กรณีเสียชีวิต ต้อง แจ้ง ประกันสังคม ภายใน กี่ วัน

แรงงาน

ประกันสังคม แนะเช็กสิทธิของทายาท เงินสงเคราะห์-บำเหน็จชราภาพและค่าทำศพ

25 มี.ค. 2565 เวลา 10:08 น.46.4k

ต้องรู้ว่าไว้ "ประกันสังคม" แนะเช็กสิทธิ เงินสงเคราะห์-บำเหน็จชราภาพและค่าทำศพ สามสิทธิที่ "ทายาท" จะได้รับหากผู้ประกันตนเสียชีวิต

"สำนักงานประกันสังคม" กระทรวงแรงงานแนะเช็กสิทธิ ผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 เงินสงเคราะห์-บำเหน็จชราภาพและค่าทำศพ สามสิทธิที่ "ทายาท" จะได้รับหากผู้ประกันตนเสียชีวิต

ค่าทำศพ 50,000 บาท โดยจ่ายให้กับผู้จัดการศพ เช่น สามี-ภรรยา, บิดา-มารดา,บุตร หรือญาติ-พี่น้อง ของผู้ประกันตน
เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต โดยจ่ายให้แก่บุคคลที่ผู้ประกันตนทำหนังสือระบุไว้เท่านั้น หากไม่ได้ทำหนังสือระบุไว้ จะเฉลี่ยจ่ายให้ผู้มีสิทธิในจำนวนที่เท่ากัน ได้แก่ สามี-ภรรยา ที่จดทะเบียนสมรสกัน บิดา-มารดา กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรสจะได้เฉพาะมารดา บุตรของผู้ประกันตน รวมทั้งบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย

เงินบำเหน็จชราภาพ หากผู้ประกันตนเสียชีวิต ทายาทจะมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพคืนโดยจ่ายให้แก่ทายาทผู้มีสิทธิ เช่น บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย, สามี-ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย, บิดา-มารดาที่จดทะเบียนสมรสกัน หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสจะได้เฉพาะมารดา หรือ บุคคลอื่นที่ผู้ประกันตนทำหนังสือระบุไว้ให้ได้รับร่วมกับทายาทผู้มีสิทธิ

เงื่อนไขการได้รับสิทธิ ผู้ประกันตน ม.33 และ ม.39 จะได้รับสิทธิเมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงแก่ความตาย

ที่มา - ประกันสังคม

by NayNoy.Com Posted on 2022-02-25

ความคิดเห็นที่ 1

ย้อนกลับไปในยุคสมัยก่อนที่มนุษย์เรายังอาศัยอยู่ในถ้ำ ยังคงหาอาหารด้วยวิธีการออกล่าสัตว์ คงไม่มีมนุษย์ถ้ำคนไหนมองนาฬิกาเพื่อรอทานอาหารตามมื้อเช้า กลางวัน เย็นแบบในปัจจุบันถ้าอย่างนั้นการกินอาหารสามมื้อแบบที่เราถือปฏิบัติกันมานั้นเกิดมาสิ่งไหน แล้วทำไมถึงต้องเป็น 3 มื้อ

การรับประทานอาหารแบบสามมื้อเริ่มต้นขึ้นใน ‘ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม’ มนุษย์มีการทำงานเป็นระบบเวลามากขึ้นอย่างมากเทียบกับยุคเกษตรกรรม จึงมีการกำหนดเวลาในการกินขึ้นมาเป็นมื้อเช้า กลางวัน เย็น เพื่อให้ง่ายต่อการทำงานมากขึ้นนั่นเอง

ในสมัยก่อนนั้นชาวพื้นเมืองอเมริกันใช้ระบบการกินแบบหิวตอนไหนก็กิน ไม่ได้คำนึงถึงเวลา แต่การเข้ามาของชาวยุโรปที่มองว่าการกินแบบหิวตอนไหนกินตอนนั้นนั้นไม่แตกต่างอะไรจากสัตว์ จึงกำหนดการกินแบบสามมื้อมาแทนที่การหิวตอนไหนก็กินเพื่อให้ตัวเองดูมี ‘อารยะ’ ขึ้นนั่นเอง

ย้อนกลับไปในยุคศตวรรษที่ 17 เริ่มมีการรับประทานอาหารมื้อเช้าเกิดขึ้น โดยเกิดขึ้นกับทุกชนชั้นในสังคมเลยก็ว่าได้ แต่รูปแบบอาหารนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามฐานะทางสังคมอีกนั่นแหละ

แล้วเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ’ กันไหม?

สำหรับชาวโรมันเชื่อว่าการกินอาหารเพียงมื้อเดียวจะเป็นผลดีกับสุขภาพ ในขณะที่ชาวพื้นเมืองอเมริกันเลือกที่จะหิวตอนไหนก็กินตอนนั้น แล้วทำไมเราถึงเชื่อกันว่ามื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญกันนะ?

