จึงเรียนมาเพื่อขอเชิญท่านเป็นกรรมการตัดสินการอ่านทำนองเสนาะร่วมกับอาจารย์ของหมวดวิชาภาษาไทยของโรงเรียน ตามกำหนดการที่แนบ ทางชมรมภาษาไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงจะได้รับความอนุเคราะห์จากท่าน จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย Show
๒.“ ลำดับที่ของจดหมาย ” จะใช้คำว่า “ ที่ ” ตามด้วย “ เลขบอก ลำดับที่ ของจดหมายตามด้วย ปี พ.ศ. โดยจะมีเครื่องหมาย “/” ทับคั่น เช่น ที่ ๕ / ๒๕๕๖ ลำดับอยู่ทางด้านซ้ายของจดหมาย ซึ่งตรงกับที่อยู่ของผู้ออกจดหมาย ในส่วนลำดับที่ของจดหมายอาจมีตัวย่อของชื่อองค์กรได้ แต่คำย่อของชื่อองค์กรต้องเป็นที่รู้จักและยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น ที่ ศธ ๕๖๗๕ / ๒๓๗ “ ศธ ” เป็นอักษรย่อของ “ กระทรวงศึกษาธิการ ” ๓.“ วัน เดือน ปี ” จะเขียนอยู่กลางหน้ากระดาษต่อจากที่อยู่ของผู้ออกจดหมาย การเขียนวัน เดือน ปี ไม่ต้องเขียนคำว่า “ วันที่ และ “ ปี ” ให้ระบุ วัน เดือน ปี เท่านั้น เช่น “ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ” ๔.“ เรื่อง ” เป็นการสรุปสาระสำคัญของจดหมาย ควรเป็นประโยคสั้น กะทัดรัด และบอกวัตถุประสงค์ที่ออกจดหมาย เช่น “ ขอความอนุเคราะห์……” “ ขอเชิญเป็นวิทยากร ” ๕.“ คำขึ้นต้น ” ใช้คำว่า “ เรียน ” ขึ้นต้นจดหมายทุกครั้ง จากนั้นตามด้วยชื่อ และนามสกุล หรืออาจตามด้วยตำแหน่งของผู้รับจดหมาย เช่น “ เรียน นายวรพพล คงเดช ” “ เรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ” ๖.“ สิ่งที่ส่งมาด้วย ” เป็นสิ่งที่ผู้ส่งจดหมายส่งให้ผู้รับพร้อมจดหมาย เช่นรายละเอียดโครงการ เอกสารประกอบการประชุม หนังสือ (อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้) ๗.“ ข้อความหรือเนื้อหาของจดหมาย ” เป็น เนื้อหาสาระหลักของจดหมาย มักมี ๒ ย่อหน้า หากเนื้อหาจดหมายมีความยาวอาจ มี ๓ ย่อหน้า ก็ได้ หากมี ๒ ย่อหน้า • ย่อหน้าแรก บอกถึงสาเหตุที่ต้องเขียนจดหมาย หากเป็นจดหมายฉบับแรกต้องขึ้นต้นคำว่า “ ด้วย ” “ เนื่องด้วย ” “ เนื่องจาก ” เช่น • ด้วยกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนมัธยม วัดนายโรง จะจัดการแสดงผลงาน โครงงานของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒…….” • “ เนื่องด้วยห้องน้ำของโรงเรียนมัธยมวัด นายโรงมีสภาพชำรุดมาก ทำให้เกิดกลิ่นรบกวนและ นักเรียนไม่ได้รับความสะดวกในการใช้……” • “ เนื่องจากชมรมจิตอาสา โรงเรียนมัธยม วัดนายโรง จัดโครงการหนังสือเพื่อน้อง ประจำปี ๒๕๕๓…….” แล้วตามด้วยรายละเอียด จุดประสงค์ ความต้องการ • หากเป็นกรณีการตอบจดหมาย หรือส่งจดหมายเพื่อติดตามเรื่อง จำต้อง เท้าความเรื่องที่เคยติดต่อไว้ โดยใช้คำว่า “ ตามที่ ” ขึ้นต้นเรื่องที่เท้าความ และใช้คำว่า “ นั้น ” ลงท้าย เช่น………….. • “ ตามที่ท่านได้สั่งซื้อวารสารเมืองโบราณฉบับย้อนหลัง ฉบับที่ ๓๑ และฉบับที่ ๓๒ จำนวนฉบับละ ๑เล่ม ในราคาเล่มละ ๑๒๐ บาทนั้น…….” • “ ตามที่ท่านได้ขอความอนุเคราะห์ให้ทางชมรมพระพุทธศาสนา โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง ส่งนักเรียนไปเข้าร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ นั้น……” • ย่อหน้าที่สอง บอกหรือย้ำวัตถุประสงค์ของจดหมายอย่างชัดเจน โดยใช้คำขึ้นต้นว่า “ จึงเรียนมาเพื่อ……( บอกจุดประสงค์ )……. เช่น จึงเรียนมาเพื่อทราบ, จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา, จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์…….. • “ จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ บริจาคหนังสือเพื่อเข้าร่วมโครงการ ดังกล่าว และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ” หากมี ๓ ย่อหน้า – ย่อหน้าแรก บอกถึงสาเหตุที่ต้องเขียนจดหมาย หากเป็นจดหมายฉบับแรกต้องขึ้นต้นคำว่า “ ด้วย ” “ เนื่องด้วย ” “ เนื่องจาก” – ย่อหน้าที่สอง บอกจุดประสงค์ในการเขียนอย่างชัดเจนว่าต้องการจะให้ทำอะไร มักขึ้นต้นด้วยชื่อของหน่วยงานที่ออกจดหมาย – ย่อหน้าที่สาม ขึ้นต้นด้วยคำว่า “จึงเรียนมาเพื่อ….” ๘.“ คำลงท้าย ” ใช้คำว่า “ ขอแสดงความนับถือ ” โดยให้เขียนตรงกับวันที่ ๙.“ ลายมือชื่อ ” เป็นลายมือชื่อจริงของผู้ลงชื่อ ห้ามใช้ตรายาง ๑๐.“ ชื่อเต็มของผู้เขียนจดหมาย ” ชื่อเต็มและนามสกุลจะเขียนใส่ไว้ในวงเล็บ หรืออาจจะพิมพ์ก็ได้และจะต้องมีคำนำหน้าชื่อเสมอ เช่น “ นายณเดช คูกิมิยะ ” “ นางสาวอุรัสยา สเปอร์บันด์ ” ๑๑.“ ตำแหน่งของผู้เขียนจดหมาย ” หากผู้เขียนจดหมายเป็นผู้มีตำแหน่ง รับผิดชอบ งานของหน่วยงานที่ออกจดหมายจะต้องพิมพ์ กำกับต่อท้ายเสมอ แต่หากออกจดหมายในนาม ชมรมในสถานศึกษา ต้องมีลายมือชื่ออาจารย์ที่ ปรึกษาชมรมกำกับท้ายจดหมายด้วย ๑๒. “ หมายเลขโทรศัพท์ของผู้เขียนจดหมายหรือหน่วยงานที่ออก ” ในส่วนนี้จะอยู่ลำดับสุดท้ายของจดหมาย และพิมพ์ชิดขอบจดหมายด้านซ้าย ควรระบุหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร และที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย สารบัญเนื้อหาในบทความ
หลักฐานการฟ้องชู้ มีอะไรบ้าง หลักฐานจะต้องชัดแค่ไหนจึงจะเพียงพอกับการฟ้องคดีชู้ ? จะหาพยานหลักฐานเรื่องชู้ได้จากไหน ? สืบชู้ต้องทำอย่างไร จ้างนักสืบจะคุ้มไหม ? คำถามเหล่านี้ เป็นถามที่คนที่ต้องการฟ้องชู้ทุกคนอยากรู้ และทนายความก็ต้องเข้าใจข้อกฎหมายเรื่องนี้อย่างชัดแจ้ง จึงจะสามารถตั้งเรื่องฟ้องและสู้คดีได้ถูกต้อง วันนี้ผมจึงจะมาตอบคำถามทั้งหมด พร้อมทั้งยกข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาอธิบายและตัวอย่างจากประสบการณ์จริงครับ ข้อกฎหมายเรื่องการฟ้องชู้ตัวบทกฎหมายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง
คำอธิบายก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ตามกฎหมายของประเทศไทยนั้น หลักเกณฑ์การฟ้องชู้ในกรณีที่สามีฟ้องชายชู้ กับภรรยาฟ้องหญิงชู้นั้นมีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกัน กล่าวคือ ข้อกฎหมาย กรณีภรรยาฟ้องชู้กรณีภรรยาฟ้องหญิงชู้นั้น กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ว่า หญิงชู้นั้นจะต้องมีพฤติการณ์แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามี
หมายถึงชู้และสามีนั้น มีพฤติการณ์เปิดตัวหรือแสดงตัวว่าตนเองเป็นคนรัก บุคคลทั่วไป ทราบว่าหญิงชู้มีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามี ตัวอย่างเช่น
