ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

หลังจากที่อัปเดต iOS 14 หลายคนอาจจะพบปัญหาแบตเตอรี่ iPhone หมดไวหรือใช้งานได้ไม่ไหลลื่น ทีมงานได้รวมวิธีการตั้งค่าที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ iPhone ให้ใช้ได้ยาวนานมากขึ้นมาแนะนำให้ชมกันค่ะ

Show

1. ตรวจสอบ Battery Life

สิ่งสำคัญในการประหยัดแบตเตอรี่อย่างแรกคือต้องตรวจสอบก่อนว่าแอปใดใช้แบตเตอรี่เยอะ เมื่อทราบแล้วเราก็สามารถตั้งค่าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องใน iOS 14 กันได้เลย

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แบตเตอรี่ (Battery) > เลื่อนดูส่วนการใช้านแบตเตอรี่ของแอป (Battery Usage) > แตะที่ชื่อแอป จะแสดงการใช้งานแบตเตอรี่ว่าใช้แอปไหนเยอะมากที่สุด และแต่ละแอปใช้ไปเท่าไหร่

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

จากนั้นให้เช็คสุขภาพของแบตเตอรี่ด้วยว่าความจุสูงสุดต่ำกว่า 80% หรือไม่ หากต่ำกว่า 80% อาจจะส่งผลต่อการใช้งานได้ ทำให้ชั่วโมงการใช้งานน้อยลงหลังจากที่ชาร์จเต็มแล้ว แนะนำให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

2. ปิด Background App Refresh

Background App Refresh เป็นการทำงานเบื้องหลังถึงแม้ว่าเราจะปิดแอปไปแล้ว ซึ่งใช้ทรัพยากรอย่างหน่วยความจำและแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าให้เลือกปิดแอปที่ไม่ค่อยได้ใช้และเลือกเปิดเฉพาะแอปที่ต้องการให้อัปเดตเท่านั้น เช่น Facebook, Line, Line@, อีเมล เป็นต้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการให้มีการทำงานเบื้องหลัง

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

หรือจะปิด Background App Refresh ทั้งหมดก็ได้ ถ้าไม่ต้องติดตามข้อมูลจากแอปบ่อย ๆ

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > แตะ ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง (Background App Refresh) > แตะ ดึงข้อมูลแอปจากเบื้องหลัง (Background App Refresh) > เลือก ปิด (หรือจะเลือกเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ก็ได้ หากต้องการดึงข้อมูลเมื่อใช้งาน Wi-Fi)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

3. ปิด Cellular เมื่อใช้ Wi-Fi

การเลือกเปิดเฉพาะ Wi-Fi จะทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น ถ้าหากกลัวว่าจะลืมเปิด Cellular หรือ 3G, 4G เมื่อไม่ได้อยู่ในระยะที่มี Wi-Fi ก็สามารถตั้งค่าเปิด Cellular ในบางแอปที่เราต้องการติดตามตลอดเวลาได้

เปิด Control Center > แตะ ปิดไอคอน Cellular

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

4. ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่ได้ใช้งาน

หากไม่ใช้การเชื่อมต่อใดๆ ใน Control Center เช่น เวลานอนเราไม่ได้ใช้งานการเชื่อมต่อก็ปิด Wi-Fi, Bluetooth, AirDrop หรือ Hotspot ไว้ เพื่อไม่ให้มีการใช้งานพลังแบตเตอรี่โดยเปล่าประโยชน์

เปิด Control Center > แตะในส่วนการเชื่อมต่อ > ปิดไอคอนการเชื่อมต่อที่ไม่ได้ใช้งาน

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

5. เปิด Wi-Fi Assist

เมื่อสัญญาณ Wi-Fi อ่อนมากหรือสัญญาณไม่ดี Wi-Fi Assist จะทำหน้าที่เปลี่ยนการใช้งานจาก Wi-Fi ไปใช้ 4G (Cellular) แทน เครื่องของเราก็จะไม่พยายามเชื่อมต่อ Wi-Fi หลายๆ รอบ ซึ่งกินแบตค่อนข้างมาก

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะเซลลูลาร์ (Cellular) > เลื่อนลงมาเลือกแตะเปิด ช่วยเหลือ Wi-Fi (Wi-Fi Assist)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

