ไอ เดีย ที่สามารถ จะ พัฒนา นวัตกรรม การขนส่ง

ไอ เดีย ที่สามารถ จะ พัฒนา นวัตกรรม การขนส่ง

จากบทความที่ผ่านมา เราคงได้เห็นการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของ“Amazon” โดยการ “Synchronize”  ทรัพยากรต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ คำแรกที่ผุดขึ้นมาในใจ เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ Amazon กำลังดำเนินธุรกิจในทุกวันนี้คงหนีไม่พ้นคำว่า “นวัตกรรม” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงการเริ่มต้นในธุรกิจใหม่ๆและการวิ่งหนีจากคู่แข่ง แน่นอน Amazon คิดค้นแนวคิดและกลยุทธ์ทางธุรกิจจากการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ากับเศรษฐศาสตร์ทั้งระดับมหภาคและจุลภาคอย่างลงตัวและทันเวลา และบางอย่างถูกพัฒนาได้ดียิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

ทุกวันนี้ Amazon ได้ชื่อว่าเป็น “Top e-retailer” ระดับโลกเมื่อนึกถึงสิ่งที่ Amazon ได้นำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตน ไม่ว่าจะเป็น “การขนส่งด้วย Drone”  “การใช้หุ่นยนต์ร่วมกับมนุษย์ในการบริหารจัดการคลังสินค้า” “กลยุทธ์และการดำเนินการของ Fulfillment Center” และ การใช้ศักยภาพทางเทคโนโลยีด้วยการให้บริการ “Cloud Computing” ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังจะเติบโตอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้ จึงกล่าวได้ว่า Amazon เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างแท้จริง แล้วความลับของ Amazon อยู่ที่ไหน??

อย่างที่เรารู้ “ความเป็นผู้นำ” ของหัวเรือใหญ่สามารถทำให้องค์กรมีนวัตกรรมเกิดขึ้นอย่างหลากหลายและแตกต่างประธานบริษัทอย่าง “Jeff Bezos” ได้ทำให้ดูเป็นแบบอย่างแล้วตั้งแต่เริ่มเข้ามาบริหารจัดการ Amazon  เช่น การกำหนดภาพที่ชัดเจนของการจัดการด้านโลจิสติกส์ในการรับคำสั่งซื้อของลูกค้าและการบรรจุหีบห่อสินค้าในแต่ละวัน เป็นต้น แต่การที่แต่ละองค์กรจะมีผู้นำที่เหมือน “Jeff Bezos” ไม่ได้หาได้ง่ายๆตามตลาดแรงงานทั่วไป ก่อนที่จะเริ่มกำหนด/จัดการโครงสร้างองค์กรที่สนับสนุนการมีนวัตกรรมนั้น สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ การเข้าใจใน “ปรัชญาและจิตวิทยา” ที่อยู่เบื้องหลังหลักการพัฒนาเหล่านั้น  เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการกระทำที่มีประสิทธิภาพได้ และ Amazon ได้เข้าใจในจุดนี้อย่างแท้จริง

สิ่งที่สำคัญของการมีนวัตกรรมนั่นก็คือ การสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่เคยมีมาก่อน (ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการ/สินค้า) และสิ่งนั้นจะต้องทำให้เกิด “มูลค่าเพิ่ม (Additional Value)” แก่ผู้รับทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งนวัตกรรมมีหลายประเภท เช่น  Game Changing Innovation เป็นนวัตกรรมที่มีผลกระทบมากกกับวิธีการ/การดำเนินชีวิตของมนุษย์ ความคิด และความรู้สึกในทางใดทางหนึ่ง; อินเตอร์เน็ท Amazon.com  Toyota Prius/Tesla;  Enhancement Innovation นวัตกรรมที่การปรับเปลี่ยน/เพิ่มประสิทธิภาพของคุณลักษณะที่มีอยู่; สมรรถนะที่เพิ่มขึ้นของ iPhone/MS Window/Oracle แต่ละรุ่น; ฯลฯ สำหรับ “Fulfillment Center” ของ Amazon นั้นเกิดจากการผสมผสานนวัตกรรมหลายๆประเภทเข้าด้วยกัน กล่าวคือ นวัตกรรม Cloud Computing นวัตกรรมการออกแบบและปฏิบัติงานด้วยหุ่นยนต์ นวัตกรรมด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ และนวัตกรรมด้านแนวคิดของการขายส่งและขายปลีก นั่นเอง ยิ่งมูลค่าของสิ่งใหม่นั่นมากขึ้นเท่าใด ยิ่งเรียกได้ว่ามีนวัตกรรมมากขึ้นเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น รอบตัวเราในทุกวันนี้ได้มีนวัตกรรมเกิดขึ้นมากมาย เพียงแต่เราไม่ได้ตระหนักถึงมันอย่างแท้จริง จนมีผู้กล่าวว่า “หุ่นยนต์อยู่รอบตัวเรา (Robotic is all around)” สิ่งที่ทำให้น่าตระหนกตกใจ ก็คือ การพยากรณ์ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า“Service Robots” จะถูกจำหน่ายแพร่กระจายไปกว่า 35 ล้านตัว เพื่อทำงานแทนมนุษย์ในหน้าที่ต่างๆ ซึ่ง Amazon จะเป็นผู้นำในการใช้หุ่นยนต์ในธุรกิจค้าปลีกอีกด้วย หลังจากที่ Amazon ได้เปิดเผยถึงการใช้ “Kiva Robot” จำนวน 30,000 ตัวทำงานร่วมกับมนุษย์ใน 13 Fulfillment Center ของตน ยิ่งตอกย้ำและดึงความสนใจการนำหุ่นยนต์มาใช้ในงานการผลิต การจัดการคลังสินค้า และการกระจายสินค้าในห่วงโซ่อุปทาน ถึงขนาดที่ว่า Amazon ได้ลงทุนไปกว่า 775 ล้านเหรียญในปี 2012 เพื่อจัดตั้ง Amazon Robotics เป็นของตัวเอง  หรืออีกตัวอย่างหนึ่งของการใช้หุ่นยนต์ในงานทางด้าน Supply Chain ก็คือ Fetch Robotics, Silicon Valley, หุ่นยนต์มือถือ หรือ “Fetch” ที่สามารถเดินทางไปรอบคลังสินค้าเพื่อรวบรวมสินค้าและนำมันกลับมาที่โต๊ะ ซึ่ง Fetch ทำงานร่วมกับ “Freight Robot” ที่ใช้ขนส่งภายในคลัง ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเติมเต็มคำสั่งซื้อของลูกค้าเพื่อจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยทั้งคู่จะทำงานอิสระจากกันอย่างชัดเจน

