ค่าไฟหน่วยละกี่บาท อพาร์ทเม้น

          สคบ. ประกาศแล้ว ให้หอพักเก็บค่าไฟฟ้า น้ำประปา ตามอัตราเดียวกับที่เก็บกับบ้านเรือนทั่วไป พร้อมห้ามเก็บค่าเช่าล่วงหน้า-เงินประกันความเสียหาย เกิน 1 เดือน ฝ่าฝืนคุก 1 ปี ปรับ 1 แสน เริ่ม 1 พฤษภาคม 2561 

          จากกรณีที่ประกาศสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่าด้วยสัญญา เรื่องธุรกิจให้เช่าอาคารที่อยู่อาศัยเป็นธุรกิจควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ห้องพัก ห้องเช่า หอพักต่าง ๆ ต้องจัดเก็บค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า เหมือนกับอัตราที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), การประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) เรียกเก็บกับบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป ซึ่งผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

         โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 นายพิฆเนศ ต๊ะปวง รองเลขาธิการ สคบ. เปิดเผยว่า นอกจากประกาศเรื่องการห้ามเก็บค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาแพงเกินจริงแล้ว ยังมีข้อห้ามอื่น ๆ อีก เช่น ห้ามเรียกเก็บค่าประกันความเสียหายเกิน 1 เดือน, ห้ามเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน, ห้ามเรียกเก็บค่าต่อสัญญา และกรณีที่ผู้เช่าค้างจ่ายค่าเช่า ห้ามไม่ให้เข้าไปขนย้ายทรัพย์สิน หรือล็อกห้องไว้ไม่ให้ผู้เช่าเข้าไปอาศัยได้ แต่ให้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมาย หลังจากยกเลิกสัญญาแล้ว และต้องขอให้ศาลออกคำบังคับในการขนย้ายทรัพย์สิน

          นอกจากนี้ ผู้เช่าสามารถบอกยกเลิกสัญญาเช่าได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า 30 วัน เช่น กรณีทำสัญญาเช่า 12 เดือน แต่อยู่ไป 6 เดือน และเดือนที่ 7 จะออกก็ต้องบอกหลังจากสิ้นสุดในเดือนที่ 6 ก็สามารถทำได้ ส่วนกรณีที่สัญญาสิ้นสุดและผู้บริโภควางเงินประกันไว้ หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการต้องคืนเงินให้ผู้บริโภคทันที ยกเว้นว่าผู้ประกอบการขอตรวจสอบความเสียหายในห้อง ซึ่งให้เวลาตรวจสอบ 7 วัน

         
ส่วนการประกันที่มี 2 รูปแบบ คือ ประกันค่าเช่าล่วงหน้า ถ้าผู้เช่าจะออกไม่ต้องจ่าย ขณะที่ประกันความเสียหาย ถ้าไม่เสียหายก็ต้องคืนเงินให้ผู้เช่า ซึ่งต้องดูว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเพียงพอกับเงินประกันหรือไม่ ถ้าความเสียหายมากกว่าก็ต้องจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าน้อยกว่าก็ต้องคืนส่วนต่าง ทั้งนี้ หากผู้เช่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในสัญญาเช่า สามารถร้องเรียนได้ที่ สคบ. หรือปรึกษาสายด่วน 1166

          ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันอัตราค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากบ้านพักที่อยู่อาศัย คือ 3.90 บาท/หน่วย แต่กลับพบว่า หอพักหลายแห่งเรียกเก็บในอัตรา 7-10 บาท/หน่วย ขณะที่ค่าน้ำประปา ปัจจุบันเรียกเก็บจากบ้านพักที่อยู่อาศัย 7 บาท/หน่วย แต่หลายหอพักเรียกเก็บในอัตราเกือบ 20 บาท/หน่วย

          - อ่านประกาศฉบับเต็มได้ที่ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ค่าไฟหน่วยละกี่บาท อพาร์ทเม้น
ค่าไฟหน่วยละกี่บาท อพาร์ทเม้น
, ราชกิจจานุเบกษา

หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าในปัจจุบันนี้การไฟฟ้านั้นมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการคิดค่าไฟฟ้ากับผู้ใช้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องทำความเข้าใจให้ละเอียด เนื่องจากการคำนวณค่าไฟฟ้านั้นทางการไฟฟ้ามีหลายสูตรคำนวณที่แตกต่างกันไปตามประเภทของผู้ใช้ ในบทความนี้มาศึกษากันว่ารายละเอียดต่างๆ ของค่าใช้จ่ายในการใช้ไฟฟ้านั้นมีอะไรบ้าง รวมไปถึงการคำนวณค่าไฟฟ้านั้นคำนวณอย่างไร ค่าไฟหน่วยละกี่บาทกันแน่