6. ปิด Widgets ที่ไม่ได้ใช้

บาง Widgets เรียกใช้ Location Service เช่น พยากรณ์อากาศ, แผนที่การเดินทาง เป็นต้น ซึ่งใช้แบตเตอร์ค่อนข้างมาก ดังนั้นการเลือกปิด Widgets บางอันที่ไม่จำเป็น เพื่อไม่ให้มาแสดงในหน้า Lock Screen จะช่วยให้ประหยัดแบตได้มากขึ้น

แตะหน้าโฮมค้างไว้ 2-3 วินาที > แตะไอคอนลบวิดเจ็ตที่ไม่ได้ใช้งาน

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

หรือถ้าต้องการปิดวิดเจ็ตอื่น ๆ ให้เลื่อนลงมาด้านล่าง แล้วถลบในส่วนของกำหนดเองได้

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

7. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน

Low Power Mode ยังคงเป็นฟีเจอร์ที่ดีสุดในการยืดอายุแบตเตอรี่ เพราะโหมดประหยัดพลังงานจะช่วยลดการทำงานบางอย่างที่เราไม่สามารถไปปิดหรือควบคุมเองได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะแบตเตอรี่ (Battery) > เปิด โหมดพลังงานต่ำ (Low Power Mode)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

สามารถตั้งค่าให้มีเมนูโหมดประหยัดพลังงานใน Control Center ได้ ซึ่งเปิด-ปิดใน Control Center ได้เลย

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

8. คว่ำหน้า iPhone ลง เพื่อไม่ให้แสดงการแจ้งเตือน

เวลาทำงานหรือไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ก็สามารถการวาง iPhone แบบคว่ำหน้าแนบลงกับพื้นวางจะช่วยปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เด้งขึ้นมา แสดงว่าหน้าจอการแสดงผลก็ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะมาก เป็นวิธีการประหยัดแบตเตอรี่ที่ง่ายที่สุด

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

ภาพจาก pixabay

9. ปิดโหมด “หวัดดี Siri”

การเปิดใช้ “หวัดดี Siri” เครื่องจะต้องคอยฟังและตอบสนองอยู่ตลอดเวลา หากเราไม่จำเป็นต้องใช้ Siri ก็ให้ปิด “หวัดดี Siri” แล้วเลือกใช้การเปิดกดปุ่ม Home ค้างเพื่อเรียก Siri แทน

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Siri และการค้นหา (Siri & Search) > เลือกปิด ฟัง “หวัดดี Siri” (Listen for “หวัดดี Siri”)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

10. ปิดคำแนะนำ Siri

หากเราเปิดคำแนะนำ Siri ไว้ Siri จะต้องทราบว่าเราใช้อะไรบ่อย ซึ่งก็ต้องติดตามการใช้งานของผู้ใช้ตลอดเวลา แน่นอนว่าต้องใช้พลังแบตเตอรี่ในการใช้งานทำงาน หากเราไม่ต้องการคำแนะนำจาก Siri ก็สามารถปิดใช้งานได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Siri และการค้นหา (Siri & Search) > ปิด คำแนะนำบนหน้าจอล็อค และคำแนะนำบนหน้าโฮม (เลือกตั้งค่าให้เหมาะสมตามการใช้งาน)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

11. เปิดลดการเคลื่อนไหว

การเปิดลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion) จะช่วยลดเอฟเฟ็คต์การเคลื่อนไหวบนหน้าจอ จึงช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้ดี เพราะการเคลื่อนไหวใน iPhone มีลูกเล่นหลายรูปแบบจึงทำให้เปลืองแบตเตอรี่ ถ้าเปิด Reduce Motion แล้วความ Smooth ในการเปิด-ปิดแอปและการเลื่อนต่างๆ จะน้อยลง

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > การเคลื่อนไหว (Motion) > เปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

12. เปิด Auto-Brightness

การเปิด Auto-Brightness (ปรับความสว่างอัตโนมัติ) ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ เพราะเซ็นเซอร์วัดแสงจะทำการปรับแสงของหน้าจอเพิ่มขึ้นและลดลงตามสภาพแวดล้อมของเราให้เหมาะสม ทำให้อุปกรณ์ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่สูงตลอดเวลา

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) > จอภาพและขนาดข้อความ > เปิด ปรับความสว่างอัตโนมัติ (Auto-Brightness)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

13. เปิดโหมดมืด (Dark Mode)