เหมือนที่ Jack Ma ประธานบริษัท Alibaba Group ได้คาดการณ์ไว้ว่า “หุ่นยนต์กำลังเข้ามามีบทบาทในรถยนต์ เครื่องจักร และเครื่องบิน”  และประธานบริษัทอินเทอร์เน็ทของจีนท่านหนึ่งกล่าวว่า  “หุ่นยนต์จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วย”ซึ่งมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เมื่อได้มีสหายหุ่นยนต์ของมนุษย์( Buddy Robotic) เกิดขึ้นมา, Jibo (โดยบริษัท Blue Frog Robotics) หุ่นยนต์ที่สามารถภาพถ่ายและเล่นวิดีโอได้ และยังทำงานหลายอย่างแบบเล็กๆน้อยๆพร้อมกันได้ เช่น ช่วยใช้เครื่องมือในการสอน/นำเสนองาน เป็นต้น  “หุ่นยนต์สังคมมนุษย์” นี้กำลังเป็นที่จับตามองเพราะมันจะเข้ามาทดแทนเครื่องมือใหญ่ๆหรือเครื่องมือเฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทั้งหมดนั่นเอง

ในงานจัดแสดงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีระดับสากลอย่าง “Robotics Marketplace Consumer Electronics Show 2016” ที่ผ่านมายิ่งทำให้ทั้งโลกได้ประจักษ์ว่า หุ่นยนต์กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น Pepper หุ่นยนต์ขนาด 4 ฟุตที่สามารถแสดงอารมณ์ต่างๆที่ถูกจำหน่ายถึง 1,000 ตัวต่อเดือนภายในนาทีแรกที่มันถูกนำเสนอเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา, Winbot หุ่นยนต์ทำความสะอาดกระจก  Deebot หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้น และ Atbobot หุ่นยนต์ฟอกอากาศ ที่ผลิตโดยบริษัท Ecovas Robotics ที่คาดการณ์ว่าจะถูกจำหน่ายถึง 2.5 พันล้าน     เหรียญดอลล่าร์ในปี 2020 อย่างแน่นอน

The International Robotics Federation (IFR) ได้กล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หุ่นยนต์ถูกใช้อย่างแพร่หลาย  โดย 5 ประเทศหลักที่เป็น 70% ของตลาดที่ซัพพลายหุ่นยนต์ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลี และเยอรมัน ในปี 2018 การขาย “Service Robots” ภายในประเทศจะสูงถึง 35 ล้านตัว ซึ่งจีนจะกินสัดส่วนถึงหนึ่งในสามของตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลก และอันดับหนึ่งจะเป็น หุ่นยนต์ที่ช่วยเหลือผู้สูงอายุ/ผู้พิการ รองลงมาเป็น หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้น/ตัดหญ้า และหุ่นยนต์เพื่อความบันเทิงต่างๆเป็นลำดับรองลงมา

อย่างไรก็ดี หุ่นยนต์ทั้งหมดที่กล่าวมา เกิดจากการรังสรรด้วยความคิด ด้วยนวัตกรรมจากสมองของมนุษย์ทั้งสิ้น และรูปแบบการเป็นผู้นำ (Leadership style) ของหัวเรือใหญ่ขององค์กร ก็เป็นหนึ่งใน ปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Crucial Success Factor) ขององค์กรแห่งนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ ร่วมกับ นโยบายองค์กร โครงสร้างองค์กร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งความเป็นผู้นำนั้นมีหลายประเภททั้ง “Implementor” (ผู้ใช้งาน/Conservative) กับ “Maker” (Innovation/Progressive) ผลลัพธ์ของท่านผู้นำก็จะแตกต่างกันตามวิถีการบริหารงาน แต่วิธีที่เหล่าท่านผู้นำทั้งหลายได้ลองทำและประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งก็คือ “Free flow of idea” และ “Trial and Error” จนตกผลึกเป็นนวัตกรรมขององค์กร ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างของ Amazon ที่ ณ ตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า เป็นผู้นำนวัตกรรมทางด้านโลจิสติกส์ระดับสากลเลยทีเดียว

เรียบเรียงโดย  BLOG.SCGLogistics

อ้างอิงและรูปภาพ  cta.tech,ecovacsrobotic.com,psychologytoday.com,technologyreview.com, ecolededemain.wordpress.com