหารมาตั้งค่ายอยู่ที่ด้านล่างของกำแพงปราสาท เพื่อเฝ้ารอลมที่จะพัดมา และหลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ทิวทัศน์ของเมเดียถึงได้ปรากฏขึ้นให้เห็น

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

นั่นมันเรื่องอะไรกันแน่ ? ถึงแม้จะเคยได้ยินข่าวจากกลุ่มการค้าว่าตอนนี้เมเดียได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มีการเกณฑ์ทหารมายืนล้อมรอมกำแพงเมือง และมีควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากปล่องไฟอย่างไม่ขาดสาย ดาฮาร์ดรีบเร่งเหล่าคณะเดินทาง ถึงแม้จะน่าสงสัย แต่ถ้ายังรอช้าก็จะมีปัญหาเรื่องเสบียง แถวขบวนอันยาวเหยียดมาที่ทะเลทรายสีดำอีกครั้ง ในครั้งนี้มันมาพร้อมกับสายฝน หยาดฝนในทะเลทราย ?
ขณะนั้นเองมีใครบางคนเห็นธงสีแดง แล้วตะโกนขึ้น มีธงสีแดงปักอยู่ที่อาณาเขตของบาเลนเซีย นั่นหมายความว่าเหล่าพันธมิตรเข้ามาที่ทะเลทรายสีดำแล้ว เหล่าสาวกแห่งเอลีออนที่เดินทางไปที่สนามรบต่องเริ่มสวดอ้อนวอน เวลานั้นผ่านไปเพียงไม่นานความมืดก็คลืบคลานเข้ามา พายุฝุ่นขนาดใหญ่ได้พัดเข้ามา คลูซีโอที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งใต้โพรงทราย ดาฮาร์ดก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อได้เห็นว่าธงสีแดงล้มลงมาข้างๆ ก็รู้ได้ว่าฝ่ายบาเลนเซียนั้นเสียหายมากมาย

การเดินทางเพื่อไปรบ ? การมีชีวิตเหลือรอดอยู่นั้นสำคัญยิ่งกว่า เมฆดำคลืบคลานเข้ามาปกคลุมจากทั่วทุกทิศทางนั้นช่างไม่ปลอดภัย พายุฝุ่นยังคงพัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินมาต่อมาเรื่อยๆ ก็ถูกแม่น้ำเดมิที่มีขนาดใหญ่ขวางทาง หลังจากที่รออยู่เป็นเดือนปลายแม่น้ำก็เปิดออก และหลังจากที่เดินข้ามไปคลูซีโอก็เรียกสติกลับมาได้ เหล่าขณะเดินทางต่างผิดหวัง คณะนักบวชแห่งคาลเพออน ได้มอบรางวัลขนาดใหญ่ให้แก่เหล่าทหาร ชัยชนะอันใหญ่หลวงที่ทำให้บาเลนเซียไม่อาจลุกขึ้นมาได้ เหตุผลอะไรก็ได้ที่สามารถนำมาปลอบใจผู้ที่ประสบกับหายนะอันใหญ่หลวง โชคดีที่หายนะครั้งนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากนักต่อปราสาทไฮเดล หรือที่ราบเซเรนเดีย แต่ทางตอนใต้มีหนองน้ำเพิ่มมากขึ้น
สงครามที่มนุษย์ไม่สามารถหยับยั้งได้ จบลงด้วยฝีมือของธรรมชาติ และแล้วความสงบก็เข้ามา กาย เซริคกษัตริย์หนุ่มก็ได้กลับมาครองบัลลังก์

#2 ปีศักราชเอลีออนที่ 275 สมาคมการค้าไฮเดลเริ่มมุ่งหน้าสู่เมเดีย นับเป็นเวลาถึง 7 ปีที่ไม่ได้มาพบเห็น เมเดียในตอนนี้ได้พัฒนาไปจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง กลุ่มการค้าได้รายงานเรื่องความเจริญก้าวหน้านี้ และโดมอนกัทท์ก็สั่งให้สืบหาสาเหตุที่ทำให้เมเดียเจริญรุ่งเรืองขึ้น จนสืบได้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะผลึกดำ
และหลังจากที่ได้รับรายการว่าแท้จริงแล้วเศษหินที่พวกนากาถืออยู่ในมือคือผลึกดำ โดมอนกัทท์ก็เร่งเดินทางไปที่หนองน้ำทันที นี่จะเป็นกุญแจในการแก้ไขปัญหากับคาลเพออน แต่โดมอนกัทท์ที่น่าสงสาร ไม่สามารถเพียงที่จะเริ่มต้นทำอะไร
เพราะคาลเพออนเองก็ทำทุกวิถีทางเพื่อค้นหาผลึกดำ แต่ที่ดินแดนของคาลเพออนเองก็ไม่มีผลึกดำ แต่ทันทีที่ได้ยินข่าวลือว่ามีการค้นพบผลึกดำที่เหมืองหินเคปรันของเซเรนเดีย กษัตริย์หนุ่มกาย เซริคก็ไม่รอช้า