โหมดมืด (Dark Mode) เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถปรับธีมการใช้งานให้เป็นโทนสีดำ จะช่วยให้การใช้งานในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยสะดวกมากขึ้น และช่วยประหยัดแบตใน iPhone ที่มีหน้าจอเป็น OLED อย่าง iPhone X, XS, XS Max, 11 Pro, 11 Pro Max สามารถเปิดปิดได้หลายวิธีดังนี้

ไปที่การตั้งค่า (Settings) > จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > แตะเลือก มืด (Dark)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

ถ้าต้องการให้มีการเปิดปิดโหมดมืดแบบอัตโนมัติก็สามารถแตะเลือกเปิด อัตโนมัติ ได้เลย จากนั้นก็ตั้งเวลาหรือจะเลือกการเปิดโหมดมืดจนถึงดวอาทิตย์ขึ้นก็ได้

หรือจะเปิดปิดโหมดมืดในส่วน Control Center ได้อีกด้วย โดยการแตะค้างที่ส่วนปรับความสว่างของหน้าจอ และเลือกไอคอนโหมดมืด หรือถ้าตั้งให้โหมดมืดเป็นหนึ่งเมนูใน Control Center ก็สามารถแตะ เพื่อเปิดปิดได้เลย

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

14. ปิดยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to Wake)

Raise to Wake เป็นคุณสมบัติที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ในการดูการแจ้งเตือน เพียงแค่ยกเครื่องขึ้นมา แต่การยกขึ้นมาดูบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่หมดไวเช่นกัน หากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปิดยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to wake) มาใช้การกดปุ่ม Power หรือปุ่ม Home แทนเมื่อต้องการดูหน้าจอ

ไปที่ การตั้งค่า (Settings)> จอภาพและความสว่าง (Display & Brightness) > ปิด ยกขึ้นเพื่อปลุก (Raise to Wake)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

15. ปิดการแจ้งเตือนในบางแอป

สำหรับบางแอปที่เราไม่สนใจหรือไม่ต้องการให้มีการแจ้งเตือนเมื่อมีข่าวสารใหม่ๆ ก็สามารถเลือกปิดการแจ้งเตือนไว้ นอกจากจะประหยัดแบตเตอรี่แล้วยังช่วยลดการรบกวนอีกด้วย แต่บางแอปที่เราต้องการติดตามความเคลื่อนไหว (แอปพวก Social) ก็เปิดการแจ้งเตือนทิ้งไว้ปกติ

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > การแจ้งเตือน (Notifications) > เลือกแอปที่ต้องการปิดการแจ้งเตือน > ปิด อนุญาตการแจ้งเตือน (Allow Notifications)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

16. ปิด iCloud ในแอปที่ไม่จำเป็น

หากใช้อุปกรณ์ iOS เพียงเครื่องเดียวก็ไม่จำเป็นจะต้องเก็บข้อมูลของบางแอปไปเก็บ iCloud เพราะการอัปโหลดข้อมูลไป iCloud นั้นทำให้แบตเตอรี่หมดไว และแนะนำว่าให้เปิดการเก็บข้อมูลบน iCloud สำหรับข้อมูลที่สำคัญ เช่น รูปภาพ การสำรองข้อมูล สุขภาพ เตือนความจำ เป็นต้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > แตะ Apple ID > iCloud > เลือกปิดแอปที่ไม่ต้องการเก็บข้อมูลใน iCloud

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

17. ตั้งค่าความถี่ในการเรียกข้อมูล (Fetch New Data)

การเรียกข้อมูลอีเมลแบบ Real time จะทำให้แบตเตอรี่ของเราหมดไวขึ้น เพราะว่าอุปกรณ์จะมีการเรียกข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สามารถตั้งค่าให้เรียกข้อมูลไม่ถี่ได้ดังนี้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > เมล (Mail) > บัญชี (Accounts) > ดึงข้อมูลใหม่ (Fetch New Data)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

เลือก ทุกชั่วโมง

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

18. ปิดการแชร์ข้อมูล Analytic

การแชร์ข้อมูล Analytic จะส่งข้อมูลวิเคราะห์อุปกรณ์ทั้ง iPhone และ Apple Watch ของเราให้ Apple อัตโนมัติ เพื่อไปพัฒนาและปรับปรุง iOS ในอนาคตให้ดีขึ้น (จริงๆ ควรเปิดไว้) แต่การส่งข้อมูลมักใช้แบตเตอรี่มากอยู่พอสมควร ใครที่ไม่ได้ใช้งาน Apple Watch ก็สามารถปิดได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การวิเคราะห์และการปรับปรุง > ปิด การแชร์วิเคราะห์ iPhone และ Watch

