เทือกเขาที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์ คือ

ถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes) 龙门石窟 หรือ หลงเหมินสือคู เป็นกลุ่มถ้ำบนหน้าผา อันเป็นที่ตั้งของศิลปะพุทธศาสนาสุดประณีตยุคแรกในจีน ความมหัศจรรย์ถ้ำผาหลงเหมินอยู่ที่จำนวนถ้ำยิบย่อยถึง 2,345 คูหา ประติมากรรมพุทธรูปอีก 100,000 กว่าองค์ ศิลาจารึก 2,500 แผ่น และเจดีย์ถึง 60 แห่ง ถ้ำหินแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของรูปสลักหินใบหน้าพระนางบูเช็กเทียนขนาดยักษ์หนึ่งเดียวในเมืองจีนด้วย

อ่านต่อ

ความหมายทั้งหมดที่มีของคำนี้ ล้วนรวมเขตเมโสโปเตเมีย คือผืนแผ่นดินรอบ ๆ แม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรทีส และรวมเขตลิแวนต์ คือฝั่งทิศตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประเทศต่าง ๆ ปัจจุบันที่มีดินแดนร่วมอยู่ในเขตนี้รวมทั้งประเทศอิรัก คูเวต ซีเรีย เลบานอน จอร์แดน อิสราเอล และปาเลสไตน์ โดยอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีและทางทิศตะวันตกของอิหร่าน

เขตนี้บ่อยครั้งเรียกว่าอู่อารยธรรม (cradle of civilization) เพราะเป็นเขตที่เกิดพัฒนาการเป็นอารยธรรมมนุษย์แรก ๆ สุด ซึ่งเจริญรุ่งเรืองโดยอาศัยทรัพยากรน้ำและเกษตรกรรมที่มีอยู่ในเขต ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในเขตนี้รวมทั้งการพัฒนาภาษาเขียน การทำแก้ว ล้อ และระบบชลประทาน

เนื้อหา

  • 1ประวัติศาสตร์
  • 2ภาษาที่ใช้
  • 3ภูมิประเทศ
  • 4ภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ
  • 5ประวัติ
    • 5.1การแพร่กระจายของวัฒนธรรมเกษตร
  • 6เชิงอรรถและอ้างอิง
  • 7ดูเพิ่ม
  • 8แหล่งข้อมูลอื่น

ศาสตราจารย์นักมานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกได้สร้างความนิยมกับคำว่า "พระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์" เริ่มตั้งแต่หนังสือเรียนระดับไฮสกูลที่เขาเขียนในปี 1914 และ 1916 นี่เป็นคำพรรณนาเขตนี้ในหนังสือปี 1916

ในที่สุดแห่งทิศตะวันตกของเอเชีย มีเขตที่มีรูปร่างไม่สมมาตร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วรวมอยู่ในวงน้ำติดกับทะเลแคสเปียนกับทะเลดำทางทิศเหนือ ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดงทางทิศตะวันตก และติดกับมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวเปอร์เซียทางทิศใต้และตะวันออก โดยมากเป็นเขตภูเขาทางทิศเหนือและเขตทะเลทรายทางทิศใต้ ที่อยู่มนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในสนามใหญ่แห่งเอเชียตะวันตกนี้ เป็นแผ่นดินชายแดนระหว่างเขตทะเลทรายและเขตภูเขา เป็นเขตสุดติดกับทะเลทรายที่เพาะปลูกได้ เป็นแผ่นดินวงจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์ที่มีภูเขาทางด้านหนึ่งและทะเลทรายอีกด้านหหนึ่ง

แผ่นดินวงจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์นี้ มีรูปคล้ายกับครึ่งวงกลม โดยมีด้านเปิดอยู่ทางทิศใต้ (ดูแผนที่) มีส่วนสุดทิศตะวันตกที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตรงกลางอยู่เหนือคาบสมุทรอาหรับ มีส่วนสุดทิศตะวันออกเหนืออ่าวเปอร์เซีย ตั้งอยู่เหมือนกับกองทัพหันไปทางทิศใต้ โดยมีปีกหนึ่งยาวไปทางฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอีกปีกหนึ่งยืดไปทางอ่าวเปอร์เซีย และตรงกลางมีด้านหลังชนกับเทือกเขาทางทิศเหนือ ที่สุดของปีกตะวันตกคือปาเลสไตน์ จักรวรรดิอัสซีเรียเป็นส่วนใหญ่ของตรงกลาง ในขณะที่ส่วนสุดของปีกตะวันออกคืออาณาจักรบาบิโลเนีย

