วิธีการป้องกันการยกของหนัก

                   การยกของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นงานง่ายๆ แต่ทราบหรือไม่ว่าในแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการยก ของไม่ถูกวิธีเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นในปี 2546 มีผู้ที่ต้องรับการรักษาเนื่องจากยกหรือเคลื่อนย้ายของหนัก เป็นจำนวนถึง 4,425 ราย ดังนั้น การเรียนรู้และปฏิบัติตามขั้นตอนการยกเคลื่อนย้ายของอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ ซึ่งการยกเคลื่อนย้ายของอย่างถูกวิธีนั้นประกอบด้วย การวางแผนการยกและขั้นตอนการยก ดังต่อไปนี้

การวางแผนการยกหลักการทั่วไปในการวางแผนการยก เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนยก มีดังต่อไปนี้

              1. ต้องประเมินน้ำหนักของวัสดุสิ่งของ ว่าจะยกตามลำพังเพียงคนเดียวได้หรือไม่

             2. ถ้าไม่สามารถยกได้ต้องหาคนช่วยยก ไม่ควรพยายามยกเคลื่อนย้ายวัสดุสิ่งของที่หนักมากโดยลำพัง

            3. ตรวจสภาพบริเวณที่จะยกโดยรอบ เช่น ต้องไม่มีสิ่งกีดขวางทาง มีเนื้อที่ว่างมากพอในการยกเคลื่อนย้าย พื้นจะต้องไม่ลื่น และมีแสงสว่างเพียงพอ เป็นต้น

            4. ควรใช้เครื่องทุ่นแรงที่เหมาะสม เพื่อลดการใช้กำลังแรงงานคน

            5. จัดวางตำแหน่งวัสดุสิ่งของที่จะยก ไม่สูงเกินกว่าระดับไหล่

            6. การทำงานกับวัสดุสิ่งของที่มีน้ำหนักต่างๆ กัน เมื่อยกของที่หนักแล้วให้สลับมายกของเบาเพื่อพักกล้ามเนื้อ และเพื่อช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ

           7. ควรใช้ถุงมือ เพื่อป้องกันการถลอก ขูดขีด และการถูกบาดจากของมีคม และสวมใส่รองเท้านิรภัยเพื่อป้องกันการลื่นไถลและป้องกันการบาดเจ็บจากวัสดุสิ่งของหล่นทับ

การยกที่ถูกวิธี
การยกวัสดุสิ่งของคนเดียว โดยวัสดุสิ่งของอยู่ระดับพื้น               1. ยืนชิดวัสดุสิ่งของ วางเท้าให้ถูกต้องและมีความมั่นคง เพื่อป้องกันการเสียสมดุลของร่างกาย

              2. ย่อเข่าให้หลังเป็นแนวตรง เพื่อรักษาสภาพความโค้งของกระดูกสันหลังให้เป็นแนวตรง หรือเป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้แรงกดลงบนหมอนรองกระดูกสันหลังมีการกระจายตัวเท่าๆ กัน

             3. จับวัสดุสิ่งของให้มั่นคงโดยใช้ฝ่ามือจับ เพื่อป้องกันการลื่นหลุดมือ และหากเป็นไปได้ ควรมีที่จับหรือหูจับ เพื่อทำให้จับได้ถนัดและง่ายขึ้น

            4. ควรให้แขนชิดลำตัว ไม่ควรกางแขนออก และให้วัสดุสิ่งของที่จะยกอยู่ชิดกับลำตัวให้มากที่สุด เพื่อให้น้ำหนักของวัสดุสิ่งของผ่านลงที่ต้นขาทั้งสองข้าง

           5. ควรให้ตำแหน่งของศีรษะสัมพันธ์กับร่างกาย โดยให้ศีรษะและกระดูกสันหลังอยู่ในแนวเดียวกัน คืออยู่ในแนวตรง ซึ่งจะทำให้มองเห็นทางเดินได้ชัดเจนในขณะที่ยกขึ้นและเดิน

           6. ค่อยๆ ยืดเข่า เพื่อยืนขึ้นโดยใช้กำลังจากกล้ามเนื้อขา และขณะที่ยืนขึ้น หลังจะอยู่ในแนวตรงหรือเป็นไปตามธรรมชาติ

การยกวัสดุสิ่งของด้วยคนสองคน               เป็นลักษณะการช่วยยกวัสดุสิ่งของหนึ่งชิ้นด้วยคนจำนวนสองคน โดยยกที่ด้านหัวและด้านท้ายของวัสดุสิ่งของ ซึ่งใช้ท่าทางการยกรูปแบบเดียวกับการยกคนเดียว ในการยกเคลื่อนย้าย ควรยกขึ้นพร้อมกัน อาจใช้วิธีนับหนึ่ง สอง สาม แล้วยก เป็นต้น และควรใช้ความเร็วในการยกเท่ากัน ในกรณีที่น้ำหนักด้านหัวและด้านท้ายของวัสดุสิ่งของไม่เท่ากัน และต้องยกหลายครั้งผู้ยกทั้งสองควรสลับด้านกัน โดยมีขั้นตอนดังนี้

              1. ยืนชิดวัสดุสิ่งของ วางเท้าให้ถูกต้องและมีความมั่นคงเพื่อป้องกันการเยสมดุลของร่างกาย

             2. ย่อเข่าให้หลังเป็นแนวตรง เพื่อรักษาสภาพความโค้งของกระดูกสันหลังให้เป็นแนวตรง หรือเป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้แรงกดลงบนหมอนรองกระดูกสันหลังมีการกระจายตัวเท่ากัน

            3. จับวัสดุสิ่งของให้มั่นคงโดยใช้ฝ่ามือจับ เพื่อป้องกันการลื่นหลุดมือ และหากเป็นไปได้ควรมีที่จับหรือหูจับ เพื่อทำให้จับได้ถนัดและง่ายขึ้น 

