Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

💥 โบกมือลา! iPhone 6s, 7 และ SE (รุ่นแรก) ไม่รองรับ iOS16 💬 ปิดตำนานพี่จะอยู่! หลัง Apple ออกมาคอนเฟิร์มถึงรุ่นของ...

Posted by ชอบโปร - ShobPro on Monday, June 6, 2022

เป็นเรื่องแล้วหลังจากที่แอปเปิลได้ทำการเปิดตัว iOS 16 ไปในงาน WWDC 2022 ที่ผ่านมา ซึ่งไฮไลท์หลักคือฟีเจอร์ใหม่ๆ บน iOS 16 นั่นเอง

แต่หลังจากที่มีการเปิดตัวออกไปแล้ว แอปเปิลก็ได้มีการประกาศไอโฟนรุ่นที่จะสามารถอัปเดตขึ้นมาเป็น iOS 16 ได้ ปรากฏว่ารอบนี้เป็นคิวของ iPhone 6s, iPhone 7 และ iPhone SE (รุ่นแรก) ที่ไม่ได้ไปต่อ

ปรากฏว่าหลังจากที่ประกาศออกมาไม่นาน ก็เริ่มมีกระแสความไม่พอใจ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ iPhone 7 และ 7 Plus ออกมาอย่างต่อเนื่อง

หลายคนบอกว่าถ้าแอปเปิลจะตัดรุ่นที่ไม่รองรับออก ก็น่าจะตัดทีละรุ่นไหม ? ซึ่งรอบนี้ตัดทั้ง iPhone 6s และ iPhone 7 พร้อมกันเลย ทั้งที่ออกมาห่างกันคนละปี หรืออีกความเห็นที่บอกว่า iPhone 7 มาพร้อมชิป A10 ที่เร็วกว่า iPad (gen 5) ที่ใช้ชิป A9 แต่ทำไม iPad ได้ไปต่อ แต่ iPhone 7 กลับไม่ได้ต่อซะงั้น ?

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก
Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

ซึ่งกระแสนี้ก็ทำให้หลายคนแสดงความผิดหวังที่รอบนี้แอปเปิลตัดอุปกรณ์ไปหลายรุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็มีกระแสกลับมาเหมือนกันว่า แอปเปิลเองก็รองรับ iPhone 7 มาตั้งแต่เปิดตัว ตอนนี้ก็ 5-6 ปีแล้ว ก็เป็นเวลาที่นานทีเดียว

รวมถึงการใช้ไอโฟนรุ่นที่เก่ามากๆ ไปใช้ iOS รุ่นล่าสุด ก็เป็นที่รู้กันว่าจะทำให้เครื่องทำงานช้าลง รวมถึงบางครั้งก็ช้าจนหลายคนยอมไม่อัปจะดีกว่า

จากข่าวการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ 2 รุ่นอย่าง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เมื่อช่วงเที่ยงคืนของคืนวันที่ 7 กันยายน 2016 ที่ผ่านมานั้น ก็ได้เห็นฟีเจอร์ต่างๆโดยทีเด็ดสุดคือ ซีพียูที่เร็วแรง สามารถกันน้ำได้ แต่ด้วยสเปค iPhone 6 ซีรีส์ และ iPhone 6S ซีรีส ก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่ นั้น ลองดูเหตุผลหลักที่จะใช้ iPhone เครื่องเก่าต่อไป ไม่ซื้อ iPhone 7 กัน

1.iPhone รุ่นเก่า มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm.

ซึ่งสามารถเสียบกับหูฟังที่ซื้อมาแบบไหนก็ได้ โดยไม่ต้องใช้ Adapter แต่พอมา iPhone 7 ซึ่งไม่มี ช่องเสียบหูฟังแล้ว ต้องมาใช้ผ่าน Adaptor ของพอร์ต Lightning 3.5 mm. หรือหูฟังไร้สายของ Apple แทน

2. ไม่ต้องการใช้หูฟังสาย Lightning บน iPhone รุ่นใหม่

การใช้พอร์ต Lightning เป็นพอร์ตหูฟังนั้น สิ่งที่กระทบคือ ขณะฟังเพลงไม่สามารถชาร์จไฟพร้อมๆกันได้ ซึ่ง Apple ก็ได้แก้ปัญหาด้วยการออกสินค้า Adaptor แบบใหม่ที่มี แจ็คเสียบหูฟัง และ ช่องสำหรับชาร์จแบตแล้ว แต่ต้องเสียเงินเพิ่มในราคาประมาณ 1,700 บาทเลยทีเดียว หรืออีกทางเลือกคือต้องซื้อหูฟัง AirPods