#3 ปีศักราชเอลีออนที่ 276

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

หลังจากยอมจำนนให้แก่เคปรันโดยปราศจากการทำสงคราม ทุ่งหญ้าบริเวณรอบๆ หอสังเกตการณ์ไฮเดลก็เริ่มถูกบุกรุกขึ้นเรื่อยๆ แต่กองกำลังของไฮเดลนั้นแข็งแกร่งมากพอ หลังจากที่กาย เซริคหากองกำลังมาทดแทนได้ครบ พวกเขาก็เริ่มมุ่งหน้ามายังไฮเดลทันที กษัตริย์โดมอนกัทท์ได้สูญเสียปราสาทไฮเดลไปจากการบุกรุกในครั้งนี้ และถูกจับเป็นเชลยในที่สุด แต่โดมอนกัทท์ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ เขาได้ฝากบอกผู้ส่งสารแห่งไฮเดลที่มายังคาลเพออนว่า ต่อให้ตนเองจะต้องสูญเสียชีวิตหรือเลือดเนื้อมากเพียงใด ก็ยังปราถนาที่จะทำสงครามชี้ชะตาเพื่อตัดสิน จึงทำให้กองกำลังคลิฟล้มเลิกที่จะบุกรุกเคปรัน แล้วหันมาสร้างโรงปฏิบัติงานขึ้น ส่วนอาร์มสตรองเองก็ได้มุ่งหน้าไปที่ทุ่งหญ้าคาลเพออนเพื่อก่อตั้งกองทัพขึ้นที่นั่น ในขณะเดียวกัน กาย เซริคก็แต่งตั้งนักรบเกราะขึ้นมา และนับเป็นการถือไพ่ที่เหนือกว่าของเคปรันก็ว่าได้ ในระหว่างนั้นก็เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อมากมาย และหากปล่อยสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้ต่อไป การสูญเสียก็จะเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ต่อให้คาลเพออนเป็นฝ่ายชนะ แต่ภายใต้ความพยายามของผู้กล้าทั้งสองก็ก่อให้เกิดหายนะมาแล้วนับไม่ถ้วน
และแล้ว กาย เซริคก็ได้เปลี่ยนความคิดขึ้น เนื่องจากสิ่งที่เขาต้องการคือผลึกดำ จึงได้ทำสนธิสัญญาขึ้นมาและได้อ้างถึงการยุติสถานการณ์การนองเลือดนี้ ทำให้โดมอนกัทท์ลังเลใจอยู่ไม่น้อย แต่ตราบใดที่เขาไม่ยอมแพ้ โอกาสที่จะเป็นฝ่ายชนะก็สามารถมาเยือนได้ทุกเมื่อ ในที่สุดสนธิสัญญานี้ก็ถูกปรับใช้ตามข้อตกลงของโดมอนกัทท์ และมีระยะเวลายาวนานมากกว่า 1 ปี หลังจากนั้นโดมอนกัทท์ก็ถูกปล่อยตัวกลับมายังไฮเดล ซึ่งชาวไฮเดลเองก็เข้าใจการกระทำของเขาเป็นอย่างดี เขาได้สร้างศูนย์กลางขึ้นมาใหม่ที่บริเวณทุ่งหญ้าใกล้กับหอสังเกตการณ์ และคลิฟกับอาร์มสตรองที่ต้องย้ายค่ายไปยังภาคตะวันตกนั้น ก็เคารพต่อการตัดสินใจของโดมอนกัทท์เช่นกัน แต่ก็ยังมีบางคนที่รู้สึกกังวลและหวาดกลัวต่อการตัดสินใจนี้ แต่โดมอนกัทท์ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะสิ่งที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้ คือการมองเห็นที่โรงสกัดคาลเพออนที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาบริเวณหนองน้ำแห่งเซเรนเดีย และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับการที่คลูซีโอเริ่มติดเชื้อโรคร้ายขึ้น

#4 ปีศักราชเอลีออนที่ 281

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของกาย เซริค ทำให้บริเวณแผ่นดินใหญ่ภาคตะวันตกอยู่ในภาวะอลหม่าน ทั้งข่าวลือที่ว่ากาย เซริคผู้ที่มีความแข็งแกร่งและยังอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ เสียชีวิตลงด้วยการติดเชื้อโรคประหลาด หรือข่าวลือว่าเขาถูกวางยาพิษ และสำหรับคลูซีโอเอง หากเป็นเช่นข่าวลือจริงมันก็คงจะดีไม่น้อย นี่คือโอกาสแห่งชัยชนะที่มาถึงเร็วกว่าที่คิด การแย่งชิงอำนาจที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น จะทำให้คาลเพออนอ่อนกำลังลง คลูซีโอได้เรียกให้คลิฟแห่งค่ายตะวันตกมาเพื่อทำลายสนธิสัญญา แต่คลิฟก็ยืนยันที่จะรอดูสถานการณ์ของคาลเพออนต่อไป และระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน จู่ๆ จอร์ดีนก็แทรกเข้ามา เขาเป็นคนที่คลิฟแนะนำให้รู้จักกับคลูซีโอตอนที่ร่างกายของเขาแย่ลงหลังเกิดสงคราม จอร์ดีนมีทักษะการทำงานเป็นเลิศ จึงสามารถช่วยเหลือคลูซีโอได้เป็นอย่างดี จอร์ดีนบอกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าการเเย่งชิงอำนาจคือเหล่ากลุ่มการค้าต่างหาก และมันก็ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าหนทางที่คาลเพออนจะได้รับชัยชนะนั้นมีน้อยเต็มที คลูซีโอเองเห็นด้วยกับจอร์ดีน แต่ก็ตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่อไปตามที่คลิฟบอก ในที่สุดสถานการณ์ในคาลเพออนก็เริ่มคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วเหนือการคาดหมาย คาลเพออนที่ได้แต่งตั้งระบบรัฐสภาก็กลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง จอร์ดีนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ในวัยยี่สิบห้า เขามีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องและแก้แค้นเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน ด้วยจิตใจที่เคยเป็นทหารคาลเพออนที่ต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต จนสูญเสียครอบครัวของตนไปเกือบทั้งหมด แต่หลังจากที่โรงสกัดถูกสร้างขึ้น คลูซีโอก็ได้อ้างตนแทนกษัตริย์และสถาปนาตนเป็นเจ้าปราสาท และนั่นก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของผู้คนมากมาย รวมทั้งคลิฟเองก็ถูกเลือนขั้นให้เป็นผู้บัญชาการด้วยเช่นกัน จอร์ดีนบอกว่าคลูซีโอและคาลเพออนจะต้องสูญเสียอำนาจในไม่ช้า มากสุดก็อาจจะประมาณ 5 ปี เพราะการที่เขาปล่อยให้เหล่ากลุ่มการค้าเข้ามามีบทบาทในคาลเพออน ก็เหมือนกับนำปลาย่างไปให้แมว และพวกนั้นก็จะยึดอำนาจการปกครองไปจนหมด ในทางกลับกันไฮเดลก็คงจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากในสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงยื่นข้อเสนอให้คลูซีโอเรียกเก็บภาษีเพิ่มเพื่อไม่ให้พวกกลุ่มการค้าอวดดีจนเกินไป

#5 ปีศักราชเอลีออนที่ 283 เหล่าชาวไร่ต่างออกมาต่อต้าน เนื่องจากภาษีของปีที่ผลผลิตตกต่ำนั้นไม่ลดลงเลย และเผ่ายามาญก็ดุร้ายมากขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อผลผลิตมากขึ้นไปอีก พวกชาวไร่จึงได้ส่งตัวแทนคือ อาล รูนดี้ไปยังปราสาทเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แต่เขาก็กลับโดนเจ้าปราสาทอาละวาดกลับมา รวมทั้งถูกทารุณต่างๆ นานา จนสุดท้ายต้องโดนเนรเทศไปยังเขตสันติภาพ ชาวไร่ทั้งหลายโกรธมากแต่ก็ไม่สามารถต่อกรกับเหล่าทหารที่กำลังเตรียมทำสงครามได้ และผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับเหล่าทหารก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตดังเดิมได้สักคน อาล รูนดี้จึงตัดสินใจเป็นกบฏและหาทางลักลอบเข้าไปในปราสาทและรวบรวมผู้คนที่กำลังทุกข์ยาก ซึ่งทำให้จอร์ดีนเกิดความทุกข์ใจในการเรียกเก็บภาษีเพิ่ม และในระหว่างที่จอร์ดีนกำลังแก้ปัญหาพวกกบฏชาวไร่ ก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา อยู่ๆ ก็มีแสงประหลาดสาดส่องฝ่าความมืดลงมาจากท้องฟ้า เหตุการณ์นี้ทำให้เผ่ายามาญมีความดุร้ายมากขึ้น และเหล่ามอนสเตอร์ก็เริ่มออกอาละวาด ชาวบ้านบางคนก็บอกว่าพบเห็นก้อนหินที่มีชีวิตขึ้นมา และเริ่มเรียกเหตุการณ์นี้ว่า 'เหตุการณ์ของหอคอยแห่งความมุ่งมั่น'
เพราะว่าในสมัยก่อนที่คนโบราณได้ก่อสร้างหอคอยแห่งความมุ่งมั่นขึ้น ก็มีเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้เช่นเดียวกัน

