น้ำจิ้ม สุกี้ พันท้าย ประวัติ

รายละเอียดสินค้า

พันท้ายนรสิงห์ น้ำจิ้มสุกี้ สูตรกวางตุ้ง 330 ก.

พันท้ายนรสิงห์น้ำจิ้มสุกี้สูตรกวางตุ้ง ผลิตจากกระเทียม พริกกะเหรี่ยง และงาขาวคุณภาพดีที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ปรุงรสด้วยสูตรพิเศษเฉพาะจากพันท้ายนรสิงห์ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับสุกี้สุดโปรดของคุณให้อร่อย และน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

- ผลิตจากกระเทียม พริกกะเหรี่ยง และงาขาวคุณภาพดี
- ปรุงรสด้วยสูตรพิเศษเฉพาะจากพันท้ายนรสิงห์
- ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย
- ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารเมนูสุกี้ให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

*ภาพประกอบใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น

พันท้ายนรสิงห์ น้ำจิ้มสุกี้กวางตุ้ง สูตรกวางตุ้ง ที่ผลิตจากกระเทียม พริกกะเหรี่ยงและงา คุณภาพดี ปรุงรสด้วยสูตรพิเศษเฉพาะพันท้ายนรสิงห์ รสชาติกลมกล่อม

ขนาด : 330 กรัม / ขวด

การเก็บรักษา : อุณหภูมิห้องปกติ จัดเก็บในที่แห้ง พ้นแสง

11 ต.ค. 2017

น้ำจิ้มสุกี้ พันล้าน / โดย เพจลงทุนแมน
ธุรกิจน้ำจิ้มชื่อบ้านบ้าน
ใครจะไปคิดว่ามียอดขายพันล้าน
ชื่อยี่ห้อนี้คือ พันท้ายนรสิงห์
ก่อนได้พันล้าน เขาเริ่มมายังไง จะเล่าให้ฟัง

พันท้ายนรสิงห์ก่อตั้งในปี 2505 โดยคุณสมศักดิ์ และ คุณสุรีย์ วัฒนาพร

ตอนแรกทั้งคู่ทำธุรกิจร้านกาแฟ อยู่หน้าโรงหนังแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร แต่มาวันหนึ่งโรงหนังได้เกิดไฟไหม้ ทำให้กิจการเล็กๆ ของครอบครัววัฒนาพร ต้องเสียหายไปด้วย

เมื่อไม่มีร้านทางคุณสมศักดิ์จึงมองหาช่องทางการขายใหม่ๆ โดยการนำข้าวเกรียบกุ้งใส่ถุงกระดาษ ก่อนนำใส่กระจาดเร่ขายตามท่าเรือและโบกี้รถไฟ ในบริเวณจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อกิจการเริ่มขายดี ต่อมาจึงเข้ามาขายที่กรุงเทพ

แต่จุดเปลี่ยน คือ
มีลูกค้าคนหนึ่งถามคุณสมศักดิ์ระหว่างซื้อข้าวเกรียบกุ้งว่า “ไม่มีอะไรมาจิ้มกับข้าวเกรียบกุ้งบ้างหรือ”

หลังจากนั้น ทำให้เขาเกิดไอเดียเพื่อ "แตกไลน์" สินค้าใหม่ ด้วยการดัดแปลง "น้ำพริกเผา" แบบของคนจีน มาแต่งเติมรสชาติให้ถูกปากคนไทย

ความอร่อยของน้ำพริกเผานี้ ถึงขนาดทำให้คนที่ไปเมืองนอกในสมัยนั้นต้องหิ้วใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องไปด้วย

ในช่วงนั้นไม่มีสื่อโฆษณามากมาย รวมทั้งมีโทรทัศน์เพียงไม่กี่ช่อง การเป็นที่รู้จักก็มาจากการบอกต่อกันของลูกค้าผู้ที่ได้ลิ้มลองรสชาติน้ำพริกเผาพันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือเป็นน้ำพริกเผาที่ขายดีที่สุดในเวลานั้น

และก็อย่างที่เห็น หลังจากนั้นจึงเป็นที่มาของการเพิ่มน้ำพริกเผาประเภทต่างๆ รวมไปถึงน้ำปลา น้ำจิ้มไก่ และผลิตภัณฑ์อาหารปรุงรสอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำจิ้มสุกี้ ที่เราคงรู้จักเป็นอย่างดี

พันท้ายนรสิงห์เริ่มบุกตลาดต่างประเทศครั้งแรกที่ออสเตรเลียในปี 2519 ปัจจุบันบริษัทมีสินค้า 100 ชนิด ส่งออกไปกว่า 40 ประเทศทั่วโลก

แล้วบริษัทนี้มีรายได้เท่าไร?