1. ผู้ให้บริการไฟฟ้าในประเทศไทยคือใคร

เราทุกคนต่างเข้าใจกันว่าผู้ให้บริการไฟฟ้าแก่ทุกครัวเรือน และทุกกิจการในประเทศไทยนั้นคือการไฟฟ้า แต่ในความเป็นจริงทาด้านการบริหารแล้วการไฟฟ้ามี 3 บริษัทที่ให้บริการในประเทศไทย คือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่ทำหน้าผลิตไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบเพียงอย่างเดียว, การไฟฟ้านครหลวง เป็นบริษัทที่ทำหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าให้กับพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, นนทบุรี บริษัทสุดท้ายคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าให้กับพื้นที่อื่นๆ ยอกเว้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง

2. การไฟฟ้าฯ คิดค่าไฟอย่างไร

การคิดคำนวณค่าไฟฟ้านั้นมีหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่ค่อนข้างเยอะพอสมควร ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยไม่ได้มีราคาเท่ากันทุกบ้าน เพราะค่าไฟฟ้าต่อหน่วยจะคิดตามประเภทของการใช้งาน ได้แก่ บ้านเรือนที่พักอาศัย, กิจการขนาดเล็ก, กิจการขนาดกลาง, กิจการขนาดใหญ่, กิจการเฉพาะอย่าง, องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร, กิจการเพื่อการสูบน้ำเพื่อการเกษตร และผู้ใช้ไฟฟ้าชั่วคราว ซึ่งทั้งหมดนี้มีวิธีการคิดค่าไฟต่อหน่วยที่แตกต่างกัน 

3. ค่าไฟฟ้าหน่วยละกี่บาท

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการไฟฟ้านั้นมีวิธีคิดค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่แตกต่างกันไปตามรูปแบบของการใช้งาน ลองมาดูกันว่าถ้าเป็นบ้านพักอาศัยธรรมดาทีจัดว่าเป็นการใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 นั้นการไฟฟ้าฯ จะคิดค่าไฟหน่วยละกี่บาท 
 การคิดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 มีการคิดค่าไฟฟ้าต่อหน่วยได้ 3 แบบตามปริมาณ และรูปแบบของการใช้ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าการคิดค่าไฟอัตราปกติแบบก้าวหน้า ได้แก่

  • อัตราค่าไฟบ้านอยู่อาศัยประเภทที่ 1 คือ บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน เริ่มต้นที่หน่วยละ 2.3488 บาท ถึง หน่วยละ 4.4217 บาท (ค่าบริการ 8.19 บาท/เดือน)
  • อัตราค่าไฟบ้านอยู่อาศัยประเภทที่ 2 คือ บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟเกิน 150 หน่วยต่อเดือน เริ่มต้นที่หน่วยละ 3.2484 บาท ถึง หน่วยละ 4.4217 บาท (ค่าบริการ 38.22 บาท/เดือน)
  • อัตราค่าไฟบ้านอยู่อาศัยประเภทที่ 3 หรือ TOU คือ บ้านอยู่อาศัยที่ขอติดตั้งมิเตอร์แบบคิดค่าไฟตามช่วงเวลาของการใช้งาน ในช่วง Peak หรือ Off Peak เริ่มต้นที่หน่วยละ 2.6037 บาท ถึง หน่วยละ 5.7982 บาท (ค่าบริการ 38.22 หรือ 312.24 บาท/เดือน)

4. การคิดค่าไฟฟ้าอัตราปกติแบบก้าวหน้าคืออะไร

การคิดค่าไฟในรูปแบบอัตราก้าวหน้าคือการคิดค่าตามปริมาณการใช้งานนั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีการที่การไฟฟ้าฯ ใช้มาตลอด โดยเป็นการคิดแบบขั้นบันไดโดยแต่ละขั้นก็มีราคาของค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่แตกต่างกันไป ถ้าใช้ไฟมากก็จะถูกคิดคิดราคาแพงขึ้นนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น 
ถ้าเป็นที่พักอาศัยตามปกติ มีการใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน จะคิดค่าไฟฟ้าตามอัตราก้าวหน้าดังนี้  
15 หน่วยแรก (หน่วยที่ 1-15) หน่วยละ 2.3488 บาท

