พาราไทรอยด์ ในผู้ป่วยโรคไต

โดย อาจารย์ Kakadekar MD และ Jason K Wasserman MD PhD FRCPC
ตุลาคม 20, 2022


ต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายใหญ่ขึ้นและเกินเซลล์คืออะไร?

คำว่าต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายใหญ่ขึ้นและต่อมพาราไทรอยด์เกินเซลล์ อธิบายการเจริญเติบโตที่ไม่เป็นมะเร็งในหนึ่งหรือมากกว่า พาราไธรอยด์. ซึ่งแตกต่างจากต่อมพาราไทรอยด์ปกติ ต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายและขยายเซลล์มากเกินไปอาจมีขนาดใหญ่พอที่จะสัมผัสหรือมองเห็นได้ที่ด้านหน้าของคอ

อาการที่เกี่ยวข้องกับต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายใหญ่และไฮเปอร์เซลลูลาร์มีอะไรบ้าง?

ผู้ป่วยที่มีต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายใหญ่ขึ้นและต่อมพาราไทรอยด์เกินเซลล์มักมีอาการที่เกี่ยวข้องกับระดับแคลเซียมในเลือดที่เพิ่มขึ้น แคลเซียมในเลือดสูงหมายถึงระดับแคลเซียมที่เพิ่มขึ้นในเลือดและเกิดจากฮอร์โมนพาราไทรอยด์ส่วนเกินที่ผลิตโดยต่อมที่ขยายใหญ่ขึ้น อาการของภาวะแคลเซียมในเลือดสูง ได้แก่ อาการสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ (ตัวสั่น) คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และสับสน ผู้ป่วยที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเป็นเวลานานมักจะมีอาการกระดูกหักและนิ่วในไต

อะไรเป็นสาเหตุให้ต่อมพาราไทรอยด์โตและเกินเซลล์?

สาเหตุของต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายใหญ่ขึ้นและไฮเปอร์เซลลูลาร์นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของต่อมที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น ปัจจัยทางพันธุกรรมมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทมากขึ้นเมื่อมีการขยายเพียงต่อมเดียวเท่านั้น ต่อมที่ขยายใหญ่เพียงตัวเดียวเรียกว่า a พาราไธรอยด์อะดีโนมา. ในทางตรงกันข้าม ต่อมที่ขยายใหญ่จำนวนมากมักเกิดจากเงื่อนไขทางการแพทย์ที่มีมายาวนาน เช่น โรคไตเรื้อรัง ต่อมที่ขยายใหญ่จำนวนมากถูกอธิบายว่าเป็นพาราไธรอยด์ hyperplasia

พาราไธรอยด์อะดีโนมา

พาราไทรอยด์อะดีโนมาเป็นเนื้องอกต่อมพาราไทรอยด์ชนิดที่ไม่เป็นมะเร็งและเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะที่เรียกว่าภาวะพาราไทรอยด์เกินระดับปฐมภูมิ Parathyroid adenomas มักจะเป็นระยะๆ ซึ่งหมายความว่าแพทย์ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ อย่างไรก็ตาม พันธุกรรมบางอย่าง อาการ เช่น เนื้องอกต่อมไร้ท่อหลายเส้น (MEN) และภาวะพาราไทรอยด์เกินในครอบครัว (FIHP) จะเพิ่มความเสี่ยงของบุคคลในการพัฒนาเนื้องอกเหล่านี้อย่างมาก

พาราไทรอยด์ไฮเปอร์พลาเซีย

หากเกี่ยวข้องกับต่อมพาราไทรอยด์มากกว่าหนึ่งต่อม ภาวะนี้จะอธิบายว่าเป็นพาราไทรอยด์ hyperplasia ภาวะนี้มักเกิดขึ้นในผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังและเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะพาราไทรอยด์ทำงานเกินระดับทุติยภูมิ ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อมพาราไทรอยด์อาจกลับมาเป็นปกติหลังการรักษาทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้น ต่อมพาราไทรอยด์ต่อมพาราไทรอยด์ที่ขยายใหญ่เพียงตัวเดียวที่ยังคงอยู่หลังการรักษาถูกอธิบายว่าเป็นภาวะพาราไทรอยด์เกินระดับตติยภูมิ

การวินิจฉัยนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

การวินิจฉัยเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดต่อมพาราไทรอยด์ตั้งแต่หนึ่งต่อมขึ้นไปและเนื้อเยื่อจะถูกส่งไปยังนักพยาธิวิทยาเพื่อทำการตรวจภายใต้กล้องจุลทรรศน์