สโลแกนนี้ได้เกิดขึ้นในช่วงปี 1920-1930 โดยรัฐบาลของสหรัฐในยุคนั้นมีการรณรงค์ให้เด็กๆ ทานมื้อเช้าก่อนจะไปโรงเรียนเพื่อจะได้มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนมากกว่าความหิว และความเชื่อนี้ก็ถูกส่งต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันเรานั่นเอง

ในส่วนของ ‘มื้อกลางวัน’ นั้นน่าจะเริ่มจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่คนมีเวลาทำงานเป็นระบบ โดยมีการให้เวลาหนึ่งชั่วโมงต่อวันในการกลับบ้านไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สองก็ได้พัฒนาให้มีโรงเลี้ยงอาหารเกิดขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมคนและเพื่อความประหยัด หลังจากนั้นโรงเรียนต่างๆ ก็ได้นำแนวคิดนี้มาปรับใช้เรื่อยมาทำให้เกิดโรงอาหารตามโรงเรียนต่างๆ ขึ้น

ในช่วงศตวรรษที่ 19 อาหารเย็นถือเป็นอาหารสำหรับชนชั้นสูงในยุคนั้น และในช่วงปี 1950 อาหารเย็นถือว่ามีบทบาทสำคัญสำหรับครอบครัวชาวอเมริกันมาก ในช่วงปี 1970 รายการทำอาหาร Fanny Cradock เป็นกระแสขึ้นมา ถึงขั้นแม่บ้านแต่ละบ้านทำมื้อเย็นสุดอลังการแข่งกันเลยนะ

จะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์มื้ออาหารของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นมาจากการดำรงชีวิตเป็นส่วนมาก มนุษย์ปรับตัวเพื่อให้ง่ายต่อการดำรงชีพ ไม่ได้ปรับการมื้อการกินเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น บางงานวิจัยยังกล่าวด้วยว่าการกินอาหารแบบย่อยเล็กๆ 6 มื้อต่อวันส่งผลให้สุขภาพเราดีและลดน้ำหนักได้ดีกว่าการกินอาหารมื้อใหญ่ 3 มื้อเสียอีก

และยังมีอีกหลายวัฒนธรรมที่เคยระบุมีการแบ่งกินอีกหลากหลายมื้อ ถ้าอย่างนั้นแล้วการที่เราหิวเมื่อไรก็กิน คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงหลักโภชนาการและสุขภาพเอาไว้ด้วยนะ

ความคิดเห็นที่ 2

เพราะควายค่ะ พระอินทร์ท่านสั่งให้ลงมาบอกยังเมืองมนุษย์ว่า 3 วันให้กิน 1 มื้อ

ด้วยระยะทางไกลมาก ควายเลยจำผิดมาบอกมนุษย์ว่า 1 วัน กิน 3 มื้อ

ความรู้ถึงหูพระอินทร์ ท่านเลยสั่งให้ควายไปช่วยมนุษย์หาข้าวได้มากๆด้วยการทำนา

ปล.นิทานที่พ่อเราเล่าตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ

ความคิดเห็นที่ 3

ลองดูคำนี้

gastric emptying คือการที่กระเพาะอาหาร จะส่งอาหารและน้ำย่อยที่คลุกเคล้ากันเป็น chyme ออกจากกระเพาะอาหารไปสู่ duodenum ได้หมด จนกระเพาะอาหาร empty

gastric emptying time คือเวลาที่กระเพาะอาหารต้องใช้ ในการส่ง chyme ออกไปได้หมด เช่น gastric emptying time = 2 ชั่วโมง หมายความว่า ตั้งแต่กินอาหาร จนอาหารถูกส่งต่อออกไปได้หมด ใช้เวลา 2 ชั่วโมง

gastric emptying time ยิ่งยาว (หรือนาน) แปลว่าอาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนาน เช่นกินอาหารที่มีไขมันมาก กระตุ้น enterogastric reflex และ enterogastrone พวก CCK, secretin, GIP ยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะอาหาร pizza ไส้กรอกมันๆ ค้างอยู่กระเพาะได้ 4-5 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอืดแน่น อิ่มนาน หรือเรอ ขย้อนได้ง่ายค่ะ

คนกินเพราะหิว น่าจะเป็นสัญชาตญานมาแต่เริ่มเผ่าพันธุ์

กลางวันมี 12 ชม

เวลาที่อาหารอยู่ได้นานสุดแต่ละมื้อ 4 ชม

หารแล้วต้องกิน 3 มื้อ เพื่อดำรงค์เผ่าพันธุ์ให้มีชีวิตต่อไป

ความคิดเห็นที่ 4

พระกินแค่สองมื้อนะครับ ถ้าเคร่งๆนี่มื้อเดียวด้วยซ้ำ

ที่คนกินมากมื้อขึ้นเพราะสังคมเปลี่ยนไป การหาอาหารกินไม่ลำบากเหมือนก่อน จึงไม่ถูกบังคับโดยปัจจัยภายนอกเหมือนสมัยก่อนที่ต้องไปล่าไปหาอาหารเอาเอง

และคนก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่กินเพื่อความเพลิดเพลินด้วย ฉะนั้นจะไม่แปลกหากในอนาคตจะมีสี่มื้อ ห้ามื้อ

แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหานะ หากไม่หิวก็ไม่ต้องกินครับแล้วร่างกายเราจะปรับสภาพเองให้อดได้ครับ