#6 ปีศักราชเอลีออนที่ 285 ได้ยินข่าวลือว่าที่เวเรียมีผู้มาเยือนเพิ่มมากขึ้น

ตำนานเมเดีย

ตำนานเมเดีย

เมเดียล่มสลาย วิญญาณของวิญญาณ มีผู้พลีชีพนับไม่ถ้วนในสงครามระหว่างคาลเพออนและบาเลนเซีย เมเดียซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างประเทศทั้งสอง และพระเจ้าบาเรสที่ 3 แห่งเมเดียเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถและครองราชย์สั้นที่สุดในประวัติศาตร์ #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 235

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

เมื่อการเกลี้ยกล่อมของคาลเพออนเริ่มต้นขึ้น พระเจ้าบาเรสที่ 2 ก็ปฏิเสธที่จะออกไปสู้รบในสงคราม คาลเพออนจึงได้เปิดเส้นทางให้เขามุ่งหน้าไปยังบาเลนเซีย และบาเลนเซียก็ต้องยอมรับให้พระเจ้าบาเรสที่ 2 ลี้ภัยเข้ามาอย่างสุดวิสัย และผู้อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ทั้งหมดนี้ก็คือเนรูด้า เชนน์ นักเล่นแร่แปรธาตุผู้ก่อตั้งสมาพันธ์การค้าเมเดีย เขาได้รวบรวมช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงมากมายแล้วเริ่มทำการค้ากับคาลเพออน สมาพันธ์การค้าเมเดียได้ตัดสินใจสนับสนุนเสบียงให้แก่คาลเพออน แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือคาลเพออนต้องส่งผลึกดำให้ฝั่งของตน การค้าในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเนื่องจากคาลเพออนไม่รู้ถึงมูลค่าที่แท้จริงของผลึกดำ นอกจากนี้ สมาคมนักการค้าเชนน์ ได้ใช้ถ้ำภูเขาไฟเมเดียให้เป็นเตาหลอมธรรมชาติ พวกเขาใช้ถ่านหินและเปลวเพลิงด้านในถ้ำมาหลอมละลายเหล็กและผลึกดำ ทำให้สามารถสร้างอาวุธได้รวดเร็วกว่าคาลเพออนหลายเท่า ยิ่งขนส่งเสบียงไปให้แก่คาลเพออนมากเท่าไหร่ ปริมาณผลึกดำที่จะได้รับกลับมาก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น และในสถานการณ์แบบนี้ คาลเพออนเองก็ไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตุหรือระแคะระคายใจแต่อย่างใด คณะทูตบาเลนเซียน้อยคนที่จะได้เข้ามายังเมเดีย และน้อยมากที่พวกเขาจะรับรู้เรื่องราวของกลุ่มการค้า สมาคมนักขายเมเดียได้แบ่งค่าตอบแทนบางส่วนที่ได้รับจากคาลเพออนให้แก่บาเลนเซีย บาเลนเซียจึงยินยอมให้สมาคมนักขายเมเดียมีสิทธิทางการค้าและสัญญาว่าจะปกป้องพวกเขา เมื่อคาลเพออนพัฒนาฝีมือในการแปรรูปมากขึ้นก็ได้รับรู้ถึงการถูกหลอกใช้ แต่ก็ไม่สามารถเรียกร้องให้พวกเมเดียส่งคืนผลึกดำที่สูญเสียไปกลับมาให้ตนเองได้ คาลเพออนพยายามที่จะซื้อผลึกดำกลับคืนมา แต่ก็ไม่สำเร็จ และการที่อัลทิโนว่าที่เคยเป็นเมืองเปิดกว้างด้านศาสนา กลับกลายมานับถือเทพเจ้าอาลล์แห่งบาเลนเซียนั้น ก็ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าตนเองกำลังร่วมมือกับบาเลนเซียอยู่เช่นกัน

#2 ปีศักราชเอลีออนที่ 266 แม้เมเดียจะเจริญรุ่งเรืองขนาดไหน แต่ก็ต้องยอมจำนนให้กับภัยจากธรรมชาติ ผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น และความแห้งแล้ง ทำให้ชนเผ่ายามาญต้องเร่งฝีเท้าเดินทาง ข้ามเขาข้ามทะเลทราย มาตั้งถิ่นฐานยังเมเดีย ที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติน้อยที่สุด หลังจากนั้นไม่นาน ถ้ำหินภูเขาไฟโอมาร์ และเหมืองแร่ก็ถูกปิดไป เพราะพายุทราย และปัญหาจากชนเผ่ายามาญ

#3 ปีศักราชเอลีออนที่ 273 สมาคมนักขายเมเดียเริ่มลงทุนจำนวนมหาศาลจากการค้าระหว่างคาลเพออนกับบาเลนเซีย เพื่อสร้างเมืองหลวง นั่นเป็นช่วงที่อัลทิโนว่าถือกำเนิดขึ้นในเมเดียที่ไม่เคยมีเมืองหลวงเป็นจุดศูนย์กลางมาก่อน เมื่อสร้างกำแพงเมืองอัลทิโนว่าแล้ว เหล่านักการค้าและชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ก็มารวมตัวกัน และนั่นทำให้เผ่ายามาญที่เคยเข้ามารุกรานค่อยๆ หายไป ที่นี่ทำให้รู้สึกได้ถึงความสงบสุขเช่นกัน
และพวกศัตรูที่คอยเข้ามาบุกรุกเมเดีย ต่างก็ไม่คาดคิดว่าเมืองไร้กฏหมายอย่างเมเดียนั้น จะกลับมาแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้

