ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีหลายปัจจัยที่ใช้ชี้วัดสถานะดังกล่าวแต่สิ่งที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นตัววัด คือ รายได้ต่อหัว หรือ GDP (Gross Domestic Product) ซึ่งเป็นตัววัดที่ไม่ได้สะท้อนถึงความอยู่ดีกินดี และคุณภาพชีวิตที่แท้จริงของคนในประเทศเพราะ GDP นั้นเกิดในยุคอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตให้มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของสินค้าหรือการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ (Environmental Degradation) ไม่นับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สร้างการเติบโตนอกระบบ (เช่น การทำงานอาสาสมัคร การขายบริการทางเพศ หวยใต้ดิน) และที่สำคัญไม่สามารถชี้วัดระดับความกินดีอยู่ดี (welbeing) ของประชนในยุคที่ความเหลื่อมล้ำสูงได้ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น การพัฒนาทุ่มให้กับด้านเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเพียงมิติเดียว ละเลยการพัฒนาด้านอื่น ๆ การส่งเสริมให้บริโภคเกินขีดจำกัดของความยั่งยืน (Overconsumption) การละเลยการพัฒนาด้านมนุษย์และสังคม และทวีความรุนแรงด้านความเหลื่อมล้ำ ซึ่งผู้ที่จะได้รับความเดือดร้อน มักจะเป็นชุมชนเล็ก ๆ คนรากหญ้า หรือคนจนที่มีช่องทางหารายได้จำกัดและมีจำนวนมาก หนำซ้ำ การพัฒนาทางเศรษฐกิจแบบสุดโต่ง ยังเป็นเหตุให้หลายชุมชนชนบทล่มสลายและเกิดปัญหาสังคมตามมาอีกด้วย Show
บทความนี้บอกเล่าถึง สถานการณ์และประเด็นความท้าทายที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชนที่เห็นว่าเป็นประเด็นน่าสนใจ ตั้งแต่ปัญหาการกระจายรายได้ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ต่อด้วยผลกระทบที่ชุมชนกำลังเผชิญ และความท้าทายการในพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้ยั่งยืน การกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมการพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมักจะเกิดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ การกระจายรายได้ของคนในชุมชนในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่การท่องเที่ยว การเกษตร และอุตสาหกรรมแปรรูป ซึ่งทั้งหมดเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศไทยและมีชุมชนเกี่ยวข้องโดยตรง การท่องเที่ยวประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวกว่า 20% ของ GDP โดยในช่วงก่อนโควิด 19 รายได้จากการท่องเที่ยว คิดเป็น 17% ของ GDP โดยมี 10% มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีรายได้เข้าประเทศกว่า 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น การท่องเที่ยวได้ช่วยสร้างอาชีพและการจ้างงาน ยกคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจ-การผลิต ช่วยลดปัญหาการอพยพเข้าไปในเมือง และช่วยอนุรักษ์ ฟื้นฟูวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี รายจ่ายเหล่านั้นคิดเป็นมีเพียง 5% ที่กลับไปสู่คนในชุมชน อีก 15% หมุนเวียนอยู่ในมือนายทุนคนไทย และอีก 80% อยู่ในกระเป๋าสายการบิน โรงแรมและเอเจนซี่ท่องเที่ยวต่างประเทศ การเกษตรในอดีต ประเทศไทยเคยมีข้าวหมื่นสายพันธุ์ ทว่าลดน้อยลงเรื่อยๆ จากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและสังคมเกษตรที่เปลี่ยนแปลงไป ภาพจาก สวนผักคนเมือง อุตสาหกรรมในชุมชนอุตสาหกรรมในชุมชน คือ การผลิตง่าย ๆ โดยมีคนในครอบครัวหรือหมู่บ้านทำ เช่น หัตถกรรมจักสาน เซรามิก ไม้กวาดดอกหญ้า