ความคิดเห็นที่ 5

อันตรายหรือไม่อันตราย มันไม่ได้อยู่ที่จำนวนมื้อครับ

แต่อยู่ที่อาหารที่คุณกินเข้าไป และการปฏิบัติตน

นักเพาะกาย กินกัน 8 มื้อ+ แต่เขาเลือกทานและออกกำลังกายเป็นประจำ สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงครับ

ความคิดเห็นที่ 6

ขอเสริมที่มื้อเย็นนะครับ คนสมัยก่อน 2 ทุ่มก็นอนแล้ว

แต่ปัจจุบันแสงไฟมีมากขึ้น 4 ทุ่มละครหลังข่าวยังไม่จบเลย

กิจกรรมตอนกลางคืนมีมากขึ้น นอนกันดึกขึ้น

มื้อเย็นอาจจะเป็นมื้อที่จำเป็นในบางคน

ความคิดเห็นที่ 7

อยากรู้ว่าทำไมต้องกินยาสามมื้อ หลังอาหาร ก่อนอาหาร

ยาที่ให้กินสามมื้อ เพราะต้องการให้ระดับยาในเลือดเพียงพอต่อการออกฤทธิ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากกว่าครับ ยาบางอย่างหมอหรือเภสัชอาจให้ิกินสองหรือสามมื้อก็ได้ครับ เช่น amoxicillin 1000 mg วันละสองครั้ง หรือ 500 mg วันละสามครั้ง

ยาบางชนิดรับประทานตอนไหนก็ได้ครับ แต่ที่ให้กินหลังหรือก่อน เพราะให้อาหารเป็นเครื่องช่วยเตือน เช่น หลังอาหารสามมื้อ จะช่วยให้คนไข้เข้าใจและจำง่ายกว่าที่จะบอกว่า รับประทานทุก 8 ชั่วโมง หรือทุก 12 ชั่วโมง ดังนั้นยาที่ไม่จำเป็นต้องกินคู่กับอาหารอย่างเคร่งครัด ถ้าไม่กินข้าวก็กินยาได้ครับ เอาให้แน่ใจก็ถามเภสัชกรตอนรับยาหรือซื้อยาที่ร้านยาได้เลยครับ ว่าลืมแล้วจะทำอย่างไร

แต่ก็มียาบางชนิดที่จำเป็นต้องกินก่อนหรือหลังเท่านั้น เช่น diclofenac ต้องหลังอาหารทันที เพราะระเคืองกระเพาะ ยา omeprazole ต้องก่อนอาหารเช้าสามสิบนาทีเป็นอย่างน้อยเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ไหนๆก็พิมพ์แล้ว ยา paracetamol ส่วนใหญ่ที่เห็นคนชอบกินแบบ 2 เม็ด (500 mg x2 =1000 mg) ทุก 4-6 ชั่วโมง หากิน 2 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง ตกวันละ สี่ครั้ง ก็จะรวมเป็น 4000 mg ซึ่งเป็นขนาดยาสูงสุดต่อวันแล้ว แต่ถ้ากินทุกสี่ชั่วโมงละ ก็จะกลายเป็นวันละ 6000 mg เกินไป 2 000 mg อย่าลืมนะครับว่า พาราเซตตามอลถ้ายาเกินขนาดจะมีผลต่อตับครับ อาจรับประทานแค่ 500 mg (1 เม็ด) ทุกสี่ชั่วโมงก็ได้ครับ

ปล ขนาดยาสูงสุดของพารา คือ 4000 mg ต่อวัน

ความคิดเห็นที่ 8

เคยอ่านบทความสักที่ลืมที่มาไปแระ เดี่ยวหาเจอจะเอามาแปะให้

เค้ากล่าวว่าการที่คนเราทานอาหาร 3 มื้อเป็นเพราะว่ามันเป็นเวลาที่ระดับน้ำตาลในเลือดของเราลดลงมาถึงจุดๆหนึ่ง แล้วสมองต้องสั่งให้หิวแล้วก็ทานเพื่อจะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด แล้วก็ใช้ไปหล่อเลี้ยงเซล์ต่างๆ กลายเป็นพลังงานต่อไป ซึ่งโดยปกติแล้วก็ประมาณ 3 เวลา

แต่ในกรณีของมื้อเย็นเช่นเดียวกันระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลงมาตามปกติ เพราะเราทำกิจกรรมช่วงบ่ายๆมา แต่กระนั้นการที่เราไม่ทานมื้อเย็น หรือ ทานน้อยๆก็ไม่ได้มีผลกับระบบเซล์เรามากนักเพราะจะเป็นช่วงที่เซลล์พักผ่อน จึงใช้พลังงานน้อย น้ำตาลที่ได้รับก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมซะมากกว่า

อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ การที่นักเพราะกายทาน มากกว่า 3 มื้อเราคิดว่ามาจากระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็วในการออกกำลัง เลยต้องทานมากกว่าคนปกติ แล้วคำถามคือทำไม่ไม่กิน 3 มื้อแล้วกินแต่ละมื้อให้หนักกว่าเดิม เรามองว่าถ้าแบบนั้นระบบย่อยอาหารจะทำงานหนักกว่านะ