3. ไม่ต้องการใช้หูฟังไร้สาย

โดย Apple ได้ออกสินค้าใหม่ คือหูฟัง AirPods ซึ่งหูฟังนี้ก็ใช้ได้เฉพาะ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus อยู่ดี หูฟังนี้ใช้กับ iPhone รุ่นอื่นๆไม่ได้ ราคาก็แพงด้วยถึง 6,900 บาท

4. iPhone เครื่องเก่าก็สามารถอัปเดตเป็น iOS 10 ได้

โดย iPhone รุ่นเก่าๆ ตลอดจนอุปกรณ์ iOS ตัวอื่นๆ สามารถอัปเดตสู่ iOS 10 เวอร์ชั่นเต็ม ในวันที่ 13 กันยายน 2016 ผ่านทาง Software Update หรือ ผ่านทางโปรแกรม iTunes

5. ไม่ค่อยใช้กล้อง iPhone ในการเน้นถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังเบลอ

สำหรับคนไม่ค่อยใช้กล้อง iPhone ในการถ่ายรูป ในลักษณะแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ iPhone 7 Plus นัก และบางท่านอาจเลือกใช้วิธีแต่งภาพผ่านแอปบน iPhone แทน

6. iPhone จอสว่างมากพออยู่แล้ว

แม้ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จอจะสว่างกว่า iPhone รุ่นอื่นๆ แต่ก็ต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

7. ไม่แคร์เรื่องแบตเตอรี่

iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แบตใช้ได้ยาวนานขึ้นประมาณ 2 ชั่วโมง แต่หากไม่แคร์เรื่องแบตเตอรี่ คนมี iPhone รุ่นเก่าก็แค่พก Power Bank ก็พอแล้ว หรือไม่ก็ใช้วิธีตั้งค่าประหยัดแบตบนตัวเครื่อง iPhone ก็ได้

8. iPhone รุ่นปัจจุบันก็เร็วแรงดีอยู่แล้ว

iPhone 6 และ iPhone 6S ทำงานไม่ได้ช้าอะไร วีดีโอ กล้องก็ถ่าย OK ไม่ช้าหรือหน่วง เล่นเกมก็ดีอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินซื้อเครื่องใหม่อย่าง iPhone 7 หรอก

9. ประหยัดเงิน ซื้อ iPhone รุ่นเก่าอีกรอบ ก็เจ๋งดี

บางรายก็อาจรอซื้อ iPhone รุ่นเก่าโดยเฉพาะ iPhone 6S ซีรีส์ และ iPhone SE ที่ตอนนี้ก็ออกสตาร์ทที่รุ่นขนาดพื้นที่ความจำภายในเครื่องที่ 32 GB และ 128 GB ในราคาเทียบเท่ากับ 16 GB และ 32 GB ตอนเปิดตัว เมื่อปีก่อน ดังนั้นประหยัดเงินไปเยอะ ไม่แคร์เรื่องการกันน้ำ และไม่ต้องกังวลเรื่องแจ็คหูฟัง ดังนั้นซื้อ iPhone รุ่นเก่าดีกว่า

นั่นคือข้อมูลเหตุผลที่อ้างได้ว่า จะยังใช้ iPhone รุ่นเก่าต่อไป หรือเลือกซื้อ iPhone รุ่นเก่าอย่าง iPhone 6S ซีรีส์ โดยไม่ต้องไปทุ่มเงินซื้อ iPhone 7

Smart Phone ในสมัยนี้ ถือว่าเป็นอุปกรณ์คู่ใจ ที่เวลาจะไปไหนก็ต้องพกพาไปด้วยทุกที่ เพราะว่ามีทั้งแหล่งรวมความบันเทิง Social Media หรือเกม ฯลฯ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นทุกอย่างให้แล้วในตอนนี้ ยิ่งในมือถือที่มีความสามารถในการใช้งานหลายอย่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราอยากจะใช้งานมันมากขึ้นเท่านั้น และก็แน่นอนว่าการพกพาไปด้วยในทุกที่ ก็มักจะมีปัญหาอยู่อย่างนึงที่เหล่าผู้ใช้งานมือถือมักจะต้องเจอ นั่นก็คือ “มือถือตกน้ำ” ไม่ว่าจะเผลอทำหล่นตอนอาบน้ำ หล่นตอนเข้าไปในห้องน้ำ หล่นน้ำตอนไปเที่ยว หรือแม้แต่การโดนฝนจนทำให้น้ำซึมเข้าไปโดนตัวเครื่องได้ ถึงแม้ว่าในมือถืออย่าง iPhone ในรุ่นใหม่ๆ จะสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้แบบมาตรฐาน IP67-68 ก็ตาม แต่ด่านหน้าที่จะต้องเจอกับน้ำ ก็คือชิ้นส่วนภายนอกอย่างลำโพงนั่นเอง ซึ่งหลังจากที่ไอโฟนหล่นน้ำไปชั่วคราวนั้น ลำโพงที่เปิดมาช่วงแรกมักจะมีเสียงเบา มีเสียงแตก หรืออู้อี้ๆ ไม่เต็มเสียงเหมือนเดิม ถ้าเจอกับอาการนั้นก็ยังไม่ต้องตกใจ เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาบอกวิธีไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone ด้วยตัวเองง่ายๆ เมื่อน้ำเข้าลำโพงไอโฟนโดยไม่ต้องไปเสียเงินให้ร้านทำ ไปดูกันเลย

วิธีไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone เมื่อน้ำเข้าลำโพงไอโฟน


วิธีตรวจสอบเบื้องต้นเมื่อไอโฟนตกน้ำ หรือสงสัยว่าน้ำเข้าลำโพงไอโฟนหรือไม่

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก
credit : ios.gadgethacks.com

อย่างแรกที่ต้องทำหลังจากที่เราทำ iPhone ตกน้ำเลยก็คือ การเช็คการทำงานของลำโพง หรือการทำงานต่างๆ ภายในของเครื่องให้ดีก่อนเลย เพราะถ้าหล่นลงไปไม่นาน น้ำจะยังไม่เข้าไปสู่ภายในตัวเครื่องมากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าจมน้ำไปนานมากๆ หลายชั่วโมงอันนี้ไม่ต้องตรวจสอบเลย เพราะไม่น่าจะใช้งานได้อย่างปกติแน่นอน แต่ถ้าหล่นแล้วรีบหยิบขึ้นมาก็สามารถตรวจสอบได้จากแถบวัดความชื้น (LCI : Liquid Contact Indicator) ของ iPhone ที่ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ภายในช่องใส่ซิมของเครื่อง ถ้ามีความชื้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ถ้าจะให้มองเอาเองก็ยากพอสมควรเลย ดังนั้นสิ่งที่พอจะตรวจสอบได้ก็คืออุปกรณ์ที่ต้องใช้งานอย่างลำโพงด้านล่าง ที่มักจะเกิดปัญหาเสียงเบา หรือไม่ดังเหมือนเดิมนั่นเอง วิธีการเช็คเบื้องต้นคือ

  • ตรวจสอบการตั้งค่าเสียงโดยการเปิด/ ปิด ลำโพง (ด้วยสวิตช์เปิด-ปิดด้านข้าง) และตรวจสอบว่าเสียงลำโพงยังมีเสียงดังเท่าปกติหรือไม่
  • ลองโทรเข้า – โทรออกเพื่อฟังเสียงลำโพงจากเสียงโทรเข้าว่ายังมีเสียงดังเหมือนปกติหรือไม่
  • ตรวจสอบด้วยการเปิดเพลง อันนี้น่าจะชัดเจนที่สุดแล้วว่าเสียงจากลำโพงนั้นดังเท่าเดิม หรือว่ามีเสียงแตก เสียงอู้อี้ต่างไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
  • ทำความสะอาดเบื้องต้นด้วยการเช็คด้วยทิชชู่ หรือผ้าแห้งซับไปที่รูลำโพงด้านล่างของตัวเครื่องแล้วเปิดเสียงใหม่อีกครั้ง

วิธีไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone เมื่อน้ำเข้าลำโพงไอโฟน

หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่าลำโพงมีเสียงผิดแปลกไปจากปกติ หรือเสียงเบาลงไปเยอะมากๆ ถึงแม้ว่าจะเช็คทำความสะอาดตัวลำโพงไปแล้วก็ตาม ให้คิดไว้ก่อนได้เลยว่าน้ำอาจจะเข้าไปอยู่ในช่องตะแกรงเล็กๆ และไม่สามารถเช็ดออกมาได้ สิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ เลยก็คือ การโหลดแอปฯ มาช่วย หรือใช้คำสั่งลัดที่ตอนนี้ทาง Apple ได้นำเข้าไปอยู่ใน App Store ให้เราได้ใช้งานกันง่ายมากขึ้นแล้ว ซึ่งแอปฯ ที่เราจะมาแนะนำคือแอปฯ Shortcuts และ Sonic วิธีการทำยังไงบ้างไปดูกันได้เลย

  • ใช้แอปฯ Shortcuts ช่วยไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone เมื่อน้ำเข้าลำโพงไอโฟน
  • ใช้แอปฯ Sonic ช่วยไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone เมื่อน้ำเข้าลำโพงไอโฟน