#4 ปีศักราชเอลีออนที่ 268

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

หายนะที่ย่ำแย่เริ่มต้นขึ้นที่หมู่บ้านทารีฟ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำจูไน์ทางทิศตะวันตกของเมเดีย ที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าซอเซอร์เรส และไม่ได้รับความสนใจจากคนภายนอกเท่าไรนัก เมื่อสามร้อยปีที่แล้ว ซอเซอร์เรส คาร์เทียน ที่มาจากดินแดนภาคตะวันออก ได้สร้างชุมชนขึ้นและอาศัยอยู่ที่เมเดีย เรื่องราวการเสียสละของพวกเขาถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน ชาวบ้านหมู่บ้านทารีฟต่างปฏิบัติตามกฏระเบียบที่มีในหนังสือคาร์เทียน ที่คาร์เทียนผู้ก่อตั้งหมู่บ้านทารีฟทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต หนังสือนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฏระเบียบที่ซอเซอร์เรสแห่งทารีฟต้องปฏิบัติ รวมทั้งมีพลังของคาร์เทียนแฝงอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานหนังสือคาร์เทียนก็มีพลังแรงกล้าขึ้นจนไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ และเหล่าซอเซอร์เรสเองก็สูญเสียพลังลงเรื่อยๆ
ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับหนังสือคาร์เทียนก็ไม่สามารถรับมือกับพลังนี้ไหว และต้องจบลงด้วยการสูญเสียสติไปตามๆ กัน ต่อมาได้มีการร่างหนังสือคาร์เทียนขึ้นมาใหม่ และผนึกหนังสือเล่มเดิมไว้ ผู้นำแต่ละคนได้ผนึกมนตราของตนเองไว้ที่หนังสือดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีผู้ใดสามารถเปิดผนึกและนำพลังร้ายของหนังสือคาร์เทียนไปใช้สร้างความเสียหายได้อีก

#5 ปีศักราชเอลีออนที่ 273 ผู้นำคนถัดไปของหมู่บ้านทารีฟต่อจากอาฮอนคีรุส คืออิลเลซรา เธอมีความสนใจในหนังสือคาร์เทียนที่ถูกผนึกไว้เป็นอย่างมาก จึงได้พยายามเปิดผนึกและฝ่าฝืนข้อห้ามทั้งหมด อิลเลซราได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการพยายามเปิดหนังสือนี้ แต่ก็สามารถรับพลังอันร้ายแรงของหนังสือคาร์เทียนสำเร็จ และตัดสินใจหนีออกจากหมู่บ้านทารีฟไป เธอได้ยั่วยุคนคลั่งศาสนาแอลริคจนสามารถกำจัดเผ่ายามาญสำเร็จ และสร้างหอคอยไว้ที่ภาคใต้ของเมเดีย แต่ทันทีที่สร้างหอคอยสูงนั่นขึ้นมา จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นและความมืดได้เข้ามาครอบงำไปทั่วทุกพื้นที่

#6 ปีศักราชเอลีออนที่ 277

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

ปราสาทเมเดียถูกเผาไหม้ด้วยฝีมือของอิลเลซรา เมเดียอยู่ในค่ำคืนที่มืดสนิทเป็นเวลาสามวัน ไม่เว้นแม้แต่อัลทิโนว่า ไม่มีทั้งแสงจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ชาวเมเดียต่างก็สั่นกลัวอยู่ในความมืด โดยต้องพึ่งพิงแสงจากคบเพลิงเท่านั้น บางคนต้องดิ้นรนต่อสู้ บางคนกรีดร้องด้วยความกลัวและหนีไปนอกอัลทิโนว่า แสงที่สะท้อนในดวงตาของเขามีเพียงปราสาทเมเดียที่กำลังถูกไฟเผา และการที่ราชวงศ์เล็กๆ ต้องล่มสลายลงก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจอะไร มีผู้คนที่เสียใจต่อการจากไปของพระเจ้าบาเรสที่ 2 ก็จริง แต่ก็ไม่มีใครยินดีกับการที่เจ้าชายองค์สุดท้องของราชวงศ์เมเดียรอดชีวิตมาจากหายนะ อิลเลซราได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเรื่องราวของเธอถูกเล่าขานกันไปต่างๆ นานา #7 ปีศักราชเอลีออนที่ 280 มีข่าวลือเรื่องการปรากฏตัวของอิลเลซรา แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่าการกลับมาของอิลเลซราในตอนนี้ก็คือ การรุกล้ำเขตเหมืองแร่ร้างของอัลทิโนว่าของเหล่ายามาญ พวกเสื้อคลุมสีดำที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาของมนุษย์ต่างป่าวประกาศว่าเผ่ายามาญได้เข้ามาครอบครองอัลทิโนว่า เส้นทางของเผ่ายามาญนั้นเริ่มตั้งแต่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมเดีย ไปจนถึงป่าใหญ่ที่เป็นถินที่อยู่ของกลุ่มนักล่าผู้โหดร้ายเซเจค

#8 ปีศักราชเอลีออนที่ 281 และก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในอัลทิโนว่าที่อยู่มาอย่างสงบ เนื่องจากการมาเยือนของสมาคมนักขายเมเดีย ที่ไม่อาจจะต้อนรับหรือขับไล่ออกไป การอยู่รวมกันอย่างแออัดก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ตำนานบาเลนเซีย

ตำนานบาเลนเซีย

บาเลนเซีย (Valencia), ราชวงศ์เนเซล
ผู้ผ่านความตายคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น แล้วพาเด็กสาวคนหนึ่งไปที่ห้องหินโบราณ ทันใดนั้น ประตูทั้งหมดที่ถูกปิดตายก็เปิดออก ทุกคนล้วนคุกเข่าคำนับและพาดบันใดเพื่อเชื่อมต่อไปยังห้องหิน เมื่อมาถึงห้องที่เต็มเปี่ยมไปด้วยทองคำนานาชนิด เด็กสาวยื่นมือไปหยิบมงกุฏจากกองสมบัติเหล่านั้น และนับจากนั้นเป็นต้นมา ราชินีแห่งบาเลนเซียก็ได้ถือกำเนิดขึ้น นับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี หลังจากสิ้นสุดราชวงศ์ของอีมูร์ เนเซล กษัตริย์บาเลนเซียองค์ที่ 4 จากนั้นมา ชาวบาเลนเซียทุกคนได้ใช้ชีวิตโดยลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งความตายสีดำที่ครอบงำทะเลทราย และนักสังหารอาร์คมานที่เป็นประวัติศาสตร์อันเลวร้ายของบาเลนเซีย..... #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 233 ความบาดหมางระหว่างชนเผ่าอาร์คมานและราชวงศ์เนเซลเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ชนเผ่าอาร์คมานที่อยู่ในบาเลนเซียมาตั้งแต่อดีตต่างเรียกตนเองว่า <ผู้พิทักษ์อารยธรรมโบราณ> พวกเขาปะทะกับเหล่าราชวงศ์เรื่องห้องหินโบราณและวัตถุโบราณต่างๆ ที่ปรากกฏในทะเลทรายบาเลนเซีย ทำให้อีมูร์ เนเซล กษัตริย์บาเลนเซียองค์ที่ 4 ได้ประกาศคำสั่งให้รวบตัวเผ่าอาร์คมาน