น้ำตาล เป็นต้น โดยที่แต่ละกลุ่มมีสินค้าของตัวเองทำให้ชุมชนมีเศรษฐกิจในชุมชน เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชน อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมในชุมชนมักจะไม่มีกำไรมากเพราะมักผลิตไว้เพื่อบริโภคมากกว่าขาย และเมื่อต้องการขายจริงจังเพื่อตอบรับตลาดสินค้าท้องถิ่น ชาวบ้านก็มักขาดความรู้ เช่น การคิดต้นทุน การทำบัญชี การเข้าถึงลูกค้า ขาดนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตและจัดการ ขาดโอกาสในการแข่งขัน และขาดเงินทุน ทำให้คนในชุมชนไม่สามารถแข่งขันกับนายทุนเข้ามาแฝงตัวเล่นในตลาดนี้ นอกจากนี้ในช่วง 10 กว่าปีให้หลัง สินค้าอุตสาหกรรมในชุมชนได้กลายเป็นที่รู้จักในนาม สินค้า OTOP หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ คือ การเปลี่ยนการผลิตสินค้าหลากหลายในยุคก่อนหน้าให้กลายเป็น 1 ชุมชนผลิต 1 สินค้า มีข้อเสีย เช่น ชุมชนจะต้องพึ่งพารายได้จากคนนอกชุมชน และเพิ่มการพึ่งพาสินค้าจากนอกชุมชน เป็นต้น ซึ่งสินค้า OTOP ในปัจจุบัน มีมากกว่า 20,000 รายการ แต่เกือบครึ่งไม่สามารถก้าวสู่ตลาดโลกได้ เนื่องจาก ยังขาดการพัฒนาแบรนด์ที่มีสินค้าหลากหลายแต่มีเอกลักษณ์ร่วมกัน แตกต่างจากคู่แข่งตำบลอื่น ๆ ขาดการพัฒนาต่อรากฐานจากภูมิปัญญา ขาดการปรับปรุงสินค้าให้มีมาตรฐานที่จะทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำหรือบอกต่อ และขาดการตั้งราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน ควบสอง-ขอ-กู้ วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากพิษเศรษฐกิจชุมชนที่ไม่ยั่งยืนประเทศไทยเหลื่อมล้ำสูงเป็นอันดับต้นของโลก โดยมีคนเพียง 1% ที่ถือครองทรัพย์สิน 67% ของทรัพย์สินทั้งประเทศ ในขณะที่อีก 99 % ถือครองทรัพย์สิน 33% ที่เหลือ รวมถึงในระดับจุลภาพด้วย ชุมชนเองก็มีคนหลากหลายกลุ่มรายได้ และมีลักษณะ ‘รวยกระจุก จนกระจาย’ เช่นกัน ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำจึงต้องจัดการหารายได้ทางอื่น ยกตัวอย่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจชุมชนด้วยกรณีของชาวไร่ชาวนา กลุ่มที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจมากที่สุด พวกเขาต้องทำงานสองกะ/สองงาน (ชาวไร่ชาวนาได้รายได้ 40% มาจากผลิตผลทางการเกษตร อีก 60% ทำงานรับจ้างในเมือง หรือขับแท็กซี่นอกฤดูเกษตร) หรือจะขอความช่วยเหลือจากลูกหรือญาติที่ทำงานในเมือง หากไม่พอก็จำเป็นต้องขายทรัพย์สิน ซึ่งส่วนมากเป็นที่ดินมรดก โดยที่ชาวบ้านไม่สามารถแบ่งขายได้ เพราะนายทุนต้องการซื้อที่ดินแบบยกผืนแลกกับราคาที่ดี และสุดท้าย ก็ต้องเช่าที่ทำนา แถมยังต้องกู้ทั้งในและนอกระบบ เพื่อมาลงทุนในการเกษตร ทำให้ทุกวันนี้ 71% ของชาวนาทำนาบนที่ดินติดจำนองหรือเช่าจากนายทุน ทางออกปัญหาเศรษฐกิจชุมชนคือคนรุ่นใหม่ (จริงหรือ) ?ปัจจุบันชาวไร่ชาวนาคือคนส่วนน้อยในชุมชน ที่เห็นมากคือคนแก่และเด็ก เราจะสามารถพึ่งเด็กรุ่นใหม่ ให้เป็นความหวังในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนได้หรือไม่ ในเมื่อพวกเขาได้เข้าไปเรียนและทำงานในเมือง เป็นผู้หารายได้มาจุนเจือครอบครัวที่อยู่ชุมชน ประกอบกับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้สถานที่ประกอบการ ต้องปรับการทำงาน ลดคน และวัยทำงานย้ายออกจากเมือง 8% ไปอยู่ชนบท จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจมาก แต่เมื่อลองพิจารณาสถานการณ์จริงในชุมชนดูแล้ว พบว่า บริบทชุมชนอาจยังไม่สามารถตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ ในกลุ่มลูกหลานชาวไร่ชาวนาให้อยู่ในชุมชนได้ ทั้งในแง่ของรายได้ที่เพียงพอต่อภาระ ความต้องการด้านงานที่มีความท้าทาย ได้พัฒนาทักษะ เครือข่าย โอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้และการพัฒนาตัวเอง และมีเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ (career path) ดังนั้น หากยังไม่มีโอกาสด้านการงาน ทางออกปัญหาเศรษฐกิจชุมชนอาจจะยังไม่ใช่คนรุ่นใหม่ในตอนนี้ ประเด็นที่น่าสนใจเรื่องความท้าทายในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน
ตัวอย่างการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชนที่น่าสนใจ
สถาบันที่ต้องการถ่ายทอดวิธีการสร้างชุมชนที่คนมีความสุข จากบทเรียนการทำงานขับเคลื่อนมายาวนานกว่า 10 ปีของ ชุมชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างชุมชนแข็งแกร่ง จนสามารถทำงานร่วมกับภาครัฐในการสร้างยุทธศาสตร์และทิศทางในการพัฒนาจังหวัดร่วมกันได้ โดยเน้นการสร้างความสุข สร้างพลังประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ ในทุกเรื่อง ทุกพื้นที่ทุกเครือข่ายประเด็น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและขยายไปสู่พื้นที่อื่นไปพร้อมๆ กัน
สถาบันไทยเบิ้งโคกสลุงเพื่อการพัฒนาเป็นองค์กรในการขับเคลื่อนการทำงาน โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือ ความสุขร่วมของคนในชุมชนบนวิถีวัฒนธรรมไทยเบิ้ง เพื่อพัฒนาคนกระบวนการ ให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของสังคม พัฒนาความยั่งยืนของชุมชน ภายใต้วิถีวัฒนธรรมชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่น และ สร้างความร่วมมือเครือข่ายการทำงานทุกภาคส่วน
อีก 2 เรื่องที่น่าสนใจในการพัฒนาชุมชนลิงก์แหล่งที่มาของข้อมูลและข้อมูลที่น่าสนใจ
แนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในชุมชนมีอะไรบ้างแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในชุมชน มีดังนี้ - การจัดตั้งสหกรณ์เพื่อร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจในชุมชน เป็นการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นภายในชุมชน ในรูปแบบของสหกรณ์ที่เปิดรับสมาชิก คือ คนในชุมชนเข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการทางเศรษฐกิจ
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจชุมชนของภาครัฐมีแนวทางอย่างไรบ้าง1. รัฐบาลจะเพิ่มเงินกองทุนของสถาบันการเงินในรูปของการถือหุ้น 2. รัฐบาลจะเข้าแทรกแซงสถาบันการเงินและบริษัทเงินทุนที่ด้อยคุณภาพ 2.1 โอนสินทรัพย์คุณภาพดี 2.2 รวมกิจกรรมเข้าด้วยกันและปรับโครงสร้างใหม่โดยขยายเครือข่ายสาขา
แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชนมีปัจจัยสำคัญอย่างใดบ้างปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน หมายถึง ด้านสภาพเศรษฐกิจ ด้านการประกอบ อาชีพเพื่อสร้างรายได้ และด้านสังคม ด้านสภาพเศรษฐกิจ หมายถึง การพิจารณา จาก (1) รายได้จากอาชีพหลัก (2) รายได้จาก อาชีพเสริม (3) รายได้เฉลี่ยต่อคนของครัวเรือน (4) รายจ่ายประเภทต้นทุน (5) รายจ่ายที่จ าเป็น และ (6) รายจ่ายเฉลี่ยต่อคนของครัวเรือน
ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมีอะไรบ้างปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Basic Economics Problems) ✓ จะผลิตอะไร (What to produce) ✓ จะผลิตอย่างไร (How to produce) ✓ จะผลิตเพื่อใคร (Produce for whom) จัดสรรทรัพยากรเพื่อผลิต สินค้าและบริการให้ได้รับความพอใจสูงสุด ความต้องการมีไม่จ่ากัด ทรัพยากรมีจ่ากัด
|