ถ้า นักเรียน จะ ขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ นักเรียน จะ เลือก วิธีการเพาะเมล็ด หรือไม้ จง อธิบาย


  • อุปกรณ์ในการเพาะเมล็ดดอกไม้
  • การเตรียมวัสดุเพาะ
  • การเพาะเมล็ดในถาดเพาะ
  • การกลบเมล็ด
  • ระยะต้นกล้า และการพรางแสง
  • การย้ายปลูกลงกระถาง
  • การเตรียมดินปลูก
  • การให้น้ำ หรือรดน้ำ
  • การให้ปุ๋ย

   อุปกรณ์ในการเพาะเมล็ดดอกไม้

                  ถาดเพาะ  หรือ ตะกร้าเพาะ

                  วัสดุเพาะ

                  เมล็ดพันธุ์ดอกไม้

                  ป้ายชื่อพันธุ์ดอกไม้

                  บัวรดน้ำแบบฝอยละเอียด

   การเตรียมวัสดุเพาะ

                        เทวัสดุเพาะลงในกระบะแล้วผสมน้ำลงไปในวัสดุเพาะ โดยการขุดหลุมบริเวณตรงกลาง และเติมน้ำลงไปทีละน้อย ระวังอย่าให้มากจนเกินไป

                        คลุกเคล้าให้เคล้ากันเพื่อให้ได้ความชื้นพอเหมาะ

                        ทดสอบด้วยการบีบวัสดุเพาะด้วยมือ สังเกตน้ำที่ไหลออกตามอุ้งมือเล็กน้อย หากมากหรือน้อยเกินไปสามารถผสมน้ำหรือวัสดุเพาะเพิ่ม เพื่อให้ความชื้นพอเหมาะ

  การเพาะเมล็ดในถาดเพาะ

                        นำวัสดุเพาะที่เตรียมไว้ บรรจุลงในถาดเพาะให้เต็มทั่วทุกหลุม

                        หลังจากนั้นกระแทกถาดเพาะเบาๆพอประมาณ 1 ครั้งเพื่อให้ดินแน่นขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้มือกดเพราะดินจะแน่นจนเกินไป จะสังเกตเห็นว่าบางหลุมดินยุบลงไป สามารถเติมวัสดุเพาะได้ในหลุมที่ยังไม่เต็ม

                        ใช้มือหรือไม้เกลี่ยหน้าวัสดุเพาะให้เสมอกัน หลังจากนั้นให้หยอดเมล็ดลงถาดเพาะ 1 เมล็ด ต่อ 1 หลุม

   การกลบเมล็ด

                         หลังจากหยอดหรือหว่านเมล็ดแล้ว  สําหรับเมล็ดทีมีขนาดเล็กมาก ส่วนใหญ่จะเพาะในตะกร้า ไม่ควรกลบเมล็ด หรือกลบบางๆ การกลบเมล็ดหนาสําหรับเมล็ดเล็กนัน จะส่งผลต่ออัตราการงอกทีลดลง สำหรับเมล็ดที่มีขนาดใหญ่สามารถกลบเมล็ดได้หนาขึ้น
                         วัสดุที่ใช้กลบเมล็ดแนะนำให้ใช้วัสดุเพาะ หรือขุยมะพร้าวละเอียด ร่อนผ่านตระแกรงลงบนถาดเพาะได้โดยตรง สังเกตว่าบริเวณใดบางให้ร่อนเพื่อกลบซ้ำบริเวณนั้น

    ระยะต้นกล้า และการพรางแสง

  • ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่เพาะเมล็ด – ต้นกล้าเริ่มทยอยงอก และใบเลี้ยงเริ่มแผ่ พรางแสง  80 – 90 % (ความชื้นของวัสดุเพาะควรอยุ่ในระดับสูง)
  • ระยะที่ 2 เริ่มแผ่ใบเลี้ยง – ใบเลี้ยงแผ่เต็ม พรางแสง  50 % 
  • ระยะที่ 3 ใบเลี้ยงแผ่เต็ม – ใบจริงคู่แรกเริ่มแทง พรางแสง 20 –  25 % 
  • ระยะที่ 4 ใบจริงคู่แรกเริ่มแทง – มีใบจริง 2 คู่ขึ้นไป พร้อมย้ายปลูก ไม่พรางแสง

   การย้ายปลูกต้นกล้าลงกระถาง
                        หลังจาก การเพาะเมล็ดไปแล้วประมาณ 40-45 วัน ควรรีบย้ายปลูกทันทีเมื่อรากเจริญเติบโตเต็มถาดหลุม เพื่อให้ได้คุณภาพต้นกล้าที่สมบูรณ์ สังเกตได้จากเมื่อดึงต้นรากจะไม่ขาด

