ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

Show

IoT หรือ Internet of Thing เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับธุรกิจและโรงงาน อย่างเช่น Smart Factory ที่ได้นำ IoT มาใช้ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับเครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลถึงกัน รูปแบบการประยุกต์ใช้งานขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมของผู้พัฒนา

ในบทความนี้เราจะมาพูดถึง ประโยชน์ 5 ข้อ ของการใช้งาน IoT ว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง

1.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

IoT จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากความสามารถในการทำงานและการส่งผ่านข้อมูลของ IoT นั้นสูงกว่าการใช้มนุษย์ทำงาน การทำงานของมนุษย์อาจจะทำให้เกิด Human Error และเกิดข้อจำกัดด้านพลังงาน, เวลา และสถานที่ได้ แต่ IoT มีความสามารถในการเก็บข้อมูล ประมวลผล ส่งผ่าน และแสดงผลได้อย่างรวดเร็วและสามารถรองรับข้อมูลได้เป็นจำนวนมหาศาล

2.ไร้ข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่

IoT สามารถทำงานได้แบบไร้พรมแดน เพราะขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ต อย่างที่เราทราบกันดีว่าอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมสิ่งที่อยู่ห่างไกล ให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นสามารถติดตามผลการดำเนินงานและเช็คสถานะการผลิตได้ แม้ว่าโรงงานจะอยู่คนละจังหวัดหรือประเทศก็ตาม และ IoT ยังสามารถทำงานได้ตลอดเวลา ต่างจากมนุษย์ที่มีพลังงานจำกัด ต้องการการพักผ่อน สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าการใช้ IoT ช่วยทำลายกำแพงด้านเวลาและสถานที่ได้

3.ช่วยลดต้นทุนในหลาย ๆ ด้าน

เนื่องจาก IoT มีความแม่นยำและไรข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ ทำให้ช่วยลดต้นทุนได้หลาย ๆ ด้าน อย่างเช่นต้นทุนการจ้างงาน ต้นทุนค่าเสียโอกาส หรือต้นทุนการผลิต

ตัวอย่างต้นทุนการผลิตที่ลดลง อธิบายได้ง่าย ๆ เช่นถ้าหากว่าเราทราบข้อมูลความต้องการสินค้าอย่างละเอียดและเฉพาะเจาะจง เราะจะสามารถผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้าในทันท่วงที ตามจำนวนการสั่ง หรือที่เรียกว่า Just In Time (JIT) การผลิตแบบนี้จะช่วยลดต้นทุนจมในการผลิตที่เกินมาได้อย่างมีนัยสำคัญ

4.อำนวยความสะดวก มีเวลาเหลือในการสรรค์สร้างนวัตกรรม

สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทำได้ดีกว่าเทคโนโลยีคือ “ความคิดสร้างสรรค์” การให้เทคโนโลยีทำงานด้าน Routine แทนเรา จะทำให้เรามีเวลาในการทำงานสร้างสรรค์ งานนวัตกรรม ทำสิ่งที่ควรทำมากยิ่งขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้วมนุษย์มีศักยภาพที่ซ่อนอยู่มากกว่าจะทำเพียงแค่งาน Routine เท่านั้น การให้เทคโนโลยีทำงานแทนและโยกแรงงานที่ทำงาน Routine มาฝึกฝนเพื่อทำงานที่ซับซ้อนและใช้ไอเดียมากขึ้นจะทำให้กิจการเกิดความก้าวหน้ามากขึ้น

5.ยกระดับกิจการให้ Smart ในสายตานักลงทุน

IoT เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเกิดเป็น Smart Factory หรือ Smart Business และช่วยเสริมให้เกิดข้อดีหลาย ๆ อย่าง เช่นสร้างกำไร, ลดต้นทุน, เพิ่มรายได้และขยายกิจการ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้น มีหน้างบการเงินที่สวย (โดยไม่ต้องตกแต่งตัวเลข) เป็นที่น่าจับตามองของนักลงทุนหรือ Partner ต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนธุรกิจของคุณ

IOT - Internet of things
ไอโอที (IoT) หมายถึงเครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งของอื่นๆ ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ และการเชื่อมต่อกับเครือข่าย ฝังตัวอยู่ และทำให้วัตถุเหล่านั้นสามารถเก็บบันทึกและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้

Moderators: mindphp, ผู้ดูแลกระดาน

    • 0 Replies1875 Views Last post by chaiyasitpraphut
      13/11/2019 6:49 pm
    • 0 Replies1876 Views Last post by chaiyasitpraphut
      13/11/2019 1:37 pm
    • 0 Replies2697 Views Last post by ichimarusoichi
      14/01/2019 4:12 pm
    • 0 Replies322 Views Last post by NickAriya12
      30/11/2016 11:54 am
    • 0 Replies425 Views Last post by NickAriya12
      21/11/2016 5:14 pm

    Who is online

    Users browsing this forum: No registered users and 3 guests

    ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราทุกคน เราต่างมี Smart Devices ต่าง ๆ ที่ใช้กันในบ้าน และคอนโด หลายคนคงเคยได้คำว่า IoT หรือ Internet of Things กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้ว IoT คืออะไรกันแน่ มีประโยชน์อะไรบ้าง แล้วใกล้ตัวเราขนาดไหน วันนี้จะพาทุกคนมาเปิดโลกของ IoT เทคโนโลยีสุดเจ๋งที่จะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น และพามาไขข้อสงสัยของหลาย ๆ คนว่า IoT มีข้อดี และข้อเสียอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาหาคำตอบและรู้จัก IoT ไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้กันเลย!

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    Internet of Things (IoT) หรืออินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง คือการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ ถูกเชื่อมด้วยอินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลาง โดยเราสามารถสั่งการ หรือใช้งานอุปกรณ์นั้น ๆ ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต นี่จึงเป็นสาเหตุที่ IoT ได้ชื่อว่าเป็นอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งนั่นเอง ถ้าถามว่า IoT นั้นใกล้ตัวเราขนาดไหน อยากให้ทุกคนลองนึกถึงการเปิดปิดโทรทัศน์โดยใช้รีโมท หรือแม้แต่การดูอาหารที่อยู่ในตู้เย็นผ่านหน้าจอที่ประตูตู้เย็นที่เราเห็นกันบ่อยในโฆษณาต่างก็เป็นเทคโนโลยี IoT

    แม้บางคนอาจจะเพิ่งเคยได้ยินคำว่า IoT กันบ่อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่จริง ๆ IoT เริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปีค.ศ 1999 โดยมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology: MIT ได้ทำโปรเจกต์หนึ่งที่เกี่ยวกับ RFID Sensor ที่ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถส่งข้อมูลถึงกันได้นั่นเอง

    IoT มีกี่ประเภท?

    หลายคนอาจจะสงสัยกันว่า Smart Devices ที่รู้จักทั้งหลาย ต่างก็นับว่าเป็น IoT ทั้งหมดเลยหรือไม่ แล้ว IoT มีทั้งหมดกี่ประเภท ขอบอกเลยว่า IoT มีทั้งหมด 3 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ 

    1. Consumer Internet of Things

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    Consumer Internet of Things หรืออุปกรณ์ IoT ที่เรานิยมใช้งานกันทั่วไป มักเป็นอุปกรณ์ที่เราใช้เพื่อสร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน เช่น Smart Watch, Smartphone, Smart Home ต่าง ๆ อย่างโทรทัศน์ แอร์ ตู้เย็น หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านต่าง ๆ จะสังเกตเห็นได้ว่า IoT ประเภทนี้มักเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทั่วไปภายในที่อยู่อาศัย อย่างบ้าน หรือคอนโด โดยมักจะมีอุปกรณ์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ และมีอายุใช้งานที่ค่อนข้างสั้นกว่า IoT ประเภทอื่นๆ

    2. Commercial Internet of Things

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    นอกจากอุปกรณ์ในบ้านที่เป็น IoT แล้ว ยังมี IoT อีกประเภทที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน อย่าง Commercial Internet of Things หรืออุปกรณ์ IoT เชิงพาณิชย์ เช่น ไฟจราจร ป้ายโฆษณา กล้องตรวจจับความเร็วบนท้องถนน ไม่เพียงเท่านี้แต่ตามร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อก็มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า เช่น การจ่ายค่าสินค้าต่างๆ ผ่าน Smart Card อีกทั้งการแพทย์ปัจจุบันก็ใช้ IoT เพื่อตรวจรักษาผู้ป่วยเช่นกัน อย่างการเก็บและวิเคราห์ประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ป่วย