ความคิดเห็นที่ 9

ลองไปหาหนังสือเรื่อง เหตุผลของธรรมชาติ ของคุณชัชพล เกียรติขจรธาดา มาอ่านครับ มีคำอธิบายว่าทำไมเราต้องกินอาหาร 3 มื้อ

มีเรื่องน่าสนใจหลายเรื่องเลย เช่น ทำไมต้องแพ้ท้อง ทำไมเราถึงมีไข้

เนื้อหามันเยอะอยู่ เอาคร่าว ก็เกี่ยวกับ วิวัฒนาการ ความสามารถในการสร้างความร้อนเองได้ สัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตร การถ่ายเทความร้อน ขนาดร่างกาย เป็นสาเหตุหลักๆ

- สัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตร มีผลต่อการถ่ายเทความร้อน ถ้าสัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตรมีมาก ก็จะทำให้การถ่ายเทความร้อนทำได้เร็ว กว่า กรณีสัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตรน้อย ซึ่ง พวกสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น หนู มีสัดส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตร มากกว่า คน ทำให้ความร้อนถ่ายเทออกไปได้เร็วกว่า

- เนื่องจากสัตว์เลือดอุ่นสามารถสร้างความร้อนเองได้ โดยเอาอาหารที่กินเข้าไปผลิตเป็นความร้อน (จากกระบวนการ เมตาบอลิซึ่ม)

- เมื่อสูญเสียความร้อนไป ก็ต้องสร้างความร้อนมาทดแทน ก็ต้องกินอาหารเข้าไปเพื่อใช้ผลิตความร้อน

- สัตว์ตัวเล็กสูญเสียความต้อนได้เร็วมาก ก็ต้องกินอาหารบ่อยๆ เพื่อเอาไปผลิตความร้อน พอดีร่างกายคนเรามีขนาดที่ไม่เล็กมาก และก็ไม่ใหญ่มาก ก็เลยเสียความร้อนได้ช้า ทำให้ไม่ต้องกินอาหารบ่อยแบบหนู

- ตอนที่มนุษย์ วิวัฒนาการมา อาหารไม่ได้อุดมสมบูรณ์แบบปัจุบัน อาหารที่ให้พลังงานมีไม่เยอะ แถมต้องออกไปล่าด้วย

- ทีนี้ปริมาณพลังงานที่คนต้องการ ประมาณ 2000-2500 แคลอรี่ต่อวัน เนื่องจากอาหารในอดีตไม่ได้ให้พลังงานเยอะมาก จะด้วยอะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าคนจะได้พลังงาน 2000-2500 แคลอรี่ต่อวัน จะต้องกินอาหารถึง 3 มื้อ (อันนี้ผมคิดเพิ่มเองว่า อาจจะด้วยขนาดร่างการ ลำไส้ ด้วย ทำให้เรากินอาหารที่ให้พลังงานขนาด 2500 แคลอรี่ในมื้อเดียวไม่ไหว * ให้นึกถึงในอดีตหลายหมื่น หลายแสนปีก่อนนะ อาหารให้พลังงาน 2000 แคลอรี่ นี่ อาจจะเป็นเนื้อกองเบ้อเริ่ม ถ้าจะกินให้หมดท้องแตกตายพอดี)

- ทีนี้พอบรรพบุรุษของเราวิวัฒนาการมาในสถาพแวดล้อมแบบนี้ มันก็เลยพัฒนามาเป็นการกินอาหาร 3 มื้อต่อวัน

- ตอนนี้เราหาอาหารให้พลังงานกินกันได้แบบสบายๆ แต่ร่างกายเราก็ไม่ได้วิวัฒนาการต่อ ร่างกายก็เลยยังต้องกิน 3 มื้อต่อวัน ต่อไป

แต่ปัจจุบัน บางทีเรากินมื้อเดียวก็เกิน 2500 แคลอรี่แล้ว ดังนั้น กินมื้อ หรือ 2 มื้อ เราก็อยู่ได้สบายๆ

ความคิดเห็นที่ 10

วันนึงกินกี่มื้อก็ได้แต่ไม่ควรเกิน3มื้อร่างกายจะปรับตัวได้เหมือนการนอน

วันละ1,2หรือ3 ร่างกายจะปรับตัวเองจะไม่หิวถึงแม้จะกินมื้อเดียวแต่3วัน1มื้อคงไม่ได้

ผมเวลาทำงานกะดึกกินข้าวมื้อเดียว กะบ่ายกิน2มื้อ กะเช้ากิน3มื้อ

สุขภาพก็แข็งแรงดี

ความคิดเห็นที่ 11

ผลไม้ นมถั่วเหลือง น้ำนมธัญพืช ไม่ใช่อาหารเหรอครับ

หิวก็กินครับ ง่ายๆไม่ต้องวิชาการเยอะ

ยายข้างบ้าน 70 กว่าแล้ว 4 ทุ่มยังซัดยาดองอยู่เลย แบบนี้ถือว่าอายุยืนมั้ยครับ?

