จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Show
จดหมายลูกโซ่ฉบับหนึ่งที่พบในประเทศออสเตรเลียเมื่อ พ.ศ. 2549 ซึ่งมีเหรียญ 5 เซนต์ออสเตรเลียแนบมาด้วยเพื่อดึงดูดความสนใจ จดหมายลูกโซ่ เดิมนั้นอยู่ในรูปจดหมายที่เขียนด้วยกระดาษ ซึ่งภายในมีข้อความระบุให้ส่งจดหมายไปยังผู้รับรายต่อไป หรือในบางกรณีก็ให้ทำสำเนาเพื่อส่งต่อไปยังผู้รับตามจำนวนที่ระบุไว้ชัดเจน ซึ่งหากคนจำนวนมากหลงเชื่อปฏิบัติไปตามนั้นจะเป็นเหตุให้จดหมายถูกแพร่กระจายออกไปไม่รู้จบ ข้อความอาจขึ้นต้นด้วยคำเชิญชวนให้ส่งต่อหรือการอ้างเหตุผลที่ควรส่งต่อ และอาจลงท้ายด้วยคำอวยพรต่อผู้ที่ปฏิบัติตามที่จดหมายระบุไว้ และ/หรือ คำสาปแช่งหรือข่มขู่ผู้ที่เพิกเฉยไม่ส่งต่อ เพื่อเร้าให้ผู้อ่านกระทำตาม จดหมายลูกโซ่บางอย่างมีลักษณะหลอกลวงต้มตุ๋นให้ส่งเงิน เช่น คุณเป็นผู้โชคดี หรือมีผู้ส่งเงินมาให้คุณ แต่คุณต้องชำระค่าธรรมเนียม เป็นต้น ซึ่งผิดกฎหมายในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา[1] ปัจจุบันจดหมายลูกโซ่ได้ถูกพัฒนาไปสู่การส่งข้อความผ่านทาง อีเมล, ระบบส่งข้อความทันที (แชต) หรือทาง เว็บบอร์ด เป็นต้น ลักษณะข้อความที่มักถูกเขียนเป็นจดหมายลูกโซ่ เช่น การแจ้งเตือนปัญหาไวรัสคอมพิวเตอร์, แจ้งเตือนว่าผู้ให้บริการฟรีบนอินเทอร์เน็ตจะเริ่มเก็บค่าบริการ, คำแนะนำเพื่อสุขภาพ, คำเตือนเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่ปลอดภัย, เรื่องสยองขวัญ, การอ้างว่าการส่งต่อนั้นจะก่อให้เกิดการบริจาคทางการกุศล เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เขียนขึ้นโดยมิได้อิงอยู่บนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด หรืออาจมีลักษณะเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่มีความจริงอยู่เพียงบางส่วนเท่านั้น ข้อความลูกโซ่ในอีเมลหรือในแชตอาจถูกส่งโดยญาติหรือเพื่อน หรือบุคคลที่คุ้นเคย (ที่เชื่อข้อความดังกล่าว แล้วส่งต่อไปยังบุคคลอื่น ๆ รวมทั้งตัวผู้รับ) ซึ่งอาจทำให้ผู้รับเชื่อหรือเกิดความรู้สึกคล้อยตามได้ง่ายกว่าข้อความจากผู้ที่ผู้รับไม่คุ้นเคยหรือไม่ปรากฏผู้ส่ง อ้างอิง[แก้]
ดูเพิ่ม[แก้]
กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เตือนผู้ที่มีพฤติกรรมกระทำผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์เสี่ยงถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งจำเเละปรับพ.ต.อ.สมพร แดงดี รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เตรียมจัดระเบียบการกระทำผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ หลังจำนวนผู้กระทำผิดเพิ่มขึ้นและเร่งสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนในรูปแบบการจัดกิจกรรม "โพสต์ต้องคิด คลิกเสี่ยงคุก" ภายใต้ "โครงการออนไลน์ใสสะอาด เรารักในหลวง" เนื่องจากการกระทำผิดด้วยการกดไลค์ คอมเม้นท์ แชร์ โพสต์ เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้ติดคุกได้ สำหรับ 10 พฤติกรรมเสี่ยงติดคุก มีดังนี้ สรุปแล้ว พ.ร.บ. คอม คืออะไร เพราะถ้าหากใช้ไม่ระมัดระวัง เราอาจเผลอทำผิดกฎหมายก็ได้นะ ซึ่งในบทความนี้เรามาทบทวนสักหน่อยว่า พรบ. คอมพิวเตอร์ สรุป แล้วคืออะไรและมีเรื่องอะไรบ้างที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไม่ควรทำเพราในปัจจุบันมีคนใช้คอมพิวเตอร์ และสมาร์ตเป็นจำนวนมากขึ้น มาทำความรู้จักกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุด เป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โน็ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมไปถึงระบบต่าง ๆ ที่ถูกควบคุมการกระทำระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็น พรบ คอม ที่ออกมาเพื่อป้องกัน และควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้การใช้คอมพิวเตอร์ หากผู้ใดกระทำผิดก็จะต้องได้รับการลงโทษตามที่ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ 2560 กำหนดไว้ ดังนั้นเรามาดูกันเลยว่าข้อห้ามที่สำคัญที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต “ไม่ควรทำ” มีอะไรบ้าง 1. แฮคเฟสบุ๊ค!! (มาตรา 5-8)การปล่อยไวรัส หรือมัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่นเพื่อขโมยข้อมูล โดยที่เจ้าของไม่อนุญาต (ละเมิด Privacy) มีโทษฐานผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ โดย
2. หยุด!! แก้ไข ดัดแปลงข้อมูล (มาตรา 9-10)การเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบ รวมทั้งเข้าไปดัดแปลง หรือทำลายข้อมูล ทำให้ข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามเสียหายผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ห้าม!! ฝากร้านตาม Facebook และ IG เด็ดขาด! (มาตรา 11)สำหรับพ่อค้าแม่ขายบนโลกออนไลน์เน้นย้ำ!! เรื่องการส่งอีเมลขายของโดยที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับนั้นถือเป็นการสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook และ IG ก็ตามมีโทษตาม พรบ.คอมพิวเตอร์โดยปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. อย่า!! แอบเข้าระบบของหน่วยงานภาครัฐ (มาตรา 12)การเข้าถึงระบบ หรือข้อมูลด้านความมั่นคงรวมถึงการโพสเนื้อหาที่ส่งผลต่อความมั่นคงต่อประเทศบนโลกออนไลน์ที่เข้าข่ายข้อมูลเท็จที่ทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก มีโทษแบ่งตาม พรบ. คอมพิวเตอร์เป็นกรณีดังนี้
5. โพสต์ข่าวปลอมก่อให้เกิดความเสียหาย (มาตรา 14)แล้วโพสต์อะไรบ้างล่ะที่เรียกว่าผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ เริ่มจากการโพสต์ ข่าวปลอม ธุรกิจลูกโซ่ ที่ต้องการจะหลอกเอาเงินจากลูกค้า โพสต์เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยรวมทั้งการก่อการร้าย โพสต์ข้อมูลลามก โดยถ้าเกิดว่าส่งผลถึงประชาชน จะต้องจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนถ้าส่งผลต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรีบไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 6. คอมเม้นในข่าวปล่อม (มาตรา 15)การเข้าไปคอมเม้นแสดงความคิดเห็นในโพสที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็จะกระทำ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ 2560 ถ้าไม่ยอมลบจะได้รับโทษเดียวกันกับมาตรา 14 เหมือนกันกับผู้โพสต์แต่ถ้าหากว่าลบออกไปแล้ว ถือว่าพ้นผิด หมายเหตุ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลการใช้งานไม่น้อยกว่า 90 วัน หรือในกรณีที่ศาลสั่งจะต้องเก็บข้อมูลไม่เกิน 2 ปี 7. ตัดต่อรูปภาพ (มาตรา 16)การตัดต่อ ดัดแปลงภาพที่ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง และเกิดความเสียหาย รวมทั้งโพสต์ภาพผู้เสียชีวิตที่ทำให้พ่อ – แม่ คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย จะต้องจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท 8. ต้องเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (มาตรา17)หลายคนคงสงสัยว่าเวลาเราแชร์ข่าวปลอม โพสเรื่องหมิ่นประมาท แล้วเจ้าหน้าที่รัฐเค้าเอาหลักฐานที่ไหนมาจับเรา มาตรา 17 นี้เองที่ระบุว่าหากเราเป็นองค์กรหรือหน่วยงานที่ออกอินเตอร์เน็ตเราจำเป็นต้องติดตั้งระบบเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ ลองสำรวจดูนะครับว่าบริษัทท่านได้ติดตั้งระบบจัดเก็บหรือยัง?? หากยังไม่จัดเก็บผู้บริหารและคณะกรรมการบริษัทจะต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์อย่างไร? ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ พรบ.คอม 2560 สรุปแล้ว พรบ. คอม คือ ?ถึงเวลาแล้วที่เรามาสำรวจดูว่า เรานั้นได้เผลอทำความผิด ตาม พรบ.คอม หรือเปล่า? เพราะข้อกฎหมายฉบับนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากสำหรับชาวเน็ต ดังนั้น พรบ. คอมพิวเตอร์ สรุป แล้วก็คือกฏหมายที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองกลุ่มคนที่ใช้งานบนโลกออนไลน์ ถ้าหากรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เราอาจเผลอทำผิดกฎหมายก็ได้นะ ดังข่าวที่ออกมา ในบางเหตุการณ์ก็ก่อให้เกิดความเสียหายได้ในโลกอินเตอร์เน็ตได้ |