    3. Industrial Internet of Things

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    นอกจาก IoT 2ประเภทที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ยังมีอีกประเภทที่เราอาจจะไม่ได้พบเจอได้บ่อยนัก อย่าง Industrial Internet of Things หรือเรียกกันอีกชื่อว่า อุปกรณ์ IoT ที่ใช้ในอุตสาหกรรม IoT ประเภทนี้ถูกพัฒนาเพื่อช่วยในการควบคุมเครื่องจักรในโรงงาน เพิ่มความแม่นยำในการผลิตให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยทุ่นแรงมนุษย์ด้วย เช่น สายพาน เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ระบบการจัดการต่าง ๆ ในขั้นตอนการผลิตในโรงงาน

    5 เหตุผลที่ควรมี IoT ในบ้าน และคอนโด

    1. ควบคุมทุกสิ่งในบ้านได้ง่ายดาย

    การมี IoT ในบ้านช่วยให้สามารถควบคุมทุกสิ่งในบ้านได้ในอย่างง่ายดายจากระยะไกล อีกทั้ง IoT ยังสามารถทำนายรูปแบบการใช้ชีวิตของเราเพื่อปรับให้ทุกอย่างเข้าที่ตามรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับใครที่อยากจะตั้งค่าระบบด้วยตัวเองก็สามารถปรับแต่งระบบให้เหมาะสมกับความต้องการได้

    2. เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน

     เมื่อเราสามารถควบคุมทุกสิ่งในบ้านได้เพียงปลายนิ้ว แน่นอนว่าชีวิตประจำวันของเราจะสะดวกสบายมากขึ้น และที่สำคัญคือการควบคุมเครื่องใช้ภายในบ้านได้จากระยะไกลนั้นยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวและลดความซับซ้อนของงานในแต่ละวันอีกด้วย เช่น ไฟกลางคืนใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อปรับแสงและสร้างบรรยากาศที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

    3. รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

    IoT ในสมาร์ทโฮมมีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงที่สามารถช่วยป้องกันบ้านหรือที่พักอาศัยให้ปลอดภัยได้ตลอดเวลา โดยที่สามารถติดตามได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวช่วยป้องกันไม่ให้แอบดูหน้าประตูบ้านหรือบุกรุกเข้ามาในบ้าน กล้องวงจรปิดที่สามารถดูสถานการณ์นอกหรือในบ้านได้โดยใช้เพียงโทรศัพท์มือถือ

    4. ประหยัดค่าใช้จ่าย

    อุปกรณ์ IoT ช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น แสงไฟสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว และจะปิดในช่วงที่ไม่ได้ใช้งานในขณะนั้น ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายภายในบ้าน

    5. เพิ่มจุดขายให้บ้าน

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาร์ทโฮมนั้นดึงดูดความสนใจของเรามากกว่าบ้านแบบธรรมดาทั่วไป เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลาขายบ้านต่อ การมีอุปกรณ์ IoTถายในบ้านจะเป็นจุดขายที่ทำให้ผู้ซื้อสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นสมาร์ทโฮมเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่มีคุณค่าในระยะยาว ไม่ว่าในขณะที่อาศัยอยู่หรือในอนาคต

    แนะนำ IoT 8 ประเภท ที่ควรมีติดบ้าน!