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

19. ตั้งค่าการอนุญาตเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งบางแอป

ใน iOS 14 บางแอปจะมีตัวเลือกให้อนุญาตการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งได้ตลอดเวลา เราสามารถตั้งค่าให้เข้าถึงระหว่างใช้งานแอปได้ เพื่อให้การเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งทำงานเมื่อเข้าแอปเท่านั้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services) > แตะแอปที่ต้องการ

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

แตะเลือก ในระหว่างใช้แอป (While Using App) หรือจะเลือกเป็นถามครั้งถัดไป เพื่อให้เราอนุญาตเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งตอนเข้าแอปเท่านั้น หรืออาจจะเลือกไม่เลย หากไม่อยากให้เข้าถึงตำแหน่งที่ตั้ง

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

20. ตั้งค่า System Service

การตั้งค่า System Service ใน Location Services ให้ใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็น แนะนนำให้เลือกเปิดไว้เฉพาะที่ต้องใช้งานเท่านั้น

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services) > เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วแตะ บริการของระบบ (System Services)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

เลือกปิดบริการระบบที่ไม่จำเป็นต้องใช้งาน เช่น การแจ้งเตือนตามตำแหน่งที่ตั้ง คำแนะนำตำแหน่งที่ตั้ง เป็นต้น (โดยขึ้นอยู่กับความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

21. ปิด Fitness Tracking

Fitness Tracking จะติดตามการออกกำลังกายในแต่ละวันของเรา แต่ก็ในการติดตามนั้นก็มาพร้อมกับการใช้แบตเตอรี่ ถ้าหากเราไม่ต้องการให้ Fitness Tracking ติดตามการเคลื่อนไหวของเราตลอดทั้งวันก็สามารถปิดฟังก์ชันนี้ได้

แต่ใครที่ใช้คู่กับ Apple Watch ไม่ควรปิดการติดตามฟิตเนส ให้เปิดไว้ เพื่อให้ Apple Watch สามารถติดตามการออกกับกายและบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวได้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ความเป็นส่วนตัว (Privacy) > การเคลื่อนไหวและฟิตเนส (Motion & Fitness) > ปิด การติดตามฟิตเนส (Fitness Tracking)

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

22. ปิด Hand Off

หากเราไม่ได้เชื่อมต่อ iCloud หรืออยู่ใกล้อุปกรณ์ของ Apple อย่าง Mac ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดใช้ฟีเจอร์นี้

ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > ทั่วไป (General) > AirPlay และ Handoff > ปิด Handoff

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

23. ปิดการดาวน์โหลดและอัปเดตอัตโนมัติใน App Store

ถ้าหากเราเปิดการดาวน์โหลดและอัปเดตอัตโนมัติใน App Store ใน iPhone แน่นอนว่าอุปกรณ์อื่นๆ ของเราก็จะดาวน์โหลดแอปนั้นด้วยเช่นกัน (เช่น iPad, iPod touch) ทำให้อัุปกรณ์เปลืองแบตไปด้วยทั้งๆ ที่อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ดังนั้นควรจะดาวน์โหลดและอัปเดตด้วยตนเองจะดีกว่าเพราะเราสามารถควบคุมและตรวจสอบได้

การตั้งค่า (Settings) > App Store > ปิด รายการดาวน์โหลดอัตโนมัติทั้งหมด

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

25. เปิด Airplane Mode เมื่ออยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณมือถือ

ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องทำการค้นหาสัญญาณและเชื่อมต่อกับสัญญาณแบบนั้นยิ่งทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วมากขึ้นมากๆ ดังนั้นเมื่อหากไม่มีความจำเป็นในช่วงนั้นก็ให้เปิดโหมดเครื่องบินเอาไว้แทน เพื่อระงับการเชื่อมต่ออื่นๆ และการชาร์จพร้อมกับเปิดโหมดเครื่องบินยังช่วยทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ทํา ไม่ ไอ โฟน แบ ต หมดเร็ว

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการตั้งค่า iPhone ให้ใช้งานได้อย่างไหลลื่นและประหยัดแบตเตอรี่ใน iOS 14 ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำตามทุกข้อ แต่แนะนำให้เลือกทำตามความจำเป็นและเหมาะสมกับการใช้งานนะคะ

Bachelor degree of science, Software engineering major, Payap University