ในยุคก่อนประวัติศาสตร์

���������ѵ���ʵ��������á � ������ա�����¡�Ң���Тͺࢵ�����ͧ�ҡ��á���Ƕ֧ �ؤ����㹷ҧ����ѵ���ʵ����դ�������ѹ��Ѻ��ǧ���ҡ�á�˹�ࡳ������Ը��觪�ǧ���� ��ҧ � �з���� ����ӴѺ���º��º����ͧ��Ƿҧ����ѵ���ʵ���դ����Ѵਹ��� ���ࡳ�� �ѧ���仹����
��� 1. ����觵����ǧ���� �վ�鹰ҹ�Ҩҡ�ؤ���·ҧ��ʹ� ���͡��
������� (1) ����觪�ǧ���ҵ������ѵ���ʵ���� ���� �ط��ѡ�Ҫ (�.�.) ����ѡ�Ҫ (�.�.) ����������������ѵ���Թ���ȡ (�.�.)
������� (2) ����觪�ǧ���ҵ������ѵ���ʵ���ҡ� ���� ���ʵ��ѡ�Ҫ (�.�.) ����Ԩ������ ���ѡ�Ҫ (�.�.)

2. ����觵���ؤ���� ���úѹ�֡������ѡɳ��ѡ����ࡳ�� �� 2 �ؤ ���
������� (1) �ؤ��͹����ѵ���ʵ�� ���ؤ����ѧ�������ѡ�ҹ��úѹ�֡����ͧ������������ѡɳ��ѡ�� �ҡ��ͧ����֡������ͧ��� ���¡�͹����ѵ���ʵ�� ��ͧ�������ѡ�ҹ�Ǵ������蹻�Сͺ �� �ç��д١ ����ͧ��� ����ͧ�� ��ʹ������ͧ��дѺ��ҧ � ����ѧ�������� 2 �ؤ ����Ѳ�ҡ�� �ͧ����ͧ��� ����ͧ�� ���

 

�ؤ�Թ ���ؤ������������ѡ���Թ������ͧ�������ͧ�� ����ѧ���
��� �ؤ�Թ��� ������ 100,000 - 500,000 ��
��� �ؤ�Թ��ҧ ������ 7,000 - 12,000 ��
��� �ؤ�Թ���� ������ 3,000 - 7,000 ��
��� �ؤ���� �����������ҧ 5,600 - 7,000 �����ؤ��������� ���ѡ�� �������� ����ͧ��� ����ͧ��᷹�Թ �������͡�� 2 �ؤ���
��� �ؤ���Դ ���ؤ������������ѡ�ӷͧᴧ��дպء������ ����ѹ �����Դ ��������ͧ�������ͧ��
��� �ؤ���� ���ؤ������������ѡ��ö�ا���� ����������� ���硫�� ����觡��� ���Դ�ҷ�������ͧ��������ظ
�(2) �ؤ����ѵ���ʵ�� �����·�����������ѡ�Դ����ѡ�â�� ��Ш��֡������ѡɳ��ѡ�è��֡ŧ�� ���Թ �Թ�˹��� �԰ ������¹ŧ���蹼�� �ؤ����ѵ� ��ʵ���ѧ�������͡�� 4 �ؤ ���ͻ���ª��㹡�úѹ�֡����ѵ���ʵ�� �ѧ�����
�������� �ؤ��ҳ (Ancient Ages) �����������������駶�蹰ҹ����ѡ���� �� ����Ȫҵ� ���ѡ���� �����¸��� ��������ҡ������������� ䷡���-���õ�� �ǧ�� �Թ�� ��ի ������ ���Դ �ͧ���¸����Ӥѭ � �������شŧ������ҳҨѡ����ѹ����������ж١��ǵ�ǵѹ ����� ��ҧ����ͻ� �.�. 476
�������� �ؤ��ҧ (Middle Ages) �����ؤ�״ (Dark Ages) ���û������������û���ͧ �ͧ��� ��ҧ � ��Ż�Է�ҡ�÷������ԭ������ͧ��ش�Чѡŧ ���֧�� �.�. 1453
�������� �ؤ�������� �����������������û��鹵�Ǩҡ��ö١��ͺ������������鹿���Ż��Ѳ����� �ͧ��ա-���ѹ �ա�����Ǩ�Թᴹ��й�ҹ������� ���������ʤ鹾�����ԡ�� �.�.1492 仨��֧ ʧ�����š���駷�� 1
�������� �ؤ�Ѩ�غѹ ���������ѧʧ�����š���駷�� 1 �ص�ŧ (�.�.1918) �Ҩ��֧�Ѩ�غѹ ������ԡĵ ��ó�����˵ء�ó�ҧ��ҹ���ɰ�Ԩ �ѧ�� ������ͧ �Դ����ҡ���

Ref : http://www2.se-ed.net/nfed/history/index_his.html 14/02/2008

ล้านนายุคก่อนประวัติศาสตร์

สถาปัตยกรรมในยุคก่นประวัติศาสตร์นี้ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่เด่นชัดแน่นอนที่จะสามารถศึกษาได้ อย่างไรก็ตาม ผลจากการขุดค้นทางโบราณคดี เราพบหลักฐานทั้งเครื่องมือหิน เครื่องสำริด เป็นต้น อันบ่งถึงว่าควรมีการอยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่องของกลุ่มชนเหล่านี้ ดังนั้นสถาปัตยกรรมยุคแรกเริ่มในสมัยนี้ คงเป็นที่อยู่อาศัยตามถ้ำ เพิงผา หรือาจสร้างขึ้นด้วยวัสดุตามธรรมชาติที่ไม่คงทนถาวร

หลักฐานถ้ำที่อาจมีร่องรอยการใช้สอยพื้นที่ ดังเช่นถ้ำผีแมน ในเขตแม่ห้องสอน เป็นต้น ดังนั้นเราจึงอาจกล่าวได้เพียงเบื้องต้นเป็นข้อสันนิษฐานว่า งานสถาปัตยกรรมในช่วงนี้คงเป็นงานแบบดั้งเดิม เกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ยู่อาศัยและการดำรงชีพเป็นส่วนใหญ่

แหล่งอ้างอิง :
สันติ เล็กสุขุม, ศิลปะภาคเหนือ : หริภุญไชย – ล้านนา ( กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ,2538 )
สุรพล ดำริห์กุล, ประวัติศาสตร์และศิลปะหริภุญไชย ( กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ,2547 )
ศํกดิ์ชัย สายสิงห์,ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมพุทธศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย ( กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ,2548 )

สมัยก่อนประวัติศาสตร์

เนื่องจากสมัยก่อนประวัติศาสตร์ยังไม่มีตัวอักษรใช้บันทึกเรื่องราวนักโบราณคดีจะศึกษาเรื่องราวสมัยก่อนประวัติศาสตร์โดยอาศัยหลักฐานทางโบราณคดี  เช่น โครงกระดูกมนุษย์เครื่องมือเครื่องใช้อาวุธต่างๆ เครื่องมือหิน เครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับตลอดจนถ้ำเพิงพาภาพวาดที่มนุษย์อยู่อาศัยและวาดไว้ เป็นต้น และเนื่องจากสมัยก่อนประวัติศาสตร์มี อายุยาวนานมากนักโบราณคดีจึงต้องมีการแบ่งเป็นสมัยย่อย โดยใช้หลักเกณฑ์สำคัญ คือ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการทำเครื่องมือเครื่องใช้เป็นหลักในการแบ่ง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ยุคใหญ่ๆ คือ ยุคหินกับยุคโลหะ

 1.ยุคหิน (Stone Age)

เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มรู้จักนำหินมาปรับใช้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้หรืออุปกรณ์และอาวุธนักโบราณคดีกำหนดให้ยุคหินของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ (สากล) อยู่ระหว่าง 2.5 ล้านปี ถึงประมาณ 4,000 ปี มาแล้วแต่เนื่องจากสิ่งที่เหลือเป็นหลักฐานอยู่จนถึงปัจจุบันมีเพียงชนิดเดียวคือหิน ดังนั้นเราจึงเรียกยุคนี้ว่ายุคหิน ทั้งนี้ยุคหินตามพัฒนาการ เทคโนโลยีการทำเครื่องมือเครื่องใช้ยังแบ่งออกเป็น 3 ยุคย่อย คือ ยุคหินเก่า ยุคหินกลาง และยุคหินใหม่ ดังนี้

1.1 ยุคหินเก่า (Paleolithic Period หรือ Stone Age)