  • 10 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 16-25)  หน่วยละ 2.9882 บาท
  • 10 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 26-35)  หน่วยละ  3.2405 บาท
  • 65 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 36-100)  หน่วยละ  3.6237 บาท
  • 50 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 101-150)  หน่วยละ  3.7171 บาท
    ถ้ามีการใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือนจะมีอัตราการคิดค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้าดังนี้
  • 150 หน่วยแรก (หน่วยที่ 1-150) หน่วยละ  3.2484 บาท
  • 250 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 151-400) หน่วยละ  4.2218 บาท
  • หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป ราคาหน่วยละ  4.4217 บาท

จากอัตราการคิดคำนวณแบบนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนมาว่ายิ่งใช้ไฟฟ้ามากเท่าไหร่ค่าไฟฟ้าก็จะถูกคำนวณในแบบก้าวหน้า ทำให้ต้องจ่ายค่าไฟต่อหน่วยแพงขึ้น จนหลายๆ คนตกใจว่าทำไมค่าไฟในบางเดือนถึงได้แพงมากกว่าปกติ ซึ่งก็เป็นเรื่องของการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และวิธีการคำนวณค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้านั่นเอง 

5. ค่า FT คืออะไร

ในการคำนวณค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านั้นนอกจากค่าไฟฟ้าต่อหน่วย ค่าบริการ และภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ยังมีกรนำค่า FT หรือ Fuel Adjustment Charge (at the given time) ซึ่งเป็นต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และค่าซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชน และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตไม่สามารถควบคุมได้ โดยค่า FT จะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 4 เดือน ซึ่งจะมากขึ้น หรือน้อยลงก็เป็นไปตามตัวแปรต่างๆ นั่นเอง

6. การคำนวณค่าไฟด้วยตัวเอง

การคำนวณค่าไฟฟ้านั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่ทำความเข้าใจถึงอัตราการคิดค่าไฟฟ้าต่อหน่วย ค่าบริการต่างๆ ค่า FT และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยสามารถคำนวณได้ดังนี้ 
คิดค่าไฟฟ้าพื้นฐานก่อน 
ถ้าในระยะเวลา 1 เดือนภายในบ้านมีการใช้ไฟฟ้า 100 หน่วยพอดี การตำนวณเฉพาะค่าไฟฟ้าสามารถทำได้ดังนี้ 

  • หน่วยที่ 1-15 หน่วยละ 2.3488 บาท คือ 15 x 2.3488 = 35.23 บาท
  • หน่วยที่ 16-25 หน่วยละ 2.9882 บาท คือ 10 x 2.9882 = 29.88 บาท
  • หน่วยที่ 26-35 หน่วยละ  3.2405 บาท คือ 10 x 3.2405 = 32.41 บาท
  • หน่วยที่ 36-100 หน่วยละ  3.6237 บาท คือ65 x 3.6237 = 235.54 บาท

รวมค่าไฟฟ้า 100 หน่วย 333.06 บาท + ค่าบริการ 8.19 บาท = 341.25 บาท 

  • คิดค่า FT 

ในตอนนี้ค่า FT อยู่ที่ 11.60 บาท ซึ่งถูกตรึงไว้ตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ทำให้การคิดค่า FT สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าพื้นฐานคือ นำค่าไฟฟ้าพื้นฐานที่คำนวณได้มาลบออกด้วยค่า FT ถ้าตามตัวอย่างค่าไฟฟ้าพื้นฐานคือ 341.25 ลบออกด้วยค่า FT คือ 11.60 ทำให้ค่าไฟฟ้าก่อนรวมภาษีมูลค่าเพิ่มคือ 329.65 บาท 

  • คิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 

ในประเทศไทยนั้นทุกสินค้า และบริการจะถูกคิดภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% รวมไปถึงค่าไฟฟ้าด้วย ดังนั้นเมื่อคิดอัตราค่าไฟฟ้าพื้นฐาน และค่า FT เรียบร้อยแล้ว ต้องมาคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% สำหรับค่าไฟฟ้าตามตัวอย่างที่คำนวณไว้คือ ค่าไฟฟ้าพื้นฐาน และค่า FT คือ 329.65 บาท ต้องนำมารวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% คือ 23.08 บาท ดังนั้นค่าไฟฟ้าที่จะต้องจ่ายจริงคือ 352.73 บาทนั่นเอง หรือถ้าต้องการคำนวณให้ง่ายมากกว่านี้สามารถเข้าไปที่ Website ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวงก็ได้ จะมีตารางให้ลองคำนวณค่าไฟฟ้าด้วยตัวเอง