พาราไทรอยด์ ในผู้ป่วยโรคไต

ภาวะกระดูกพรุนในโรคไต

พาราไทรอยด์ ในผู้ป่วยโรคไต

  • ไต เป็นอวัยวที่ควบคุมสมดุลของเกลือแร่และฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินดี และพาราไทรอยด์ฮอร์โมน เมื่อไตทำงานผิดปกติ จะทำให้มีการขับฟอสฟอรัสทางปัสสาว: ลดลง มีการเพิ่มขึ้นของระดับฟอสฟอรัสในเลือด กระตุ้นการสร้างพาราไทรอยด์ฮอร์โมนทำให้กระดูกมีการสลายมากกว่าการสร้าง จึงทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้เพิ่มขึ้น
  • นอกจากนี้ผู้ป่วยที่กาวะไตเสื่อมมักจะมีภาวะขาดวิตามินดีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ได้รับการฟอกเลือด เมื่อร่างกายขาดวิตามินดี จะส่งผลให้กระดูกไม่แข็งแรง เปราะและแตกหักได้ง่ายมากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกหัก
  • เริ่มมีการศึกษามากขึ้นว่าภาวะกระดูกพรุนในผู้ป่วยโรคไตสัมพันธ์กับภาวะแคลเซียมเกาะหลอดเลือด ดังนั้นหากได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนในผู้ป่วยโรคไต

  • ระดับฟอสฟอรัสในเลือดสูง
  • ระดับพาราไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดสูง
  • ภาวะขาดวิตามินดี
  • ภาวะแคลเซียมเกาะหลอดเลือด

ข้อมูล ณ วันที่ 10 มีนาคม 2564
ที่มา : รศ. ดร. พญ.ปวีณา สุสัณฐิตพงษ์

Share:

Hyperparathyroidism หรือ ฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง เป็นภาวะที่ต่อมพาราไทรอยด์ที่อยู่บริเวณคอผลิตฮอร์โมนพาราไทรอยด์ออกมามากกว่าปกติ ซึ่งผู้ป่วยมักไม่มีอาการใด ๆ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย สับสน เป็นต้น ซึ่งภาวะนี้มักส่งผลให้ผู้ป่วยมีระดับแคลเซียมในเลือดสูงและสูญเสียแคลเซียมในกระดูก หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการป่วยอื่น ๆ ที่ร้ายแรงตามมาได้

อาการของฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง

ผู้ป่วย Hyperparathyroidism บางคนอาจไม่มีอาการใด ๆ เกิดขึ้น หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น เมื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย ความอยากอาหารลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ท้องผูก หรือมีภาวะซึมเศร้า เป็นต้น

แต่ในกรณีที่รุนแรงหรือไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้มีอาการ ดังนี้

  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • เซื่องซึม
  • มีภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการ เช่น กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อยกว่าปกติและมีสีเข้ม วิงเวียน อ่อนเพลีย ผิวแห้ง ตาแห้ง ปากแห้ง เป็นต้น
  • มีอาการสับสน
  • กล้ามเนื้อกระตุก
  • ปวดกระดูกและข้อต่อ
  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • ความดันโลหิตสูง  

พาราไทรอยด์ ในผู้ป่วยโรคไต

สาเหตุของฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง

ต่อมพาราไทรอยด์มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนพาราไทรอยด์ออกมาเพื่อรักษาสมดุลของแคลเซียมในร่างกาย เมื่อมีระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ออกมามากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มการปล่อยแคลเซียมออกด้วยการสลายกระดูกและเพิ่มปริมาณการดูดซึมแคลเซียมที่ไตและลำไส้ จึงส่งผลให้มีระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้น แต่หากมีระดับแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ ร่างกายก็จะลดการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ลง เมื่อปริมาณแคลเซียมอยู่ในระดับสมดุลแล้ว ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ก็จะกลับมามีระดับปกติ

อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ก็ถูกปล่อยออกมามากเกินไป จนทำให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูงผิดปกติ และส่งผลให้ระดับฟอสเฟตในเลือดต่ำได้ โดย Hyperparathyroidism แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบปฐมภูมิ สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็งของต่อมพาราไทรอยด์ ภาวะต่อมพาราไทรอยด์โต และมะเร็งของต่อมพาราไทรอยด์ที่พบได้น้อยมาก นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่จะทำให้เกิดภาวะนี้ได้ เช่น เป็นสตรีในวัยหมดประจำเดือน มีโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้ต่อมพาราไทรอยด์โตอย่างโรคเนื้องอกต่อมไร้ท่อ เคยมีภาวะพร่องแคลเซียมและวิตามินดี ได้รับการรักษาโรคมะเร็งโดยการฉายรังสี หรือใช้ยากลุ่มลิเทียมที่มักใช้ในการรักษาโรคไบโพลาร์ เป็นต้น
  • ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบทุติยภูมิ เกิดจากระดับแคลเซียมต่ำลงผิดปกติเนื่องจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียแคลเซียม อย่างภาวะพร่องแคลเซียมจากปัญหาการดูดซึมที่ระบบทางเดินอาหารหรือขาดวิตามินดีซึ่งมีหน้าที่ช่วยดูดซึมแคลเซียม และโรคไตวายเรื้อรังอันเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิด Hyperparathyroidism ประเภทนี้ โดยเมื่อไตเสื่อมประสิทธิภาพจะส่งผลให้ระดับแคลเซียมและวิตามินดีลดลง
  • ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบตติยภูมิ เกิดจากการที่ต่อมพาราไทรอยด์ยังคงผลิตฮอร์โมนพาราไทรอยด์อยู่แม้ระดับแคลเซียมจะกลับสู่สภาวะสมดุลแล้วก็ตาม โดย Hyperparathyroidism ประเภทนี้มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคไต   

การวินิจฉัยฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง

โดยปกติแพทย์จะวินิจฉัยภาวะ Hyperparathyroidism ได้จากการตรวจเลือด โดยจะตรวจหาปริมาณฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ระดับแคลเซียม และระดับฟอสเฟต หากพบว่ามีแคลเซียมสูง แพทย์อาจส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบว่าเกิดจากภาวะนี้จริงหรือไม่ ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น

การตรวจความหนาแน่นของกระดูก
โดยนิยมใช้เครื่องตรวจความหนาแน่นมวลกระดูกแบบ DXA Scan เพื่อวัดปริมาณแคลเซียมและแร่ธาตุอื่น ๆ ในกระดูก

การตรวจปัสสาวะ
เป็นการเก็บตัวอย่างปัสสาวะตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้ทราบประสิทธิภาพการทำงานของไตและปริมาณแคลเซียมที่ถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ระบุความรุนแรงของอาการ Hyperparathyroidism แต่หากผลชี้ว่ามีปริมาณแคลเซียมในปัสสาวะต่ำ ผู้ป่วยก็อาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา

การตรวจภาพถ่าย
แพทย์อาจตรวจร่างกายด้วยภาพถ่าย เช่น การเอกซ์เรย์ การอัลตราซาวด์ หรือการทำซีทีสแกน เป็นต้น เพื่อตรวจสอบช่องท้อง กระดูกสันหลัง และตรวจหาความผิดปกติของไต ทั้งยังช่วยตรวจหาก้อนนิ่วในไตอีกด้วย

การรักษาฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง

ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา หากไม่มีอาการรุนแรง มีปริมาณแคลเซียมสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย ไตยังทำงานเป็นปกติ ไม่เกิดก้อนนิ่วในไต และความหนาแน่นของกระดูกยังอยู่ในระดับปกติ แต่แพทย์อาจนัดตรวจติดตามอาการเพื่อวัดปริมาณแคลเซียมในเลือดและตรวจความหนาแน่นของกระดูกเป็นระยะ ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันอาการแย่ลงกว่าเดิม เช่น ดื่มน้ำให้มาก ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ หมั่นหาข้อมูลปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีในอาหารที่ควรรับประทาน เป็นต้น

ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

การใช้ยา ยาที่ใช้ในการรักษา Hyperparathyroidism มีดังนี้

  • ยากลุ่มแคลซิมิเมติคส์ อย่างยาซินาแคลเซต ซึ่งจะช่วยยับยั้งการผลิตและการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ แต่ยานี้อาจมีผลข้างเคียงเป็นอาการปวดข้อและปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย คลื่นไส้ และติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
  • ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนตส์ ช่วยป้องกันการสูญเสียแคลเซียมในกระดูกและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนจากภาวะ Hyperparathyroidism แต่ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างความดันโลหิตต่ำ มีไข้ และอาเจียน
  • ฮอร์โมนทดแทน จะช่วยรักษาภาวะขาดแคลเซียมในกระดูกของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีอาการของโรคกระดูกพรุน แต่วิธีนี้ไม่อาจรักษาภาวะหรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับต่อมพาราไทรอยด์ได้ และหากใช้ในระยะยาวก็อาจเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งและลิ่มเลือด อีกทั้งอาจมีผลข้างเคียงอย่างอาการปวดเต้านม วิงเวียน และปวดศีรษะด้วย
  • วิตามินดีและแคลเซียมเสริม สำหรับผู้ป่วยที่ขาดแคลเซียมและวิตามินดี อย่างผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิตามินดีและแคลเซียมเสริมร่วมกับการใช้ยาและการฟอกไต  