ทั้งนี้สามีกับหญิงชู้นั้นจะมี เพศสัมพันธ์กันหรือไม่ไม่ใช่เป็นเงื่อนไขของการฟ้องคดี ถึงแม้สามีกับหญิงชู้จะไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน หรือไม่ได้มีหลักฐานถึงขั้นว่าทั้งสองคนมีเพศสัมพันธ์กัน แต่หากมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการแสดงตนโดยเปิดเผย ว่าคบหาหรือมีความสัมพันธ์กันอย่างคนรัก เช่นมีการลงรูปคู่ด้วยกัน ถ่ายวีดีโอคู่กัน เดินกอดหรือแสดงตนว่าเป็นคนรักกันตามสถานที่ต่างๆ ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ส่วนการร่วมประเวณีกันนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะทำให้ศาลกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้นเท่านั้น อ่านเพิ่มเติมเรื่อง ฟ้องชู้เรียกเงินได้เท่าไหร่ และมีขั้นตอนอย่างไร
ตัวอย่างคำพิพากษาที่ศาลวินิจฉัยว่า ไม่เป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2561 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง โจทก์ซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นได้นั้น ต้องมีข้อเท็จจริงว่า หญิงอื่นแสดงตนว่ามีความสัมพันธ์กับสามีตนในทำนองชู้สาว “โดยเปิดเผย” หน้าที่นำสืบให้ได้ความเช่นว่านั้นจึงตกแก่โจทก์ การที่โจทก์รู้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ ช. กับจำเลยเกิดจากคำบอกเล่าของสามีของโจทก์เองหาใช่การกระทำของทั้ง ช. และจำเลยที่มีการแสดงออกโดยเปิดเผยจนเป็นที่รับรู้และเข้าใจต่อบุคคลอื่นไม่ ไม่ปรากฏพฤติกรรมว่า ช. ได้เลี้ยงดูยกย่องจำเลยเป็นภริยา หรือแยกไปอาศัยอยู่กินด้วยกัน หรือพาจำเลยไปเปิดตัวต่อผู้อื่นในที่ชุมชน หรือพาไปตามสถานที่ต่างๆ แบบเปิดเผย ไม่มีการแสดงออกทั้งภาพถ่าย และการระบุสถานะในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่มีพยานบุคคลอื่นที่รู้เห็นความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองไม่ว่าพนักงานโรงแรม พนักงานรักษาความปลอดภัย บิดามารดา เพื่อร่วมงานของจำเลยที่ธนาคาร ก. ที่สาขาพัทยา เพื่อนร่วมงานของโจทก์ เพื่อนของ ช. ลำพังเพียงรูปถ่ายของจำเลยกับ ช. ที่ไปมีเพศสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ และคลิปวิดีโอที่โจทก์ได้มาจากสามีตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่สื่อถึงเจตนาที่แท้จริงของบุคคลทั้งสองว่าต้องการมีความสัมพันธ์แบบเปิดเผย โจทก์ย่อมไม่สามารถเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ เพราะจำเลยไม่ได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตามนัยแห่งบทบัญญัติมาตรา 1523 วรรคสอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10851/2555 การที่จำเลยกับสามีโจทก์อยู่ด้วยกันตามลำพังในโรงแรมชานเมือง แม้เป็นพฤติกรรมที่ทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยอาจจะไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อสิทธิที่โจทก์จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยนั้น จำเลยต้องแสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวเท่านั้น แต่การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการลักลอบและพยายามปกปิดการกระทำให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยและสามีโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลย ตัวอย่างคำพิพากษาที่ศาลวินิจฉัยว่า เป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2562 การที่จำเลยเป็นหญิงที่แต่งงานมีสามีแล้ว ยินยอมให้สามีโจทก์ซึ่งเป็นชายอื่นเข้าออกบ้านจำเลยในเวลากลางคืนบ่อยครั้ง