#2 ปีศักราชเอลีออนที่ 234

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

กษัตริย์อีมูร์ไม่ได้รับการยอมรับในทางที่ดีเท่าไหร่นัก และการขอไกล่เกลี่ยกับชนเผ่าอาร์คมานก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง เขาจึงตัดสินใจส่งกำลังพลไปยังเขตแดนของพวกอาร์คมาน และนั่นก็เป็นบ่อเกิดของการฆาตกรรมหมู่ขึ้น เดิมทีพวกอาร์คมานไม่ได้ยอมแพ้แม้ว่าจะเกิดการนองเลือดขึ้นมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนในที่สุด
และเมื่อเผ่าอาร์คมานถูกกำจัด หายนะอันยิ่งใหญ่ก็เข้ามากลืนกินแผ่นดินทิศตะวันตกทันที ความมืดสีดำที่มาจากกลุ่มการค้าบาเลนเซีย ทำให้กษัตริย์อีมูร์ต้องสูญเสียพระชายาอันเป็นที่รักไป ผู้คนต่างล่ำลือกันว่าการที่กษัตริย์อีมูร์ได้กำจัดเผ่าอาร์คมาน เป็นการทำให้เทพเจ้าโกรธแค้นจึงได้รับการลงโทษเช่นนี้ และผู้คนส่วนมากต่างมองว่าอีมูร์เป็นอสูรชั่วร้าย ทั้งๆ ที่บาเลนเซียใช้ก้อนหินสีดำและสร้างหายนะเหล่านี้ขึ้น นักบวชศาสนาเอลีออนแห่งคาลเพออน ต่างต้องการครอบครองทะเลทรายที่มีก้อนหินสีดำเหล่านี้ พร้อมกับอ้างว่าเป็นการทำเพื่อยุติหายนะทั้งปวง

#3 ปีศักราชเอลีออนที่ 236

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

กองทัพทหารบาเลนเซียยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ราวกับที่คณะสำรวจคาลเพออนได้คาดการณ์ไว้ ความแข็งแกร่งที่ต้องการปกป้องอาณาจักรของกองทหารบาเลนเซียไม่มีกองทัพใดสามารถเทียบได้ แม้ว่าสงครามจะยาวนานกว่า 30 ปี เนื่องจากความยึดติดของกาย เซริค กษัตริย์แห่งคาลเพออน แต่ท้ายที่สุดแล้วจุดจบของสงครามอันยาวนั้นก็มีเพียงความว่างเปล่า พายุทะเลทรายได้กลืนกินกองทหารคาลเพออนและกองทัพบาเลนเซีย นี่ถือเป็นประวัติการณ์ใหม่ที่แม้แต่บาเลนเซียเองก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน คาลเพออนสูญเสียคณะสำรวจไปมากมาย และไม่สามารถเผชิญหน้าในทะเลทรายต่อไปได้อีก สงครามทั้งหมดจึงต้องจบลงเนื่องจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ รอยเลือดที่เคยเอ่อล้นบนผืนทราย, ความโหดเหี้ยมของการปะทะกัน.. ทุกอย่างถูกทับถมลงไปราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน กษัตริย์อีมูร์ ได้สถาปนาสถานที่ทำสงครามว่า "ทะเลทรายสีแดง" เพื่อระลึกถึงการเสียสละของเหล่านักรบ และขอบคุณเทพเจ้าอาลล์ที่นำชัยชนะมาให้ คำพูดของกษัตริย์ที่ตรัสไว้ว่า “ทะเลทรายคือดินแดนของเทพเจ้าอาลล์ ความร่มเย็นของเทพเจ้าอาลล์คือโอเอซิส และก้อนหินสีดำคือความอุดมสมบูรณ์ของเทพเจ้าอาลล์” คำพูดนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางของบาเลนเซีย ความตายสีดำและสงครามอันยาวนานได้ก่อให้เกิดกลุ่มกบฏเล็กๆ ขึ้น เมื่อกษัตริย์สูญเสียพละกำลังเนื่องจากโรคร้าย ธอร์เม เนเซล ก็ได้รับกุญเเจทองคำและขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 5 ทันที ฮอร์เมร์ เนเซล ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ในช่วงอายุที่มากที่สุดในประวัติกาลของบาเลนเซีย ซึ่งเขามีโอรส 3 องค์ และธิดา 1 องค์ ในตอนนั้น

#4 ปีศักราชเอลีออนที่ 270 ฮอร์เมร์ เนเซล เป็นกษัตริย์ผู้มีความรู้ปราดเปรื่อง บาเลนเซียภายใต้การปกครองของฮอร์เมร์นั้น รุ่งเรื่องทั้งในด้านโหราศาสตร์, ดาราศาสตร์ และศาสนศาสตร์ และมีความมั่งคั่งจากการค้าผลึกดำในทะเลทรายเป็นอย่างมาก บาเลนเซียในตอนนั้นเสมือนเป็นเมืองใหญ่ที่แข็งแกร่งจนไม่มีใครสามารถทัดเทียมได้ แต่ภายหลังชาวเมืองต่างละทิ้งอดีตอันเรืองรองเหล่านั้น แล้วหันมานับถือเทพเจ้าอาลล์ เพื่อแสวงหาความสุขที่มากขึ้นให้แก่ตนเอง

#5 ปีศักราชเอลีออนที่ 282

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

หลังจากที่กษัตริย์ฮอร์เมร์เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว โอรสคนโตของเขา ซาฮาจาดด์ เนเซล ก็ได้ขึ้นครองราชเป็นกษัตริย์องค์ที่ 6 ซาฮาจาร์ดได้แต่งตั้ง บาร์ฮัน น้องชายคนที่สองที่เป็นบุตรของสตรีจากประเทศเพื่อนบ้าน ให้ดูแลกองทหาร, มานเมฮัน น้องชายคนที่สาม ดูแลประมวลกฎหมาย และ ซายา น้องสาวคนสุดท้อง ดูแลพระคัมภีร์อาล ตามความต้องการของฮอร์เมร์ผู้เป็นพ่อ ในขณะนั้นชาวบาเลนเซียทุกคนต่างมีความสงบสุขและอาณาจักรก็มีแต่ความร่มเย็น #6 ปีศักราชเอลีออนที่ 282 แต่ความสงบสุขนั้นมีอยู่ได้ไม่นานนัก เพราะ บาร์ฮัน เจ้าชายองค์ที่สอง ได้รับรู้จากมารดาของตนว่า กษัตริย์ซาฮาจาร์ดไม่ได้ครอบครองกุญแจทองคำที่สืบทอดต่อกันมานับพันปี มันเป็นสื่อกลางเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อราชวงศ์บาเลนเซียมาตั้งแต่รุ่นที่ 1 และถือเป็นสิ่งที่กษัตริย์แห่งบาเลนเซียทุกคนต้องมีไว้ครอบครองตอนที่ครองราชย์ หากกษัตริย์องค์ใดไม่มีกุญแจทองคำนี้ ก็จะไม่สามารถขึ้นครองราชย์ได้ หรือมันอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องที่อาร์คมานกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง หรือเรื่องยักษ์โบราณเริ่มเคลื่อนไหวในทะเลทรายก็เป็นได้ กุญแจที่เต็มไปด้วยความลับของประวัติศาสตร์บาเลนเซียนั้น กำลังสร้างรอยร้าวให้แก่ราชวงศ์บาเลนเซียในตอนนี้

