ชื่อเว็บไซต์ที่ให้บริการ search engine มา 5 ชื่อ

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน ถ้าให้พูดถึงหนึ่งโปรแกรมค้นหาหรือ search engines ยอดฮิตที่คนทั่วไปนิยมใช้เซิร์ชหาข้อมูลกันก็คงจะหนีไม่พ้น ‘Google (กูเกิล)’ เว็บไซต์ที่ให้บริการในการค้นหาข้อมูลบนโลกของอินเทอร์เน็ต ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาบริการอื่นๆ ขึ้นมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Gmail บริการฟรีอีเมล, Google Map บริการแผนที่นำทางที่มีประสิทธิภาพ, YouTube บริการรับชมและแชร์วิดีโอกับคนทั้งโลก, และ Android ระบบปฏิบัติการที่นำไปติดตั้งบนสมาร์ตโฟน

แต่น้องๆ รู้ไหมคะว่านอกจากกูเกิลแล้ว ก็ยังมีอีกหลายโปรแกรมค้นหาที่จะสามารถตอบทุกข้อสงสัยพร้อมให้ข้อมูลแบบตรงจุดกับเราได้ วันนี้ พี่ปุณ เลยจะขออาสาพาน้องๆ ไปรู้จักกับ “5 search engines สุดปังสำหรับนักเรียนนักศึกษา” จะมีเว็บไหนน่าใช้บ้าง ตามไปดูกันเลย!

...........

 1.WorldCat.org

ชื่อเว็บไซต์ที่ให้บริการ search engine มา 5 ชื่อ

ใครที่เคยใช้งาน ‘Google Scholar หรือ JSTOR’ ก็อาจจะคุ้นชินหรือเคยได้ยินชื่อของ ‘WorldCat.org’ หนึ่งในเว็บไซต์ที่มีข้อมูลและคอนเทนต์ความรู้ให้บริการอยู่มากที่สุด โดยจะรวบรวมสื่อการเรียนรู้น่าสนใจจากห้องสมุดขนาดใหญ่ทั่วโลก อย่างเช่น The prestigious Bodleian Library at the University of Oxford ประเทศอังกฤษและ The Library of Congress ประเทศสหรัฐอเมริกาเอาไว้ในเว็บเดียว!

ซึ่งวิธีการเข้าสู่ระบบใช้งานก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่น้องๆ มีแอ็กเคาท์ห้องสมุดของโรงเรียนหรือมหา’ลัยก็สามารถเข้าถึง VHS tapes (Video Home System Tapes), Musical score, และแหล่งข้อมูลหลักๆ ได้โดยทันที ถือเป็นอีกโปรแกรมค้นหาที่น่าเชื่อถือและมีความหลากหลายมากๆ เลยล่ะค่ะ ใครยังไม่เคยใช้ต้องไปลองกันแล้ววว

WorldCat.org

...........

2. Semantic Scholar

มาต่อกันกับ ‘Semantic Scholar’ โปรแกรมค้นหาของ the Allen Institute for Artificial Intelligence (AI) ที่นอกจากจะเป็นแหล่งรวมความรู้ที่หลากหลายและแม่นยำเหมาะกับการนำไปใช้อ้างอิงในรายงานหรือบทความทางวิชาการแล้ว เว็บไซต์นี้ยังเปิดให้ใช้บริการแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

โดยอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกติดใจก็คือการที่ Semantic Scholar ควบคุมและใช้ประโยชน์จากระบบ AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องมือต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้หน้าตาของเว็บไซต์มีความทันสมัย ดีไซน์สวย ไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังสามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่คลิกอีกด้วย ส่วนถ้าใครยังไม่คุ้นชินกับระบบการทำงานของเว็บนี้ พี่ก็ขอแนะนำให้เข้าไปศึกษาวิธีใช้เพิ่มเติมได้ที่โหมด Tutorials เลยค่ะ

semanticscholar.org

...........

3. Ecosia

สาย Eco-friendly ต้องเว็บนี้เลย! ‘Ecosia’ โปรแกรมค้นหาหน้าตาน่าใช้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนช่วยโลกได้ง่ายๆ เพียงเซิร์ชข้อมูล 1 ครั้งก็เหมือนได้ปลูกต้นไม้ 1 ต้นโดยทันที เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายมากๆ แถมรายได้จากเว็บไซต์ก็ยังถูกนำไปใช้สนับสนุนโพรเจกต์เกี่ยวกับการฟื้นฟูดูแลป่าไม้และส่งเสริมโครงการต่อต้านการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย

โดยตั้งแต่เว็บไซต์นี้เปิดให้บริการมาก็มีผู้ใช้ทั่วโลกร่วมปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 254 ล้านต้น ในบริเวณเทือกเขา Bamnoutos ประเทศแคเมอรูน ไปจนถึงพื้นที่ที่เคยผ่านการเป็นสวนปาล์มมาก่อนอย่างผืนป่าอินโดนีเซีย (Indonesian forests) ซึ่งถ้าใครอยากอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกก็สามารถเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ หรือจะโหลดแอป Ecosia มาติดโทรศัพท์มือถือไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ

ecosia.org

...........