รายได้และกำไรของบริษัท อุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมือง จำกัด

ปี 2557 รายได้ 2,002 ล้านบาท กำไร 351 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 2,144 ล้านบาท กำไร 494 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 2,291 ล้านบาท กำไร 478 ล้านบาท

มีคนเคยถามว่า ทำไมถึงใช้ชื่อพันท้ายนรสิงห์ มาตั้งเป็นชื่อบริษัท คุณสมศักดิ์ เล่าว่าเพราะปรัชญาการดำเนินธุรกิจของเราจะเน้นไปที่ความซื่อสัตย์ ทั้งเพื่อตัวเราเองและเพื่อลูกค้านั่นจึงเป็นที่มาของการใช้ชื่อ “พันท้ายนรสิงห์” วีรบุรุษแห่งความซื่อสัตย์นั่นเอง

ใครจะไปคิดว่า
นับจากวันนั้น วันที่ลูกค้ามาถามว่ามีอะไรมาจิ้มกับข้าวเกรียบมั้ย จนถึงวันนี้คุณสมศักดิ์ได้สร้างธุรกิจมาเป็นหลักพันล้านบาท

บางครั้งโอกาสก็แอบซ่อนอยู่ในสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราคิดว่าธรรมดา ไม่มีอะไร

แต่ถ้าเรารู้จักสังเกต ดัดแปลง นำไอเดียใหม่ๆมาใช้พัฒนาต่อยอด เราก็อาจประสบความสำเร็จโดยไม่รู้ตัว

อย่าดูถูกตัวเองว่ากำลังทำในสิ่งที่ไม่มีค่า

ถ้าคุณสมศักดิ์ไม่ขายข้าวเกรียบในวันนั้น ก็คงไม่มีพันท้ายนรสิงห์ในวันนี้..
----------------------
<ad> รีไฟแนนซ์ บ้าน คอนโด กับ REFINN ประหยัดเงินได้เป็นล้าน ประหยัดเวลาได้เป็นปี ไม่มีค่าบริการ คลิก https://goo.gl/2KgGWa
----------------------

Source
-info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=07016010654&srcday=2011-06-01&search=no
-pantainorasingh.com/?name=aboutus
-youtube.com/watch?v=D4OiY9_4ieo

     บริษัทอุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมืองจำกัด  ก่อตั้งขึ้นโดยคุณพ่อสมศักดิ์และคุณแม่สุรีย์ วัฒนาพร
โดยในเริ่มแรกเป็นกิจการในครัวเรือน  ผลิตสินค้าเริ่มแรกคือข้าวเกรียบกุ้งและน้ำพริกเผา  โดยได้นำผลิตภัณฑ์ทั้ง  2
ชนิด  ไปจำหน่ายที่สถานีรถไฟมหาชัย  ร้านเป็นแผงขายเล็ก ๆ  เมื่อสินค้าเริ่มติดตลาด เพราะรสชาติความอร่อย
ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จึงได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า  “ตราพันท้ายนรสิงห์”  ครั้งแรกในปีพ.ศ.  2505
เนื่องจากคุณพ่อสมศักดิ์และคุณแม่สุรีย์  วัฒนาพร มีความเคารพและศรัทธาในความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีของ
วีรบุรุษพันท้ายนรสิงห์ จึงได้อัญเชิญนามอันเป็นมงคล  “พันท้ายนรสิงห์” มาใช้เป็นตราเครื่องหมายการค้า
ของบริษัทฯ หลังจากนั้นจึงได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบกุ้งและน้ำพริกเผาไปจำหน่ายที่ตลาดนัดท้องสนามหลวง
และได้เริ่มโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าตามงานแสดงสินค้าต่าง ๆ  เช่น  งานวชิราวุธ,  งานแสดงสินค้าไทย,
งานกาชาด  เป็นต้น  ด้วยความวิริยะ  อุตสาหะ ทำให้สินค้าตราพันท้ายนรสิงห์ติดตลาดและผู้บริโภคให้ความเชื่อถือ
ในด้านความอร่อยและคุณภาพที่ดีเยี่ยม  จึงได้เริ่มสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นในปีพ.ศ. 2510 เพื่อผลิตสินค้าประเภท
น้ำพริก คลุกข้าวต่าง ๆ  เช่น  น้ำพริกตาแดง, น้ำพริกนรก, น้ำพริกสวรรค์, น้ำพริกปลาย่าง, น้ำพริกปลาร้า,น้ำพริกลืมอิ่ม,
น้ำจิ้มไก่ ฯลฯ
   
     บริษัทอุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมืองจำกัด ได้ค้นคว้าและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งคงเอกลักษณ์
ความเป็นไทย ภูมิปัญญาพื้นบ้าน  จนกระทั่งในปี พ.ศ.  2517 จึงได้เริ่มต้นส่งสินค้าออกไปจำหน่ายยังตลาดต่าง
ประเทศ และได้สร้างโรงงานแห่งใหม่ในปี พ.ศ. 2528  เพื่อผลิตเครื่องปรุงรสต่าง ๆ  น้ำจิ้มสุกี้, น้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย,
มันกุ้งเสวย, มันปูเสวย, น้ำจิ้มปอเปี๊ยะและซอสต่าง ๆ  ได้เริ่มทำการผลิตตามคำเรียกร้องของลูกค้าซึ่งได้รับความนิยม
มากขึ้น สืบเนื่องจากผู้บริโภคที่มีอุปการคุณบอกต่อปากต่อปากถึงความอร่อย  และไว้วางใจว่าเป็นสินค้าคุณภาพชั้นที่ 1
จึงได้เลือกซื้อไว้ใช้ในครัวเรือน  เครื่องปรุงรสแบบไทยๆ-เครื่องจิ้ม-ผลิตภัณฑ์ประเภทหน่อไม้ต่าง ๆ
ได้จัดส่งไปจำหน่ายทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์  และประเทศยุโรปรวมทั้งในแถบเอเชีย ฯลฯ
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 บริษัทอุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมืองจำกัดได้สร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ทันสมัยขึ้นที่
ตำบลกาหลง  จังหวัดสมุทรสาครในเนื้อที่  82 ไร่ โดยได้พัฒนาธุรกิจในครัวเรือนเป็นอุตสาหกรรมผู้ผลิตอาหาร
ชั้นแนวหน้าที่สมบูรณ์แบบ และเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งจนถึงปัจจุบัน ได้จัดส่งผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า
“ตราพันท้ายนรสิงห์” ไปจำหน่ายยังต่างประเทศกว่า  40 ประเทศ  และผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่ยอมรับ
ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 100 ชนิด

     บริษัทอุตสาหกรรมพันท้ายนรสิงห์สินค้าพื้นเมืองจำกัดจำกัด ยึดถือความซื่อสัตย์ในการดำเนินธุรกิจและมุ่งมั่น
และพัฒนาผลิตภัณฑ์ คัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและตรวจสอบกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เพื่อให้สินค้าภายใต้
เครื่องหมายการค้า “ตราพันท้ายนรสิงห์”  มีคุณภาพดีที่สุดจึงทำให้บริษัทได้รับรางวัลมากมายอาทิเช่น
ผลิตภัณฑ์ดีเด่น  สำเภาทองคำ  ปี  2532,  ธุรกิจยอดเยี่ยมประเภทอาหารไทยสำเร็จรูป (เครื่องจิ้ม) ปี 2533,
PRIME MINISTER’S EXPORT  AWARD  1998 , BEST  PRODUCT  AWARD  ฯลฯ
และนำเทคโนโลยีทางด้านเครื่องมือและเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต  ผลิตภัณฑ์ตราพันท้ายนรสิงห์
ได้ผ่านกรรมวิธีที่สะอาดถูกต้องตามหลักโภชนาการตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 9001:2000, HACCP, GMP
และหลักศาสนาอิสลามจนได้รับการรับรองการใช้เครื่องหมายฮาลาล ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของบริษัทฯได้ทำการปรุงรส
เพื่อให้ได้กลิ่น สี และรสชาติที่หอม อร่อย กลมกล่อม ตามตำรับพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผลิตภัณฑ์อาหารไทย
ตราพันท้ายนรสิงห์ ที่เลื่องชื่อมาช้านาน
 
     ปีพ.ศ. 2548   นี้  บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น
( Prime Minister’s  Export  Award 2005)  จาก ฯพณฯ พตท. ทักษิณ  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  โดยได้รับถึง 2
รางวัล คือ 1. รางวัลประเภทผู้ส่งออกสินค้าไทยดีเด่น  (Best  Exporter)  2. รางวัลประเภทผู้ส่งออกสินค้าไทย
ที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง  (Thai Owned Brand)  บริษัทฯขอขอบคุณผู้บริโภคทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจใน
ผลิตภัณฑ์ตราพันท้ายนรสิงห์มาช้านานและยืนยาวต่อไป บริษัทขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงรักษาคุณภาพ
และพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ “ตราพันท้ายนรสิงห์” อย่างไม่หยุดยั้งให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลกต่อไป.....