อยู่ระหว่าง 2,500,000-10,000 ปี มาแล้วมนุษย์ในยุคนี้อาศัยอยู่ในถ้ำหรือเพิงผายังไม่มีความคิดสร้างที่อยู่อาศัยโดยใช้วัสดุธรรมชาติหรือตั้งรกรากถาวรดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์หาปลาและเก็บหาผลไม้ในป่าเมื่ออาหารตามธรรมชาติ หมดก็อพยพไปหาแหล่งอาหารที่อื่นต่อไปมนุษย์ยุคหินเก่ารู้จักประดิษฐ์เครื่องมืออย่างหยาบๆเครื่องมือที่ใช้ทั่วไปคือเครื่องมือหินกะเทาะที่มีลักษณะหยาบใหญ่หนากะเทาะเพียงด้านเดียวหรือสองด้านไม่มี การฝนให้เรียบมนุษย์ยุคหินเก่ารู้จักนำหนังสัตว์มาทำเป็นเครื่องนุ่งห่มรู้จักใช้ไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้แสงสว่างให้ความปลอดภัยและหุงหาอาหารมีการฝังศพทำพิธีกรรมเกี่ยวกับการตายและมี การนำเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธต่างๆของผู้ตายฝังไว้ในหลุมด้วยนอกจากนี้มนุษย์ยุคหินเก่ายังรู้จักสร้างสรรค์งานศิลปะ ซึ่งพบภาพวาดตามผนังถ้ำที่ใช้สีฝุ่นสี ต่างๆได้แก่ สีดำ น้ำตาล ส้ม แดงอ่อนและเหลืองภาพที่วาดส่วนใหญ่เป็นภาพสัตว์ เช่น วัวกระทิง ม้าป่า กวางแดง เป็นต้น ภาพวาดที่มีชื่อเสียงของมนุษย์ยุคหินเก่าอยู่ที่ถ้ำลาสโกประเทศฝรั่งเศส

ในยุคก่อนประวัติศาสตร์

เคื่องมือที่พบในยุคหินเก่า

1.2 ยุคหินกลาง (Mesolithic Period หรือ Middle Stone Age)

อยู่ระหว่าง10,000-6,000ปี มาแล้วมนุษย์ยุคนี้รู้จักทำเครื่องมือหินที่มี ความประณีตมากขึ้นด้วยการกระเทาะผิวด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านออกให้เกิดความคมทำให้เครื่องมือหินในยุคนี้มี รูปทรงที่เหมาะแก่การใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมเครื่องมือยุคหินกลางที่พบมีทั้งเครื่องมือสับ ตัด ขุด และทุบหลักฐานเครื่องมือหินของมนุษย์ในยุคหินกลางพบในทวีปยุโรปและทวีปเอเชียโดยพบครั้งแรกในเวียดนาม เรียกว่า วัฒนธรรมฮัวบิเนียนจัดเป็นวัฒนธรรมยุคหินกลางของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยด้วย

1.3 ยุคหินใหม่ (Neolithic Period หรือ New Stone Age)

อยู่ระหว่าง 6,000-4,000ปี มาแล้วมนุษย์ยุคนี้มี ความเจริญทางวัตถุมากกว่ายุคหินกลางรู้จักควบคุมธรรมชาติ มากขึ้นรู้จักพัฒนาการทำเครื่องมือหินอย่างประณีตโดยมีการขัดฝนหินทั้งชิ้นให้เป็นรูปร่างลักษณะต่างๆเพื่อให้เครื่องมือมีประสิทธิภาพในการใช้สอยมากขึ้นกว่าเครื่องมือรุ่นก่อนหน้านี้เช่น มีดหินที่สามารถตัดเฉือนได้แบบมีดโลหะมีการต่อด้ามยาวเพื่อใช้แผ่นหินลับคมเป็นเสียมขุดดินหรือต่อด้ามไม้สำหรับจับเป็นขวานหินสามารถปั้นหม้อดินและใช้ไฟเผาสามารถทอผ้าจากเส้นใยพืชและทอเป็นเชือกทำเป็นแหหรืออวนจับปลาลักษณะสำคัญอีกประการหนึ่งที่จำแนกมนุษย์ยุคหินใหม่ออกจากมนุษย์ยุคหินกลางก็คือการที่มนุษย์ยุคนี้รู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ในระดับที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น มีการปลูกข้าวและพืชอื่นๆเช่นถั่ว ฟัก บวบ และเลี้ยงสัตว์หลายชนิดมากขึ้น เช่น แพะ แกะ และวัว ซึ่งก็คงทั้งไว้ใช้งานและเป็นอาหาร วัฒนธรรมยุคหินใหม่พบอยู่ทั่วโลกแต่หลักฐานสำคัญที่มีลักษณะโดดเด่นคือการสร้างอนุสาวรีย์หิน (Megalithic) ที่มีชื่อเสียง คือ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ในประเทศอังกฤษสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อใช้คำนวณเวลาทางดาราศาสตร์เพื่อพิธีกรรมเพื่อบวงสรวงดวงอาทิตย์และเพื่อผลผลิตทางการเพาะปลูก