4. Open Knowledge Maps

‘Open Knowledge Maps’ เป็นโปรแกรมค้นหาที่ถูกคิดค้นโดยนักวิจัยจากสถาบันชื่อดังอย่าง ETH Zurich และ Harvard University เว็บไซต์นี้เปรียบเสมือนวารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสุดทันสมัยที่ไม่ได้มีแค่เพียงตัวอักษรลายตาแสนน่าเบื่อ แต่ยังเต็มไปด้วยสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบ “Visual Learning หรือการเรียนรู้จากการดูและการมองเห็น” 

โดยภายในเว็บไซต์จะมีระบบอัลกอริทึม (Algorithm) ที่จะช่วยจัดหมวดหมู่ความรู้ในแขนงต่างๆ เข้าด้วยกัน แล้วประมวลผลออกมาเป็นแผนภาพ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจดจำข้อมูลที่ต้องการค้นหาได้โดยง่าย นอกจากนี้ Open Knowledge Maps ก็ยังมีฟังก์ชันพิเศษอย่าง “การทำบรรณานุกรมสำเร็จรูป (citation)” ให้ใช้แบบฟรีๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าโดนใจเหล่านักเรียนนักศึกษาที่ต้องทำรายงานส่งอาจารย์เป็นที่สุด!

openknowledgemaps.org

...........

5. COnnecting REpositories (CORE)

ปิดท้ายกันไปด้วย ‘COnnecting REpositories (CORE)’ โปรแกรมค้นหาที่เปิดให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงวารสารและเปเปอร์วิชาการได้แบบไม่จำกัด โดยปัจจุบันเว็บไซต์นี้ได้รวมบทความน่าสนใจไว้กว่า 200 ล้านบทความจากแหล่งเรียนรู้กว่า 11,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตทางเว็บไซต์ก็จะมีการพัฒนาฟังก์ชันใหม่ๆ เพื่อรองรับข้อมูลที่หลากหลายและกว้างขวางขึ้นไปอีก แอบกระซิบว่าเว็บนี้ไม่มี paywall สามารถใช้งานได้ทั้งใน Google Chrome, Mozilla Firefox และ Opera แบบฟรีๆ ไปเลย

core.ac.uk 

และนี่ก็คือ “5 โปรแกรมค้นหาน่าใช้ ฉบับอัปเดตปี 2022” บอกเลยว่าเหล่านักเรียนนักศึกษาจะต้องถูกใจ เพราะนอกจากจะสามารถนำข้อมูลความรู้จากแต่ละเว็บไซต์มาใช้ เขียนเปเปอร์และทำรายงานได้แบบฟรีๆ แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่น้องๆ จะได้เข้าถึงคลังความรู้และงานวิจัยจากมหา’ลัยชื่อดังทั่วโลกอีกด้วย ถ้าหาข้อมูลใน Google แล้วไม่ตอบโจทย์ก็ลองเข้าไปใช้งานกันดูนะคะ รับรองว่าจะได้เจออะไรใหม่ๆ อย่างแน่นอน :D
 

Source:https://www.studyinternational.com/news/best-search-engines-for-students/ 

เว็บไซต์ที่ให้บริการ Search Engine มีอะไรบ้าง

รายชื่อ Search Engine Site ที่นิยม Google (www.google.com) – อันดับหนึ่งของโลก ในเกือบทุกๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย Bing (www.bing.com) – เป็นเว็บค้นหา ของบริษัท Microsoft คู่แข่งกับ Google โดยตรง Yahoo (www.yahoo.com) – ตั้งแต่ ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา Yahoo ถูกซื้อกิจการโดย Bing (จาก Microsoft)

Search Engine คือ อะไร พร้อมยกตัวอย่าง 5 ตัวอย่าง

เสิร์ชเอ็นจิ้น (Search Engine) คือ เครื่องมือสำหรับค้นหาข้อมูลที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ด้วยคำค้นต่างๆ ซึ่งข้อมูลนั้น อาจอยู่ในรูปแบบของเว็บไซต์ ไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ สื่อมัลติมีเดีย ไฟล์บีบอัด และรูปแบบอื่นๆ ที่สามารถบันทึกเป็นเอกสารออนไลน์ได้ ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Search Engine มีดังนี้ http://www.google.com.

เว็บไซต์ที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลเรียกว่าอะไร

การค้นหาข้อมูล หมายถึง การสืบค้นข้อมูลที่ต้องการทราบบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกและรวดเร็ว โดยวิธีการค้นหาที่สามารถทำได้ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ จะต้องทำการค้นหาจากเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลหรือเรียกว่า Search Engine Site ที่มีหน้าที่ในการรวบรวมรายชื่อของเว็บไซต์ต่างๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ ...

เสิร์ชเอ็นจิ้น คืออะไร?

? Search Engine (เสิร์ชเอนจิน) คือ โปรแกรมค้นหา ที่ออกแบบมาให้เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับ ค้นหาข้อมูล ผ่าน Internet ซึงโปรแกรมที่ใช้สำหรับค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ เราจะเรียกว่า Web Search Engine ( เว็บเสิร์ชเอนจิน ) .