วิธีใช้แอปฯ Shortcuts ไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

โหลดแอปฯ Shortcuts

สำหรับแอปฯ ตัวแรกนี้ เมื่อโหลดเข้ามาในเครื่องแล้ว เราจำเป็นต้องเข้าไปใช้งาน Shortcuts อย่างใดอย่างหนึ่งภายในแอปฯ ก่อน ยกตัวอย่างเช่น Text Last Image (เมื่อกดเข้าไปกด Cancel ออกมาได้เลย) หลังจากนั้นให้เราเข้าไปที่ Settings (ตั้งค่า) แล้วเลื่อนลงมาด้านล่างหาแอปฯ Shortcuts ให้เรากดเข้าไปเปิด Allow Untrusted Shortcuts ก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถทำขั้นตอนต่อไปได้ หลังจากนั้นทำตามขั้นตอนดังนี้

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

1. กดเข้าไปยังลิงก์ Shortcut Link: Water Eject (ฟรี) (เปิดบน Safari) และกดรับคำสั่งทางลัด (Get Shortcut) จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างสุดแล้วเลือก Add Untrusted Shortcut

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

2. หลังจากนั้นให้เข้ายังหน้า My Shortcuts ก็จะได้ตัวช่วยอันใหม่ขึ้นมาในหน้าแรกที่มีชื่อว่า Water Eject แล้ว ให้เรากดไปที่คำสั่ง Water Eject และเลือก Begin Water Ejection ก็จะมีเสียงคลื่นความถี่ออกมาจากลำโพงด้านล่างประมาณ 10 วินาที พร้อมกับน้ำที่กระเด็นออกมาจากชองลำโพงด้วย หลังจากนั้นก็ใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดได้เลย

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

**วิธีนี้เป็นวิธีที่มีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนในครั้งแรก แต่ถ้าใช้งานไปแล้วก็จะง่าย และสะดวกมากๆ และไม่ควรใส่หูฟังขณะใช้คำสั่ง Water Eject เพราะเสียงจะดังมาก อีกอย่างคือถ้าไม่จำเป็นต้องใช้งานก็สามารถปิด Allow Untrusted Shortcuts ไปด้วยก็ได้**


วิธีใช้แอปฯ Sonic ไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

โหลดแอปฯ Sonic

มาที่แอปฯ อีกหนึ่งตัวที่มีความสะดวกในการใช้งาน และค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือโหลดมาใช้งานได้ฟรีๆ สำหรับคนที่มีปัญหาไอโฟนตกน้ำ แล้วน้ำเข้าลำโพงไอโฟน จนลำโพงมีเสียงแตก หรือผิดปกติออกไป โดยการทำงานของแอปฯ นี้ก็คือ สามารถปล่อยคลื่นความถี่ตั้งแต่ 0Hz ไปจนถึงหลัก 25,000Hz กันเลยทีเดียว แต่ช่วงความถี่ที่เราต้องการนั้นจะอยู่ในช่วง 160-165Hz เท่านั้น วิธีการใช้งานก็คือ

Iphone 6s หล ง iphone 7 ออก

1. เข้าไปยังแอปฯ Sonic จากนั้นให้เลื่อนความถี่ลงมาอยู่ที่ 165Hz (เลื่อนขึ้นเพิ่ม Hz เลื่อนลงลด Hz) และกด Play ด้านล่าง ปล่อยทิ้งเอาไว้สัก 5 นาที หรือจนกว่าจะไม่มีน้ำออกมาจากช่องลำโพงแล้วให้กด Stop หลังจากนั้นก็เช็ดน้ำออกตามปกติ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถไล่น้ำออกจากลำโพง iPhone ได้แล้ว ง่ายมาก


จากทั้งสองแอปฯ ที่เราได้แนะนำไปนั้นเตือนก่อนว่า ไม่ควรไปลองเอา iPhone ไปจุ่มน้ำเล่นแล้วมาทดสอบแอปฯ กันนะ ใช้งานเฉพาะที่จำเป็น หรือเมื่อทำมือถือหล่นน้ำ และลำโพงมีเสียงผิดปกติไปเท่านั้น ซึ่งแอปฯ ตัวช่วยเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้น้ำที่ติดอยู่ภายในลึกลงไป กระเด็นออกมาได้อย่างง่ายดาย เพราะภายในนั้นถ้าปล่อยหรือตากเอาไว้ กว่าจะแห้งก็อาจจะสร้างความเสียหายให้ลำโพงไปมากกว่าเดิมแล้ว ส่วนใครที่ลองทำตามแล้ว แต่ลำโพงก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ อาจเกิดจากตัวลำโพงได้เสียไปแล้ว แนะนำให้นำเครื่องเข้าไปให้ศูนย์ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