ตำนานคามาซิลเวีย

ตำนานคามาซิลเวีย

คามาซิลเวีย (Kamasylvia) ยุคกำเนิดโลกที่บันทึกในประวัติศาสตร์ ณ. ที่ที่สูงที่สุดในใจกลางของป่า ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ได้แพร่รากลงไป ที่แห่งนั้นเองที่เทพธิดาซิลเวีย ได้ลงมาพร้อมกับวิญญาณธรรมชาติ
พร้อมกับตั้งชื่อให้ต้นไม้นั้นว่า คามาซิลฟ์ เธอรับพลังงานของอาทิตย์และพระจันทร์ แล้วให้กำเนิดคาเนลและเวดิล ที่ได้รับคำอวยพรจากแสงสีเขียวของป่าและนางฟ้าฟัน

#1 ปีศักราชเอลีออนที่ 274 กาย เซริค กษัตริย์แห่งคาลเพออน ได้ชื่นชมคามาซิลเวียว่าเปรียบเสมือน ‘ป้อมธรรมชาติเพื่อปกป้องธรรมชาติ’ ทั้งต้นไม้ที่สูงตระหง่าน และความเป็นอยู่ที่แสนสงบร่มเย็น รวมไปถึงกองทหารที่คอยปกป้อง คามาซิลเวียก็น่าทึ่งมากเช่นกัน พวกเขามีทักษะธนูที่ทหารคาลเพออนไม่สามารถทัดเทียมได้ และถือเป็นโอกาสดีต่อทหารคาลเพออนที่จะได้เรียนรู้ทักษะธนูด้วยเช่นกัน ในที่สุดคามาซิลเวียก็ตอบตกลงเป็นพันธมิตรทางทหารหลังจากที่กาย เซริคใช้เวลาโน้มน้าวอยู่นาน จากนั้นมา ทหารคามาซิลเวียจึงได้มาประจำการอยู่ที่ป้อมซาวนิลแห่งคาลเพออนภาคใต้ และฐานป้องกันโทรลล์ นักบุญเนลลี่ดอร์มินพร้อมกับนักบวชคนอื่นๆ ก็ถูกส่งไปอยู่ที่เขตลาดตระเวนต้นไม้ใบยาว ดูเหมือนว่าผลประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรครั้งนี้จะตกเป็นของคาลเพออนเสียส่วนใหญ่ โดยที่ไม่มีใครรู้ถึงสงครามที่เกิดขึ้นภายในคามาซิลเวียและการสู้รบกันของเหล่าลูกหลานนางฟ้าซิลเวีย เนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้ถูกปิดบังโดยนโยบายแห่งคามา-กราน่า ที่ต้องการปกป้องความงดงามของผืนป่านั่นเอง

#2 ปีศักราชเอลีออนที่ 276

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

โบรลีน่า โอเนท ผู้ที่ได้รับช่วงเป็นราชินีตั้งแต่ในวัยเยาว์นั้น ได้มุ่งมั่นตั้งใจที่จะปกป้องคามาซิลเวียอย่างสุดความสามารถ เธอได้รับพลังของคาเนลมาตั้งแต่กำเนิด และมีความสามารถใจการสื่อใจกับธรรมชาติเป็นอย่างดี ทั้งความรู้และความปราดเปรียวที่โดดเด่น ทำให้เธอคู่ควรกับตำแหน่งราชินีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่อย่างไรก็ตามสงครามก็ยังเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เธอเองต้องรับมือ การยั่วยุของอาฮีฟที่อยู่เบื้องหลังเหล่าเวดิลที่กำลังบุกรุกคามาซิลเวียถือเป็นอีกอุปสรรคอย่างยิ่ง และดูเหมือนมันจะเริ่มรุนแรงขึ้นทุกที แต่แท้จริงแล้ว เวดิลกับคาเนลนั้นมิได้บาดหมางกันมาตั้งแต่ต้น ในยุคแรก คาเนลได้รับพลังแห่งดวงอาทิตย์และเวดิลได้รับพลังแห่งดวงจันทร์ ทั้งสองต่างเป็นบุตรของเทพธิดาซิลเวียและเป็นพี่น้องที่รักใคร่กันเป็นอย่างดี แต่เมื่อถึงศักราชเอลีออน ปี 235 หายนะที่ครอบงำคามาซิลเวียได้ทำลายความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองลงจนหมดสิ้น เหล่าวิญญาณแห่งความมืดเริ่มเข้ามากลืนกินทุกสิ่งทั่วทั้งผืนป่า ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าใด การสูญเสียก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าลูกหลานซิลเวียต่างมีที่พึ่งพิงสุดท้ายคือพลังแห่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คามาซิลฟ์ ที่เทพธิดาซิลเวียได้ทิ้งไว้ให้ และแม้ว่าพวกเขาได้พยายามอ้อนวอนให้หายนะเหล่านี้สิ้นสุดลง เทพธิดาซิลเวียก็มิได้ตอบสนองความต้องการของพวกเขาแต่อย่างใด

มิหนำซ้ำ ยังมีคำทำนายแห่งหายนะถัดไปว่า ป่าจะต้องถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีขาว ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้แก่ลูกหลานซิลเวียเป็นอย่างมาก และในตอนนั้นเอง เหล่าเวดิลได้ค้นพบพลังที่เหนือกว่าเหล่าวิญญาณแห่งความมืด หลังจากที่พยายามค้นหาพลังอันแข็งแกร่งอยู่นาน แต่ก็ไม่พบพลังใดที่อยู่เหนือพลังแห่งคามาซิลฟ์ได้เลย ทำให้มีหนึ่งในเวดิลเสนอแนวคิดที่จะเผาต้นคามาซิลฟ์ แล้วดูดซึมพลังที่ได้จากการมอดไหม้นั้น ซึ่งแนวคิดที่ว่าก็ดูเหมือนจะเริ่มเป็นจริงขึ้นมา ในที่สุดพลังแห่งคามาซิลฟ์ก็ถูกเผาไหม้และพลังแห่งชีวิตก็ปรากฏขึ้น ซึ่งพลังดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงกว่าพลังใดๆ สุดท้าย ก็ไม่มีใครสามารถปกป้องคามาซิลฟ์ไว้ได้ เหล่าลูกหลานคามาซิลฟ์ต่างโศรกเศร้าเสียใจที่มารดาแห่งธรรมชาติต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเสียดาย แต่ไม่นานบทเพลงแห่งป่าก็บรรเลงขึ้น ทำให้ธรรมชาติถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง บทเพลงนี้แฝงไปด้วยท่วงทำนองแห่งการปลุกคามาซิลฟ์ให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