รวมทั้งให้มานอนค้างคืนที่บ้านแล้วออกจากบ้านไปช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น โดยบางครั้งมีการแต่งกายออกไปทำงานพร้อมกัน ย่อมทำให้เพื่อนบ้านหรือบุคคลอื่นที่พบเห็นถึงพฤติกรรมระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์เข้าใจได้ว่า จำเลยกับสามีโจทก์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน พฤติการณ์เช่นนี้เป็นการที่จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามีโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10842/2559 จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยกับ ท. มีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ หลังจากจำเลยทราบว่า ท. มีภริยาแล้ว ย่อมทำให้วิญญูชนทั่วไปมีเหตุอันควรเชื่อและเข้าใจว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับ ท. มากกว่าที่จะรู้จักกันในฐานะลูกค้าหรือบุคคลธรรมดาที่รู้จักกันทั่วไป ข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับ ท. สามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง แล้ว พฤติการณ์แห่งคดีที่ฟังยุติมาข้างต้นมิอาจแปลความว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะลักลอบมีเพศสัมพันธ์กับ ท. และพยายามปกปิดการกระทำให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยกับ ท. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6516/2552 แม้จำเลยที่ 1 จะไม่เคยพาจำเลยที่ 2 ออกงานสังคม หรือแนะนำให้บุคคลอื่นรู้จักในฐานะภริยาแต่การที่จำเลยทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผยอยู่ในบ้านซึ่งปลูกสร้างในแหล่งชุมชนด้วยกันในเวลากลางคืน ขับรถรับส่งเมื่อไปทำกิจธุระหรือซื้ออาหารด้วยกัน ย่อมบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและเอื้ออาทรดูแลเอาใจใส่ต่อกัน แสดงว่าจำเลยที่ 1 ยกย่องจำเลยที่ 2 ฉันภริยาอันเป็นเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (1) แล้ว และโจทก์ยังมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2 ที่แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีโจทก์ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคหนึ่ง ได้อีกด้วย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4818/2551 จำเลยไปรับประทานอาหารกับ พ. ร่วมกับเพื่อนของจำเลยและเพื่อนของ พ. โดยมีการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ในลักษณะใกล้ชิดเป็นพิเศษเกินกว่าความสัมพันธ์ในระดับคนที่รู้จักในการทำงานทั่วไปและการที่จำเลยไปพักที่โรงแรมทั้งสองแห่งกับ พ. โดยพักอยู่ห้องเดียวกันและมีเพศสัมพันธ์กัน แม้ผู้ที่เห็นเหตุการณ์จะเป็นเพื่อนของ พ. เพื่อนของจำเลยและพนักงานงานโรงแรมก็เป็นการแสดงตัวอย่างเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกันแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6558/2542 การที่จำเลยกับป. สามีโจทก์ พักอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันในท้องที่ย่านชุมนุมชน โดยเปิดเผย และมีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาจนมีบุตรด้วยกัน โดยบุตรก็ใช้นามสกุล ของ ป. ด้วยนั้น เป็นพฤติการณ์ที่แสดงโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับ ป.