ครึ่งวงกลมของแผ่นดินใหญ่นี้ เพราะว่ายังไม่มีชื่อ อาจเรียกได้ว่า พระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์1 มันสามารถอุปมาเหมือนกับชายหาดของอ่าวทะเลทราย โดยมีภูเขาข้างหลังค้ำอยู่เหนือชายหาด เป็นอ่าวไม่ใช่ของน้ำแต่เป็นของทะเลทรายอันแห้งแล้ง อันกว้างประมาณ 500 ไมล์ เป็นชายหาดส่วนสุดด้านเหนือของทะเลทรายอาหรับและกว้างยืดไปทางทิศเหนือจนถึงละติจูดมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อ่าวทะเลทรายนี้เป็นที่ราบสูงหินปูน ซึ่งจริง ๆ สูงเกินกว่าที่จะได้น้ำจากแม่น้ำไทกริสและยูเฟรทีส ซึ่งวิ่งตัดเป็นหุบเขาเป็นแนวเฉียงผ่านมัน อย่างไรก็ดี หลังจากแม้จะได้ฝนหน้าหนาวอย่างขาดแคลน แผ่นดินเป็นแถบกว้างของอ่าวทะเลทรายด้านเหนือก็จะปกคลุมไปด้วยหญ้าบาง ๆ และดังนั้นฤดูใบไม้ผลิก็จะเปลี่ยนบริเวณนี้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ให้เป็นทุ่งหญ้า ประวัติของเอเชียตะวันตกสามารถกล่าวได้ว่า เป็นการต่อสู้กันที่เป็นไปนานแล้วระหว่างกลุ่มชนภูเขาทางทิศเหนือและนักเร่ร่อนชาวทะเลทรายแห่งเขตทุ่งหญ้าเหล่านี้ และก็ยังเป็นการต่อสู้ที่ยังเป็นไปอยู่ในปัจจุบัน เพื่อจะได้เป็นเจ้าของพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งเป็นฝั่งของอ่าวทะเลทราย

1 ไม่มีชื่อทั้งทางภูมิศาสตร์ทั้งทางการเมือง ที่รวมแผ่นดินทั้งหมดของครึ่งวงกลมใหญ่นี้ ดังนั้น เราจำต้องบัญญัติคำแล้วเรียกมันว่า พระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์

ความหมายของคำตามที่ใช้ในปัจจุบันรวมทั้งประเทศอิรัก คูเวต ส่วนรอบ ๆ อิหร่านและตุรกี และชายฝั่งของเขตลิแวนต์ที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และเลบานอน ทรัพยากรน้ำที่มีรวมแม่น้ำจอร์แดนด้วย แต่ถ้าใช้คำอย่างครอบคลุมกว้างไกลที่สุด เขตนี้อาจจะรวมบางส่วนของประเทศอียิปต์ทางทิศใต้ กับลุ่มแม่น้ำกับดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ที่อยู่ในอียิปต์ และประเทศไซปรัสที่เป็นเกาะ[ต้องการอ้างอิง] ขอบเขตด้านในครึ่งวงกลมแบ่งโดยภูมิอากาศที่แห้งแล้งของทะเลทรายซีเรียทางทิศใต้ ส่วนของเขตด้านนอกเป็นแผ่นดินที่แห้งแล้งและกึ่งแห้งแล้งของเทือกเขาคอเคซัสทางทิศเหนือ ที่สูงของอานาโตเลียและทะเลทรายสะฮาราทางทิศตะวันตก

พระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์เป็นเขตที่มีความหลายหลากทางภาษา โดยทั่วไปในประวัติศาสตร์ กลุ่มภาษาเซมิติก (Semitic) มักจะกระจายทั่วไปในที่ราบต่ำ ในขณะเขตภูเขาทางทิศตะวันออกและทิศเหนือจะใช้กลุ่มภาษาที่โดยทั่วไปไม่เกี่ยวข้องกันรวมทั้ง Elamite, Kassite, และ Hurro-Urartian ความเกี่ยวข้องกันและการมาถึงเขตนี้ ของภาษาเหล่านี้ ยังเป็นประเด็นปัญหาที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ แต่ว่า เพราะไม่มีหลักฐานทางภาษาเขียนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุด ข้อถกเถียงเหล่านี้คงจะไม่ยุติลงได้อย่างง่าย ๆ