ในยุคก่อนประวัติศาสตร์

เครื่งมือที่พบในยุคหินใหม่


2.ยุคโลหะ (Metal Age)

เริ่มเมื่อประมาณ4,000 ปี มาแล้วมนุษย์ยุคนี้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอันแสดงถึงการพัฒนาความสามารถทางความคิดด้วยการมีความสามารถนำโลหะมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้นั่นเองในระยะแรกของยุคโลหะจะพบว่าพวกเขารู้จักหลอมทองแดงและดี บุกซึ่งเป็นโลหะที่ใช้อุณหภูมิ ไม่สูงนักในการหลอมต่อมาจึงพัฒนาความรู้และเทคโนโลยี ขึ้นมาจนสามารถหลอมเหล็กได้ซึ่งการหลอมเหล็กต้องใช้อุณหภูมิสูงนักโบราณคดีจึงแบ่งยุคโลหะออกเป็น 2 ยุคตามความแตกต่างของระดับเทคโนโลยี และวัสดุที่นำมาใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ดังนี้

 2.1 ยุคสำริด (Bronze Age)

 การเริ่มต้นของยุคสำริดในแต่ละภูมิ ภาคจะต่างกันไปแต่ส่วนใหญ่จะเริ่มระหว่างประมาณ4,000ปี มาแล้วในช่วงเวลานี้มนุษย์รู้จักนำทองแดงผสมกับดีบุกหลอมรวมกันกลายเป็นโลหะผสมที่เราเรียกว่า สำริดมาใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธที่มี คุณภาพดี กว่าที่ทำจากหินขัดมากการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุคนี้ก็เปลี่ยนไปจากการเป็นชุมชนเกษตรกรรมเล็กๆกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่เราเรียกว่าชุมชนเมืองมี การจัดแบ่งความสัมพันธ์ของคนในสังคมตามความสัมพันธ์และความสามารถซึ่งพัฒนาการนี้ทำให้สังคมมี ความมั่นคงและมีการสั่งสมอารยธรรมได้อย่างรวดเร็วกว่าที่ผ่านมาแหล่งอารยธรรมสำคัญที่มีพัฒนาการจากสังคมสมัยหินใหม่สู่สมัยสำริดเช่น แหล่งอารยธรรมเมโสโปเตเมียในภูมิภาคเอเชีย-ตะวันตกแหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ในประเทศอียิปต์แหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุในประเทศอินเดียและแหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโหวในประเทศจีนเป็นต้น


2.2 ยุคเหล็ก (Iron Age)

เริ่มเมื่อประมาณ 3,200 ปี มาแล้วเป็นช่วงของการพัฒนาการทางเทคโนโลยี ที่ต่อเนื่องจากยุคสำริดหลังจากที่มนุษย์สามารถนำทองแดงมาผสมกับดีบุกและหลอมเป็นโลหะผสมได้แล้วมนุษย์ก็ คิดค้นหาวิธี นำเหล็กซึ่งเป็นโลหะที่มี ความแข็งและทนทานกว่าสำริดมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้และอาวุธด้วยการใช้อุณหภูมิ ในการหลอมที่สูงกว่าการหลอมสำริดแล้วจึงตีโลหะเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ให้เป็นรูปทรงที่ต้องการเนื่องจากเหล็กใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้มี ความเหมาะสมกับงานการเกษตรที่ต้องใช้ความแข็งแรงมากกว่าสำริดและมีความทนทานกว่าด้วยจึงทำให้มนุษย์ยุคเหล็กสามารถทำการเกษตรได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นนอกจากนี้เหล็กยังใช้ ทำอาวุธที่มี ความแข็งแกร่งและทนทานกว่าสำริดจึงทำให้ สังคมมนุษย์ยุคนี้ที่พัฒนาเข้าสู่ยุคเหล็กและเข้าสู่ความเป็นรัฐได้ด้วยการมี กองทัพที่มีประสิทธิภาพกว่าสามารถปกป้องเขตแดนของตนเองได้ดีกว่าทำให้สังคมเมืองของตนมีความมั่นคงปลอดภัยและในที่สุดก็สามารถขยายอิทธิพลไปยังดินแดนอื่นๆได้ในเวลาต่อมา

ในยุคก่อนประวัติศาสตร์
   เครื่องมือการเกษตรที่พบในยุคเหล็ก