พนักงานลาออกบ่อยหนึ่งในสาเหตุสุดปวดใจของผู้บริหารและ HR เพราะเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร ทั้งในแง่ของการทำงานที่ขาดช่วง การหาพนักงานใหม่และการฝึกสอนงานของส่วนนั้นใช้ระยะเวลาพอสมควร พบกับสุดยอดการแก้ปัญหาพนักงานลาออกบ่อย และวิธีรักษาพนักงานในองค์กร ด้วย Talent Management Show
ทำไมต้องแคร์ก็แค่พนักงานลาออกบ่อยการมีพนักงานเข้ามาใหม่และลาออกไป ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกองค์กรจะต้องพบเจอ แต่หากภายในองค์กรมีอัตราการลาออกของพนักงาน (Turnover Rate) สูง อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นกับบริษัทได้ แม้พนักงานลาออกจะสามารถหาคนใหม่เข้ามาทดแทนได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาพนักงานลาออกบ่อย สามารถส่งผลกระทบต่อตัวองค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ ดังนี้
ปัญหาหลักผลักพนักงานออกจากองค์กรปัญหาหลักในการลาออกของพนักงานมีอยู่หลายเหตุผลด้วยกัน ถ้าทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและใช้ Talent Management ในการแก้ปัญหา ย่อมเป็นการรักษาพนักงานเพื่อลดการลาออกได้ โดยปัญหาหลักที่ผลักพนักงานออกจากองค์กร มีดังนี้ งานปัญหาเกี่ยวกับงานที่สามารถส่งผลให้พนักงานลาออก แบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ ปริมาณงานที่มากเกินไป และเนื้องานที่ขาดความท้าทาย กล่าวคือ พนักงานที่ทำได้หลายอย่าง หรือมีความสามารถในการทำงานแบบ Multitasking อาจได้รับการมอบหมายภาระงานมากเกินไปจนงานล้นมือ ไม่สามารถทำให้เสร็จตามกำหนด และเกิดความเครียดเรื่องงานตามมาได้ ในทางกลับกัน หากงานที่ทำขาดความน่าสนใจ หรือมีแต่ความจำเจ อาจก่อให้เกิดความเบื่อหน่าย และทำให้พนักงานตัดสินใจลาออกในที่สุดได้เช่นกัน เงินเงินเดือนและสวัสดิการที่ได้รับจากองค์กร ถือเป็นเหตุผลหลักในการที่พนักงานลาออกบ่อย เมื่อใดที่พนักงานรู้สึกว่าเงินเดือนที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับงานที่ทำ หรือไม่คุ้มค่ากับความสามารถที่ตนมี ย่อมต้องหาบริษัทที่ให้เงินเดือนและสวัสดีการที่เหมาะสมมากกว่า ดังนั้น การที่ได้รับเงินเดือนต่ำกว่าฐานเงินเดือนตามตำแหน่งที่ควรได้รับนั้นอาจเป็นอีกแรงจูงใจสำคัญในการลาออก คนเนื่องจากในการทำงาน จำเป็นต้องใช้เวลาร่วมกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เฉลี่ยแล้ว 8 ชั่วโมงต่อวัน หากเกิดปัญหาความขัดแย้งในที่ทำงาน ความเห็นต่างกัน การแบ่งฝ่าย และการเลือกปฏิบัติ โดยไม่มีการแก้ไข พนักงานหลายคนจึงเลือกวิธีลาออก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้น และเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตนเองเอาไว้ นอกจากนี้ หากผู้จัดการขาดความน่าเชื่อถือ หรือไม่สามารถพึ่งพาได้เมื่อเกิดปัญหา ก็เป็นปัจจัยให้พนักงานลาออกเช่นกัน โอกาสและความก้าวหน้างานที่ทำไปเรื่อยๆ ไม่ได้ฝึกทักษะพัฒนาฝีมือ หรือมองไม่เห็นโอกาสที่จะก้าวหน้าหรือเติบโตได้ในอนาคต รวมถึง องค์กรไม่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ลองทำอะไรใหม่ๆ พนักงานอาจลาออกเมื่อเจอบริษัทอื่นที่เปิดโอกาส ตำแหน่งงานมีความท้าทาย หรือมีความก้าวหน้าทางอาชีพมากกว่า เพราะช่วยกระตุ้นให้พนักงานมีความตื่นตัวในการทำงาน สภาพแวดล้อมสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กรเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้พนักงานลาออกบ่อยได้ กล่าวคือ บริษัทที่ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน เช่น คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พื้นฐาน จนทำให้พนักงานทำงานได้อย่างยากลำบาก หรือองค์กรที่มีวัฒนธรรมในการยึดระบบความอาวุโสเป็นหลัก จนไม่เปิดโอกาสให้พนักงานที่มีอายุงานน้อยกว่าแสดงความคิดเห็น เป็นต้น มารู้จัก Talent ManagementTalent Management หรือ การบริหารจัดการคนเก่งในองค์กร คือ กระบวนการบริหารจัดการบุคลากรที่มีศักยภาพสูงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการต่างๆ นั้นจะต้องทำโดยใส่ใจในรายละเอียด ผ่านการคิดวิเคราะห์และวางแผนให้ดีในทุกขั้นตอน เพราะทุกอย่างมีความเกี่ยวเนื่องกัน เป็นวิธีการแก้ปัญหาพนักงานลาออกบ่อยที่ได้ผลสัมฤทธิ์ โดยผลลัพธ์ที่ออกมาจะสามารถพัฒนาคนเก่งในองค์กรให้มีศักยภาพสูงขึ้น เพื่อพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงของงานที่มีความท้าทาย หรือมีปริมาณมากขึ้นในอนาคต และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การที่ HR นำ Talent Management มาใช้ นอกจากจะพัฒนาคนเก่งให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความต้องการขององค์กรแล้ว ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าของบุคคลากร ทำให้คนเหล่านี้มีทัศนคติที่ดี พึงพอใจต่องานและอยู่กับองค์กรได้นานมากยิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนพนักงานที่ให้ความคุ้มค่า และนำมาซึ่งผลประโยชน์ของบริษัทได้ จัดการให้เป๊ะทุกขั้นตอนของ Talent ManagementTalent Management มีหลากหลายขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอน HR จะต้องใส่ใจในรายละเอียด และวางแผนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อพนักงานที่มีศักยภาพสูงและองค์กร ซึ่งถ้าทำให้รัดกุม ชัดเจน และรอบคอบตั้งแต่ขั้นตอนแรกจะสามารถลดปัญหาพนักงานลาออกบ่อยได้ โดย Talent Management อาจมีขั้นตอนแยกย่อยต่างกันไปตามแต่ละสำนัก ซึ่งขั้นตอนหลักๆ มีดังต่อไปนี้ การสรรหาพนักงาน (Sourcing)พื้นฐานสำคัญในการหาพนักงานที่มีศักยภาพสูง คือ การสรรหาพนักงาน โดยในปัจจุบันมีหลายวิธีการ เช่น
โดยสิ่งที่องค์กรควรให้ความสำคัญในขั้นตอนนี้ คือ การเขียนคำบรรยายลักษณะงาน (Job Description) และภาระหน้าที่การทำงาน ให้มีความชัดเจน ครอบคลุม และสอดคล้องกับการทำงานจริงมากที่สุด เพื่อให้ได้แคนดิเดตที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ และเพื่อให้ผู้สมัครเข้าใจความต้องการของบริษัท การคัดเลือกพนักงาน (Screening and Selection)ขั้นตอนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างถูกต้องของ HR โดยต้องมีข้อมูลและวิธีการที่มากพอในการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นพนักงาน ที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสามารถเพียงพอกับตำแหน่งงานที่เปิดรับ โดยอาจใช้การประเมินร่วมกันหลายอย่าง เช่น การให้ทำแบบทดสอบเกี่ยวกับทักษะการทำงาน หรือการถามคำถาม เพื่อวัดว่าแคนดิเดตมีทัศนคติสอดคล้องกับภาพรวมขององค์กรหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทได้พนักงานใหม่ที่เข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กร และมีโอกาสอยู่ในบริษัทได้นาน การใช้งานพนักงาน (Deployment) HR ต้องสังเกตถึงจุดเด่นของพนักงานที่มีคุณสมบัติและความสามารถ จากนั้นนำจุดเด่นของพนักงานมาวางแผน เพื่อทำการมอบหมายงานให้เหมาะสมกับตัวบุคคล ซึ่งจะส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพสูงตามมาและถือเป็นการนำพรสวรรค์ ความเก่ง ของพนักงานคนนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรได้ รวมถึง ยังทำให้พนักงานเห็นคุณค่าในความสามารถของตนเอง และเป็นแรงจูงใจให้อยากทำงานกับบริษัทอีกด้วย การพัฒนาพนักงาน (Development)HR ต้องมีความเข้าใจถึงความต้องการของพนักงานแต่ละบุคคล ว่ามีศักยภาพสูงในด้านใด ขาดทักษะหรือความรู้ใด เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการทำงานประเภทใด และมีสามารถโดดเด่นในด้านไหนที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต เพื่อให้สามารถออกแบบ หรือจัดหาเทรนนิ่ง ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพในการทำงานของบุคลากรได้ ซึ่งจะทำให้พนักงานรู้สึกได้พัฒนาตนเอง และทำให้ศักยภาพในการทำงานโดยภาพรวมขององค์กรสูงขึ้น การรักษาพนักงาน (Retention)การรักษาพนักงานเพื่อลดการลาออก ถือเป็นงานหลักของ HR ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถจูงใจพนักงานให้รักและอยู่กับองค์กรให้นานที่สุด ซึ่งอาจจะต้องมาทบทวนและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริง โดยหนึ่งในความท้าทายของยุคนี้ คือ การเปิดกว้างอิสระในการหางาน พนักงานสามารถหาบริษัทใหม่ที่ถูกใจได้ไม่ยาก เพราะแต่ละองค์กรย่อมมีจุดแข็งเป็นของตัวเองหรืออาจมีข้อเสนอที่ดีกว่า หากองค์กรไม่มีแรงจูงใจให้อยู่ต่อก็ลาออกเพื่อหางานใหม่ได้ เพราะฉะนั้น HR จึงจำเป็นต้องหาวิธีการรักษาพนักงานเพื่อลดการลาออก ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายวิธีดังที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป 10 กุญแจการรักษาพนักงานเพื่อลดการลาออก (Retention)วิธีที่ใช้ในการรักษาพนักงานเพื่อลดการลาออกนั้น ขึ้นอยู่กับว่า HR วิเคราะห์และได้สาเหตุที่แท้จริงว่าคืออะไร ซึ่งการทำให้พนักงานรักและอยู่กับองค์กรได้นานนั้นมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน เคล็ดลับต่อไปนี้สามารถนำไปปรับใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาในองค์กรของคุณได้ 1. ปฐมนิเทศ (Onboarding) อย่างครอบคลุม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในองค์กรในการปฐมนิเทศต้อนรับพนักงานใหม่ ควรบริหารจัดการให้พนักงานที่มาใหม่เข้าใจความคาดหวัง วิสัยทัศน์ เป้าหมายและวัฒนธรรมองค์กร โดยอาจใช้ Onboarding Program หรือโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคคล ที่จะเตรียมความพร้อมของพนักงานก่อนเริ่มงานใหม่ และดำเนินการอย่างมีระบบ ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานเข้าใจบทบาทหน้าที่การทำงาน ที่ตนต้องรับผิดชอบได้เร็วขึ้น รวมถึง เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในองค์กรอีกด้วย เพราะถ้ารู้สึกว่าบริษัทไม่มั่นคง ไม่เติบโต และไม่มีวิสัยทัศน์ พนักงานก็จะรู้สึกไม่มั่นคงตามไปด้วย และจะมองหาองค์กรใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า 2. ผู้นำคือแก่นของทีมถ้าผู้นำมีลักษณะของหัวหน้างานที่ไม่ดีสามารถก่อให้เกิดความขัดแย้ง และส่งผลให้พนักงานลาออกบ่อยได้ เพราะผู้นำ คือ แก่นสำคัญที่จะนำพาทีมให้ประสบผลสำเร็จ หากพนักงานได้หัวหน้าทีม หรือมีผู้จัดการที่ดี มีความน่าเชื่อถือ รับฟังความคิดเห็น และเป็นที่พึ่งเมื่อเกิดปัญหาได้ การทำงานก็จะราบรื่น และทุกคนจะมีความเชื่อมั่นในองค์กรเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ หากองค์กรต้องการพัฒนาหัวหน้างาน เพื่อให้สามารถเป็นหลักที่มั่นคงให้กับทีมได้ สามารถหาข้อมูลแนวทางปฏิบัติที่ดี เพื่อนำมาใช้กับบุคลากรได้จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย 3. มีการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ที่ดีการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) เป็นกระบวนการในการบริหารพนักงานอย่างครบในทุกด้าน เพื่อนำไปสู่ผลปฏิบัติงานที่ดี ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว โดยเป็นการปรับปรุง และส่งเสริมพัฒนาพนักงานให้มีทักษะ ความรู้ และความสามารถในการปฏิบัติงานจนผลการปฏิบัติงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ใช้รูปแบบการทำงานที่ทันสมัยรูปแบบการทำงานที่ทันสมัยจะช่วยดึงดูดใจพนักงานได้มาก และการนำมาปรับใช้ให้เข้ากับองค์กร จะช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของพนักงานได้ เช่น