แต่หลักฐานที่มีแสดงนัยว่า โดย 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช และล้ำเข้าไปในพันปีต่อไป ก็ได้มีกลุ่มภาษาหลายกลุ่มอยู่แล้ว ซึ่งรวมทั้ง

  • ภาษาซูเมอร์ ไม่ใช่ภาษาเซมิติกแต่สัมพันธ์กับภาษาแอกแคด (แบบ Sprachbund) ที่อยู่ติดกัน
  • กลุ่มภาษาเซมิติก รวมทั้งภาษาแอกแคด ภาษาอโมไรต์ ภาษาแอราเมอิก ภาษายูการิติก ภาษา Canaanite
  • กลุ่มภาษา Hurro-Urartian ซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ (ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับภาษา Kassite ที่อยู่ต่างหาก)
  • ภาษาฮิตไทต์ (Hattic language) เป็นภาษาต่างหากที่ดั้งเดิมพูดในเขตอานาโตเลียกลาง
  • ตระกูลภาษาอินโด-ยูโรเปียน ซึ่งทั่วไปเชื่อว่าเป็นภาษาที่แทรกเข้ามาในภายหลัง เช่น มีองค์ประกอบของภาษาฮิตไทต์และภาษาอินโด-อารยัน ดังที่พบในอารยธรรม Mittani

มักจะเสนอกันบ่อย ๆ ว่า ภาษาคอเคซัสต่าง ๆ เชื่อมโยงกับภาษา Hurro-Urartian และภาษาฮิตไทต์ แต่ว่านี่ยังไม่ใช่มติส่วนใหญ่

แม้ว่า แม่น้ำและลุ่มน้ำจะเป็นทรัพยากรที่ขาดไม่ได้สำหรับการเกิดขึ้นของอารยธรรม แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยเดียวแห่งการพัฒนาได้เร็วของเขตนี้ คือ บริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมสำคัญระหว่างแอฟริกากับยูเรเชีย ซึ่งทำให้เขตนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่าทั้งยุโรปและแอฟริกาเหนือ ซึ่งล้วนแต่เป็นที่ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงยุคน้ำแข็ง ทำให้เกิดเหตุการณ์สูญพันธุ์ซ้ำ ๆ เมื่อระบบนิเวศหดเล็กลงมาชิดกับชายฝั่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อควบคู่กับเหตุการณ์ที่อธิบายโดยทฤษฎี Saharan pump theory จุดเชื่อมในตะวันออกกลางนี้จะสำคัญมากต่อการกระจายพันธุ์ของพฤกษชาติและพรรณสัตว์ในโลกเก่าดังที่พบในปัจจุบัน รวมทั้งมนุษย์ด้วย เขตนี้ยังเป็นแนวแผ่นเปลือกโลกแยกตัวระหว่างแผ่นธรณีภาคแอฟริกาและอาหรับ และแนวแผ่นเปลือกโลกรวมตัวระหว่างแผ่นธรณีภาคอาหรับและยูเรเชีย ซึ่งมีผลให้กลายเป็นเขตสูงต่ำมียอดเขาปกคลุมด้วยหิมะมากมาย

เขตนี้มีภูมิอากาศที่หลากหลาย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญ ๆ ได้สนับสนุนให้เกิดวิวัฒนาการของพืชฤดูเดียวที่สืบพันธุ์ด้วยกลยุทธ์แบบ "r" ตามทฤษฎี "r/K strategy" ซึ่งผลิตเมล็ดที่รับประทานได้มากกว่าพืชหลายปีที่เป็นแบบ "K" ความต่าง ๆ กันของความสูง ทำให้เกิดสปีชีส์มากมายของพืชที่รับประทานได้ ซึ่งสามารถนำมาทดลองเพาะปลูกในยุคต้น ๆ ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขตนี้เป็นแหล่งของพืชผลต้นกำเนิดยุคหินใหม่ (Neolithic founder crop) ถึง 8 ชนิดที่สำคัญต่อเกษตรกรรมในยุคต้น ๆ รวมทั้งบรรพบุรุษพันธุ์ป่าของข้าวสาลีทั้งประเภท Triticum dicoccum (emmer) และ Triticum monococcum (einkorn) ข้าวบาร์ลีย์ ฝ้าย ถั่วหัวช้าง ถั่วลันเตา ถั่วสกุล Lens culinaris (lentil) และสกุล Vicia ervilia (ervil หรือ bitter vetch) และเป็นแหล่งกำเนิดสัตว์เลี้ยงที่สำคัญที่สุด 5 อย่าง คือ วัว แพะ แกะ และหมู โดยมีม้าเกิดจากแหล่งข้างเคียง

เขตนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มนุษย์ที่น่าทึ่งใจที่สุดที่หนึ่ง นอกจากจะมีโบราณสถานที่มีซากกระดูกและซากหลักฐานทางวัฒนธรรมทั้งของมนุษย์พันธุ์ก่อนปัจจุบัน ของมนุษย์พันธุ์ปัจจุบันในยุคต้น ๆ (เช่นที่ถ้ำ Kebara ในปาเลสไตน์) ของมนุษย์ที่ทำกินเป็นนักล่า-เก็บพืชผลในสมัยไพลสโตซีนเบื้องปลาย และของมนุษย์นักล่า-เก็บพืชผลที่กึ่งอยู่เป็นที่ (คนกลุ่ม Natufian) ในสมัย Epipalaeolithic แล้ว เขตนี้ยังรู้จักกันดีที่สุดในฐานะเป็นแหล่งกำเนิดเกษตรกรรม คือ เขตตะวันตกใกล้ ๆ จอร์แดนและเขตแม่น้ำยูเฟรทีสตอนบน เป็นแหล่งกำเนิดของชุมชนเกษตรกรยุคหินใหม่ที่เก่าแก่ที่สุด (ที่เรียกว่า Pre-Pottery Neolithic A ตัวย่อ PPNA) ราว 9,543 ปีก่อนพุทธศักราช (รวมทั้งโบราณสถาน Jericho)

เขตนี้ พร้อมกับเมโสโปเตเมีย (ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขต ระหว่างแม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรทีส) ก็ยังเป็นแหล่งกำเนิดสังคมแบบซับซ้อน (complex society) ต้น ๆ ในยุคสัมฤทธิ์ต่อมา และก็ยังมีหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับภาษาเขียน และการเกิดสังคมทีแบ่งชนชั้นโดยเป็นรัฐ ทำให้เขตนี้มีชื่อว่า แหล่งกำเนิดอารยธรม (The Cradle of Civilization)

ทั้งแม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรทีสมีต้นน้ำอยู่ที่เทือกเขาทอรัส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศตุรกี เกษตรกรในเมโสโปเตเมียด้านใต้ต้องทำการป้องกันน้ำท่วมไร่นาทุก ๆ ปี โดยยกเว้นด้านเหนือที่จะมีฝนตกเพียงแค่พอที่จะทำเกษตรได้เท่านั้น และเพื่อจะป้องกันน้ำท่วม ชนเหล่านี้จึงต้องสร้างคันกั้นน้ำ

เริ่มตั้งแต่ยุคสัมฤทธิ์ ชนในเขตนี้ได้เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติโดยสร้างระบบชลประทาน ซึ่งก็ยังจำเป็นต่อเกษตรกรรมตราบเท่าทุกวันนี้ แต่ในสองพันปีที่ผ่านมา ก็จะมีวงจรความเสื่อมความเจริญเมื่อสิ่งก่อสร้างที่ทำเกิดการละเลย แล้วจึงสร้างใหม่ต่อมาโดยรัฐที่มายึดครองพื้นที่ต่อ ๆ มา ปัญหาที่ยังเป็นไปตราบเท่าทุกวันนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ดินเค็ม ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับความเข้มข้นของเกลือและแร่ธาตุอื่น ๆ ในดินที่มีประวัติชลประทานเป็นเวลายาวนาน

การแพร่กระจายของวัฒนธรรมเกษตร

มีการปลูกธัญพืชในซีเรียเริ่มตั้งแต่ 9,000 ปีก่อน มีการพบลูกมะเดื่อที่ไม่มีเมล็ดในลุ่มแม่น้ำในจอร์แดน ซึ่งแสดงนัยว่า ต้นมะเดื่อได้เริ่มปลูกตั้งแต่ 11,300 ปีก่อน