ในทำนองชู้สาวแล้วโดยไม่จำเป็นต้องออกงานสังคมร่วมกับ ป. แต่อย่างใด คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2535 พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 อยู่ร่วมเรือนเดียวกันและมีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อย่างเปิดเผย โดยเป็นที่ประจักษ์ทั่วไปว่าบุคคลทั้งสองมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวต่อกันจำเลยที่ 2 ก็ยอมรับว่าโจทก์เคยไปพบบิดาของจำเลยที่ 2 ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 ไปบ้านจำเลยที่ 2 ฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้แสดงโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 กับโจทก์เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยที่ 2 แสดงตนแก่บุคคลทั่วไปว่ามีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1ในทำนองชู้สาวจึงเป็นเรื่องที่ผิดทำนองคลองธรรมอยู่ในตัวและเกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้ซึ่งเป็นภรรยาโดยตรง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4014/2530 การที่จำเลยมีความสัมพันธ์ทางชู้สาว กับสามีโจทก์จนถึงขั้นสามีโจทก์ให้โจทก์ยอมรับจำเลยเป็นภรรยาน้อย มิฉะนั้นจะทิ้งโจทก์และจำเลยตบ หน้าสามีโจทก์ในร้านอาหารเพราะความหึงหวงต่อหน้าโจทก์ ทั้งสามีโจทก์และจำเลยยังได้ร่วมกันกู้เงินจากธนาคารมาสร้างหอพักในที่ดินของจำเลย และมีผู้รู้เห็นว่าสามีโจทก์ได้มาหาและพักนอนอยู่ที่บ้านจำเลยหลายครั้ง เช่นนี้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้แสดงตน โดย เปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว กับสามีโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามมาตรา1523 วรรคสอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2535 การที่จำเลยที่ 2 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีโจทก์อยู่ร่วมเรือนเดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน บุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1เคยเห็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 นอนร่วมเตียงเดียวกัน จำเลยที่ 2เคยไปบ้านของมารดาจำเลยที่ 1 พร้อมกับจำเลยที่ 1 ในวันเทศกาล สำคัญเช่น วันปีใหม่ และวันสงกรานต์ มีพฤติการณ์เป็นที่ประจักษ์ทั่วไปว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวต่อกัน การกระทำของจำเลยที่ 2ดังกล่าวจึงเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 ในทำนองชู้สาว โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าทดแทนจากจำเลยที่ 2ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง ข้อกฎหมาย กรณีสามีฟ้องชู้กรณีสามีฟ้องชายชู้นั้น เพียงแค่มีชายอื่นซึ่งมาล่วงเกินภริยาไปในทำนองชู้สาวก็สามารถฟ้องเรียกค่าทดแทนได้แล้ว
การล่วงเกินภรรยาไปในทำนองชู้สาวนั้นเช่น แตะเนื้อต้องตัว จูบ จับต้องในบริเวณที่ไม่ควร นอนกอดกัน ทำการหยอกล้อเกี้ยวพาราสีกันในลักษณะที่เกินกว่าวัฒนธรรมของประเทศไทยจะรับได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมีการร่วมประเวณี แต่หากมีการร่วมประเวณี ก็ย่อมถือว่าเป็นการล่วงเกินภรรยาในทำนองชู้สาวอย่างชัดเจนและร้ายแรงที่สุด การล่วงเกินภรรยาไปในทำนองชู้สาวนั้น ไม่ว่าจะมีการร่วมประเวณีหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องทำโดยเปิดเผย