วิญญาณแห่งความมืดได้หายไป แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือการที่ไม่มีใครสามารถใช้พลังแห่งเทพธิดาได้อีก และนั่นก็เป็นสัญญาณว่าวิกฤตอันเลวร้ายยังไม่ผ่านพ้นไป หรือบางทีอาจเกิดหายนะที่ใหญ่กว่าเดิมก็เป็นได้ เหล่าลูกหลานแห่ง คามาซิลฟ์ที่สัมผัสได้ถึงวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ต่างใช้พลังแห่งวิญญาณและกิ่งของคามาซิลฟ์มาผลิตเป็นอาวุธเพื่อเตรียมพร้อม เหล่าเรนเจอร์ชั้นสูงที่มีความสามารถด้านการใช้ดาบและธนู ได้จัดตั้งกลุ่มองครักษ์อาเคลขึ้น และประจำการอยู่ที่เมืองหลวง หลังจากนั้นคามาซิลเวียก็ปิดประตูเมืองทุกทิศทาง และประกาศห้ามไม่ให้คนภายนอกเข้ามาภายในเป็นอันขาด หลังจากนั้นมา เหล่าเวดิลและคาเนลก็เริ่มห่างเหินกันมากขึ้น และใช้ชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่แล้ว เหล่าอาฮีฟก็เป็นฝ่ายเริ่มซุ่มโจมตีองครักษ์อาเคลก่อน ซึ่งอาฮีฟเหล่านี้ได้ใช้พลังแห่งธรรมชาติที่แฝงอยู่ในเวดิลมาตั้งแต่ต้น พวกนั้นอาจจะยังหลงเหลือพลังมหาศาลที่ได้จากการเผาต้นคามาซิลฟ์อยู่ ว่ากันว่าการสูญเสียต้นคามาซิลฟ์ครั้งนี้ คือการให้กำเนิดเหล่าอาฮีฟแสนโหดเหี้ยม พวกนั้นเมินเฉยต่อผืนป่าและเหล่าวิญญาณที่ให้กำเนิดตนเอง และยึดตนเองเป็นหลักโดยไม่ยอมรับความเห็นจากผู้อื่น สำหรับชาวคามาซิลเวียแล้ว ฮาฮีฟเหล่านี้ถือเป็นผู้ที่อยู่นอกรีต และตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเหล่าเวดิลด้วยกัน เมื่อความขัดแย้งนี้ได้ดำเนินไปเรื่อยๆ อยู่ๆ เวดิลส่วนหนึ่งก็ได้ประกาศสันติภาพขึ้น และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการประกาศสันติภาพในครั้งนี้ ก็คือ ดาร์คไนท์ ผู้ทำสนธิสัญญาว่าจะปกป้องและกอบกู้คามาซิลฟ์ให้กลับคืนมา ดูเหมือนว่าท่ามกลางอาเคล, เรนเจอร์, ดาร์คไนท์ และอาฮีฟ จะไม่มีจุดศูนย์กลางใดๆ ที่สามารถยึดเหนี่ยวพวกเขาได้เลย

นับวัน ความอวดดีของเหล่าอาฮีฟก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ากันว่าพวกนั้นกำลังทำพฤติกรรมแปลกๆ ที่บริเวณภูเขาคาบัว จุดกำเนิดของป่าไม้บิดเบี้ยว กลุ่มองครักษ์อาเคลจึงออกลาดตระเวนตามสถานที่ต่างๆ ในป่าเพื่อป้องกันการบุกรุกของเหล่าอาฮีฟ แน่นอนว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อาฮีฟโกรธแค้น ก็คือการประกาศสันติภาพของดาร์คไนท์ที่ถือตนเป็นเวดิล แต่เหล่าอาเคลเองก็มิได้เริ่มจู่โจมพวกอาฮีฟก่อน แต่ได้มุ่งเป้าหมายไปยังเหล่าเวดิลแทน เหล่าอาเคลต่างไม่ได้หวาดกลัวการทำสงคราม เนื่องจากรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเวดิลมีจำนวนน้อย จึงไม่สามารถเอาชนะอาเคลที่มีจำนวนมากกว่าได้แน่นอน เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ดาร์คไนท์ตัดสินใจเดินทางออกจากคามาซิลเวียไปในตอนรุ่งสางของวันหนึ่ง หลังจากที่ดาร์คไนท์จากไป เหล่าอาเคลก็เริ่มจดจ่อกับการกวาดล้างพวกอาฮีฟมากขึ้น อาฮีฟพ่ายแพ้ต่อการโจมตีของอาเคล และหลบหนีไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชนเผ่าหมีซาลูน โดยที่อาเคลเองไม่สามารถติดตามเหล่าอาฮีฟเข้าไปยังสถานที่ดังกล่าวได้

เนื่องจากที่นั่นมีเหล่าหมีซาลูนอันดุร้ายและสื่อสารด้วยภาษาที่แตกต่าง แม้แต่อาฮีฟเองก็ยากที่จะสื่อสารและฝึกฝนหมีซาลูนที่มีร่างอันใหญ่โตและดวงตาที่เปล่งประกายท่ามกลางความมืด ทำให้เหล่าอาเคลตัดสินใจถอยทัพกลับมายังคามาซิลเวีย และมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูธรรมชาติให้กลับมายั่งยืนอีกครั้ง สุดท้ายพวกเขาก็ได้พบวิธีคืนชีพให้แก่คามาซิลฟ์ และในขณะเดียวกันก็ยังมีเวดิลบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในคามาซิลเวีย พวกเขาได้รับพลังจากคาเนล และเป็นผู้ที่ต่อต้านการกระทำอันเลวร้ายของเหล่าเวดิลอื่นๆ ทำให้พวกอาเคลตัดสินใจต้อนรับเวดิลพวกนี้ไว้ในดินแดนของตน