งานวิเคราะห์ปี 2006 และ 2008 เปรียบเทียบการวัดกะโหลกและใบหน้า 24 อย่างแสดงว่า ประชากรเขตนี้ในยุคก่อนหินใหม่ ยุคหินใหม่ และยุคสัมฤทธิ์ มีความหลายหลาก โดยเฉพาะหลักฐานที่แสดงอิทธิพลจากแอฟริกาใต้สะฮาราในเขตนี้ โดยเฉพาะต่อคนกลุ่ม Natufian สมัย Epipalaeolithic ในอิสราเอล แต่ว่าไม่สามารถกล่าวอย่างเดียวกันต่อชาวบาสก์และคนในหมู่เกาะคะเนรี เพราะว่างานเหล่านี้แสดงว่า คนโบราณเหล่านี้ "สัมพันธ์กับคนยุโรปปัจจุบันอย่างชัดเจน" นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงอิทธิพลของคน Cro-Magnon ในเขตนี้ ซึ่งต่างจากความคิดที่มีมาก่อน ๆ

งานศึกษาเหล่านี้ยังแสดงนัยถึงการแพร่กระจายของคนหลายหลากกลุ่มนี้ไปจากเขตนี้ โดยมีผู้ย้ายถิ่นยุคต้น ๆ ออกไปจากเขตตะวันออกใกล้ ทางทิศตะวันตกไปทางยุโรปและแอฟริกาเหนือ ทางทิศเหนือไปยังเขตไครเมีย และทางทิศตะวันออกไปยังมองโกเลีย โดยเอาข้อปฏิบัติทางเกษตรกรรมไปด้วย และต่อมาได้จับคู่อยู่ร่วมกับชนนักล่า-เก็บพืชผลที่ออกไปพบ ในขณะที่สามารถธำรงความเป็นเกษตรกรต่อไป ซึ่งสนับสนุนงานศึกษาทางพันธุกรรม ทางโบราณคดี ที่ทำมาก่อน ๆ ซึ่งล้วนแต่มีข้อสรุปเดียวกัน

ดังนั้น คนที่มีอยู่ในที่ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้สืบทอดวิถีชีวิตเกษตรกรจากบุคคลที่อพยพออกจากเขตนี้ในยุคต้น ๆ ซึ่งต่างจากสมมติฐานที่ว่า การแพร่กระจายของวิธีทางเกษตรกรรมจากเขตนี้ เป็นไปโดยการแชร์ความรู้ และบัดนี้จึงมีหลักฐานที่เหนือกว่าว่า เกิดจากการอพยพของชนจากเขตนี้ โดยมีลูกหลานกับคนพื้นที่อื่น ๆ ที่ออกไปประสบ

แต่งานศึกษาก็แสดงด้วยว่า คนยุโรปปัจจุบันไม่ใช่ทั้งหมดมีกรรมพันธุ์ที่ใกล้ชิดกับคนที่อยู่ในเขตนี้ในยุคหินใหม่และยุคสัมฤทธิ์ กลุ่มชนที่ใกล้ชิดที่สุดคือคนยุโรปใต้ และคนยุโรปทั้งหมดในปัจจุบันมีสายเลือดใกล้ชิดกัน