ความคิดเห็นที่ 12

เราไม่เคยกินเป็นมื้อเลยค่ะ หิวตอนไหนก็กินตอนนั้นเลย

สุดท้ายเลยกลายเป็นโรคกระเพาะจนถึงทุกวันนี้

จริงๆแล้วมื้อเย็นไม่ค่อยจำเป็นเท่าไรหรอกค่ะ เพราะพลังงานจากมื้อเย็นใช้ในการนอนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็กลายเป็นไขมันสะสม

ความคิดเห็นที่ 13

สามมื้อ เช้า กลางวัน เย็น ชีวิตเราตั้งแต่โตมาน้อยยย มากค่ะที่จะกินได้ตามเวลา

ตั้งแต่มัธยม ข้าวเช้า เริ่มไม่กิน ไม่ทันไปรร (ขับมอเตอร์ไซด์ไปเอง)

ข้าวเที่ยง กินข้างไม่กินบ้าง แล้วแต่วันไหน เพื่อนชวนกิน วันไหนมีอะไรต้องทำก็ไม่กิน

ข้าวเย็น กินแถวโรงเรียนบ้างที่บ้านบ้าง บางทีก็เลยไปกินตอนสองทุ่ม (เลิกเรียนพิเศษ)

กลางคืน กินบ้างไม่กินบ้าง บางทีก็มาม่า แต่ส่วนใหญ่กินผลไม้

มหาลัย เช้าไม่กินแน่นอน ไม่ทัน วันที่ไม่มีเรียนก็ยังคงนอนอยู่

เที่ยง วันที่มีเรียนก็กินบ้าง วันที่ไม่มีเรียนไม่กิน

บ่าย พึ่งตื่น มากินข้าว

ค่ำ กินข้าว เป็นปกติ

ดึก กินข้าวเป็นปกติ

ทำงาน เช้า ไม่ค่อยกิน ส่วนใหญ่แล้วแต่ความหิว

เที่ยงไม่กิน

เย็น กินบ้างไม่กินบ้างแล้วแต่ความขยันไปซื้อ

ดึกหลังเลิกงาน กินเป็นปกติ

ส่วนใหญ่ไม่ได้กินครบสามมื้อซักที แล้วมื้อเดียวที่ปกติสำหรับเราตอนนี้คือ ประมาณเที่ยงคืนตีหนึ่ง จะหิวมากกก

ตอนเช้าไม่ค่อยหิวเลย

มีช่วงที่กลับบ้านไปโดนบังคับให้กินสามมื้อ โรคกระเพราะกำเริบเลยจ้า

แถมพอตอนเช้าพึ่งกินไป มากินตอนเที่ยงอีก พะอืดพะอมมาก ทนกินได้สองสามวันหลังจากนั้นเลิกเลย แตะๆ อย่างเดียว

จัดหนักแต่มื้อเย็น ตอนกลางคืนหาขนมจุกจิกกิน เพราะถ้ากินข้าวจะโดนสั่งห้าม

กลายเป็นว่า ช่วงเวลาที่ต้องกินก็จะหิวนะ ไม่เห็นจำเป้นว่าคนเราต้องหิว สามมื้อเช้าเที่ยงเย็น ซักหน่อย แถมไม่ได้เป็นโรคกระเพราะแล้วด้วย

เคยเป็นตอนช่วงจนไม่มีเงินกินข้าว ไม่ได้กินข้าวเป็นวันๆ ก็ไม่หิวนะแต่รู้ตัวอีกทีปวดท้องเหมือนไส้จะขาด

ความคิดเห็นที่ 14

ตอนเด็ก ๆ กินข้าว วันละ 3 มื้อ จนถึง ม.ปลาย พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ปี 1 เช้า มักจะไม่ทัน กินเที่ยงกับเย็นแทน พอเริ่มปี 2 ก็กินเที่ยง แล้วก็เย็นประมาณ 2 ทุ่ม เท่านั้น ยกเว้นวันที่มีเรียนบ่ายหรือไม่มีเรียนจะเหลือแค่มื้อเย็นมื้อเดียวตอน 2 ทุ่ม

แค่อยากบอกว่า มันก็ไม่ได้หิวนะ อยู่ได้ทั้งวันเลย ^^

แต่ตั้งแต่ปี 2 มา วันไหนที่อุตริกินไปกินข้าวเช้าละก็ วันนั้นแค่ 10 โมง ท้องก็ร้องโครกครากกแล้วครับ แต่ถ้าไม่ได้กินอะไรเลยนี่ถึง 2-3 ทุ่มก็ยังไม่หิวเลยด้วยซ้ำ

ความคิดเห็นที่ 15

ความเห็นของผม (แบบเอาฮานะคับ พอดีมีคนแก่แถวบ้านเคยเล่าให้ฟัง)

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เทพเริ่มสร้างสรรพสิ่งต่างๆขึ้นมา สร้างโลก สร้างป่า สร้างมนุษย์และสัตว์ต่างๆ เรียบร้อยทุกกระบวนการ

แล้วมนุษย์กินอาหารเป็นจำนวนมาก กินไม่เป็นเวลา จึงทำให้มนุษย์ต้องขับถ่ายออกมาบ่อยๆ จนมีกลิ่นเหม็นขึ้นไปรบกวนท่านเทพผู้สร้างมนุษย์

เจ้าแห่งเทพโกรธมากจึงใด้สั่งให้สุนัขที่ท่านเลี้ยงไว้ ลงไปบอกพวกมนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลายว่า " ให้มนุษย์กินข้าว สามวันต่อหนึ่งครั้ง "

