คำศัพท์ทางการตลาด marketing technical term

คำศัพท์ทางการตลาด marketing technical term

คนที่ทำงานสายมาร์เก็ตติ้งหรือดีลธุรกิจกับหลายๆฝ่ายจากต่างประเทศ อาจจะเคยมีประสบการณ์ที่เจอคำศัพท์ต่างๆแล้วหยุดกึก เอ๊ะ.. มันคืออะไรนะ //เอียงคอ ซึ่งไม่ต้องแปลกใจไปค่ะ หลายๆคนมีประสบการณ์เหมือนกัน เพราะศัพท์ในแวดวงธุรกิจมันมีเยอะม๊ากกก มากจนจำได้ไม่หมด แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ วันนี้ Hotcourses Thailand รวบรวมคำศัพท์ต่างๆแบบเบสิคที่สายมาร์เก็ตติ้งควรรู้ และจำเป็นต้องใช้มาฝากกันแล้วค่า

  • Brand Guidelines 

แบรนด์ไกด์ไลน์ พูดง่ายๆก็คือเอกสารที่อธิบายรายละเอียดและองค์ประกอบทุกอย่างของแบรนด์ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฟอนท์ โลโก้ สีหลักๆที่ต้องใช้ แพคเกจจิ้ง การจัดวางดิสเพลย์ ข้อจำกัดต่างๆ เช่น ห้ามวางโลโก้สีนี้บนแบคกราวน์สีนั้น ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะแยะมาก จนหลายๆคนเห็นแล้วอาจจะหน้ามืดก่อนอ่านจบ แต่ถึงจะดูเยอะ แต่ชาวมาร์เก็ตเทียร์หรือแบรนดิ้งควรต้องศึกษาและรู้ให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้เข้าใจแบรนด์และสามารถบรีฟกับเอเจนซี่ได้ต่อไปค่ะ 

  • Visibility 

คำนี้ใช้กันบ่อยมากๆในแวดวงมาร์เก็ตติ้งค่ะ ถ้าแปลตรงๆตัว visibility ก็คือการมองเห็น ซึ่งถ้าเค้าพูดถึง brand visibility นั่นหมายถึงการที่คนมองเห็นแบรนด์ของเรานั่นเองค่ะ และถ้าถามว่าคนจะเห็นแบรนด์ของเราได้ยังไง ก็ต้องบอกว่าเราต้องทำโฆษณา หรือแคมเปญการตลาดต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้คนมองเห็นแบรนด์ของเรานั่นเองค่ะ

  • Campaign Reach 

ทำแคมเปญโฆษณาออกไปทั้งที จะทำออกไปเฉยๆแล้วไม่ดูผลลัพธ์ไม่ด๊ายยย อย่างน้อยๆก็ควรต้องรู้ค่ะ ว่าแคมเปญของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากน้อยอย่างไร ตรงนี้นี่เองเลยเป็นจุดที่หลายๆคนควรจะตั้งเป้าหมายและเช็ค Campaign Reach หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญเราด้วยค่ะ เช่น เราลงทุนไป $1,000 Campaign reach เข้าถึงได้ 10,000 คน แสดงว่าแคมเปญของเราก็ตกแล้วอยู่ที่ 10 cents ต่อการเห็นหนึ่งคนค่ะ

  • Marketing Collateral 

อันนี้เห็นกันบ่อยมากเช่นกันค่ะ Marketing Collateral ก็คือตัวเอกสารหรือชิ้นงานมาร์เก็ตติ้งต่างๆทั้งหทดที่เรามี ที่ใช้สำหรับการขายงานหรือออกสื่อ เช่น พรีเซนเทชั่น โบร์ชัวร์ สติกเกอร์ เอกสารรายงานประจำปี เอกสารหรือสื่ออะไรที่เกี่ยวข้องกับมาร์เก็ตติ้ง อยู่ในหมวดนี้หมดค่ะ

  • SEO 

ยุคนี้ไม่มีดิจิตัล มาร์เก็ตเทียร์คนไหนที่ไม่รู้จัก SEO ค่ะ คำนี้ย่อมาจาก Search Engine Optimisation หรือการปรับเนื้อหาในหน้าเพจของเว็บไซต์ เพื่อให้เข้ากับหลักการ search และช่วยให้เพจของเราแสดงผลใน search engine result ได้ดีขึ้นค่ะ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขายเสื้อผ้าเด็กออนไลน์ เมื่อมีคนค้นคำว่า เสื้อผ้าเด็ก ใน Google ถ้าเราทำ SEO ได้ดี เว็บของเราก็จะขึ้นแสดงผลได้ตำแหน่งที่สูงค่ะ 