7. ทำไมฤดูร้อนค่าไฟฟ้าแพง

แทบทุกครั้งที่ฤดูร้อนของประเทศไทยวนกลับมาถึงจะได้ยินเสียงบ่นว่าค่าไฟฟ้าแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำความเข้าใจได้แบบง่ายๆ คือด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัดสำหรับฤดูร้อนในประเทศไทยทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดต้อทำงานหนักขึ้น ทำมีปริมาณในการใช้กระแสไฟฟ้ามากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมในการใช้ไฟฟ้าสำหรับหน้าร้อนไม่ว่าจะเป็นการเปิดเครื่องปรับอากาศนานขึ้น การเปิด – ปิดตู้เย็นบ่อยขึ้น และเมื่อรวมกับการคิดค่าไฟฟ้าในอัตราก้าวหน้า จึงทำให้มีค่าใช้ไฟฟ้าที่แพงขึ้นนั่นเอง 

ค่าไฟหน่วยละกี่บาท อพาร์ทเม้น
จากบทความนี้จะเห็นได้ว่าการคำนวณค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัยนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้อยู่อาศัยเกิดความสงสัยในการคำนวณและอยากรู้ว่า ค่าไฟฟ้าหน่วยละกี่บาท สามารถตรวจสอบรายละเอียดกับการไฟฟ้าในพื้นที่ได้ เนื่องจากมีสูตรการคำนวณค่าไฟฟ้าที่ขัดเจนทุกขั้นตอน ดังนั้น การที่ค่าไฟฟ้าในบางเดือนเพิ่มสูงขึ้น ให้ดูที่พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านก่อน เพราะอาจมีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม หากคิดว่าค่าไฟฟ้ามีความผิดปกติจริง สามารถติดต่อการไฟฟ้าที่ดูแลพื้นที่เพื่อสอบถามความชัดเจนได้โดยตรง

ค่าน้ำค่าไฟห้องเช่าคิดยังไง

ค่าน้ำค่าไฟหอพัก คิดได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เลขจำนวนหน่วยมิเตอร์ของเดือนปัจจุบัน – เลขจำนวนหน่วยมิเตอร์ของเดือนที่แล้ว = จำนวนหน่วยการใช้ไฟฟ้าและน้ำในเดือนนี้ ตัวอย่างเช่น จดเลขมิเตอร์ค่าน้ำของเดือนปัจจุบันมาได้ 152 หน่วย และ ดูตัวเลขมิเตอร์ของเดือนที่แล้วอยู่ที่ 100 หน่วย ก็จะได้ 152 – 100 = 52 หน่วย

ค่าไฟอพาร์คเม้นท์หน่วยละกี่บาท 2565

เคาะแล้ว มติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เห็นชอบปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าในรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์/หน่วย เป็น 4 บาท/หน่วย เหตุผลมาจากอะไรวันนี้เราจะมาหาคำตอบกันในหัวข้อ อัปเดต ค่าไฟขึ้น 2565 กี่บาท เริ่มเดือนไหน ผู้ใช้ต้องจ่าย ...

ค่าไฟฟ้าหน่วยละกี่บาท 2564 หอพัก

เปิดอัตราค่าไฟ หอพักจ่ายการไฟฟ้า เฉลี่ยหน่วยละ 4 บาท! ต่ำกว่า 12 กิโลโวลต์ 150 หน่วย (กิโลโวลต์ชั่วโมง) แรก (หน่วยที่ 1-150) = 3.2484 บาท/หน่วย 250 หน่วยต่อไป (หน่วยที่ 151-400) = 4.2218 บาท/หน่วย เกินกว่า 400 หน่วย (หน่วยที่ 401 เป็นต้นไป) = 4.4217 บาท

ค่าไฟหน่วยล่ะกี่บาท

4. การคิดค่าไฟฟ้าอัตราปกติแบบก้าวหน้าคืออะไร 15 หน่วยแรก (หน่วยที่ 1-15) หน่วยละ 2.3488 บาท 10 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 16-25) หน่วยละ 2.9882 บาท 10 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 26-35) หน่วยละ 3.2405 บาท 65 หน่วยถัดไป (หน่วยที่ 36-100) หน่วยละ 3.6237 บาท