แต่เจ้าสุนัขความจำสั้นนั้น ใด้ลงไปบอกเหล่ามนุษย์ว่า " ท่านเทพให้มนุษย์กินข้าววันละสามครั้ง " และเจ้าสุนัขขี้ลืมตัวนี้ก็ใด้กลับไปบอกท่านเทพเจ้า

ว่าตัวเองนั้นใด้บอกมนุษย์ไปตามนั้น พอท่านเทพเจ้าใด้ยินอย่างนั้น ถึงกับควันออกหู ให้กับความขี้หลงขี้ลืมของสุนัขตัวนี้ จึงใด้สั่งเนรเทศเจ้าสุนัขตัวนี้ ให้ลงมารับผิดชอบการกระทำของตน โดยสาปให้สุนัขตัวนี้และลูกหลานของมันต้องกินขี้ของมนุษย์ เพื่อไม่ให้กลิ่นของขี้มนุษย์หลุดลอยไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้าของเทพเจ้า และด้วยเหตุฉะนี้ เหล่ามนุษย์ทั้งหลายเลยกินข้าววันละสามเวลา ส่วนตัวสุนัขเจ้ากรรมและลูกหลานของมันเลยต้องกินขี้มนุษย์ไปตลอดกาล ด้วยเหตุฉะนี้แล 555

ความคิดเห็นที่ 16

ผลกระทบที่บทความบอกว่ามื้อเย็นไม่ดีนั้น คือ ผลจากโรคอ้วนนั่นเอง ดังนั้น จะกินกี่มื้อก็ได้คะ ขอให้พอดีแก่การเผาผลาญของตัวเอง แต่ที่เราถูกสอนให้กิน 3 มื้อก็เป็นเพราะกลไกของร่างกายตามที่ คห6 และ 11 อธิบายไปแล้ว

แต่อ่านแล้วเป็นห่วงผู้รับสารในส่วนนี้คะ

"เปรียบตัวเราเป็นรถยนต์ ตื่นเช้ามาต้องเติมน้ำมันก่อน หรือกินมื้อเช้า รถจึงจะวิ่งได้ ถึงเที่ยงน้ำมันยังไม่หมด เติมอีกครั้ง ถึงเย็นก่อนนอนก็ยังไม่หมดพิสูจน์ได้ดังนี้ สมมุติกินไข่ลวก 1 ฟองโตๆ มีไข่แดงหนัก 50 กรัม ในไข่แดงมีคลอเลสเตอรอล 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ฉะนั้น 50 กรัม ให้พลังงาน 450 แคลอรี่ จะต้องออกกำลังกายเพื่อใช้พลังงานนี้ โดยขี่จักรยานตั้งแรงต้านไว้ 1.3 ก.ก.. ความเร็วที่ปั่นบันไดจักรยาน 60 รอบต่อนาที ขี่อยู่นาน60 นาที จะเหนื่อยหอบ เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ใช้พลังงานไปเพียง 300 แคลอรี่ ไข่ใบเดียวใช้ไม่หมด"

เราไม่รู้ว่าเค้าอ้างอิงมาจากไหน แต่จากการวิเคราะห์ของสถาบันโภชนาการมหิดลคือ ไข่ 1ฟองใหญ่ รวมไข่ขาวไม่รวมเปลือก หนัก 50-60 กรัม ไม่ใช่ไข่แดงอย่างเดียว 50 กรัมนะคะ และไข่แดงไม่ได้ไม่ได้มีแต่คลอเลสเตอรอล แต่มีสารอาหารอื่นๆอีกมามาย (คลอเลสเตอรอลในไข่ 1 ฟองมี 300 มิลลิกรัม หรือ 0.3 กรัม ที่เหลือเป็นน้ำ โปรตีนและอื่นๆ ซึ่งใน 1 วันร่างกายผู้ใหญ่ต้องการคลอเลสเตอรอลเพียง 300 มิลลิกรัม) พลังงานของไข่ 1 ฟอง คือ 75 แคลอรี่ เท่านั้นถ้าต้ม ลวก ตุ๋น(ใช้น้ำเปล่าไม่ใช่ซุปกระดูกหมู) ก็จะได้พลังงาน 75 แคลอรี่ ไม่ใช่ 450 แคลอรี่

ส่วนเรื่องออกกำลังกายพลังงานที่เผาผลาญเป็นส่วนที่เผาผลาญเพิ่ม จากการใช้พลังงานเพิ่มจากพลังงานพื้นฐานในการดำรงชีวิต การออกกำลังกายไม่เพียงแต่เผาผลาญในขณะที่ออกกกำลังเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้การใช้พลังงานของร่างกายสูงขึ้นไปเกือบ 24 ชั่วโมงด้วย

ดังนั้นเค้าถึงพยายามรณรงค์ให้คนออกกำลังกาย ควบคู่กับการกินให้พอดีคะ

ความคิดเห็นที่ 17

ผมว่า ปัจจุบันคนให้ความสำคัญกับมื้อเย็นมาก เพราะเป็นมื้ออาหารที่ไม่ต้องรีบร้อนครับ