ไม่ต้องประกาศให้บุคคลอื่นทั่วไปรู้ อาจจะเป็นการแอบคบหา และแอบมีความสัมพันธ์กันในที่ลับ สามีก็มีสิทธิฟ้องได้ ทั้งนี้รวมถึงการที่ภรรยาได้แสดงตนโดยเปิดเผย ว่าคบหาหรือเป็นคนรักกับชายชู้ มีพฤติการณ์ที่เป็นให้รู้อยู่ทั่วไปว่า ชายชู้คนดังกล่าวเป็นคนรักของตน สามีก็มีสิทธิ์ฟ้องได้เช่นเดียวกัน แต่การแสดงตนโดยเปิดเผยระหว่างชายชู้กับภริยา ไม่ใช่เงื่อนไขในการฟ้องชายชู้ของสามี สามีก็ฟ้องเป็นแต่เพียงสาเหตุที่ศาลจะกำหนดค่าทดแทนให้สูงขึ้นเท่านั้น
ต่างจากกรณีภรรยาฟ้องหญิงชู้ ที่กฎหมายบังคับว่าหญิงชู้กับสามีจะต้องแสดงตนโดยเปิดเผย ภริยาจึงจะฟ้องได้ ดังนั้นถ้ากลับกัน สามีไปแคบหากันแบบลับๆกับหญิงอื่น หรือไปมีความสัมพันธ์กันแบบชั่วคราว( one night stand ) หรือไปซื้อบริการทางเพศกับหญิงอื่น ภริยาก็ฟ้องไม่ได้ ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2936/2522 การนอนกอดกันกับภริยาของผู้อื่นเพราะรักใคร่กันในทางชู้สาว หรือกระทำถึงขั้นร่วมประเวณีกับภริยาของผู้อื่น ก็ล้วนแต่ต้องถือว่าได้ล่วงเกินภริยาของเขาไปในทำนองชู้สาวทั้งสิ้น โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523วรรคสอง (ที่ได้ตรวจชำระใหม่)(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1113/2514 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6804/2558 เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ทราบแล้วว่า จำเลยที่ 1 เป็นภริยาของโจทก์แต่ยังเป็นชู้และร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 เป็นอาจิณ โจทก์ซึ่งเป็นสามีย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2530 การล่วงเกินในทำนองชู้สาวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1523 วรรคสองมีความหมายรวมถึงการทำชู้ด้วย สิทธิเรียกค่าทดแทนนี้มิได้มีเงื่อนไขว่าสามีจะต้องฟ้องหย่าภริยาเสียก่อนจึงจะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากผู้ล่วงเกินภริยาในทำนองชู้สาวได้และค่าทดแทนในกรณีนี้เป็นค่าเสียหายอย่างหนึ่งที่ชายชู้ต้องรับผิด ศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามฐานานุรูปแห่งผู้ต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งรวมถึงความเสเกียรติคุณของโจทก์ด้วย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2528 จำเลยพา บ.ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณี แม้บ.จะยินยอมสมัครใจร่วมประเวณี กับจำเลยก็ถือว่าจำเลยกระทำล่วงเกิน ภริยาโจทก์ไปในทำนอง ชู้สาวจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนให้โจทก์ และการที่จำเลยพาภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณีดังกล่าวย่อมทำให้โจทก์ผู้เป็นสามีได้รับความเสื่อมเสียทั้งด้านจิตใจเกียรติยศและชื่อเสียง ซึ่งไม่อาจคิดเป็นราคาเงินได้การกำหนดค่าทดแทนให้เพียงใดย่อมแล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2525 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาให้จำเลยที่ 2 เข้าไปหลับนอนในร้านของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ไปพบก็มีการไปเจรจากันที่สถานีตำรวจโดยจำเลยที่ 1 ตกลงจะไปอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลยที่ 2 แต่ตกลงกันเรื่องค่าเสียหายและการเลี้ยงดูบุตรไม่ได้ดังนี้ พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์กันในทางชู้สาว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ประพฤติชั่วเป็นเหตุให้โจทก์อับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง ศาลกำหนดค่าทดแทนให้โจทก์ตามควรแก่พฤติการณ์ได้ ทำไมหลักเกณฑ์เรื่องการฟ้องชู้ของสามีและภริยาต่างกัน ? ความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของกฎหมายนั้น เป็นเพราะกฎหมายเรื่องคดีฟ้องชู้ของเรานั้นเป็นกฎหมายโบราณที่เริ่มใช้ครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2478 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 90 ปีแล้ว โดยไม่มีการแก้ไขให้ทันกับสถานการณ์ สมัยโบราณ ถือว่าสามีเป็นใหญ่ การที่แต่เพียงมีชายอื่นมาล่วงเกินภรรยาของตนนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่แล้วย่อมสามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ดังนั้นแล้วเพียงแค่ชายอื่น มาล่วงเกินหรือมีความสัมพันธ์กับภริยา แม้จะทำในที่ลับ ไม่ได้เปิดเผย สามีก็สามารถฟ้องร้องเรียกค่าทดแทนจากชายชู้ได้ แต่การที่สามีไปมีความสัมพันธ์เพียงชั่วครั้งชั่วคราว กับหญิงบริการ หรือความสัมพันธ์เพียงชั่วคราวชั่วคืนกับหญิงอื่น ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่ให้ภรรยาฟ้องหญิงชู้แต่อย่างใด
หลักฐานการฟ้องชู้ มีอะไรบ้าง เมื่อเข้าใจหลักกฎหมายเรื่องการฟ้องชู้แล้ว ผู้ต้องการฟ้องหรือทนายความโจทก์ ย่อมสามารถบอกได้ว่า พยานหลักฐานที่ต้องใช้ในการฟ้องชู้ หรือนำสืบประเด็นเรื่องการเป็นชู้นั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท หลักฐานเบื้องต้นซึ่งหมายถึงหลักฐานทั่วไป ที่จะต้องใช้ประกอบการร่างฟ้อง และกำหนดเรื่องค่าทดแทนที่จะเรียกร้อง เช่น
ทั้งนี้หากหลักฐานบางอย่างไม่มี ก็ยังไม่เป็นไร ยกเว้นอย่างเดียวคือต้องมีใบสำคัญการสมรส หรือหลักฐานการสมรส ถึงจะสามารถฟ้องได้ หลักฐานเกี่ยวกับการเป็นชู้ซึ่งหมายถึงพยานหลักฐานที่จะชี้ให้เห็นว่า ชู้กับคู่สมรสมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกันจริง เช่น
หลักฐานการฟ้องชู้ กรณีสามีเป็นคนฟ้องกรณีสามีเป็นคนฟ้องชู้นั้น หลักฐานเกี่ยวกับการฟ้องชู้ ไม่จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายมีการแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นการคบหาโดยเปิดเผยในที่สาธารณะ หรือมีบุคคลอื่นรู้ ดังนั้นเพียงมีหลักฐานการสนทนาผ่านโปรแกรมไลน์หรือเฟสบุ๊ก ที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายแอบคบหาและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว หรือรูปถ่ายส่วนตัวที่ไม่ได้เผยแพร่ หลักฐานที่แสดงว่าทั้งสองฝ่ายไปอยู่ด้วยกันในโรงแรมสองคน เช่นนี้ก็สามารถฟ้องร้องได้แล้ว หลักฐานการฟ้องชู้ กรณีภรรยาเป็นคนฟ้องกรณีภริยาเป็นคนฟ้องชู้นั้น หลักฐานเกี่ยวกับการเป็นชู้ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่า ชู้กับคู่สมรสมีความสัมพันธ์กันในทำนองชู้สาวแล้ว ยังต้องมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มีการแสดงตัวโดยเปิดเผย และมีบุคคลอื่นๆรับรู้ถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวระหว่างชู้กับคู่สมรสอีกด้วย หลักฐานเรื่องการแสดงตัวโดยเปิดเผยนั้น ไม่จำเป็นต้องชัดเจนถึงขั้นมีการควงคู่กันออกงานต่างๆ มีการลงรูปในสื่อออนไลน์ เช่น เฟสบุ๊ก อินสตราแกรม หรือต้องจัดงานแต่งงาน เสมอไป แต่ถ้าหากฝ่ายภริยาสามารถนำสืบได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างชู้กับสามีนั้น มีบุคคลอื่นๆอีกหลายคนรับรู้ ไม่ใช่เป็นการคบหากันแบบลับๆ หรือชั่วครั้งชั่วคราว โดยไม่มีใครทราบ ก็เพียงพอที่จะฟ้องคดีได้แล้ว ดังนั้นความเข้าใจที่ว่าการฟ้องชู้ของภรรยานั้นจะต้องมีหลักฐานถึงขั้น มีเพศสัมพันธ์กัน หรือต้องมีการเปิดตัวในที่สาธารณะ อย่างเดียวนั้น ยังเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะถ้าฝ่ายภรรยาสามารถนำสืบได้ว่าถึงแม้จะเป็นการแอบคบหากัน แต่ก็แอบแบบไม่มิดคนอื่นทั่วไปก็ยังรู้กันอยู่ และยังคบหากันเป็นประจำ เช่นนี้ภรรยาก็ยังสามารถฟ้องได้ การหาพยานหลักฐานในการฟ้องชู้ การหาพยานหลักฐานในการฟ้องคดีชู้นั้น มีหลายวิธี เช่น
จ้างนักสืบจะคุ้มไหม ? ก่อนที่คุณจะว่าจ้างนักสืบ เพื่อทำการสืบคดีชู้ คุณควรเข้ามาพบกับทนายความ เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆที่มีอยู่เบื้องต้นเสียก่อน เพราะบางครั้งพยานหลักฐานที่คุณอยู่มีอยู่ในมือนั้น ก็เพียงพอสำหรับการฟ้องร้องดำเนินคดีได้แล้ว หรือพยานหลักฐาน เท่าที่มีอยู่ในมืออาจจะยังไม่เพียงพอฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ทนายความอาจจะแนะนำวิธีการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่สามารถทำได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินว่าจ้างนักสืบ หรือเสียเงินกับการตามสืบที่ไม่จำเป็น เพราะธรรมดาแล้วในคดีฟ้องชู้ในปัจจุบันนี้ มีวิธีแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆมากมาย แตกต่างจากเดิม ที่จะต้องใช้ทีมงานหลายคนในการติดตามสืบชู้ เช่นการหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จาก google earth จากสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งหากสามารถทำได้อย่างถูกวิธีก็สามารถสืบเจอได้ง่าย ประหยัดกว่าจ้างนักสืบ ดังนั้นหากท่านสงสัยว่า มีความจำเป็นต้องจ้างนักสืบเพื่อทำการสืบชู้ไหม ก็คนมาปรึกษาทนายความก่อนเพื่อให้ทนายความวิเคราะห์รูปคดีและการแสวงหาพยานหลักฐาน โดยปัจจุบันนี้ สำนักงานทนายความหลายที่รวมทั้งสำนักงานของเราก็มีบริการเรื่องการสืบชู้ เช่นเดียวกัน การใช้บริการทั้งทีมงานสืบชู้และทีมงานทนายความไปพร้อมกัน ยอมเป็นประโยชน์ในการประสานงานในการดำเนินคดีได้ดีกว่าครับ สรุป หลักฐานการฟ้องชู้ พยานหลักฐานที่ใช้ในการนำสืบคดีชู้ กรณีสามีกับภรรยาฟ้องนั้น กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ไว้แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงต้อง เข้าใจข้อกฎหมายในเรื่องพยานหลักฐานในคดีชู้นี้อย่างชัดเจนจึงจะสามารถแสวงหาและนำสืบพยานหลักฐานเพื่อให้ได้ผลตามคำฟ้อง หรือเพื่อให้ชนะคดีตามคำให้การ อย่างสัมฤทธิ์ผล ส่วนวิธีการแสวงหาพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อประกอบการฟ้องชู้นั้น ทนายความที่มีประสบการณ์ จะสามารถแนะนำวิธีการที่ถูกต้องในการแสวงหาพยานหลักฐานได้ โดยให้คุณเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ส่วนการฟ้องชู้นั้น เมื่อมีหลักฐานพร้อมแล้ว จะมีขั้นตอนการฟ้องอย่างไร และจะเรียกเงินได้เท่าไหร่ ผมเคยเขียนอธิบายไว้อย่างละเอียดแล้ว ติดตามได้ในบทความด้านล่างนี้ครับ
|