เสริมจมูก1เดือนนอนตะแคงได้ไหม

เสริมจมูก ต้อง นอนท่าไหน ถึงไม่พัง

เสริมจมูก ต้อง นอนท่าไหน คงเป็นประเด็นที่ใครหลายคนสงสัย แอบเป็นกังวลอยู่ทั้งคนที่กำลังจะ เสริมจมูก และคนที่พิ่ง เสริมจมูก เสร็จใหม่ๆ เนื่องจากการนอนของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับอุปนิสัย  อาจนอน ตะแคง นอนคว่ำ นอนตรง ทำให้การนอนแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่หลังจากการเสริมจมูกจะได้ยินพูดว่า พยายามนอนหมอนสูงและห้ามนอนตะแคง ซิลิโคนอาจจะเคลื่อนตัวได้ เหตุผลนี้จริงหรอ  วันนี้เราจะ มาแนะนำวิธีการนอนที่ถูกต้องหลัง เสริมจมูก ให้ได้ทราบกันดีค่ะ

การ เสริมจมูก หากนอนผิดท่านอน จะเกิดอะไรขึ้น

โดยประเด็นหลักการนอนที่ผิดพลาดอาจเกิดการเทน้ำหนักที่ไม่สมดุล ดังนั้นอาจทำให้มีผลต่อจมูกได้โดยตรง เช่นหาก นอนตะแคง จะทำให้น้ำหนักกดทับไปที่ข้างใดข้างหนึ่งจนอาจทำให้สภาวะจมูกเบี้ยวได้การนอนคว่ำทำให้จมูกเกิดการกดทับ แล้วอาจอักเสบบวมช้ำ หรือ เกิดการทะลุของจมูกได้ และยังส่งผลในระยะยาว ของสภาวะร่างกายด้วย

ท่านอนไหน หลัง เสริมจมูก ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด

การนอนเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อจมูกเช่น อาจจะเกิดทำให้จมูกเบี้ยวหรือจมูกเคลื่อยตัวได้ เดิมบางคนก็ไม่กล้าที่จะนอนหลับโดยปกติแต่ใช้วิธีการนั่งหลับแทน ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะการนั่งหลับอาจส่งผลถึงสภาวะร่างกายที่ผิดปกติอย่างเช่นการนอนที่ไม่สบายตัวปวดหลังปวดคอปวดตามกระดูกต่างๆ นอกจากไม่ได้ช่วยให้การหลับดีขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อร่างกายและอาจทำให้ตื่นในเวลากลางดึกทำให้หลับไม่สนิทอีกด้วย แล้วอย่างนี้ควรนอนท่าไหนดีล่ะ

หลัง เสริมจมูก นอนท่าไหน ถึงจะดีที่สุดและเซฟ ที่สุด

ทางทีมแพทย์โซวอนตระหนักและใส่ใจถึงผู้ที่ต้องการเสริมจมูก หรือ ผู้ที่เสริมจมูกไปแล้วจะได้หายห่วงและกังวลมากควรนอนท่าไหนดีวันนี้ทางทีมแพทย์โซวอน จะขอแนะนำท่านอนที่ถูกต้องตามสรีระ และ ส่งผลกระทบที่ดีที่สุดต่อจมูก ด้วยวิธีขั้นตอนง่ายๆ 

เสริมจมูก1เดือนนอนตะแคงได้ไหม

ขั้นตอนนอน ง่ายๆ

  1. การนำ หมอน 2 ใบมาวางซ้อนกัน เพื่อให้ระดับของหมอนสูงขึ้น
  2. นอนหนุนหมอนที่ซ้อนกัน  แต่ลำตัวยังแนบสนิทเพื่อเป็นการนอนที่สบายที่สุดและไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

แต่ถ้าหลับลึกควรทำยังไง

แต่ถ้าหาก คุณเป็นคนที่นอนหลับลึกในระหว่างคืนจนเผลอเรอ เปลี่ยนท่านอนโดยอัตโนมัติ อาจหาวิธีเสริมด้วยการใช้ หมอนรองคอ หรือถ้าหากไม่มีหมอนรองคอก็สามารถนำผ้า 2 ผืน นำมา ม้วนประคองคอด้านซ้ายขวาเพื่อ กันการนอนตะแคง ได้เช่นกัน