เช้า รีบกิน รีบไปทำงาน

เที่ยง ก็ต้องรีบกิน ก่อนจะกลับไปทำงาน

สองมื้อนี้นั่งกินแบบชิวๆไม่ได้เลย มื้อเย็นเลยเป็นมื้อที่มีความสุขกันที่สุด

ความคิดเห็นที่ 18

เมื่อก่อนสมัยกิเลสหนา กิน 3 มื้อครบค่ะ พอหันมาปฏิบัติธรรม

ถือศีล 8 กินสองมื้อไม่เกินเที่ยงวันงดกิน ทำมาได้เดือนครึ่งแล้ว

น้ำหนักหายไป 7 กก. เราก็แปลกใจนะ เมื่อก่อนตอนอ้วนๆ

อยากลดแทบตาย ทำยังไงก็ลดไม่ลงซักที พอทีนี้เราปล่อยวาง

ทั้งกายนี้สักแต่เป็นธาตุ 4 ไม่สนใจใยดีความสวยงามแล้ว

กลับน้ำหนักลด ผอมลงเกือบเท่าเดิมแล้ว

และคงจะถือศีล 8 ตลอดไปจนชีวิตจะหาไม่ แต่คาดว่าน้ำหนักคงไม่ลดเกินนี้แล้วนะ

เพราะมันลดไวมาก นับจากนี้ร่างกายมันน่าจะปรับสมดุลได้ว่าเรากินแบบนี้

ถ้าถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายไหม ก็ไม่มีนะคะ เห็นมันปกติ สบายดุทุกอย่าง

ได้เพิ่มคือความสงบใจมาอีกอย่าง ตอนนี้สุขกายสบายใจยิ่งกว่าเก่าด้วยซ้ำ

ความคิดเห็นที่ 19

ถูกแล้วครับ ที่คิดว่ากิน 3 มื้อ เกินความจำเป็น ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน

สมมติเราต้องทำไร่ไถนาทุกวัน เราต้องกินมื้อเช้า เพื่อมีแรงไถนารอบเช้า (ถึงเที่ยงก็หมดแรงแล้ว)

และต้องกินมื้อเที่ยงเพื่อไถนารอบบ่าย (ตกเย็นก็หมดแรงอีกเหมือนกัน)

แต่พอตกเย็น เราไม่ได้ใช้แรงงานแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกินอีก แค่เข้านอนหัววันก็ลืมหิวได้แล้ว

การงดมื้อเย็น ช่วยให้กระเพาะได้พัก ช่วยให้เราหิว

ช่วยให้ร่างกายดึงเอาไขมัน สารอาหารต่างๆ ที่เราสะสมไว้ในร่างกายออกมา

ไขมันที่เราสะสมไว้ก็จะลดลง ร่างกายก็ไม่ต้องแบกน้ำหนักเยอะ ตับไต ก็ทำงานน้อยลง

ก็น่าจะช่วยให้อายุยืนขึ้นนะ

แต่การกิน 2 มื้อ ไม่ควรเป็นกฏตายตัว ถ้าหิวก็กิน 3 -4 มื้อไปเลย (นานๆครั้ง)

เพราะความหิว ถูกสมองสั่งมาอีกที สมองอาจจะรู้ว่าเราขาดสารอาหารก็ได้ เลยบอกให้ไปหาอะไรกิน

ความคิดเห็นที่ 20

เป็นคำถามที่น่าสงสัยเหมือนกันค่ะ เป็นเวลาเราสงสัยอะไรแปลกๆตอนเป็นเด็กๆ เราคิดว่า ที่เราต้องทานสามมื้อ เพราะตื่นมา กระเพาะจะทำงานค่ะ (เคยดูสารคดี อ่านหนังสือนะ ลำไส้ กระเพาะเราจะเริ่มทำงานประมาณ8-9โมงมั้ง (ลองไปหาอ่านดูว่าระบบร่างกายต่างๆจะเริ่มสตาร์ทเมื่อไร) ซึ่งจะทำให้เราหิว พอเราทานอาหารเข้าไป มันก็จะใช้เวลาย่อย1-2ชั่วโมงใช่ไหม หรือน้อยกว่านั้น แล้วร่างกายเราก็จะนำพลังงานมาใช้ เช่นเราทานไป 200 แคลอรี่ ไม่กี่ชั่วโมงมันก็หมด ร่างกายเราต้องการสารอาหาร สั่งงานให้สมองรู้สึกหิว เกินน้ำย่อย อะไรประมาณนี้ จึงกลายเป็นมื้อเช้า กลางวัน เย็นไงคะ ตามระบบร่างกาย พอตอนเย็นๆค่ำๆร่างกายเราก็จะเริ่มพัก ก็เลยไม่หิว แล้วเราไม่ทำงานด้วย นอนก็เลยไม่หิวไง ถ้าถามว่าใครเป็นคนบัญญัติ ไม่มีใครบัญญัติหรอกนะ แค่ตามระบบร่างกายมันเป็นอย่างนั้น แต่บางทีร่างกายมันอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ค่ะ อย่างเช่นตาม คห. ข้างบนบอก เช่น พระ ท่านทานแค่สองมื้อเท่านั้น ขึ้นอยู่กับชีวิตประจำวันของคนและการฝึกฝนค่ะ แต่ถ้าเราเป็นปุถุชนปกติ ก็ควรจะทานให้ครบสามมื้อค่ะ ทานข้าวเช้า (เคยอ่านหนังสือที่บอกว่าข้าวเช้าสำคัญ เพราะช่วงนั้นสมองเรากำลังเริ่มทำงานมั้งคะ ถ้าไม่ได้รับสารอาหารอาจทำให้มึนๆ) ทานข้าวกลางวัน ส่วนข้าวเย็น อาจไม่จำเป็นต้องกิน เพราะเดี๋ยวเราก็พักผ่อนร่างกายไม่ได้ใช้พลังงานอะไรอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่แน่นอนนะคะ อย่างเราทานสามมื้อ เพื่อนเราไม่ชอบทานข้าวเช้าทานข้าวกลางวันมันฉลาดมากเลย

