โดย ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชากฎหมายภาษีอากร Show ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป เป็นหลักฐานแสดงจำนวน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่คำนวณได้จากมูลค่าสินค้าหรือบริการ ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีทุกครั้งเมื่อเกิดการซื้อสินค้าหรือให้บริการ1 องค์ประกอบของใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปโดยปกติ ใบกำกับภาษีที่ถูกต้องจะต้องประกอบด้วยรายการดังต่อไปนี้2
เรื่องที่มักเข้าใจผิดบ่อยลูกค้าไม่แจ้งชื่อ อย่าใส่ชื่อผู้ซื้อว่า ‘สด’ หรือ ‘ไม่ระบุ’ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป จำเป็นต้องมีชื่อของผู้ซื้อ หากไม่ระบุชื่อหรือใช้ข้อความอื่น เช่น ‘สด’ หรือ ‘ไม่ระบุ’ จะทำให้ผู้ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปนั้นถูกลงโทษได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องระบุชื่อลูกค้าให้ถูกต้อง แต่ในกรณีที่เป็นกิจการขายปลีกกับผู้บริโภคโดยตรงและลูกค้าไม่สะดวกให้ชื่อไว้ สามารถใช้วิธีออก “ใบกำกับภาษีอย่างย่อ” แทนการออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้ เนื่องจากใบกำกับภาษีอย่างย่อไม่บังคับให้ต้องกรอกชื่อผู้ซื้ออยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ลูกค้าให้ชื่อไว้ แต่ไม่ได้ให้เลขบัตรประชาชนหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีไว้ ฝ่ายผู้ขายที่ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปจะไม่มีความผิด แต่ฝ่ายผู้ซื้อที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะไม่สามารถนำใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปดังกล่าวไปเคลมภาษีซื้อได้ เนื่องจากใบกำกับภาษีที่ไม่ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อจะทำให้กลายเป็นภาษีซื้อต้องห้าม3 พิมพ์ชื่อที่อยู่ผู้ซื้อผิดเล็กน้อยยังให้ถือว่าระบุชื่อที่อยู่ครบถ้วนแล้วกรณีระบุชื่อผู้ซื้อตรงตัวสะกด สระ วรรณยุกต์ การันต์ ผิดพลาด แต่ยังไม่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้ประกอบการรายอื่น ให้ถือว่าได้ระบุชื่อครบถ้วนแล้ว4 ส่วนที่อยู่ของผู้ซื้อต้องใช้ที่ตั้งของสถานประกอบการตามที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีระบุที่อยู่ไม่ครบถ้วนตามที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่รายการที่อยู่ที่ระบุไว้ถูกต้อง และสามารถบอกตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนได้ ให้ถือว่าได้ระบุที่อยู่ครบถ้วนแล้วเช่นกัน5 ใบกำกับภาษีไม่จำเป็นต้องเซ็นด้วยปากกาเท่านั้นหลายคนเข้าใจผิดว่าใบกำกับภาษีต้องมีลายเซ็นซึ่งเซ็นด้วยปากกาเท่านั้น มิเช่นนั้นจะทำให้กลายเป็นใบกำกับภาษีที่ใช้ไม่ได้ แต่ความจริงแล้ว ใบกำกับภาษีจะเซ็นลายเซ็นด้วยปากกา ใช้แสกนลายเซ็นผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือต่อให้ไม่มีลายเซ็นเลยก็ได้ เพราะกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดให้ลายเซ็นเป็น 1 ใน 8 องค์ประกอบสำคัญที่ใบกำกับภาษีต้องมี ดังนั้น จะมีลายเซ็นหรือไม่จึงไม่ใช่สาระสำคัญ ขอเพียงใบกำกับภาษีมีรายการครบถ้วนแล้วก็ย่อมเป็นใบกำกับภาษีที่สมบูรณ์แล้ว ผู้ออกใบกำกับภาษีจึงไม่มีความผิด ในขณะที่ผู้รับก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนเข้าใจผิดว่าการแต่งตั้งผู้ที่มีอำนาจเซ็นในใบกำกับภาษีต้องมีการแต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ความจริงแล้วผู้ประกอบการจะแต่งตั้งโดยทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละกิจการ อ้างอิง