                        หลักการปฏิบัติในการย้ายปลูก

                                     1. ย้ายต้นกล้าในตอนที่แดดอ่อน หรือในร่ม

                                    2. เตรียมแปลงปลูกอย่างดี รดน้ำแปลงให้ดินชื้นก่อนการย้ายปลูก ก่อนย้ายต้นกล้าให้รดน้ำต้นกล้าให้ชุ่มก่อนทำการย้ายปลูก ดึงต้นกล้าเบาๆหรือใช้ใช้แหนบคีบพร้อมดินหุ้มรากไปให้มากๆ เพื่อรากจะได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด

                                    3. ปลูกในหลุมที่กว้างพอกับดินที่หุ้มรากมา และควรปลูกให้ใบจริงอยู่ใกล้กับระดับดินมากที่สุด เพื่อที่เวลารดน้ำต้นกล้าจะไม่หักล้มง่าย และแก้ปัญหาต้นกล้ายืด

                                    4. รดน้ำให้ชุ่มโดยใช้บัวรดแบบฝอยละเอียด เพราะระยะนี้ต้นกล้าจะยังไม่แข็งแรง ไม่ควรใช้สายยาง หรือบัวรดน้ำรูใหญ่ เพราะจะทำให้ต้นกล้าช้ำเสียหายได้

   การเตรียมดินปลูกสำหรับบรรจุลงกระถาง
                      การเตรียมดินปลูกต้องพิถีพิถันพอสมควร เพราะไม้ดอกส่วนใหญ่มีอายุการออกดอกสั้น โดยเฉพาะไม้ดอกที่ไวต่อแสงจะออกดอกทันทีเมื่อครบอายุ และต้นสมบูรณ์  ดินปลูกต้องเป็นดินโปร่ง ร่วนซุย มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำดี ในขณะเดียวกันอุ้มความชื้นได้ดีพอสมควร มีความเป็นกรดเล็กน้อย มี pH ประมาณ 6.5 – 7 ส่วนผสมของดินปลูกควรหาง่ายในท้องถิ่น สำหรับดินผสม 1 ลูกบาศก์เมตร ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร  15 – 15 – 15  จำนวน 0.5 กิโลกรัม และสูตร 0 – 46 – 0 จำนวน 1 กิโลกรัม ผสมกันตามสัดส่วน  

สูตรที่ 1 ส่วนประกอบดินผสมโดยทั่วไป ได้แก่ ดินร่วน ปุ๋ยหมัก แกลบดิบ แกลบเผา ขุยมะพร้าว อัตราส่วน  1 : 1 : 2 : 2 : 2

สูตรที่ 2 ส่วนประกอบดินผสมโดยทั่วไป ได้แก่ แกลบดิบ ขุยมะพร้าว ดิน อัตราส่วน 3 : 5 : 2

สูตรที่ 3 ขุยมะพร้าว ทรายหยาบ + โดโลไมท์  อัตราส่วน 3 : 1 +โดโลไมท์ อัตราส่วนผสมรวมกัน 240 ลิตร (ขุยมะพร้าว 180 ลิตร + ทรายหยาบ 60 ลิตร ใช้โดโลไมท์ 0.5 กก.)

** ทั้งนี้สามารถดัดแปลงสูตรได้ตามความเหมาะสม ตามประสบการณ์ หรือคู่มืออื่นๆ

  ดินปลูกสำหรับปลูกลงแปลง
                   ไถพรวน และพลิกหน้าดินตากไว้ประมาณ 7 – 10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืช หลังจากนั้นให้ทำการไถคราดเพื่อกำจัดวัชพืชออกให้หมด และทำให้ดินร่วนซุย ให้รากพืชเดินได้สะดวกเหมาะสำหรับการปลูก ถ้าดินมีปัญหาโดยมีค่าความเป็น กรด-ด่าง น้อยกว่า 6. 5 ควรเติมปูนขาวเพื่อปรับสภาพ pH ของดิน อัตรา 100 – 300 กก./ไร่ ในขณะใส่ปูนขาวดินควรมีความชื้นเพื่อให้ปูนทำปฏิกิริยากับดินได้ดียิ่งขึ้น และปล่อยทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ ผสมปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 รองพื้น ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และเพิ่มแร่ธาตุในดิน

    การให้น้ำ หรือรดน้ำ
                    การให้น้ำ ควรรดน้ำทุกวันในตอนเช้าหรือเย็น หากรดน้ำในเวลาเย็นควรให้น้ำที่ค้างอยู่บนใบแห้งก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และเมื่อมีดอกบาน อย่ารดน้ำให้ถูกดอกเพราะอาจทำให้ดอกช้ำหรือเน่าได้ การให้น้ำควรให้สภาพดินชุ่มสลับแห้ง ไม่ควรให้ชุ่มตลอดเวลา เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรครากเน่า โคนเน่า และทำให้ระบบรากไม่พัฒนา ส่งผลให้ต้นแคระแกร็น ไม่สมบูรณ์  สามารถสังเกตสีของดินหรือวัสดุเพาะ หากมีสีดำหรือน้ำตาลเข้ม แสดงว่าดินยังชุ่มหรือมีน้ำอยู่ เมื่อดินเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลอ่อน แห้งแข็ง แสดงว่าดินขาดน้ำ