    1. หลอดไฟอัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    หลอดไฟอัจฉริยะนับเป็นอุปกรณ์ IoT ที่มักนิยมใช้กันทั้งในบ้านและคอนโด การใช้งานหลัก ๆ ที่มักจะนิยมใช้กันก็คือ การควบคุมหลอดไฟในระยะไกล ตั้งเวลา เปิด-ปิด ไฟแบบอัตโนมัติให้เปิดไฟเมื่อมืด ปิดไฟเมื่อสว่าง ช่วยให้เราสามารถประหยัดพลังงานได้และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

    2. ตู้เย็นอัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    ถ้าถามว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนที่จำเป็นต้องมีในบ้าน แน่นอนว่าตู้เย็นเป็นคำตอบแรกของใครหลาย ๆ คน แต่รู้ไหมว่าปัจจุบัน ตู้เย็นไม่ได้ทำได้แค่เก็บอาหารเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากขึ้น เช่น การค้นหาข้อมูล สูตรอาหาร ฟังเพลง ตรวจสอบสภาพอากาศ ประตูด้านซ้ายเป็นที่กดน้ำแข็งและน้ำเย็น อีกทั้งยังสามารถมองเห็นอาหารข้างในตู้เย็นผ่านประตูด้านข้างได้อีกด้วย

    3. กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    กล้องวงจรปิดเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดบ้านไว้สำหรับสอดส่องความปลอดภัยทั้งนอกและในบ้าน ซึ่งปัจจุบันแค่เพียงเรามีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือก็สามารถดูภาพจากกล้องแบบเรียลไทม์ได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถสั่งการผ่านโทรศัพท์มือถือ และแจ้งเตือนในกรณีที่จับได้ว่ามีการเคลื่อนไหวได้

    4. เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    ใครว่าดูดฝุ่นเป็นเรื่องยาก สมัยนี้ง่ายกว่าที่คิดเพราะมีตัวช่วยอย่าง “เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ” ที่สามารถจดจำเส้นทางและสร้างแผนที่เพื่อให้รู้เส้นทางในการทำความสะอาด และรู้ลักษณะของห้องทำให้ไม่วิ่งไปชนผนังห้องอีก เมื่อถึงเวลาแบตใกล้หมดก็สามารถวิ่งกลับไปชาร์ตเองได้ และยังสามารถสั่งการผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย

    5. ประตูอัตโนมัติ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    รู้หรือไม่ว่าสมัยนี้ เราไม่จำเป็นต้องไขกุญแจเพื่อเปิดประตูเองแล้วนะ! สมัยนี้เราสามารถป้อนคำสั่ง “จดจำใบหน้า” ของเจ้าบ้านและสมาชิกที่อาศัยอยู่ในบ้านไว้ เพื่อให้ประตูสามารถเปิดปิดอัตโนมัติด้วยการสแกนใบหน้า เรียกได้ว่าทั้งสะดวกสบายมากขึ้น และปลอดภัยขึ้นอีกระดับเลยทีเดียว

    6. ปลั๊กไฟอัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    เคยไหมออกจากบ้านแล้วลืมว่าเราเปิดพัดลม หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ไว้จนต้องวนรถกลับมาเช็คความเรียบร้อยในบ้านอีกครั้ง ปัญหานี้จะหมดไปด้วย ปลั๊กไฟอัจฉริยะที่เราสามารถควบคุมกระแสไฟผ่านแอปพลิเคชั่น ตั้งเวลาเปิด-ปิดการจ่ายไฟ  และยังช่วยคำนวณปริมาณกระแสไฟที่ใช้ได้อีกด้วย

    7. ลำโพงอัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    ไหนใครว่าลำโพงทำได้แค่ฟังเพลง สมัยนี้ลำโพงสามารถช่วยเราเปิดเพลง เปิดทีวี ปิดไฟ เปิดพัดลม หรือปิดแอร์ก็ได้ เพียงแค่อุปกรณ์เหล่านั้นเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เรียกได้ว่ามีลำโพงตัวเดียวเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวกันเลยทีเดียว

    8. เครื่องตรวจสุขภาพต้นไม้อัจฉริยะ

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    ในช่วงโควิด 19 แบบนี้ หลายคนผันตัวเป็นสายปลูกต้นไม้ ปลูกผักสวนครัว การปลูกนี่ก็ใช่ว่าจะง่ายสำหรับมือใหม่อย่างเรา ถ้าคุณเคยสงสัยว่าเมื่อไหร่จะต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย เครื่องตรวจสุขภาพต้นไม้อัจฉริยะนี้จะช่วยให้เราตรวจเช็คสุขภาพของต้นไม้ที่เราปลูกได้ โดยนำเครื่องมือนี้ไปปักไว้ที่ดินบริเวณโคนต้น ก็จะลิงก์ข้อมูลเข้าแอปในโทรศัพท์มือถือและบอกค่าสถานะต่าง ๆ ทั้งเวลาที่ควรรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ช่วยให้ชีวิตสายปลูกอย่างเราง่ายขึ้นเยอะเลยทีเดียว