  1. Haviland, William A. และคณะ (2013). The Essence of Anthropology (3rd ed.). Belmont, California: Wadsworth. p. 104. ISBN 1111833443.Explicit use of et al. in: |authors= (help)CS1 maint: uses authors parameter (link)
  2. Ancient Mesopotamia/India. Culver City, California: Social Studies School Service. 2004. p. 4. ISBN 1560041668.
  3. Abt, Jeffrey (2011). American Egyptologist: the life of James Henry Breasted and the creation of his Oriental Institute. Chicago: University of Chicago Press. pp.-,. ISBN 978-0-226-0011-04.
    Goodspeed, George Stephen (1904). A History of the ancient world: for high schools and academies. New York: Charles Scribner's Sons. pp.-.
    Breasted, James Henry (1914). "Earliest man, the Orient, Greece, and Rome". ใน Robinson, James Harvey; Breasted, James Henry; Beard, Charles A. (บ.ก.). (PDF). 1. Boston: Ginn. pp. 56–57."The Ancient Orient" map is inserted between pages 56 and 57.
    Breasted, James Henry (1916). (PDF). Boston: Ginn. pp. 100–101."The Ancient Oriental World" map is inserted between pages 100 and 101.
    Clay, Albert T. (1924). "The so-called Fertile Crescent and desert bay". Journal of the American Oriental Society. 44: 186–201. doi:. JSTOR .
    Kuklick, Bruce (1996). "Essay on methods and sources". Puritans in Babylon: the ancient Near East and American intellectual life, 1880-1930. Princeton: Princeton University Press. p. 241. ISBN 978-0-691-02582-7. Textbooks...The true texts brought all of these strands together, the most important being James Henry Breasted, Ancient Times: A History of the Early World (Boston, 1916), but a predecessor, George Stephen Goodspeed, A History of the Ancient World (New York, 1904), is outstanding. Goodspeed, who taught at Chicago with Breasted, antedated him in the conception of a 'crescent' of civilization.
  4. Steadman & McMahon, บ.ก. (2011). Oxford Handbook of Ancient Anatolia. pp. 233, 522, 556.CS1 maint: uses editors parameter (link)
  5. Potts, T (2012). Potts, T (บ.ก.). A Companion to the Archaeology of the Ancient Near East. pp. 28, 570, 584.CS1 maint: uses authors parameter (link) CS1 maint: uses editors parameter (link)
  6. Diamond, Jared. (1997-03). Guns, Germs, and Steel: The Fates of Human Societies. W.W. Norton & Company. ISBN 0-393-03891-2.Check date values in: |date= (help);|access-date= requires |url= (help)
  7. Beck, Roger B. (1999). World History: Patterns of Interaction. Evanston, IL: McDougal Littell. ISBN 0-395-87274-X.Unknown parameter |coauthors= ignored (|author= suggested) (help)CS1 maint: extra punctuation (link)
  8. "Genographic Project / The Development of Agricultureurl=". nationalgeographic.com.Missing or empty |url= (help)
  9. Brace, C. Loring; Seguchi, Noriko; Quintyn, Conrad B.; Fox, Sherry C.; Nelson, A. Russell; Manolis, Sotiris K.; Qifeng, Pan (2006). . Proceedings of the National Academy of Sciences of the USA. 103 (1): 242–247. doi:. PMC. PMID .
  10. Ricaut, F. X.; Waelkens, M. (2008-08). "Cranial Discrete Traits in a Byzantine Population and Eastern Mediterranean Population Movements". Human Biology. 80 (5): 535–564. doi:. PMID .Check date values in: |date= (help)
  11. Barker, G (2002). Bellwood, P; Renfrew, C (บ.ก.). Transitions to farming and pastoralism in North Africa. Examining the Farming/Language Dispersal Hypothesis. pp. 151–161.CS1 maint: uses authors parameter (link) CS1 maint: uses editors parameter (link)
  12. Bar-Yosef, O (1987). "Pleistocene connections between Africa and SouthWest Asia: an archaeological perspective". The African Archaeological Review: 29–38.|chapter= ignored (help)CS1 maint: uses authors parameter (link)
  13. Kislev, ME; Hartmann, A; Bar-Yosef, O (2006). "Early domesticated fig in the Jordan Valley". Science. 312 (5778): 1372–1374. doi:. PMID .
  14. Lancaster, Andrew (2009). (PDF). Journal of Genetic Genealogy. 5 (1).
  15. Chicki, L; Nichols, RA; Barbujani, G; Beaumont, MA (2002). . Proc. Natl. Acad. Sci. USA. 99 (17): 11008–11013. doi:.
  16. Dupanloup และคณะ (2004). .Explicit use of et al. in: |authors= (help)CS1 maint: uses authors parameter (link)
  17. . Am. J. Hum. Genet. 74: 1023–34. 2004-05. doi:. PMC. PMID .Check date values in: |date= (help)
  18. Cavalli-Sforza (1997). .CS1 maint: uses authors parameter (link)
  19. Chikhi (1997). .CS1 maint: uses authors parameter (link)
  20. Zvelebil, M (1986). 'Hunters in Transition: Mesolithic Societies and the Transition to Farming. Cambridge, UK: Cambridge University Press. pp. 5–15, 167–188.CS1 maint: uses authors parameter (link)
  21. Bellwood, P (2005). First Farmers: The Origins of Agricultural Societies. Malden, MA: Blackwell.CS1 maint: uses authors parameter (link)
  22. Dokládal, M.; Brožek, J. (1961). "Physical Anthropology in Czechoslovakia: Recent Developments". Curr. Anthropol. 2: 455–477. doi:.
  23. Bar-Yosef, O. (1998). "The Natufian culture in the Levant, threshold to the origins of agriculture". Evol. Anthropol. 6: 159–177. doi:.