เสริมจมูก1เดือนนอนตะแคงได้ไหม

อ่านบทความอื่นๆ เกี่ยวกับเสริมจมูก

เสริมจมูก1เดือนนอนตะแคงได้ไหม

8 วิธีดูแลหลังทำจมูกที่สาวๆควรรู้

ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ใครๆก็อยากสวย จริงไหมคะ? เพราะในยุคที่การแข่งขันสูงนี้ ความสามารถเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การมีรูปร่างหน้าตาที่ดี จึงถือเป็นข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่ง ด้วยหลายๆปัจจัยจึงทำให้ผู้หญิงอยากสวยขึ้น อยากดูดีขึ้น จึงหันไปทำศัลยกรรมกันมากมาย …แล้วสาวๆรู้ไหมคะว่าศัลยกรรมแบบไหนที่สาวๆฮิตที่สุด

คำตอบคงรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ การศัลยกรรมเสริมจมูก เป็นการศัลยกรรมที่สาวๆให้ความนิยมเป็นอันดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะอวัยวะเล็กๆอย่างจมูกนี่ล่ะค่ะที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างบนใบหน้าให้ดูสวยขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่สาวๆหลายคนที่ผ่านการศัลยกรรมเสริมจมูกมา อาจไม่รู้วิธีดูแลตัวเองหลังผ่านการศัลยกรรม จึงอาจทำให้จมูกเสียทรงได้

สาวๆที่กำลังตัดสินใจศัลยกรรมเสริมจมูกมาศึกษากันเสียหน่อยค่ะว่าก่อนที่เราจะตัดสินใจศัลยกรรมเสริมจมูกนั้น เราต้องเตรียมตัวรับมือกันอย่างไรบ้าง …มาดู 8 วิธีดูแลหลังทำจมูกที่สาวๆควรรู้ เพื่อเราจะได้มีจมูกสวยเป๊ะได้รูปตามที่เราต้องการ

  1. ลดอาการบวมด้วยน้ำเย็น

เป็นปกติเมื่อสาวๆผ่านการขึ้นเขียงศัลยกรรมเสริมจมูกจะมีอาการบวม เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของจมูก ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนขณะทำการผ่าตัด จึงส่งผลให้จมูกมีการอักเสบและบวมได้ แต่สาวๆไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะเป็นอาการปกติของผู้ที่ไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกมา วิธีแก้ง่ายๆเพียงแค่สาวประคบเย็นเพื่อให้อาการบวมที่บริเวณจมูกลดลงได้เร็วยิ่งขึ้น แต่การประคบเย็น ห้ามประคบโดยตรงกับจมูกนะคะ แต่ให้คบที่บริเวณหน้าผาก ใต้ดวงตา ริมฝีปาก และบริเวณร่องปากค่ะ การประคบเย็นจะช่วยให้เลือดไม่มาคั่งบริเวณแผลที่ผ่าตัด จึงทำให้ลดอาการบวมลงไปได้

  1. นอนหงายในช่วง 1-3 สัปดาห์แรกหลังทำจมูก

การนอนหงายจะช่วยลดการสัมผัสระหว่างจมูกกับหมอนได้ ซึ่งหากสาวๆนอนตะแคงหรือนอนคว่ำภายใน 1-3 สัปดาห์นี้อาจจะทำให้วัสดุภายในจมูกเคลื่อนตัวได้ ทำให้ไม่ได้ทรงตามที่เราต้องการ หรือเรียกง่ายๆว่าทรงจมูกเบี้ยวนั่นเองค่ะ ทางที่ดีควรจะนอนหงายในช่วง 1-3 สัปดาห์แรก แต่หากสาวๆกลัวเมื่อย หรือกลัวว่าจะไม่สามารถบังคับตัวเองได้ แนะนำให้ใช้หมอนรองคอระหว่างที่นอนหลับ จะช่วยให้หลับสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ

  1. ลดการสัมผัสบริเวณจมูก

การสัมผัสบริเวณจมูกหรือการไอ จาม ที่รุนแรงเกินไป จะส่งผลต่อรูปทรงของจมูกได้ เพราะเป็นการทำให้วัสดุที่เสริมจมูกอยู่ด้านในจมูกของเรามีการเปลี่ยนทิศทาง ดังนั้นสาวๆอาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ชีวิตในช่วงนี้หน่อยค่ะ สาวๆอาจจะต้องระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางในที่ที่มีคนเยอะ พลุกพล่าน เบียดเสียดกัน และควรงดการออกกำลังกายที่อาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งบริเวณจมูก  อีกทั้งสาวๆอาจจะต้องงดใส่แว่นในช่วงนี้เสียหน่อยค่ะ เพราะการใส่แว่นอาจจะทำให้ทรงจมูกเสียรูปร่างได้

  1. ปฏิบัติตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด

หากสาวๆต้องการมีทรงจมูกที่สวยดั่งใจต้องการแล้ว สาวๆควรจะปฏิบัติตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังต้องกินยาตามที่หมอสั่ง และไปพบหมอทุกครั้งตามที่นัด เพื่อสังเกตอาการและความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากมีอาการปวดหรืออักเสบ ไม่ควรซื้อยามากินเอง แต่ควรรีบปรึกษาหมอ เพื่อหาทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือการดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรง และทำสุขภาพจิตให้แจ่มใส เพราะความพะวงในรูปทรงจมูกอาจจะยิ่งทำให้เรายิ่งเครียดจนเสียสุขภาพจิตได้ค่ะ หากปฏิบัติตามที่หมอสั่ง หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณจมูก และหมั่นประคบเย็นอยู่เสมอ วิธีง่ายๆเพียงแค่นี้ ก็จะทำให้สาวๆได้ทรงจมูกที่สวยดั่งตั้งใจแล้วค่ะ

  • ค้นหาทำจมูกราคาเท่าไหร่และอ่านรีวิวทำจมูกจากคลินิดชื่อดังมากมาย
  • ค้นหาราคาศัลยกรรมใบหน้าและเช็ครีวิวศัลยกรรมใบหน้าต่างๆ

01/03/2018 / โดย / เกี่ยวกับ การดูแลหลังผ่าตัด, เสริมจมูก

เสริมจมูกมานอนยังไง

หลังจากการเสริมจมูก คุณหมอมักจะให้แนะนำว่า “ให้นอนหมอนสูง และห้ามนอนตะแคงศรีษะ เพราะซิลิโคนอาจจะไหลได้”

นอนตะแคงจมูกเบี้ยวจริงไหม

โดยประเด็นหลักการนอนที่ผิดพลาดอาจเกิดการเทน้ำหนักที่ไม่สมดุล ดังนั้นอาจทำให้มีผลต่อจมูกได้โดยตรง เช่นหาก นอนตะแคง จะทำให้น้ำหนักกดทับไปที่ข้างใดข้างหนึ่งจนอาจทำให้สภาวะจมูกเบี้ยวได้การนอนคว่ำทำให้จมูกเกิดการกดทับ แล้วอาจอักเสบบวมช้ำ หรือ เกิดการทะลุของจมูกได้ และยังส่งผลในระยะยาว ของสภาวะร่างกายด้วย

ทำจมูกมาก้มได้ไหม

ส่วนหลังการผ่าตัดนั้น “แพทย์จะใส่ที่ดามจมูก 5-7 วันเพื่อให้ซิลิโคนไม่เคลื่อน และให้ผู้รับบริการประคบเย็นหลังการผ่าตัด งดการเล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่นั่งก้มหน้า เพราะจะทำให้แผลบวมขึ้นได้

เสริมจมูกกี่เดือนถึงจะเข้าที่

1 เดือน แผลจะเข้าที่ประมาณ 70 % 3 เดือน แผลจะเข้าที่ประมาณ 90 % 6 เดือน – 1 ปี แผลจะเข้าที่เกือบ 100 % ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน ขนาดแผลผ่าตัดและสภาวะการขัดขวางการหายของแผล (สูบบุหรี่, ขาดสารอาหาร, โลหิตจาง, โรคเรื้อรังและภูมิคุ้มกันของร่างกาย)