การผ่าตัด

มักใช้กันมากในผู้ป่วยประเภทปฐมภูมิ โดยแพทย์จะผ่าตัดนำต่อมเนื้องอกออกไป หากเกิดความผิดปกติกับต่อมพาราไทรอยด์ทั้ง 4 ต่อม แพทย์อาจนำออกไปเพียง 3 ต่อม และบางครั้งอาจตัดต่อมที่ 4 ออกไปบางส่วนด้วย หากแผลผ่าตัดที่คอมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยอาจกลับไปพักฟื้นที่บ้านหลังการผ่าตัดได้ทันที แต่การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงทำให้เส้นประสาทในการควบคุมสายเสียงถูกทำลาย และทำให้มีระดับแคลเซียมต่ำในระยะยาวได้ แต่ก็เกิดขึ้นได้น้อยมาก

ทั้งนี้ หากผู้ป่วยกำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการรักษาเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงภาวะขาดแคลเซียมของทารกในครรภ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กได้     

ภาวะแทรกซ้อนของฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง

จากการมีระดับแคลเซียมในเลือดสูงแต่มีระดับแคลเซียมในกระดูกต่ำ อาจทำให้ผู้ป่วยภาวะนี้เกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งส่งผลให้กระดูกเปราะบางและแตกหักได้ง่าย ทั้งยังอาจส่งผลให้มีระดับแคลเซียมในปัสสาวะเพิ่มมากขึ้นและก่อตัวเป็นก้อนนิ่วภายในไต ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดที่ทางเดินปัสสาวะได้

นอกจากนี้ ภาวะ Hyperparathyroidism ยังอาจก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ อย่างภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงในทารกแรกเกิด การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือตับอ่อนอักเสบ และหากมีระดับแคลเซียมที่สูงเกินไปก็อาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน จนทำให้หมดสติ เข้าสู่ภาวะโคม่า และมีความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ก็พบได้น้อยมาก   

การป้องกันฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูง

ภาวะ Hyperparathyroidism เป็นการเจ็บป่วยที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่อาจลดความเสี่ยงได้ด้วยการทำตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • สตรีวัยหมดประจำเดือนควรเข้ารับการตรวจเลือด เพื่อวัดปริมาณแคลเซียมในเลือดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อต่อมพาราไทรอยด์ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยก่อนตัดสินใจมีบุตร เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ต่อไป
  • รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีให้เพียงพอในแต่ละวัน
  • หลีกเลี่ยงการฉายรังสี หากไม่ใช่เพื่อการรักษาโรคมะเร็ง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยสังเกตจากปัสสาวะที่ใส ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไตได้  
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างการฝึกกล้ามเนื้อเพื่อช่วยให้กระดูกแข็งแรง โดยผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อตนเองมากที่สุด
  • ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้กระดูกพรุนมากขึ้น และยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่รุนแรงอื่น ๆ ด้วย
  • หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ทำให้ระดับแคลเซียมสูงขึ้น เช่น ยาขับปัสสาวะหรือยาลิเทียม เป็นต้น หากต้องใช้ยานี้ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเป็นยาตัวอื่นที่เหมาะสมต่อร่างกายแทน

ต่อมพาราไทรอยด์เกิดจากอะไร

ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงแบบทุติยภูมิ เกิดจากระดับแคลเซียมต่ำลงผิดปกติเนื่องจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสียแคลเซียม อย่างภาวะพร่องแคลเซียมจากปัญหาการดูดซึมที่ระบบทางเดินอาหารหรือขาดวิตามินดีซึ่งมีหน้าที่ช่วยดูดซึมแคลเซียม และโรคไตวายเรื้อรังอันเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของการ ...

โรคพาราไทรอยคืออะไร

ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานเกิน(Hyperparathyroidism) คือ โรคหรือภาวะที่เซลล์ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกินปกติ จึงส่งผลให้ฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมนี้(ฮอร์โมนจากต่อมพาราไทรอยด์)สูงเกินปกติไปด้วย จนส่งผลต่อเนื่องให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆขึ้น เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกระดูก กระดูกหักง่าย คลื่นไส้-อาเจียนต่อเนื่อง

พาราไทรอยด์ทำหน้าที่อะไร

ฮอร์โมนพาราไทรอยด์(parathyroid hormone) เป็นฮอร์โมนประเภทโปรตีนหรือเปปไทด์(peptide hormone) ที่มีบทบาทสําคัญในการควบคุมระดับเกลือแรตาง ๆ ของรางกาย โดยเฉพาะอยางยิ่ง แคลเซียม และฟอสฟอรัส (ฟอสเฟต) ซึ่งอวัยวะเป้าหมายสําคัญ ไดแก ไต และกระดูก (1) หากระดับฮอร์โมนพารา ไทรอยด์มีความผิดปกติจะสงผลใหเกิดความผิดปกติตอระดับเกลือแร ...

Parathormone มีผลต่อไตอย่างไร

พาราไทรอยด์ฮอร์โมนเพิ่มการสลายแคลเซียมจากกระดูกและเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมกลับที่ไต เร่งการขับฟอสเฟตที่ไตทำให้ระดับของแคลเซียม(Ca++) ในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น