5. สร้างวัฒนธรรมสุดปังวัฒนธรรมองค์กรถือเป็นอีกปัจจัยที่จะรักษาพนักงานเพื่อลดลาออกได้ ดังนั้น การสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กรให้มีความเป็นกลาง ไม่เน้นพรรคพวก และเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็น จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยให้แก่พนักงานทุกคนได้ นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนในการทำงานเป็นทีมอีกด้วย เพราะจะทำให้ทุกคนสามารถแชร์ไอเดียได้อย่างเต็มที่ และมีเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกัน ย่อมส่งผลดีต่องานและองค์กรได้ 6. จัดการสมดุลงาน-ชีวิต (Work-Life Balance) เพื่อสุขภาพกายและจิตที่ดีองค์กรอาจให้พนักงานปรับใช้เทคนิคบริหารเวลาในการทำงาน เป็นการจัดสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work-Life Balance) เมื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี งานที่ออกมาย่อมมีประสิทธิภาพ และเพื่อไม่ให้พนักงานเกิดภาวะ Burnout Syndrome อันเป็นภาวะทางด้านอารมณ์ที่เกิดจากความเครียดในการทำงาน ส่งผลต่อให้ร่างกายมีความล้าสะสม เหนื่อย หมดแรง ไม่มีไฟ และส่งผลให้งานไม่มีประสิทธิภาพได้ 7. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอการนำเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกมาปรับใช้ในการทำงาน จะช่วยให้กลายเป็นองค์กรสมัยใหม่ที่มีความก้าวทันโลกมากขึ้น และยังช่วยสร้างความสุขให้แก่พนักงานอีกด้วย เช่น
8. วาดเส้นทางความก้าวหน้าให้ชัดเจนปัญหาที่พนักงานลาออกบ่อยอาจเกิดจากมองไม่เห็นความก้าวหน้าในตำแหน่งของตัวเอง ซึ่งจุดนี้ทางองค์กรจำเป็นต้องทำให้พนักงานมองเห็นเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ของตำแหน่งงานให้ชัดเจน เพื่อที่พนักงานจะได้มีเป้าหมายในการทำงานต่อไปได้ และยังสร้างความรู้สึกมั่นคงในองค์กรอีกด้วย H3: 9. การจัดการผลตอบแทน (Compensation Management) ก็สำคัญนอกจากการเงินเดือนที่เหมาะสมแล้ว อีกสิ่งที่สามารถจูงใจบุคลากรที่มีคุณภาพได้ คือ ผลตอบแทน หรือสวัสดิการที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับงาน โดยสวัสดิการที่พนักงานยุคใหม่อยากได้ หรือมองหาในองค์กรมีมากมาย เช่น เงินโบนัส ค่าทำงานล่วงเวลา (OT) หรือวันลาพิเศษ เป็นต้น 10. สื่อสาร สื่อสาร และสื่อสารการสื่อสารเป็นอีกปัจจัยที่จะนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กรได้ เพื่อให้บุคคลในองค์กรมีความเข้าใจและมีเป้าหมายเดียวกัน การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กรเพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้การทำงานไหลลื่นและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ รวมถึง ควรมีการสื่อสารถึงความรู้สึก หรือความต้องการของพนักงานแต่ละคนอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถเข้าใจ และช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานแต่ละคนได้อย่างตรงจุดมากขึ้น นอกจากนี้ จำเป็นต้องสอบถามถึงปัญหา หรือสาเหตุกับพนักงานที่ลาออกเช่นกัน เพื่อให้สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับใช้ในองค์กร เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานลาออกบ่อยด้วยปัญหาเดิมๆ รวมถึง ในการสื่อสารกับพนักงานที่ลาออกควรพูดคุยด้วยความเป็นมิตรและจริงใจ เพราะอาจได้ติดต่อกันใหม่ในอนาคต ตั้งรับเมื่อจำใจต้องจากลา (และขาดคน)ตั้งรับกับการจากลาที่ขาดคนทำงาน ทางองค์กรควรทำ Success Planning หรือการวางแผนผู้สืบทอดตำแหน่ง ซึ่งเป็นกระบวนการสรรหาบุคคลภายในองค์กรที่มีจุดเด่นคุณสมบัติพร้อม และเหมาะสมมากที่สุด รวมถึง เป็นการให้โอกาสในการก้าวหน้าทางด้านอาชีพ
และเป็นสิ่งกระตุ้นให้พนักงานเห็นคุณค่าในการพัฒนาตัวเองให้พร้อมรับตำแหน่งที่สูงขึ้นอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังช่วยให้งานสามารถดำเนินการได้อย่างไม่มีสะดุดระหว่างรอคนใหม่ เมื่อมีการลาออกงาน รวมถึง เป็นอีกสิ่งที่จะช่วยรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจ และเพิ่มเสถียรภาพในระยะยาวขององค์กรอีกด้วย
|