           4. ควรให้แขนชิดลำตัว ไม่ควรกางแขนออก และให้วัสดุสิ่งของที่จะยกอยู่ชิดกับลำตัวให้มากที่สุด เพื่อให้น้ำหนักของวัสดุสิ่งของผ่านลงที่ต้นขาทั้งสองข้าง

            5. ควรให้ตำแหน่งของศีรษะสัมพันธ์กับร่างกาย โดยให้ศีรษะและกระดูกสันหลังอยู่ในแนวเดียวกัน คือ อยู่ในแนวตรง ซึ่งจะทำให้มองเห็นทางเดินได้ชัดเจนในขณะที่ยกขึ้นและเดิน

           6. ค่อยๆ ยืดเข่าเพื่อยืนขึ้น โดยใช้กำลังจากกล้ามเนื้อขา และขณะที่ยกขึ้น หลังจะอยู่ในแนวตรงหรือเป็นไปตามธรรมชาติ 

ที่มา : http://www.npc-se.co.th/knowledge_center/npc_knowledge_detail.asp?id_head=4&id_sub=21&id=244 

ท่าทางที่ถูกต้องในการทำงาน
ท่ายืนที่ถูกต้อง
- วางเท้าห่างกันพอประมาณ หรือวางเท้าเหลื่อมกันมาทางด้านหน้าเล็กน้อย
- เข่าเหยียดพอดี สะโพก และลำตัวอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน
- หลังเหยียดพร้อมเก็บหน้าท้อง
- ศีรษะตรง ไหล่ปล่อยตามสบาย


ท่ายืนที่ไม่ถูกต้อง
- เท้าชิดกันมากเกินไป หรือลงน้ำหนักเท้า 2 ข้างไม่เท่ากัน
- เข่างอ หรือแอ่นเกินไป หรือ ระดับตะโพกสูงไม่เท่ากัน
- หลังแอ่นมากเกินไป หรือแบนจะไม่มีส่วนโค้ง
- คางยื่นออกมาด้านหน้า หรือศีรษะเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง

การนั่งเก้าอี้ที่ดีนั้น น้ำหนักจะต้องตกลงผ่านก้น ลำตัวตรงไม่แอ่นบริเวณหลังส่วนล่างมากไปไม่ก้มจนไหล่ห่อ เท้าวางราบกับพื้น


เก้าอี้ที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
1. ควรมีพนักพิงหลังบริเวณบั้นเอว
2. ความสูงของพนักพิงจะต้องพอดีกับมุมล่างของกระดุกสะบัก
3.ความลึกของเบาะรองนั่ง ควรรองรับขาท่อนบนได้ทั้งหมด ( ประมาณ 16 นิ้ว ) ถ้าเก้าอี้สูงเกินไปให้หาเบาะรองที่เท้าถ้าเก้าอี้เตี้ยเกินไปให้หาเบาะมาเสริมที่นั่ง
4.พนักพิงควรทำมุมกับที่นั่งประมาณ 105 องศา เพื่อให้โค้งกระดูกสันหลังระดับเอวคงสภาพปกติ


การนั่งขับรถ
เมื่อนั่งขับรถเร็ว ขาจะไม่เหยียดเกินไป ข้อขาต้องอยู่สูงกว่าข้อสะโพก พนักพิงรถที่ดีควรจะเอียงไปด้านหลังเล็กน้อย มีลักษณะโค้งให้เหมาะสมกับโค้งของกระดูกสันหลังระดับเอว

ยกของยังไงไม่ให้หนัก

ใช้ฝ่ามือจับวัตถุให้มั่น เพื่อไม่ให้หลุดมือระหว่างยก ควรให้แขนชิดลำตัว ไม่กางแขนออก พยายามดึงวัตถุสิ่งของที่จะยกให้อยู่ชิดกับลำตัวมากที่สุด และควรใช้ทุกส่วนของนิ้วในการยก เพื่อให้น้ำหนักของวัตถุลงที่ต้นขาทั้งสองข้าง และเป็นการลดภาระของกล้ามเนื้อหลัง

ยกของหนักยังไงไม่ให้ปวดหลัง

ให้เดินเข้าไปชิดกับวัตถุที่อยู่ในแนวระนาบกับพื้น ค่อยๆ ย่อเข่าลงโดยแผ่นหลังเป็นเส้นตรง เพื่อให้กระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะตามธรรมชาติ และลดแรงกดที่หมอนรองกระดูกสันหลัง จับวัตถุให้แน่นและมั่นคงก่อนยก พยายามทิ้งน้ำหนักไปที่ขาทั้งสองข้าง เพื่อลดการใช้แรงจากกล้ามเนื้อหลังและเส้นเอ็น และเป็นการสร้างสมดุลให้ร่างกาย

ยกของหนักมีผลเสียอย่างไร

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จากการแบกหรือยกของหนักผิดท่า อาการปวดหลังจะเกิดขึ้นทันทีขณะที่ก้มยกของ ต่อมาจะเริ่มปวดร้าวไปที่ขา ปวดมากขึ้นเมื่อเดินและดีขึ้นเมื่อได้นอนพัก ถ้าเส้นประสาทถูกกดทับหรืออักเสบนานๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรงหรือชากระดูกสันหลังเสื่อม เมื่ออายุมากขึ้นข้อต่อกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกเสื่อมทรุดลง ...

การยกของควรออกแรงยกโดยใช้ส่วนใดของร่างกาย

การยกของจะใช้กล้ามเนื้อขาเพื่อดันตัวขึ้นมา หลังตรง ศีรษะตรง ไม่งอตัวลงไปยกของเพราะอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่กระดูกหลังได้