    เปิดหมดเปลือก ข้อดี ข้อเสียของ อุปกรณ์ IoT

    ข้อดีของ อุปกรณ์ IoT

    1. เพิ่มความสะดวกสบาย

    อย่างที่ทราบกันว่าปัจจุบันมีการนำ IoT มาประยุกต์ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่าง ตู้เย็นอัจฉริยะ ประตูอัจฉริยะ กล้องวงจรปิดอัจฉริยะ ซึ่งช่วยให้เราสามารถสั่งการ หรือควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ


    2.เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงาน 

    ในด้านอุตสาหกรรมเห็นได้ชัดว่าการใช้อุปกรณ์ IoTนั้นช่วยให้ขั้นตอนการผลิตเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยทุ่นแรงงานคนอีกด้วย 

    3. ลดค่าใช้จ่าย

    อุปกรณ์ IoT ช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ลงได้ เช่น หลอดไฟอัจฉริยะช่วยปิด และเปิดไฟอัตโนมัติโดยที่เราสามารถตั้งเวลาไว้ได้ หรือแผงเกษตรกรรมที่มีการใช้ IoT ให้รดน้ำตามเวลาและระดับความชื้นที่กำหนด เป็นต้น

    4. เพิ่มประสิทธิภาพด้านการสื่อสาร

    ช่วยให้การสื่อสารรวดเร็วและสะดวกมากขึ้น เราสามารถติดต่อกับคนที่อยู่คนละประเทศได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดหรือห่างกันแค่ไหนก็จะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้

    5. ประหยัดเวลา

    ในด้านการใช้ชีวิตประจำวัน อุปกรณ์ IoT ช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้น เช่น สามารถดูอาหารในตู้เน็นได้โดยที่ไม่ต้องเปิดตู้เย็น สั่งปิดไฟได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือโดยที่ไม่ต้องลุกไปปิดไฟ

    ข้อเสียของ อุปกรณ์ IoT

    1. ต้องอาศัยอินเตอร์เน็ตในการสั่งการ หรือเชื่อมต่อ

    เนื่องจากอุปกรณ์ IoT อาศัยอินเทอร์เน็ตในการสั่งการ หรือควบคุม หากอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณอาจไม่สามารถใช้อุปกรณ์ได้

    2. แทนที่แรงงานคน

    ในภาคอุตสาหกรรมมีการใช้อุปกรณ์ IoTเพื่อช่วยในการผลิต ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้อาจเข้ามาแทนที่แรงงานคนในอนาคต

    3. มีราคาสูง 

    เนื่องจาก IoT เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงทำให้ค่อนข้างมีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป

    4. ความปลอดภัยของข้อมูลต่ำ

    เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างถูกจัดเก็บเอาไว้บนระบบ Cloud จึงเสี่ยงต่อการถูก hack หากใช้รหัสผ่านที่เดาง่าย และเนื่องจากอุปกรณ์ถูกเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายเดียวกัน ทำให้ต้องการบำรุงและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลกับซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์อยู่เสมอ

    5. เกิดการผิดพลาดได้

    อุปกรณ์ IoT อาจเกิดปัญหาประมวลผลผิดพลาดจากการเขียนโปรแกรมที่ไม่รัดกุม ซึ่งจะ ส่งผลทำให้อุปกรณ์อื่น ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ด้วยประมวลผลผิดพลาดไปตาม

    ไอ โอ ทีในชีวิต ประ จํา วัน

    และนี่ก็เป็นทั้งหมดของความรู้ในเรื่อง IoT ที่นำมาฝากทุกคนกันในวันนี้ เห็นไหมว่า IoT ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวพวกเราอีกต่อไป และการมี IoT ติดไว้ในบ้านก็ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้นอีกด้วย!!