อันนี้เหมือนแค่ตอบหัวข้อคำถามแต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาข้างในเลย เราว่าไม่เกี่ยวมั้งคะ ตามบทความเหมือนเขาพยายามจะสื่อว่าการทานมื้อเย็นที่ถึงตายเพราะทานเข้าไปมากๆ ตอนกลางคืนเราไม่ได้ใช้พลังงานอะไรอยู่แล้ว ทำให้เกิดการสะสมเช่นพวกไขมัน อะไรแบบนี้เสี่ยงต่อสุขภาพร่างกายมากกว่ามั้งคะ แต่สำหรับเราเราว่ามันคงต้องดูที่วิถีชีวิตประจำวันของแต่ละคนด้วยมั้ง เพราะบางคนอาจทำงานหนักมาก อาจใช้พลังงานไปจนหมดในช่วงมื้อกลางวันแล้ว ยังไงก็ต้องทานข้าวเย็นค่ะ แต่ต้องทานให้พอหอมปากหอมคอ ไม่ใช่มื้อเย็นจัดหนัก ทานเหล้าทานเบียร์อีก อย่างนี้เสี่ยงแน่นอน สำหรับเราเราทานครบสามมื้อนะคะ บางวันก็สี่มื้อด้วยซ้ำ แต่เป็นคนทานแต่ข้าวค่ะ ไม่ทานขนม ถ้าตื่นนอนเร็ว หรือทำงานหนัก คือเช่น 7 โมงข้าวเช้า 11 โมง บ่าย 3 6 โมงเย็น ประมาณนั้น แต่กฏหลักของเราคือไม่ทานอาหารหลัง 6 โมงเย็นค่ะ ไม่งั้นมันจะอืดในท้อง ง่วงๆยังไงไม่รู้

สมัยเด็กๆเราเคยไม่ทานข้าวเย็นค่ะ ตอนนั้นอยากดูหนังแคสเปอร์มาก เลยกินข้าวไปไม่กี่คำ รีบไปดู สรุปตื่นเช้ามาอาเจียนเยอะมาก มือสั่น ไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าเกิดจากการที่เราไม่ได้ทานข้าวเย็น คือร่างกายเราไม่มีอะไรสำรองไว้เลย ตอนนั้นผอมมาก สภาพเหมือนเด็กขาดสารอาหาร ก็เลยเป็นแบบนี้

ความคิดเห็นที่ 21

เราเบื่อมากตอนอาศัยอยู่กับญาติ จะบังคับให้เรากินข้าว3มื้อตลอด

ไม่เข้าใจ ทำไมต้องบังคับ เวลาไม่หิวก็บังคับ ไม่กินไม่ได้

ตอนนี้เราอยู่คนเดียว กินเฉพาะเวลาหิว กฎ3มื้ออะไร เราว่ามันไร้สาระนะ ถ้าคนเราไม่หิว แต่กินเพราะว่าต้องกินให้ครบ3มื้อในแต่ละวัน มันจะได้ประโยชน์มั้ยอะ

ความคิดเห็นที่ 22

เคยดูการ์ตูนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นครับ เค้าเล่าว่เมื่อสมัยก่อน โชกุนกินข้าววันละ 2 มื้อ, พ่อค้า-ชาวบ้านกินวันละ 3-4 มื้อ, ชาวนาใช้แรงเยอะกว่าเพื่อน กินวันละ 7 มื้อเลยครับ

สมัยยุคหิน หรือหลังยุคหิน มนุษย์เราเลือกไม่ได้ว่าจะกินตอนไหน เพราะหาได้เมื่อไหร่ก็กิน หิวเมื่อไหร่ก็หา เหมือนสัตว์ ทำให้ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องคนเราต้องนอน 2 ทุ่ม ตื่น 6 โมง สารเสิรอะไรโน่นนี่จะหลั่งกี่โมง ลองคิดดูถ้าตอนนี้ประเทศไทย 2 ทุ่มแล้วผมเปิดประตูโดเรม่อนไปโผล่อเมกา กลายเป็น 8 โมงเช้า ไอ้สารนั่นมันจะรอเข็มนาฬิกาไปหลั่งตอน 2 ทุ่มทีาอเมกา หรือว่าหลั่งตอนนั้นเลยรึเปล่า แล้วสารอะไรนั่นมันรู้ได้ไงว่าสถานที่นั้นกี่โมง