   การให้ปุ๋ย
                  ปุ๋ยสูตรน้ำ ระยะที่ 1เสริมสร้างการเจริญเติบโตของราก ลำต้นและใบ หลังจากย้ายกล้าแล้วประมาณ 7 วัน  ให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูง เช่น สูตร  15 – 0 – 0 หรือ 25 – 7 – 7 ในอัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 5 – 7 วัน ประมาณ 2 – 3 ครั้ง

                 ปุ๋ยสูตรน้ำ ระยะที่ 2 ช่วงการเจริญเติบโตถึงระยะสังเกตเห็นตุ่มดอก ให้ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15  อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน จนกระทั่งดอกเริ่มบาน

                 ปุ๋ยสูตรน้ำ ระยะที่ 3 เมื่อดอกเริ่มบาน ให้ปุ๋ยสูตร ให้ปุ๋ยสูตร 8 – 24 – 24 หรือ 13 – 13 – 21 อัตรา 75 กรัม หรือ 5 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 20 ลิตร รดทุกๆ 3 วัน ต่อเนื่องตลอดอายุการให้ดอก

                 ปุ๋ยเม็ด สามารถให้เหมือนสูตรน้ำ ระยะที่ 1 – 3  อัตรา 10 กรัม/ต้น ทุกๆ 7 วัน โดยฝังลงในดินหรือใช้ดินกลบ
                ข้อควรระวัง  การให้ปุ๋ยเม็ดระวังอย่าให้โดนโคนต้นเพราะอาจทำให้เน่าและไหม้ได้ ควรฝังลงดินหรือใช้ดินกลบ การให้ปุ๋ยน้ำ อาจสัมผัสโดนใบและทำให้ใบไหม้ได้ ดังนั้นเมื่อรดปุ๋ยแล้วให้รดน้ำเพื่อล้างใบตาม

                                      หากไม่สามารถหาปุ๋ยได้ตามสูตร สามารถใช้ปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ  แต่การเจริญเติมโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ หรือสำหรับบางท่านที่ไม่สะดวกในการให้ปุ๋ยบ่อยครั้ง สามารถใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร 14 – 14 – 14 แนะนำเป็นตัว เนเจอร์ โค้ท สามารถปลดปล่อยธาตุอาหารพืช ได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ นานถึง 3 เดือน แต่จะไม่ดีเท่าการให้ปุ๋ยตามระยะ

ไม้ดอกไม้ประดับชนิดใดสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด

1) ไม้ดอกที่มีเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่ คือ มีจำนวนเมล็ดเป็นร้อยถึงพันเมล็ดใน 1 กรัม มักเพาะและย้ายกล้าได้ง่าย เนื่องจากภายในเมล็ดมีอาหารสะสมอยู่มาก ต้นกล้าที่งอกขึ้นมาจะมีขนาดใหญ่ ได้แก่ ดาวเรือง บานชื่น ผีเสื้อ รักเร่ ทานตะวัน ดาวกระจาย เป็นต้น

การขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเมล็ดมีข้อดีอย่างไร

ประโยชน์ของการขยายพันธุ์พืชด้วยเมล็ด ๑. สามารถขยายพันธุ์ได้เป็นจำนวนมาก ๒. ทำให้ลำต้น รากมีความแข็งแรง ๓. ขยายพันธุ์ง่าย สะดวกรวดเร็ว ๔. ได้ต้นพันธุ์ที่เหมือนกับต้นแม่พันธุ์ ๕. สามารถรวมพืชมากกว่าหนึ่งลักษณะไว้ในต้นเดียวกัน ๖. ควบคุมการเจริญเติบโต

การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศมีวิธีการใดบ้าง

การขยายพันธุ์พืช แบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ การขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศ ได้แก่ การขยายพันธุ์โดย การใช้เมล็ด และการขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ได้แก่ การขยายพันธุ์โดยการใช้ส่วนต่าง ๆ ของต้นพืช เช่น การปักช า การตอนกิ่ง การติดตา การต่อกิ่ง รวมถึง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

การขยายพันธุ์ไม้มีอะไรบ้าง

การขยายพันธุ์ไม้ผล.
การปักชำ.
การติดตาต่อกิ่ง.
การทาบกิ่ง.
การทับกิ่งและตอนกิ่ง.
การใช้หน่อ เหง้า และไหล.