#3 ปีศักราชเอลีออนที่ 283

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

หนึ่งในการเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นในคามาซิลเวีย ก็คือการฟื้นตัวของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เหล่านักบวชต่างพยายามที่จะปลุกต้น คามาซิลฟ์ให้ตื่นขึ้นอีกครั้งและผ่านการฝึกฝนมากมายเพื่อที่จะได้เป็นนักบุญเต็มตัว หลังจากเติบโตอย่างแข็งแกร่งเต็มที่แล้ว พวกเขาได้เดินทางออกไปด้านนอกคามาซิลเวีย เพื่อยืมพลังของเหล่าวิญญาณในดินแดนต่างๆ แล้วนำกลับมาเยียวยารักษาคามาซิลฟ์ให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง #4 ปีศักราชเอลีออนที่ 284 เวลาผ่านเลยไปราว 8 ปี ที่อาฮีฟอาศัยอยู่ในดินแดนอันแห้งแล้งของหมีซาลูนนั้น... พวกนั้นได้สร้างป้อมอาฮีฟขึ้นที่โอดีลิธราดินแดนแห่งความมืด ว่ากันว่าพวกนั้นสร้างอาวุธชนิดใหม่ขึ้นโดยใช้พลังจากหมีซาลูน ดินแดนที่เคยแห้งแล้งมีแต่ขวากหนามนั้นกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเหล่าอาฮีฟ ถูกจับตามองผ่านหอรักษาการณ์เลโมเรียที่อยู่ทางทิศตะวันออกของทุ่งหญ้าคามาซิลเวีย อยู่มาวันหนึ่ง สมาชิกหน่วยรักษาการณ์เลโมเรียที่คอยสังเกตการณ์บริเวณอุโมงค์ดูจาร์ค ได้พบเห็นเหล่าอาฮีฟที่เดินทางออกนอกดินแดนของตนเพื่อที่จะมาบุกรุกบริเวณรอบๆ คามาซิลเวีย และแม้ว่าหน่วยรักษาการณ์จะพยายามป้องกันเหล่าอาฮีฟเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะไม่เห็นผล และมีแต่จะสูญเสียกำลังพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหล่านักบวชคามาซิลฟ์จึงตัดสินใจผนึกอุโมงค์ดูจาร์คเพื่อไม่ให้พวกอาฮีฟเล็ดลอดเข้ามา อาฮีฟเหล่านั้นต่างไปจากเดิมมากนัก พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าราวกับว่าได้พบกับวิญญาณแห่งความมืดอีกครั้ง การฟื้นฟูคามาซิลฟ์เกือบจะสำเร็จแล้ว แต่เหตุการณ์การบุกรุกของเหล่าอาฮีฟก็รุนแรงขึ้นทุกที สุดท้ายแล้วเหล่าอาเคลจะรักษาสันติภาพของผืนป่าไว้ได้หรือไม่

#5 ปีศักราชเอลีออนที่ 286 ราชินีโบรลีน่าได้เปิดเส้นทางและประตูทั้งหมดสำหรับมุ่งหน้าไปยังคามาซิลเวีย รวมทั้งได้ส่งสารไปยังคาลเพออนและดรีกัน

ตำนานดรีกัน

ตำนานดรีกัน

ดินแดนแห่งมังกร, ดรีกัน (Drieghan) ราคาของการแปดเปื้อนเลือดมังกรนั้นแพงนัก
คำสาปของการฆ่ามังกรไม่ได้หายไปจาก ‘เซเรคาน’ พวกเขายังคงเตร็ดเตร่ไปตลอด เพื่อเชือดคอมังกร #1 ปีศักราชเอลีออนที่ 185

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

ชนเผ่าหนึ่งได้ใช้เลือดของมังกรจากความผิดพลาดที่ไม่มีใครคาดคิด ผิวหนังของพวกเขากลายเป็นสีดำราวกับเกล็ดมังกรและลำตัวก็เริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเรียกตนเองว่า ‘เซเรคาน’ เดิมที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ทิศตะวันออกของดรีกัน อาคุมผู้เป็นหนึ่งในเซเรคานได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ไม่สามารถรักษาเกียรติภูมิแห่งเซเรคานไว้ได้ยาวนานเท่าไหร่นัก เนื่องจากอยู่ๆ แผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็กลายเป็นแผ่นดินแห้งแล้ง ผู้คนต่างอดตายในสภาพที่อิดโรยและขาดน้้ำ
ในระหว่างที่เหล่านักรบเซเรคานต่างดิ้นรนต่อสู้ ก็มีผู้หนึ่งได้ออกมาเปิดเผยว่าหายนะในครั้งนี้ คือผลตอบแทนที่พวกเขาได้ใช้เลือดของมังกรในทางที่ผิด จุดจบของประวัติศาสตร์เซเรคานได้มาถึงแล้ว อาคุม หนึ่งในทายาทรุ่นหลังของเซเรคานผู้ปลิดชีพมังกร ได้ส่งมอบฟันของมังกรให้แก่คนรุ่นหลังก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แล้วพูดว่า ‘จงฝังฟันมังกรนี้ไว้ในดิน และจงตั้งถิ่นฐานในที่ที่ฝนโปรยปรายลงมา’ และต่อมา ชาวเซเรคานรุ่นหลังก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอาคุมอย่างเคร่งครัด

#2 ปีศักราชเอลีออนที่ 226

วิกฤตการณ์ซาตานแห่งรัก ตอนที่1

ในขณะนั้น มีฝนโปรยปรายจากฟากฟ้าลงมาบนแผ่นดินที่ฝังฟันของมังกรไว้ นับเป็นฝนที่ตกลงมาครั้งแรกในรอบสี่สิบปี ทำให้ลำธารในดรีกันที่เคยเเห้งเหือดเต็มเปี่ยมไปด้วยกระแสน้ำอีกครั้ง ในที่สุดเดอร์เวนครูนก็กลับมามีชีวิตชีวา ที่ผ่านมาเหล่าทายาทเซเรคานต่างพยายามค้นหาพื้นดินที่พอจะอยู่อาศัยได้ แต่ก็ยากที่จะพบ ในตอนนี้ร่างกายของพวกเขานั้นก็อ่อนแอมากเต็มที จากเดิมที่พวกเขาเคยมีร่างกายใหญ่โตกว่าเหล่าเบอร์เซิร์กเกอร์ ตอนนี้เขาสูญเสียทั้งพลังและความสามารถไปอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างน้อย ความสุขที่ได้รับจากการฟื้นฟูของแผ่นดินนี้ ก็ทำให้พวกเขาคลายจากความโศรกเศร้าได้มากทีเดียว

#3 ปีศักราชเอลีออนที่ 235 เหล่าลูกหลานเซเรคานต่างต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนพเนจรมาเป็นระยะเวลานานเนื่องจากบทลงโทษแห่งมังกร ผู้คนจากต่างถิ่นต่างคิดว่าดรีกันนั้นเป็นดินแดนของมังกร จึงไม่กล้าแม้แต่จะไปเยือนที่นั่น และข่าวลือเกี่ยวกับความแห้งแล้งที่ไม่มีแม้แต่พืชเจริญเติบโตนั้น ก็ยังแพร่กระจายต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ว่าสายฝนได้โปรยปรายลงมาแล้วก็ตาม จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เมืองอื่นๆ ไม่ค่อยรู้จักเมืองหลวงเดอร์เวนครูนเท่าไหร่นัก บริเวณหัวมังกรหนึ่งในห้าส่วนของดรีกันที่ถูกแบ่งออกนั้น เป็นที่ตั้งของหลุมศพเซเรนคาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความหมายต่อชาวเซเรคานเป็นอย่างยิ่ง และเป็นสถานที่สำหรับระลึกถึงคุณงามความดีที่บรรพบุรุษเซเรคานได้ทำไว้ในอดีต