  • Big Data

แปลตรงๆตัวกันไปได้เลย ว่า Big data ก็คือการพูดถึงแหล่งดาต้าหรือข้อมูลที่ใหญ่มากๆ ส่วนใหญ่จะมาจากพฤติกรรมผู้บริโภค ที่นักการตลาดมักเอามาวิเคราะห์เพื่อหาไอเดียที่เป็นประโยชน์ในการทำแคมเปญค่ะ

  • Email Blast

อีกหนึ่งเครื่องมือที่นักการตลาดชอบใช้ในยุคนี้ก็คือ Email blast ซึ่งก็คือการส่งอีเมล์การตลาดหาลูกค้าจำนวนมากในคราวเดียวกันนั่นเองค่ะ หลายๆธุรกิจอาจใช้ Email blast เพื่อส่งอีเมล์บอกโปรโมชั่นพิเศษกับลูกค้า หรือประกาศเมื่อมีสินค้าตัวใหม่ออกมาค่ะ

  • Clickbait 

คลิกเบทคือการเขียนหัวข้อเฮดไลน์ที่จงใจให้คนคลิก ชนิดที่ว่าคนอ่านอ่านแค่หัวข้อแล้วต้องอยากคลิกเข้าไปอ่านบทความหรือคอนเทนท์นั้นๆทันที ตัวอย่างเช่น “This woman lost her dog. You’ll never believe what happened next”  เทคนิคนี้มักจะได้ผลในเรื่อง pageviews หรือกระตุ้น traffic ได้มากๆเลยค่ะ

  • Native Advertising

โฆษณาที่มาในรูปแบบที่ไม่เหมือนโฆษณาค่ะ อันนี้คือเป็นการทำโฆษณาให้เนียนๆไปกับเนื้อหาหลักๆ หรือไม่แสดงออกโจ่งแจ้งว่าเป็นโฆษณานะ หลายๆธุรกิจเชื่อว่าทำให้โฆษณามีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น บิวตี้บล็อกเกอร์เขียนวิธีการกำจัดสิว 10 วิธี ซึ่งจริงๆแล้วเป็นการโฆษณากลายๆให้กับบริษัทโฟมล้างหน้า เป็นต้น

  • A/B Testing

การทำ A/B Testing ในงานมาร์เก็ตติ้งถือเป็นเครื่องมือสำคัญอีกอย่างหนึ่งเลยค่ะ เพราะก็คือการทดลองทำแคมเปญในแบบต่างๆ เพื่อเทียบผลว่าแบบไหนได้ผลดีกว่า ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ในงานดิจิตัลมาร์เก็ตติ้ง เช่น Search campaign และทำ A/B Testing เปรียบเทียบ keywords ที่ใช้ เพื่อดูว่าแบบไหนคนจะสนใจคลิกมากกว่านั่นเองค่ะ

  • Landing Page 

ศัพท์นี้น่าจะเป็นที่คุ้นเคยของชาวดิจิตัลมาร์เก็ตติ้งอีกเช่นกัน เพราะ Landing page ก็คือหน้าเพจที่เราต้องการให้ลูกค้าคลิกหรือกดมาเจอจากโฆษณานั้นๆ เช่น เราอาจจะทำโฆษณาเกี่ยวกับลิปสติกรุ่นใหม่ ที่เมื่อกดแล้ว ก็มาที่ Landing page ที่รวมรายละเอียดและการสั่งซื้อลิปสติกรุ่นนั้นๆค่ะ

  • Call-to-action (CTA)

หนึ่งในสิ่งสำคัญสุดๆของแคมเปญการตลาด ก็คือการที่เราต้องกำหนดว่าอยากให้กลุ่มเป้าหมายทำอะไรเมื่อเห็นแคมเปญของเรา เช่น อยากให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้าไปอ่านต่อ หรือกดสั่งซื้อ หรือดูวิดิโอ ซึ่งตรงนี้นี่เองที่เรียกว่า Call-to-action นั่นเอง ดังนั้น เวลาทำแคมเปญอะไร ควรคิดให้ดีว่าเราอยากได้ผลลัพธ์แบบไหนค่ะ

คำศัพท์ทางการตลาด marketing technical term