เช็กอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เดือนตุลาคม 2565 ทางเลือกช่วยบริหารสภาพคล่องยามฉุกเฉิน มีแบงก์ไหนให้อัตราต่ำ น่าสนใจบ้าง เช็กเลย!! Show
ดอกเบี้ยเงินกู้เดือนตุลาคมด้วยสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันหลายคนอาจจะยังต้องพึ่งพาการขอสินเชื่อหรือกู้เงินเพื่อมาบริหารสภาพคล่องในครอบครัว การทำธุรกิจ ซึ่งการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่อยู่ในระบบ จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นมาตรฐาน มั่นใจได้ว่าจะไม่มีดรามาเจ้าหนี้ตามทวงหนี้แน่นอน
MLR MOR และ MRR คืออะไรถ้าคนที่ยังไม่เคยศึกษาเรื่องการขอสินเชื่อ อาจจะไม่คุ้นเคยกับดอกเบี้ยสองตัวนี้เท่าไหร่ โดยปกติแล้วอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ใช้อ้างอิงในการเรียกเก็บ ดอกเบี้ยเงินกู้ จากลูกค้า ซึ่งจะมีลักษณะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว เช่น 1. MLR (Minimum Loan Rate)หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี เช่น มีประวัติการเงินที่ดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเพียงพอ โดยส่วนใหญ่ใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ 2. MOR (Minimum Overdraft Rate)หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี 3. MRR (Minimum Retail Rate)หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย ภาพประกอบจาก : AFP ดอกเบี้ยเงินกู้ ที่พบบ่อย ๆ จะมี 2 ประเภทคือ ดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่และแบบลอยตัว ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน ได้แก่
คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้เป็นตัวเลขเฉพาะ ไม่ขึ้นหรือลงตามต้นทุนของสถาบันการเงิน คงที่ตลอดอายุสัญญาเงินกู้หรือในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น กำหนดให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี เป็นเวลา 4 ปี
คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนของสถาบันการเงิน ซึ่งสถาบันการเงินจะประกาศออกมาเป็นคราว ๆ ไป เช่น อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เช่น MLR MOR MRR
อ้างอิงข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย อัปเดต ณ วันที่ 5 ต.ค.2565 หมายเหตุ เป็นข้อมูลล่าสุดที่ ธปท.ได้รับจากธนาคารพาณิชย์ ณ เวลาประมาณ 8.34 น. ทำไมอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เช่น MLR ของแต่ละธนาคารไม่เท่ากันการที่แต่ละธนาคารมีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ก็เพราะต้นทุนของธนาคารแต่ละแห่งไม่เท่ากัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สภาพคล่อง อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ธนาคารต้องดำรง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ ในทางปฏิบัติธนาคารก็มักจะใช้ MLR กับทั้งลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย ทำไมอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีบวกหรือลบต่อท้ายด้วย เช่น MLR + X% และทำไม X% ของลูกค้าแต่ละรายจึงไม่เท่ากันกรณีนี้เกิดขึ้นหากผู้กู้มีความเสี่ยงสูง เช่น ฐานะทางการเงินไม่ค่อยมั่นคง ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น (X%) จากอัตราอ้างอิง เพื่อชดเชยความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละรายที่อาจแตกต่างกันไป หรือหากผู้กู้มีความเสี่ยงต่ำ ธนาคารอาจคิดดอกเบี้ยที่ถูกกว่าอัตราอ้างอิงก็ได้ เช่น MLR + X% ซึ่ง X% ของลูกค้าแต่ละรายจึงไม่จำเป็นต้องเท่ากัน และยังขึ้นกับดุลพินิจ หลักเกณฑ์ และวิธีการพิจารณาสินเชื่อที่แตกต่างกันไปของธนาคารแต่ละแห่ง ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูล และสอบถามธนาคารที่เราสนใจหลาย ๆ แห่ง เพื่อนำมาพิจารณาเปรียบเทียบกันดู ว่าธนาคารแห่งไหนมีเงื่อนไขที่ดีและเหมาะสมตอบโจทย์กับเรามากที่สุด การพิจารณาเลือกขอสินเชื่อ นอกจากอัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ ควรตัดสินใจจากปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย โดยควรศึกษาข้อมูลให้มากๆหลายๆแบงก์เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นข้อแตกต่าง ที่สำคัญเน้นเรื่องของจุดประสงค์ในการกู้ของตนเองว่ากู้เพื่ออะไร ระยะเวลาในการผ่อนชำระและดอกเบี้ย อัตราค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เราต้องจ่าย รวมถึงความสามารถในการชำระเงินกู้ และความคุ้มค่าที่จะได้รับกลับมาเมื่อเราต้องเป็นหนี้ ที่สำคัญต้องมีวินัยในการชำระเพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสียในอนาคต อ้างอิงข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย , ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาพจาก : AFP , TNN ONLINE ปัจจุบัน MRR เท่าไรอัตราดอกเบี้ยเงินกู้. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ปัจจุบันอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์อัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อทั่วไป. MRR ขึ้นลงขึ้นอยู่กับอะไรMRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยรูปแบบลอยตัว (Floating Rate) ที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ส่วนใหญ่จะใช้ในสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบ้าน โดยอัตราดอกเบี้ยชนิดนี้มักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น นโยบายการบริหารทรัพย์สินและหนี้สินของธนาคาร การแข่งขันของตลาด เป็นต้น
ในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับเท่าไรเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.50% เป็น 0.75% ต่อปี นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกหลังคงดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563.
|