วิธีสร้างใบส่งของ/ใบกำกับภาษีส่วนนี้จะแนะนำวิธีการสร้าง 1.เริ่มต้นสร้างเอกสาร2.ข้อมูลของผู้ซื้อ3.รายการสินค้าและการคำนวณราคา4.เอกสารที่สร้างเสร็จแล้ว5.การเปิดเอกสาร6.การดาวน์โหลดเอกสาร7.การส่งอีเมล8.การส่ง SMS1. เริ่มต้นสร้างเอกสารหลังจากที่ทำการสมัครการใช้งานและสร้างข้อมูลบริษัทของผู้ขายของท่านเป็นที่เรียบร้อยแล้วระบบจะพาเข้าสู่หน้าที่มีลักษณะดังรูป แล้วเลือก 2. ข้อมูลของผู้ซื้อใส่ชื่อบริษัทหรือชื่อกิจการของลูกค้าของท่านสำหรับส่วนนี้ห้ามเว้นว่างไว้ดังรูปตัวอย่าง
สำหรับการกรอกข้อมูลที่อยู่ ให้สังเกตที่ปุ่ม แต่หาก การใส่ที่อยู่ของลูกค้าของท่านโดยที่ช่องกรอก ก่อนที่เราจะใส่ข้อมูล จังหวัด อำเภอ และตำบล ให้สังเกตที่ปุ่ม แต่หากที่ปุ่ม การใส่ข้อมูล ต่อมาเป็นการคลิกเลือก การใส่รหัสไปรษณีย์สามารถทำได้ดังรูป (ส่วนนี้ห้ามเว้นว่าง) ใส่ประเภทของผู้เสียภาษีต่าง ๆ ดังรูป (ส่วนนี้ห้ามเว้นว่าง) ดังรูป หลังจากนั้นทำการกรอกหมายเลขผู้เสียภาษี 13 หลัก (ส่วนนี้ห้ามเว้นว่าง) ดังรูป จากนั้นทำการเลือกสำนักงานดังรูป ถ้าเลือกสาขาให้ใส่หมายเลขดังรูป การใส่เบอร์โทรศัพท์ ดังรูปภาพตัวอย่าง ให้ใส่อีเมลของลูกค้าของท่านดังรูปภาพตัวอย่าง เมื่อทำการกรอกข้อมูลที่อยู่เรียบร้อยแล้วจากรูปด้านล่างจะสังเกตุเห็นฟอร์มในการกรอกด้านขวามือซึ่งจะมี การใส่ 3. รายการสินค้าและการคำนวณราคาต่อมาคือส่วนที่ทำการกรอกข้อมูลและคำนวณสินค้าที่ลูกค้าของท่านทำการสั่งซื้อดังรูป ทำการใส่รายการสินค้าต่าง ๆ โดยกำหนด ต่อมาให้ทำเลือก ต่อมาใส่ราคาสินค้าแล้วลองคลิกที่บริเวณพื้นที่สีเทาในส่วนของจำนวนเงินจะพบว่าระบบได้คำนวนเงินของราคาสินค้าเอาไว้ให้ เมื่อต้องการเพิ่มรายการสินค้าให้ทำการกดปุ่ม หลังจากที่เพิ่มรายการสินค้าแล้วจะมีลักษณะดังรูป สำหรับเครื่องหมายถังขยะสีฟ้าด้านขวามือสุดจะเป็นปุ่มลบรายการสินค้านั้น ๆ ออกหากต้องการลบรายสินค้านั้นให้ทำการคลิกที่เครื่องหมายถังขยะ ด้านมุมขวาล่างจะสังเกตุว่าระบบได้คำนวณรวมเป็นเงินไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสุดท้ายของฟอร์มการกรอกคือด้านล่างจะมีช่องหมายเหตุและชื่อผู้รับเงินส่วนนี้จะใส่หรือเว้นว่างก็ได้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยให้ทำการคลิกปุ่ม จากนั้นระบบก็จะประมวลผลเพื่อดำเนินการให้รอสักครู่ดังรูป เมื่อระบบประมวลเป็นที่เรียบร้อยจะแสดงตัวอย่างเอกสาร 4. เอกสารที่สร้างเสร็จแล้วจากนั้นเราจะได้ไฟล์ของเอกสารที่สร้างเสร็จแล้วดังรูป จากนั้นเมื่อกดเลือกเมนู “เลือก” ซึ่งอยู่ด้านขวามือสุดซึ่งจะมีหัวข้อต่าง ๆ ให้เลือกดังนี้คือ “เปิดเอกสาร” “ดาวน์โหลด” “อีเมล” และ “SMS” 5. การเปิดเอกสารที่เมนู หรือคลิกที่ไอคอน PDF จากนั้นจะแสดงรายละเอียดเอกสารของ หรือคลิกที่ไอคอน XML 6. การดาวน์โหลดจากเมนู และเมื่อเปิดไฟล์ (แนะนำให้ใช้ Adobe Acrobat Reader DC) จะเห็นเอกสารซึ่งมีลายเซ็นดิจิทัลพร้อมมาให้ด้วย 7. การส่งอีเมลระบบของเรารองรับการส่งไฟล์ แล้วขึ้นกล่อง Pop-up ให้กรอกอีเมลปลายทางที่ต้องการส่งไฟล์
เมื่อไฟล์ได้ถูกส่งไปยังอีเมลปลายทางเรียบร้อย ระบบจะขึ้นแจ้งว่า เมื่อผู้รับได้เปิดอีเมลที่มีการส่งไฟล์ 8. การส่ง SMSระบบของเรายังสามารถส่งไฟล์ จากนั้นระบบจะขึ้น Pop-up ให้ใส่เบอร์โทรมือถือของหมายเลขปลายทางที่ต้องการส่ง แล้วคลิกที่ เมื่อระบบส่ง SMS สำเร็จแล้วจะขึ้นข้อความแจ้ง มาดูที่ส่วนของปลายทางของผู้ที่ได้รับ SMS โดยเมื่อเปิดมือถือขึ้นมาจะพบข้อความแจ้งขึ้นมาดังรูป เมื่อกดคลิกที่ลิงค์ ระบบจะขึ้นให้ดังรูป แล้วให้ใส่รหัสที่ส่งมาจาก SMS คลิกปุ่ม เปิดดูไฟล์ PDF จากตัวอย่างได้ใช้แอปพลิเคชัน “Adobe Acrobat Reader: PDF Viewer, Editor & Creator” |